เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 4 เอาเธอออกไป

ไป๋มู่ชิงยังงงอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอถูกคนใช้สองคนนั้นลากตัวออกมาจากมุมห้องและยังโดนลากไปจนสุดประตู
“นี่!พวกคุณจะทำอะไรกับฉัน?ปล่อยฉันเดียวนี้นะ!”ไป๋มู่ชิงได้ดิ้นรนขัดขืนอย่างเต็มที่
แต่คนใช้สองคนนั้นกลับไม่สนใจใยดีเธอเลย ซ้ำยังลากตัวเธอลงไปชั้นล่างต่ออีก
ห้องรับแขกที่ชั้นล่างมีคนนั่งอยู่ประมาณห้าถึงหกคน คุณผู้หญิงของตระกูลหนานกงก็นั่งอยู่ตรงกลาง ข้างๆของคุณผู้หญิงมีชายชราคนหนึ่งสวมชุดนักบวชของลัทธิเต๋าอยู่ ที่เหลือคือผู้ใหญ่ในตระกูลหนานกง
ไป๋มู่ชิงโดนคนใช้สองคนนั้นผลักอย่างรุนแรง เธอล้มไปอยู่ตรงหน้าของคุณผู้หญิง เธอเจ็บจนต้องร้องออกมา
คุณผู้หญิงมองไปที่ไป๋มู่ชิงที่ล้มอยู่ตรงพื้น และจ้องนักบวชคนนั้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“ท่านอาจารย์หวัง ท่านดูสิว่านี่ใช่ไป๋ยิ่งอันลูกสาวที่ล้ำค่าของตระกูลไป๋ใช่ไหม”
พี่เหอได้มองไปที่คนใช้สองคนนั้นกำลังจับคางของไป๋มู่ชิงเพื่อที่จะให้เธอเงยหน้าขึ้นมา
ท่านอาจารย์หวังมองไป๋มู่ชิงหลายครั้ง แล้วพูดกับคุณผู้หญิงว่า“คุณผู้หญิง ใช่เธอจริงๆเพราะไป๋จิ้งผิงมีลูกสาวแค่เพียงคนเดียว”
ท่านอาจารย์หวังพูดจบก็บอกให้ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆเอารูปถ่ายของไป๋ยิ่งอันส่งไป คนในรูปภาพเหมือนกันกับไป๋ยิ่งอันจนไร้ที่ติ
คุณผู้หญิงดูรูปภาพและพูดอย่างโมโหว่า“ไม่ใช่ว่าพวกเขาเป็นคู่ที่ชะตาลิขิตมาหรอกเหรอ?ไม่ใช่ว่าเธอสามารถช่วยชีวิตคุณชายได้ไม่ใช่เหรอ?เมื่อวานก็พึ่งจะเป็นคืนแรกแต่คุณชายก็ป่วยแล้ว!
“คุณผู้หญิง เรื่องนี้……”ท่านอาจารย์พูดอะไรไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าถูกคนแล้วแต่ทำไมคืนวันแต่งงานหนานกงเฉินมาป่วยหนักขนาดนี้กัน!
ไป๋มู่ชิงที่อยู่ตรงพื้นนั้นก็ยิ้มเจื่อๆออกมา คนโง่พวกนี้ดูไม่ออกจริงๆเหรอว่าเธอไม่ใช่ไป๋ยิ่งอัน?
“ท่านอาจารย์หวังพูดมาเดียวนี้นะ!”คุณผู้หญิงพูดอย่างกระวนกระวายใจว่า“ท่านอาจารย์หวังบอกกับคุณชายตลอดว่าต้องรู้สึกกับเธอและยังต้องรักเธอถึงจะพบเจอกับคู่ที่ชะตาลิขิตมา แต่ว่าทำไมถึง……”
คุณหญิงตระกูลหนานกงค่อยๆเดินเข้าไปหาไป๋มู่ชิงและไปหยุดอยู่ข้างหลังเธอ มองเธอใกล้ๆแล้วพูดว่า“คนแบบนี้เองเหรอ?ทำอย่างไรให้คุณชายมีความรู้สึกกับเธอเหรอ?ตกหลุมรักเธอเหรอ?ไหนเธอแสดงให้ฉันดูหน่อยสิ?”
หลังจากนั้นไป๋มู่ชิงก็ถูกคุณผู้หญิงตระกูลหนานกงผลักไปชนกับท่านอาจารย์หวัง หัวไปได้ชนกับหน้าอกของท่านอาจารย์หวัง เจ็บจนเธอรู้สึกเวียนศีรษะ
แต่ว่าในนาทีนั้นเธอกลับไม่รู้สึกเจ็บเลย รู้สึกว่าทุกอย่างเหมือนกับฝันไป ยิ่งกว่านั้นเธอรู้สึกสงสัยว่าเรื่องเมื่อคืนใช่เรื่องจริงหรือเปล่า หรือว่าเป็นแผนของตระกูลหนานกงกันนะ หนานกงเฉินเดิมทีก็เป็นคนปกติดี ไม่เคยเจ็บป่วย ซ้ำยังเคยทำร้ายเธอ
คิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็รู้สึกเจ็บมือขึ้นมาทันที
เธอรู้ว่าตัวเองน่าอายขนาดไหน ผมก็ยุ่งเหยิง ใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย สภาพไม่ต่างอะไรกันกับผู้หญิงบ้าๆคนหนึ่ง ก็ไม่แปลกที่คุณผู้หญิงของตระกูลหนานกงจะพูดออกมาแบบนั้น
“งั้นคุณผู้หญิงหมายความว่า……ยังจะเก็บเธอไว้เหรอ?”
“คิดว่าอย่างไรล่ะ”
“งั้นก็ไม่เก็บไว้แล้วกัน” พี่เหอบอกคนใช้ที่อยู่ข้างๆว่า “ไปถอดแหวนออกมา”
คนใช้ทั้งสองคนได้ไปจับตัวไป๋มู่ชิงเพื่อจะถอดแหวนที่นิ้วนางของเธอออก
“นี่!พวกเธอจะทำอะไรกันน่ะ?ไม่เก็บไว้แล้วหมายความว่ายังไง……แปลว่าฉันสามารถกลับบ้านได้แล้วเหรอ……?”ไป๋มู่ชิงดิ้นรนและโวยวายขึ้นมา หมายความว่าจะไม่เก็บเธอเอาไว้แล้วเหรอ?เธอกลับบ้านได้แล้วเหรอ?
ถ้าหากเป็นอย่างงั้นจริงๆก็ดีสิ!
“ฝันไปเถอะ” คุณผู้หญิงมองเธอและพูดกับเธอด้วยหน้านิ่งว่า“เธอเข้ามาอยู่ในตระกูลหนานกงแล้ว เธอเห็นว่าคุณชายป่วยอีกดังนั้นชีวิตนี้เธอจะไม่มีวันได้กลับไปอยู่ในตระกูลไป๋อีก”

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset