เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 52 โอกาสอธิบาย

มือข้างหนึ่งของหนานกงเฉินล้วงกระเป๋าอยู่ส่วนอีกข้างก็ถือแก้วไวน์ ถึงแม้บนใบหน้าจะมีรอยยิ้มแต่ก็แอบแฝงด้วยความหงุดหงิด เขาเดินก้าวมาหาทั้งสองพร้อมเอ่ยว่า “หลังจากนี้ก็คงจะเป็นการพบรักกันจนแก่ตายงั้นเหรอ?”
ไป๋มู่ชิงยืนหน้าซีดอยู่อย่างนั้น หลินอันหนานก็รู้สึกถูกแซะแต่ก็ยังเรียกเขาอยากมีมารยาทว่า “พี่ชาย……”
“คุณชายเฉิน……” ไป๋มู่ชิงเดินไปข้างๆแล้วจับมือเขาไว้
“เธอแน่ใจเหรอว่าอยากจับมือฉัน?” หนานกงเฉินยกมือที่กำลังจับอยู่ไปตรงหน้าหลินอันหนานพร้อมพูดเยาะเย้ย “ตอนนี้เธอก็จับได้แค่มือของผมคนเดียวเท่านั้น อยากจับเหรอ? อย่างน้อยก็ต้องรอผมตายไปก่อนนะ”
“นี่คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันกับคุณชายหลินไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ” ไป๋มู่ชิงรีบอธิบายอย่างใจร้อน
ทั้งหมดก็เพราะหลินอันหนานนี่แหละ จะจับมือเธอแล้วยังพูดไร้สาระแบบนั้นอีก นี่เป็นแผนของเขาอีกแล้วเหรอ? จะทำให้หนานกงเฉินเข้าใจฉันผิด?
“ใจเย็นๆ ไว้ผมจะให้โอกาสคุณอธิบาย” หนานกงเฉินปล่อยมือของเธอแล้วโอบไหล่เธอแทน แล้วพาเธอเดินขึ้นไปด้วยกัน
มือของเขาโอบเธอไว้แน่นจนเธอรู้สึกเจ็บ เขาคงโมโหมากเลยสิท่า
ไป๋มู่ชิงโดนเขาบังคับให้ขึ้นไปชั้นสอง เธอพยายามพูดเสียงเบากับเขาว่า “คุณชายคะ ข้างล่างยังมีแขกอยู่นะคะ คุณ……”
‘ปัง’ ประตูถูกเขาถีบออกอย่างแรงพร้อมผลักตัวเธอเข้าไปในห้อง
“โอ๊ย……” ไป๋มู่ชิงร้องขึ้น พยายามทรงตัวให้อยู่แล้วรีบหันไปอธิบายกับเขา “คุณชายฟังนะคะ คือฉันกับเขา……”
“ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ฟังคำอธิบาย” หนานกงเฉินพูดแทรกขึ้นมาพร้อมดึงเธอเข้ามาใกล้แล้วกวาดสายตาไปที่ชุดราตรีของเธอ “แต่ผมอยากรู้ว่าเธอเอาชุดนี้มาจากไหน?แล้วทำไมต้องใส่ชุดนี้ด้วย? ยังกล้าใส่ชุดแบบนี้ไปแอบเจอแฟนเก่าอีก? ใจเธอกว้างแค่ไหนกัน? อยากจะฮุบผู้ชายทุกคนเลยเหรอ?
“เปล่านะฉัน……”
‘แควก’ หนานกงเฉินกระชากชุดเธอจนขาดจนเห็นเรือนร่างของเธอ
“นี่คุณทำบ้าอะไรเนี่ย?” ไป๋มู่ชิงรีบเก็บชุดที่ขาดขึ้นมาปิดตัวเธอไว้ “คุณจะฉีกชุดฉันทำไม? บอกแล้วไงว่าฉันไม่มีอะไรกับเขา เขาต่างหากที่พูดเรื่องบ้าๆพวกนั้น……อ้า……!”
ตัวของไป๋มู่ชิงเอนซบไปที่อกเขาแรงๆ ลมหายใจที่เยือกเย็นของเขาพ่นลงมาที่ตัวเธอ
เขาใช้มือจับท้ายทอยเธอไว้ให้แนบแน่นไปกับหน้าอกของเขา พร้อมเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ผมยังไม่ตายนะไป๋ยิ่งอัน เธอรีบร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ? แผนสลับผู้ชายของเธอก็ไม่เลวหนิ แต่เธออย่าลืมล่ะว่าผู้หญิงที่แต่งงานกับผมไม่มีใครรอดเหมือนผมที่ยังมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน……”
“หนานกงเฉิน!” ไป๋มู่ชิงกัดฟันแน่นพร้อมผลักเขาออก “คุณจะให้ฉันพูดอีกกี่รอบว่าฉันกับเขาไม่มีอะไรกันจริงๆ เขาเป็นคนดึงฉันไว้ อีกอย่าง ที่คุณจัดงานเลี้ยงนี้ขึ้นก็เพื่อจะลบล้างเรื่องเล่านั่นไม่ใช่เหรอ? แล้วยังมาพูดอีกว่าเหลือเวลาอีกไม่นาน ตัวคุณเองยังเชื่อเรื่องเล่านี้เลย แล้วจะให้คนอื่นคิดยังไง?
เธอหยิบชุดที่ขาดขึ้น”ชุดนี่อีก ถ้าคุณไม่ชอบฉันก็จะไปเปลี่ยน จะถามทำไมว่าชุดนี้มาจากไหนฉันจะใส่ทำไม?”
หนานกงเฉินยิ้มเย็นชา “ก็เธอเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าจะเกาะผมจนตายแล้วจะได้แบ่งมรดก”
“ฉันพูดเพราะฉันโมโหต่างหาก”
“จริงเหรอ?” หนานกงเฉินดึงเธอเข้ามาอีกครั้ง มืออีกข้างหนึ่งก็ชี้ออกไปทางงานด้านใน “ตอนนี้ทุกคนก็เอาแต่เอาอกเอาใจคุณยายกันทั้งนั้น เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็รอวันที่เรื่องเล่านั้นเป็นจริงจะได้แบ่งสมบัติกันยังไงล่ะ”
“ฉันเปล่า!” ไป๋มู่ชิงเถียงกลับ “ฉันไม่เคยเชื่อเรื่องเล่านั่นเลย ฉันก็ไม่อยากได้สมบัติอะไรของตระกูลคุณหรอก”
“ไม่อยากได้หรอ? แล้วเธอจะใส่ชุดนี้มาล่อผมทำไม?
“ใครล่อคุณ! หลงตัวเอง!”
หนานกงเฉินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมผลักเธอลงบนโซฟา “ถ้าผมเดาไม่ผิด คุณคงอยากเข้ามาแทนที่เธอในใจผม ทำให้ผมหลงรักแล้วจากนั้นคุณก็จะได้มรดกของตระกูลนี้ด้วย แล้วคุณก็จะใช้อำนาจของตระกูลหนานกงบังคับหลินอันหนานเลิกกับคู่หมั้น คุณก็จะได้ทั้งหลินอันหนาน ทั้งตระกูลหลิน ทั้งตระกูลหนานกงด้วยสินะ”
เขาพ่นลมหายใจไปบนหน้าเธอ เขาเมาเล็กน้อยแล้วทำให้เธอก็งงไปหมด
เขากำลังพูดบ้าอะไรของเขาเนี่ย น้ำเน่าเหมือนในละครเลย
“เธอ……หมายถึงใคร?” เธอมองสบตากับเขาพร้อมถามด้วยเสียงอ่อน
เธอประหลาดใจที่ว่า ใส่ชุดนี้ก็เพราะอยากเข้าไปแทนที่เธอที่ว่า? หรือว่า……
เธอนึกขึ้นได้กับสิ่งที่ผู่เหลียนเหยาพูดกับเธอเมื่อเช้า หนานกงเฉินเคยชอบผู้หญิงคนนึงมากๆ หรือว่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้น?
หนานกงเฉินมองเข้าไปในนัยน์ตาของเธอพร้อมผลักออกจากเธอ “ไม่ต้องมาแกล้งทำเป็นไม่รู้!”
“ฉันไม่ได้แกล้ง” ไปมู่ชิงลุกขึ้นจากโซฟาแล้วพูดกับเขาว่า “ฉันงงไปหมดแล้วกับสิ่งที่คุณพูด ทั้งตระกูลหลินตระกูลหนานกงหลินอันหนานอีกเกี่ยวอะไรกับฉัน? ฉันจะอยากได้อะไรที่ไร้ค่ากับฉันมาทำไม?”
“ถ้าคุณกลัวว่าฉันจ้องจะฮุบมรดกของคุณ คุณก็เขียนในใบพินัยกรรมไปเลยว่าฉันจะไม่ได้อะไรเลย ก็แค่นี้?
เมื่อได้ยินเธอพูดอย่างนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
ก็จริง ถ้าเขาเขียนไว้แบบนั้นเธอจะไม่ได้อะไรเลย
ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้เขาไม่เคยเจอคนที่ไม่ชอบเงินเลย เขาพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองพร้อมลุกขึ้นมามองเธอ “คืนนี้เธอไม่ต้องออกไปไหนแล้ว อยู่ในห้องนี่แหละ”
ไป๋มู่ชิงไม่ได้ตอบอะไรไป เพราะเธอก็ไม่ชอบงานเลี้ยงแบบนี้อยู่แล้ว
หลังจากที่หนานกงเฉินออกห้องไป เธอก็ถอดชุดที่ถูกฉีกขาดไม่เป็นทรงนี้ออกแล้วเดินไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดใหม่
เธอเดินออกมาจากห้องน้ำเธอก็มองไปที่ชุดที่ขาดไม่เป็นทรงนี้ ชุดสวยขนาดนี้เสียดายจัง
เธอเก็บชุดนี้ขึ้นมาดู แล้วนึกถึงสายตาที่เขามองมาที่เธอตอนใส่ชุดนี้แล้วคำพูดที่ทำให้เขาฉีกชุดนี้อีก
ถึงเธอจะใส่ชุดที่สวยอะไรแบบนี้ แต่ทำไมเขาต้องอารมณ์ขึ้นขนาดนั้นด้วย ทั้งๆบางคนในงานใส่ชุดสวยกว่าเธอโป๊กว่าเธออีก
เขาเป็นอะไรของเขากันแน่ ฉันงงไปหมดแล้ว

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset