เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 92 เธอท้องงั้นเหรอ

“คุณทำแบบนี้ทำไม? ทำไม?!” ไป๋มู่ชิงร้องไห้ไปด้วยพร้อมกำมือทุบอกเขาไปด้วย ร้องไห้จนหมดแรง “ทำไมคุณถึงเลือดเย็นขนาดนี้? ทำไม? พูดสิทำไม!”
“ผมไม่ได้ตั้งใจ” หนานกงเฉินคว้ามือเธอไว้พร้อมพูดด้วยอารมณ์ร้อน “ผมไม่ได้ตั้งใจบีบจนคุณหญิงจูตาย ผมก็ไม่ได้ทำให้ผู้หญิงพวกนั้นตายด้วย ผม……”
“ตายก็ตาย! ไม่เกี่ยวกับความตั้งหรือไม่ตั้งใจ? มันสามารถลดโทษของคุณได้เหรอ?”
“ทำไมไม่ได้ล่ะ? ทางกฎหมายยังแบ่งเลยระหว่างจงใจฆ่าหรือประมาทไป!”
“คุณ……!” ไป๋มู่ชิงโกรธกับคำพูดที่ดูเหมือนมีเหตุผลของเขาจนควบคุมตัวเองไม่ได้จนกรีดร้องออกมาอีกครั้ง “หนานกงเฉินนายพูดออกมาได้ยังไง นายมันไม่ใช่คนแล้ว! ฉันจะหย่ากับนาย!”
เธอหยุดร้องแล้วแต่ยังไม่หยุดที่จะทุบตีเขา
“หย่างั้นเหรอ? ถอดแหวนมาก่อนสิ!” หนานกงเฉินจับมือข้างขวาเธอขึ้น ยกนิ้วที่มีแหวนเพชรไปตรงหน้าเธอ
ไป๋มุ่ชิงอารมณ์กำลังร้อนเธอเลยดึงมือตัวเองกลับมาแล้วดึงแหวนบนนิ้วนางเธอออกอย่างรุนแรง ทั้งๆที่วันปกติใช้สบู่ช่วยยังดึงไม่ออก ตอนนี้ด้วยอารมณ์แบบนี้จะดึงออกได้ยังไง?
เธอโกรธมากจนเสียสติไป รู้ว่าเป็นไปไม่ได้แต่ก็ยังไม่ยอมยั้งมือจนนิ้วถลอกเลือดไหลเต็มมือ
เมื่อหนานกงเฉินเห็นว่ามีเลือดเขาเลยกระชากข้อมือเธอไว้ “พอแล้ว! ถ้ายังดึงอีกนิ้วเธอขาดแน่!”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” ไป๋มู่ชิงจ้องเขาด้วยตาที่ล้นไปด้วยน้ำตา “เอามือคุณออกไป”
“เธอจะงี่เง่าอยู่ตรงนี้อีกใช่ไหม?” หนานกงเฉินกวาดสายตาไปยังผู้คนที่มามุงดู
ตอนนี้ไป๋มู่ชิงไม่สนหรอกว่าจะขายหน้าแค่ไหนพร้อมใช้แรงดึงมากกว่าเดิม เธอขยับถอยหลังไปทีละนิดจนไปใกล้กับแม่น้ำ เธอเพิ่งหลุดจากมือของหนานกงเฉินมาได้แต่ก็สดุดอะไรสักอย่างจนตัวเธอเซจะล้มลงไป
“อ๊าย……!” เธอร้องขึ้นพร้อมกับล้มลงไปในแม่น้ำที่เย็นจนเสียวสันหลัง
หนานกงเฉินก็อึ้งไปแต่ก็รีบถอดเสื้อคลุมออกแล้วกระโดดลงไป
น้ำที่เยือกเย็นจนทำให้ทั้งสองปวดสันหลัง คนที่ว่ายน้ำไม่เป็นอย่างไป๋มู่ชิงก็ได้แต่พยุงตัวเองไว้พร้อมร้องขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วย……ช่วยด้วย……!”
หนานกงเฉินอดทนกลั้นความเจ็บปวดจากความเย็นนี่ไว้แล้วว่ายไปทางเธอ กอดเธอไว้จากข้างหลังแล้วว่ายพาเธอขึ้นไปบนบก
ไป๋มู่ชิงที่ยังตกใจไม่ได้สติก็เอาแต่ดิ้นจนหนานกงเฉินพาเธอขึ้นมาริมน้ำได้ยาก หนานกงเฉินเอ่ยเสียงเข้มออกไปว่า “หยุดดิ้นได้แล้ว ไม่งั้นจะจมลงไปอีก”
พอได้ยินเสียงเขาไป๋มู่ชิงก็ก็หยุดขยับตัวแล้วร้องไห้อย่างตกใจออกมา น้ำทั้งเย็นทั้งลึกขนาดนี้ เธอคิดว่าตัวเองคงไม่รอดแน่
เธอยังไม่ได้คลอดลูกในท้อง ยังช่วยแม่กับน้องชายเธอออกมาไม่ได้ เธอยังไม่อยากตาย ยังตายไม่ได้……”
หนานกงเฉินเห็นว่าเธอคงตกใจกลัวมากเลยกอดตัวเธอไว้แน่น พร้อมพูดเสียงเบาข้างหูเธอ “ไม่ต้องกลัวนะ มีผมอยู่ข้างๆ”
เสียงของเขาช่างอ่อนโยนเหลือเกินแต่ก็ยังมีความโน้มน้าวใจจนไป๋มู่ชิงสงบสติอารมณ์ลง เธออยากให้ความร่วมมือในการขึ้นไปบนบกแต่เพราะน้ำเย็นเกินไปแล้วเธอก็ตกใจมากด้วยจนทำให้เธอหมดแรงลงแล้วสติก็ค่อยๆหายไป
ด้วยความช่วยเหลือจากผู้คน ทั้งสองคนเลยขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย
รถฉุกเฉินใช้เวลาที่เร็วที่สุดในการมาถึงแล้วนำตัวทั้งสองไปถึงโรงพยาบาลหงเอิน
จนกระทั่งไป๋มู่ชิงเข้าไปในห้องฉุกเฉินหนานกงเฉินถึงได้โล่งอกไปหน่อย เขาถอยหลังแล้วล้มลงบนเก้าอี้ เขาทั้งหนาวทั้งเหนื่อยจนหมดเรี่ยวหมดแรง
เมื่อผู่เหลียนเหยาได้ข่าวจากเพื่อนร่วมงานว่าหนานกงเฉินถูกรถฉุกเฉินนำตัวมาส่งโรงพยาบาลเธอเลยรีบไปที่แผนกฉุกเฉิน เธอเห็นสภาพหนานกงเฉินเหมือนลูกหมาตกน้ำเลยเอาผ้าห่มจากห้องพักฟื้นมาคลุมตัวเขาไว้แล้วถามอย่างเป็นห่วง “พี่ชายไปทำอะไรมาคะ?ทำไมเนื้อตัวถึงเปียกขนาดนี้?”
“ตกแม่น้ำน่ะ” หนานกงเฉินตอบสั้นๆ
“ตกลงไปได้ยังไงกัน? เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“แค่ไม่ระวัง”
ผู่เหลียนเหยาเห็นว่าเขาไม่อยากพูดอะไรมากแถมยังหนาวจนตัวสั่นขนาดนี้เธอเลยลุกจากเก้าอี้แล้วเอ่ย “เดี๋ยวหนูไปเอาเสื้อมาให้เปลี่ยน”
ผู่เหลียนเหยาโทรหาพี่เหอให้ส่งเสื้อผ้ามาให้ พี่เหอเอาแต่ถามเธอว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่แต่ผู่เหลียนเหยาก็ไม่รู้จะตอบยังไงเลยบอกให้พี่เหอถามเขาเอง
ผู้เหลียนเหยาเอาชุดคนไข้ให้หนานกงเฉิน “พี่ชาย ใส่นี่ก่อนเถอะเดี๋ยวจะไม่สบาย”
“ขอบใจ” หนานกงเฉินรับเสื้อไปแล้วเดินไปเปลี่ยนที่ห้องเปลี่ยนเสื้อ
ทันทีที่หนานกงเฉินเปลี่ยนชุดเสร็จ ป้ายไฟห้องฉุกเฉินก็ดับลงแล้ว ไป๋มู่ชิงก็ถูกเข็นออกมาด้วย
เขารีบเดินเข้าไปหาคุณหมอพร้อมจับแขนคุณหมอไว้ “เธอเป็นยังไงบ้างครับ?”
คุณหมอหันไปมองใบหน้าที่ซีดขาวของไป๋มู่ชิงก่อนจะตอบว่า “คุณชายเฉินวางใจได้ครับ คุณหญิงน้อยเธอแค่ตกใจเกินไปแล้วโดนความเย็นด้วย ทารกในครรภ์ไม่เป็นอะไรมากครับ แต่ต้องพักผ่อนดูอาการก่อนครับ”
หนานกงเฉินอึ้งนิ่งไป เอาแต่จ้องไปที่คุณหมอก่อนจะถามไปว่า “คุณหมอว่ายังไงนะครับ? อะไรทารกในครรภ์?”
“คุณหมอเฉินเมื่อกี้คุณพุดว่าอะไร? คุณหญิงน้อยเธอท้อง?” ผู่เหลียนเหยาเอ่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจแล้วย้ำอีกว่า “พวกคุณตรวจเช็คแน่ใจแล้วเหรอ?”
คุณหมอเฉินยิ้มอ่อนแล้วส่ายหน้า “แน่ใจครับ แค่มองไปที่ท้องน้อยของเธอก็ดูออกแล้วครับ”
“ใช่ค่ะ ท้องเริ่มโตเหมือนจะท้องได้สี่เดือนแล้วค่ะ” พยาบาลสาวพูดขึ้นอย่างยิ้มดีใจแทน “หรือว่าคุณชายเฉินยังไม่รู้คะ? ยินดีด้วยนะคะคุณจะได้เป็นพ่อคนแล้ว”
สมองของหนานกงเฉินว่างเปล่า ผ่านไปครู่หนึ่งถึงเลื่อนสายตาไปที่ท้องน้อยของไป๋มู่ชิง แต่ผ้าห่มห่มอยู่เลยดูไม่ออกว่าท้อง
เธอท้องงั้นเหรอ?เป็นไปได้ยังไง? เขาไม่เคยให้โอกาสเธอเลย!
“นี่พวกคุณก็ยังเดาผิดเดาถูกอยู่” ผู่หลียนเหยาเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด “พวกคุณใช้สายตามาตัดสินได้ยังไงว่าคุณหญิงน้อยท้อง? นี่มันแสดงถึงความไม่รับผิดชอบของพวกคุณ”
พอได้ยินเธอเอ่ยอย่างสั่งสอนแบบนี้ หมออวุโสอย่างคุณหมอเฉินก็ไม่กล้าพูดอะไรเพราะยังไงเธอก็เป็นถึงน้องสะใภ้ของคุณชายเฉิน ไม่มีใครกล้าขัดเธอหรอก
“คุณหมอผู่ครับ ผมไม่ได้ใช้สายตามาตัดสินนะครับ ผมตรวจอันตร้าซาวด์ช่องท้องแล้วครับ คุณหญิงน้อยท้องได้สี่เดือนแล้วครับ” คุณหมอเฉินพูด
“จริงเหรอ?”
“จริงครับ”
พูดได้ยินคำพูดที่มั่นใจของคุณหมอเฉิน ผู่เหลียนเหยาก็หันไปยิ้มดีใจกับหนานกงเฉิน “พี่ชายนี่เป็นเรื่องจริง พี่จะเป็นพ่อคนแล้ว”
ริมฝีปากของหนานกงเฉินขยับเล็กน้อยแต่เขาไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินตามคุณหมอไปในห้องพักฟื้นแทน
พอพยาบาลนำตัวไป๋มู่ชิงมาถึงห้องแล้วก็เดินออกไป ผู่เหลียนเหยานั่งอยู่ข้างเตียงไป๋มู่ชิงพร้อมพูดด้วยความดีใจ “หนูว่าแล้วว่าพี่สะใภ้ต้องท้องแน่ๆ ถึงได้กินจุกขนาดนั้น”
จากนั้นเธอก็หันไปมองหนานกงเฉิน “พี่ชาย เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดูเหมือนไม่ค่อยดีใจเลย?”
หนานกงเฉินก็ไม่ได้ตอบอะไรเหมือนเดิม เขาไม่ดีใจหรอก ไม่ดีใจมากด้วย ไม่ดีใจจนถึงขั้นอยากบีบคอไป๋มู่ชิงให้ตายๆไปซะ
ผู่เหลียนเหยาหันไปมองหน้าผากที่เขียวช้ำของไป๋มู่ชิงพร้อมเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “แย่จัง ทำไมพี่สะใภ้ไม่บอกพวกเราว่าเธอท้อง? ไม่งั้นเช้านี้หนูคงไม่รับเธอไปด้วยยังทำให้เธอหัวโขกอีกยังดีนะไม่โดนท้องไม่งั้นหนูคงรู้สึกผิดมากกว่านี้แน่ๆ”
“เหลียนเหยา เธอออกไปก่อน” หนานกงเฉินเอ่ยขึ้น
ผู่เหลียนเหยามองเห็นสีหน้าที่หงุดหงิดของเขาเลยรีบลุกขี้นจากข้างเตียง “งั้นหนูไปทำงานต่อแล้วนะคะ ถ้าต้องการให้หนูมาดูแลพี่สะใภ้เมื่อไหร่ก็เรียกได้นะคะ”
“อืม” หนานกงเฉินตอบรับสั้นๆ
พอผู่เหลียนเหยาเดินออกไป ห้องก็เงียบสงัดทันที
ไป๋มู่ชิงที่นอนอยู่บนเตียง ตาเธอกระตุกไปมาเหมือนหลับไม่ค่อยสนิท
ปลายผมของเธอยังเปียกอยู่ สีหน้าก็ซีดขาวมาก แผลบนหน้าผากก็ช้ำมากจนเห็นได้ชัดเจน แต่ยังไงก็ไม่ทำให้หนานกงเฉินรู้สึกสาสารเธอหรอกเพราะในใจเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธ โมโห
เขาเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่ถุงน้ำเกลือ ข้างขวดถูกเขียนด้วยปากกามีสารผสมบำรุงครรภ์
บำรุงครรภ์……เขายิ้มอย่างเยือกเย็นก่อนจะยื่นมือไปดึงขวดน้ำเกลือลงมา
เหมือนมีสัมผัสบางอย่าง ไป๋มู่ชิงสะดุ้งตื่นขึ้นมา เธอลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นหนานกงเฉินกำลังถือถุงยาเธออยู่
“หนานกงเฉิน นายกำลังทำอะไร?” เธอถามขึ้นเสียงเบา
เมื่อกี้เธอฝันร้าย เธอฝันว่าหลังจากที่หนานกงเฉินรู้ว่าเธอท้อง โมโหจนบีบคอเธอ แล้วดันตัวเธอไปทีละนิดไปทางหน้าต่าง ข้างนอกเป็นตึกสูงสามสิบชั้นตกลงไปต้องตายแน่ๆ แต่เขากลับบีบคอเธอพร้อมกับดันตัวเธอออกไปนอกหน้าต่าง กัดฟันขู่เธอว่าจะยอมตายหรือจะทำแท้ง
เธอร้องไห้ขอร้องเขาให้ปล่อยเธอกับลูก แต่เขากลับตอบมาสั้นว่า ฝันไปเถอะ!
พอเธอตื่นขึ้นมาก็เห็นหนานกงเฉินยืนอยู่ที่หัวเตียงแถมในมือยังมีถุงยาเธอด้วย
ใจเธอสั่นวูบ เพราะเธอไม่มีทางรู้เลยว่าเขาจะทำอะไร ไม่รู้ว่าเขารู้หรือยังเรื่องที่เธอท้อง
หนานกงเฉินยิ้มเย้ยใส่ แล้วแกว่งของในมือไปมา “รักษาครรภ์? จำเป็นเหรอ?”
“หมายความว่ายังไง……?” ไป๋มู่ชิงวางมือลงบนท้องของเธอ ลูกของเธอล่ะ? ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า?
เมื่อรู้สึกว่าท้องของเธอไม่ได้มีอะไรผิดปกติเธอถึงโล่งอกไป แต่ก็ต้องมาเครียดกับหนาานกงเฉินแทน
เมื่อกี้เขาพุดว่าอะไรนะ? เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง? แถมยังจะถอดสายน้ำเกลือเธออีก?

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset