เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 105 ดวงจันทร์ส่องลำเหมือง

บทที่ 105 ดวงจันทร์ส่องลำเหมือง

มองดูร่างกายที่หยุดลงของเธอ ในที่สุดในใจของเพ้ยส้าวอีก็ยังโล่งไปได้เปลาะหนึ่ง

สุดท้าย เขาก็สามารถจับจุดอ่อนของเธอได้สำเร็จแล้ว ใช่ไหม!

เขาค่อย ๆ เดินไปข้างหน้า และในเวลาเดียวกันน้ำเสียงที่ขรึมต่ำของก็พูดขึ้นต่อว่า “ได้ข่าวว่าแม่ของคุณนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลใจกลางเมือง และอีกไม่กี่วันก็จะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แล้วต่อไปคุณจะวางแผนให้ท่านยังไง ได้คิดไว้แล้วหรือยัง?”

ซูย้าวอุ้มลูกหมุนตัวมา ดวงตาคู่สวยที่แฝงไว้ด้วยความเย็นไปตกอยู่ที่เขา

“ถ้าหากว่าคุณไม่รังเกียจ ผมสามารถให้ที่พักอาศัยกับคุณและแม่ของคุณแห่งหนึ่งได้ ไม่ต้องการการตอบแทนใด ๆ และถ้าหากว่าคุณยังมีความต้องการอย่างอื่น ผมก็จะทำตามอย่างสุดความสามารถ เป็นไง?”

เพ้ยส้าวอีได้ทำการถอยก้าว ผู้หญิงอย่างซูย้าวนี้ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเกินความคาดหมายของเขา ผู้หญิงอย่างนี้ หาได้ยากจริง ๆ

ไม่ว่าจะยังไง เขาก็จะต้องเอามาอยู่ในกำมือให้จงได้!

ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ตอนนี้ก็ตาม

อย่างช้าหรือเร็วจะต้องมีสักวัน เขาจะต้องให้เธอยินยอมพร้อมใจมาแต่งงานกับตัวเอง และเป็นผู้หญิงของตัวเองให้ได้

ซูย้าวจ้องมองเขาอยู่อย่างเงียบ ๆ ความทะเยอทะยานของเพ้ยส้าวอีนั้น เธอดูออกตั้งนานแล้ว ผู้ชายแบบนี้ จะสามารถเต็มใจช่วยเหลือเธอได้อย่างไม่หยุดยั้ง แล้วไม่ต้องการการตอบแทนใด ๆ เลยเหรอ?

มันจะเป็นไปได้ยังไง!

เธอก็ไม่ใช่เด็กอายุสองสามขวบ ที่สามารถหลอกได้อย่างง่ายดายแบบนั้นแล้ว

ซูย้าวอุ้มเจิ้งเอ๋อเอาไว้ แล้วทำท่าทางภาษามือด้วยมือเดียวอยู่ ว่า “ขอบคุณความหวังดีของประธานเพ้ยเป็นอย่างมาก แต่ว่าไม่ว่ายังไงฉันก็ยังเป็นลูกสาวของบ้านตระกูลซู ถึงแม้ว่าบริษัทซูซื่อจะเทียบกับเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว แต่ว่าแมลงร้อยขาถึงแม้ว่าจะตายแล้วก็ไม่มีทางล้ม แค่ที่ที่อยู่อาศัยแห่งหนึ่งนั้น ยังไงก็ยังพอมีอยู่”

ไม่ขาดไม่เกิน อธิบายได้อย่างครอบคลุมเป็นอย่างมาก

และยังเป็นการโจมตีจากด้านข้างอีกด้วย นอกจากในคำพูดแล้ว ยังเป็นการเตือนเพ้ยส้าวอีด้วยว่า ห้ามลงมือกับบริษัทซูซื่อ ถึงแม้ว่าวันนี้บริษัทซูซื่อจะสู้เมื่อก่อนไม่ได้แล้ว แต่ว่าความสามารถในการต่อต้าน ก็ยังมีอยู่นะ

“ลองพิจารณาดูก่อน ผมไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายหรือว่าหลอกใช้คุณ ซูย้าว ขอแค่คุณยินดี ผมจะรอคุณอยู่ที่นี่ทุกเมื่อ!” แล้วเขาก็พูดขึ้นอีก

เธอกลับทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น และหมุนตัวไปอย่างสง่างาม อุ้มลูกไว้แล้วเข้าสู่ความมืดไป และรีบหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจากละแลกบ้านตระกูลเพ้ยอย่างรวดเร็วที่สุด

ตอนกลางคืนเวลาประมาณสี่ทุ่ม หลังจากที่ตะลอนอยู่ข้างถนนไปรอบหนึ่ง เจิ้งเอ๋อก็ง่วงจะแย่อยู่แล้ว และคว่ำอยู่กับอกของเธอนอนหลับไป ซูย้าวเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้ว หลังจากที่คิดหน้าคิดหลังดูแล้ว ก็ไปที่อพาร์ทเม้นท์ของโม่หว่านหว่านก่อนดีกว่า

พอเปิดประตูมา โม่หว่านหว่านก็มองเห็นเธอ ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร ก็รีบรับเด็กมาจากอกของซูย้าว แล้วอุ้มเข้าห้องนอนไปเลย

หลังจากที่จัดการกับเด็กเรียบร้อยแล้ว ถึงได้มาคว้าตัวซูย้าวทีหนึ่งไปกอดไว้ “มาหาฉันที่นี่น่ะถูกต้องแล้ว! จะกลัวลี่เฉินซีไปทำไม ขอแค่เธอไม่อยากจะเจอเขา ถ้าเขากล้ามา ฉันก็กล้าไล่ตีจนเขาหนีไปแน่!”

“……”

ซูย้าวเชื่อว่า โม่หว่านหว่านจะต้องทำออกมาจริง ๆ แน่

“กินข้าวหรือยัง? จะต้องไม่กินแน่ ๆ เลยใช่ไหม ฉันก็หิวแล้วเหมือนกัน รอแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวฉันไปทำอาหารให้เธอกินเอง!” โม่หว่านหว่านปล่อยตัวเธอออก แล้วพุ่งเข้าไปในครัวทันที

มองดูแผ่นหลังที่กำลังวุ่นวายของเธอ ซูย้าวก็อดไม่ได้ที่จะซาบซึ้ง หลายปีมานี้ เธอมีเพื่อนรักดั่งพี่น้องแค่โม่หว่านหว่านคนเดียว ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็จะสนับสนุนและปกป้องเธออย่างไร้เงื่อนไข ดีกับเธอยิ่งกว่าพี่น้องแท้ ๆ ซะอีก

แต่ว่าก็จะอยู่ที่นี่ระยะยาวต่อไปไม่ได้ ยังไงก็ต้องคิดหาวิธีหนึ่งขึ้นมา……

อยู่ที่นี่มาสองวัน ระหว่างนั้น ซูย้าวได้เข้าอินเทอร์เน็ตค้นหาข่าวคราวทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับบริษัทลี่ซื่อและโครงการCCU แต่สิ่งที่ได้มามีแค่อย่างเดียว

ยังมีข้อความของกรุ๊ป Kทางด้านประเทศฝรั่งเศสส่งมาให้เธออีก พอเอามารวมกันแล้ว มันช่างบังเอิญเหมือนกับสิ่งที่เธอค้นพบมาเลย

บริษัทลี่ซื่อเลื่อนเวลาเปิดโครงการออกไป เลื่อนแล้วเลื่อนอีก จึงทำให้กรุ๊ป Kไม่พอใจอย่างยิ่ง จนอยากจะยกเลิกสัญญาแล้ว

และสาเหตุหลัก ๆ ก็เป็นเพราะว่าปัญหาด้านการเงินของทางบริษัทHSนั่นแหละ

หลายวันมานี้หานฉ่ายหลิงต้องไปขึ้นศาล จากภายใต้สถานการณ์ที่ยังจับตัวรองประธานหลินไม่ได้นั้น เธอก็จะต้องตกเป็นแพะรับบาปไปก่อน ต้องเผชิญกับการรอลงอาญาเป็นเวลาสิบกว่าปี

แล้วลี่เฉินซีจะยอมปล่อยไว้เฉย ๆ โดยที่ไม่สนใจอะไรเลยได้ยังไง

ในที่คุมขังนั้น ในช่วงก่อนที่จะขึ้นศาลวันหนึ่งนั้น ลี่เฉินซีก็ได้พบกับหานฉ่ายหลิงอีกครั้ง เธอเพิ่งโดนจับตัวเมื่อสองวันก่อน ทางตำรวจมีหลักฐานในมืออยู่ไม่น้อย ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อเธอเอามาก ๆ

ในตอนแรกที่หานฉ่ายหลิงเห็นเขานั้น น้ำตาก็ไหลลงมาตามข้างแก้มอย่างควบคุมไว้ไม่อยู่

ความคิดถึงในแบบที่ไม่มีวันไหนไม่คิดถึง ก็ได้ระเบิดออกมาในชั่ววินาทีที่พบเจอกัน มีกระจกกั้นไว้ชั้นหนึ่ง หานฉ่ายหลิงร้องไห้จนเหมือนกับเป็นคนเจ้าน้ำตา

“เฉินซี ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่คิดถึงคุณเลย……” เธอร้องไห้ฟูมฟายไปตั้งนาน น้ำตาเหมือนกับลูกปัดที่เชือกขาดไปแล้ว ไหลอาบทั่วใบหน้า

หานฉ่ายหลิงยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา แล้วก็รีบลดมือลงอย่างกับกลัวว่าจะคลาดกับสายตาใดสายตาหนึ่งของลี่เฉินซี “ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้ เฉินซี ฉันไม่อยากติดคุก ยิ่งไม่อยากจะไม่ได้เจอหน้าคุณ ฉันรู้ว่าพูดแบบนี้มันไม่ถูกต้อง แต่ว่า……ฉันควบคุมจิตใจของตัวเองไม่ได้!”

“ผมเข้าใจ” ลี่เฉินซีที่เงียบอยู่ตลอด อยู่ ๆ ก็เปิดปากพูดขึ้น น้ำเสียงกลายเป็นแหบแห้งขึ้นเล็กน้อย

ในตอนที่สังเกตเห็นถึงแววตาที่สั่นไหวของหานฉ่ายหลิง จากนั้นก็พูดอธิบายขึ้นเสียงต่ำอีกไม่กี่คำว่า “ผมก็คิดถึงคุณ วางใจเถอะ ผมจะไม่มีทางให้คุณต้องติดคุกแน่ เรื่องทุกอย่างมีผมอยู่นะ!”

หานฉ่านหลิงจ้องมองเขา แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไป

เสียงดังอยู่ในหู

ที่ข้างในตึกอพาร์ทเม้นท์ที่ห่างไกลออกไป ซูย้าวกำลังใช้หูฟังฟังช่วงการสนทนาที่ทำให้คนซาบซึ้งอย่างลึกซึ้งนี้อยู่ แล้วอยู่ ๆ ก็มีความรู้สึกบ้าคลั่งอยากจะเงยหน้าขึ้นมาหัวเราะร่าอย่างหนึ่งพุ่งขึ้นมา แต่ว่าเธอก็ได้อดกลั้นไว้

ค่อย ๆ หลับตาลง และก็เอาหูฟังที่มีเสียงที่ยังพูดว่าคิดถึงอยู่ข้างในออกห่างจากข้างหู แล้วพิงอยู่บนโซฟาอย่างอ่อนแรง

เธอไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ ตัวเองก็มีความสนใจ และแฮกเข้าไปยังระบบเฝ้าติดตามดูแลของที่คุมขัง และก็ได้ยินการสนทนาช่วงเมื่อกี้จากที่ดักฟังเข้า

นี่มันคือเพราะความสงสัยในใจถึงได้ทำให้แมวตายจริง ๆ เลย

รู้สึกถึงในใจเหมือนกับว่าโดนแมวข่วนยังไงอย่างงั้น แล้วซูย้าวก็ยักไหล่ขึ้นแล้วหัวเราะขึ้นเสียงเย็น

พอหัวเราะไปหัวเราะมา น้ำตาก็ทะลุออกมาจากในดวงตา

ลี่เฉินซี ถ้าหากว่าคุณรักเขา แล้วฉันถือว่าเป็นตัวอะไร?

เธอรู้สึกแค่ว่า รู้สึกแค่ว่าจิตใจนั้นเจ็บปวดมาก ข้างในมันพังทลายลงมาอย่างกับน้ำไหลย้อนกลับและฝืนเอามาก ๆ กำลังร้องอย่างโอดครวญ ยากที่จะควบคุม

โทรศัพท์สั่นขึ้นพอดี มองทีเดียวก็เห็นชัดเจนว่าเป็นข้อความของอย่างเพ้ยส้าวอี……

“คุณจะเอาใจส่องให้ดวงจันทร์ แต่ทำยังไงได้ดวงจันทร์ของคุณกลับจะไปส่องให้ลำเหมือง! คนแบบนี้ คุณยังจะมีความคาดหวังอะไรกับเขาอีก?”

แค่กวาดตามองตัวหนังสือบนหน้าจอทีหนึ่ง โทรศัพท์มือถือก็โดนเธอปิดลงแล้ว

แล้วก็ลวดโยนไปที่มุมหนึ่งของโซฟา และก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปทางห้องนอน

โครงการCCUที่เธอคิดค้นขึ้นมาอย่างเลือดตาแทบกระเด็น ซึ่งทั้งหมดก็ทำขึ้นมาเพื่อบริษัทลี่ซื่อทั้งนั้น ขอแค่โครงการเดินหน้าตามระยะเวลาที่กำหนด อย่างน้อยในระยะเวลาหนึ่งปีนี้ บริษัทลี่ซื่อก็จะสามารถได้ผลประโยชน์มหาศาลไม่ต่ำกว่าหลายพันล้าน

ผลกำไรก้อนใหญ่ขนาดนี้ หรือว่าไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดหวังเหรอ?

นี่เพื่อหานฉ่ายหลิงแค่คนเดียว ถึงกับยอมทิ้งทุกอย่างไม่สนใจเลยเหรอ!

ช่างน่าขำ

แต่ว่าเธอขำไม่ออก แค่รู้สึกแต่หัวใจมันเจ็บจี๊ด ๆ และเจ็บมาก

อีกวันหนึ่ง ซูย้าวก็พาลูกย้ายออกไปจากอพาร์ทเม้นท์ของโม่หว่านหว่าน และก็ได้ซื้อบ้านแห่งหนึ่งในที่ที่ใกล้เคียงกับพื้นที่เจริญรุ่งเรืองของใจกลางเมือง

ในตอนที่โม่หว่านหว่านเห็นอพาร์ทเม้นท์สองชั้นค่อนข้างใหม่นั้น คนทั้งคนก็นิ่งอึ้งไปเลย

“ย้าวย้าว เธอไปเอาเงินมาจากไหน มาซื้อบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้กัน?”

ซูย้าวก็แค่อุ้มลูกไว้ แล้วก็คลี่มุมปากยิ้มขึ้นบาง ๆ เงิน ตัวอักษรตัวนี้ สำหรับเธอมาพูดแล้วนั้น มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร

ค่าคอมมิชชั่นของโครงการหนึ่งเป็นเงินเท่าไหร่นั้น ถ้าพูดออกมาแล้วคาดว่าโม่หว่านหว่านคงจะตกใจขึ้นอีกแน่นอน

อาศัยอยู่ที่นี่ แล้วค่อยไปรับมารดาออกมาจากโรงพยาบาล ก็ถือได้ว่าสามารถแก้ไขปัญหาที่ใหญ่ที่สุดตรงหน้าซูย้าวได้แล้ว

และในระหว่างที่ไม่รู้เรื่อง เกือบจะในเวลาเดียวกัน ในห้องทำงานบนชั้นสูงสุดของบริษัทลี่ซื่อ

หวางอี้ก็ได้เอารูปของอพาร์ทเม้นท์สองชั้นยื่นไปบนโต๊ะทำงาน “ท่านประธานลี่ครับ นี่เป็นตึกหลังนั้นครับ ราคาตลาดอยู่ที่แปดหลัก”

สายตาที่เรียบเฉยของลี่เฉินซีมองทะลุหมอกควันและกวาดมองทีหนึ่ง นัยน์ตาลึกที่เย็นยะเยือกยากที่จะคาดเดาได้

“ผมเช็กดูแล้ว บัญชีที่คุณให้ภรรยา และยังมีเงินทุนในบัญชีของบริษัทลี่ซื่อ ล้วนไม่เคยโดนแตะต้องมาก่อนเลยครับ ทางด้านบริษัทซูซื่อก็ไม่มีความสามารถพอที่จะมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ เพราะฉะนั้น คุณผู้หญิงจะเอาเงินมาจากไหนได้ล่ะครับ?” หวางอี้พยายามอธิบาย

“เธอมีวิธีของเธอเอง และยังถูกต้องตามหลักตามกฎหมายอีกด้วย” น้ำเสียงของลี่เฉินซีราบเรียบ บนใบหน้าหล่อเหลายังคงไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ

ราวกับว่าเรื่องทั้งหมดที่หวางอี้สาธยายมาทั้งหมดนั้น เขาล้วนรู้แจ้งแก่ใจมานานแล้ว ไม่มีความแปลกใจเลยแม้แต่น้อย

พอสังเกตเห็นว่าอยู่ ๆ หวางอี้ก็สีหน้าเปลี่ยนไป ลี่เฉินซีถึงได้พูดเสริมขึ้นอีกคำว่า “เธอไม่ได้เป็นเธอคนเมื่อก่อนมาตั้งนานแล้ว และเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบนตัวเธอ มันก็เป็นธรรมดา”

สุดท้าย แววตาที่ราบเรียบกวาดผ่านรูปถ่ายของอพาร์ทเม้นท์ และออกคำสั่งเสียงเย็นคำหนึ่งขึ้น “เอาที่อยู่มาให้ฉัน”

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset