เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 253 วิกฤติอีกครั้ง

บทที 253 วิกฤติอีกครั้ง

ที่ศาลสถานการณ์ตึงเครียด เรื่องคดีจับตัวประกันหลินเวย กับทนายความฝ่ายตำรวจต่างฝ่ายยึดมั่นในเนื้อหาของตนเอง บรรยากาศเข้าสู่จุดไคลแมกซ์

พวกนักข่าวเฮโลมาออกันอยู่ข้างนอก รอคอยผลตัดสินเป็นที่สุด การฟ้องร้องครั้งนี้ กล่าวได้ว่าคนในเมือง A ต่างสนใจเรื่องนี้ ซึมซับความคิด กลายเป็นศึกระหว่างเมียหลวงกับเมียน้อย แต่ละฝ่ายต่างสนับสนุนฝั่งของตัวเอง

บรรยากาศนอกศาลตึงเครียด ภายในศาลก็ไม่ต่างกัน

หลงเบียวนั่งที่คอกพยาน หลังจากถูกทนายฝ่ายตำรวจซักถาม ในที่สุดก็ถึงคิว หลินเวย ตั้งคำถาม หลังจากซักถามทั่วไป ก็เข้าสู่ประเด็นหลัก “ขอถามคุณหลงเบียว คุณพักที่ไหนในเมือง A คะ”

หลงเบียว ไม่คิดอะไรทั้งนั้น ตอบทันที “เลขที่ 103 อาคาร 1ชุมชนชิ่งหลิง ถนนอันเสี้ยง”

จดจำที่อยู่บ้านตัวเองได้ขึ้นใจ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติของทุกคน

หลินเวยมองหัวหน้าผู้พิพากษา “ถนนอันเสี้ยงอยู่ที่ชานเมืองตะวันออกของเมือง A แต่ลูกความของดิฉันซูย้าวอยู่ที่ถนน ถนนผูขุย ใจกลางเมือง

สายตาหัวหน้าผู้พิพากษาจริงจัง เห็นชัดว่ากำลังครุ่นคิด

หลินเวย หยิบบันทึกการเดินทางของรถของซูย้าว “เมื่อดูแล้ว สามเดือนก่อนเกิดเรื่อง กระทั่งภายในครึ่งปีก็ตาม ลูกความของดิฉันไม่เคยไป ถนนอันเสี้ยง”

ครู่หนึ่ง กังวลว่าทนายความฝ่ายตรงข้ามจะแย้ง รีบกล่าวเสริม “เพราะลูกความของผมพูดไม่ได้ บางครั้งจะเรียกรถ ทุกครั้งที่เรียกรถ จะมีบันทึกการเดินทาง ที่ได้รับจากซอฟต์แวร์ของแอปพลิเคชั่น เชิญท่านผู้พิพากษาตรวจสอบ”

หลินเวย ส่งหลักฐานทั้งหมดให้ ครู่หนึ่ง ก็หันไปมองหลงเบียว “ขอถาม คุณหลง ได้ยินมาว่าคุณเช่าห้องในชุมชนซีย่วนที่ถนนผูขุย ระยะเวลาเช่าสองเดือน ขอถามว่าใช่หรือไม่”

“นั่นเป็นห้องที่ผมช่วยญาติจอง ผมไม่ได้อยู่เอง! คุณอย่าถามคำถามมั่วๆ!”

หลงเบียวเห็นได้ชัดว่าตื่นเต้น หัวหน้าผู้พิพากษารีบพูด “ขอให้พยานตอบตามจริง ใช่ หรือไม่ใช่”

เขาจำใจ ได้แต่พยักหน้า ตอบคำถาม “…ใช่!”

หลินเวยเหยียดยิ้มนิดหนึ่ง “ตอนนี้กลับไปประเด็นที่เพิ่งพูดกัน ห้องเช่าให้ญาติเท่านั้น แต่ญาติของคุณตั้งหลายคน ไม่มีสักคนยอมรับว่าเช่าห้องนี้ให้ใคร กลับกัน พวกเขายอมรับว่าคุณอยู่ห้องนี้คนเดียว รวมทั้งภรรยาของคุณคุณหลิวฟาง”

หลงเบียว กัดฟันกรอด แอบด่าภรรยา

หลินเวยพูดต่อ “เช่าห้องในย่านที่ลูกความของดิฉันอยู่ และห่างจากอพาร์ทเมนท์ของลูกความเพียงตึกเดียว คุณโม่หว่านหว่านเพิ่งจะเป็นพยาน คุณเคยใช้สถานะเพื่อนบ้านหลายครั้ง วางแผนเข้าใกล้ลูกความกับลูกชาย รวมทั้งฝากกระเป๋าสะพายหลังนั้น เพราะเหตุนี้ คุณยอมรับไหม”

“พูดบ้าอะไร! ผมไม่ได้ทำ!”

หลงเบียวร้อนรนอีกครั้ง ถูกหัวหน้าผู้พิพากษาตำหนิ

ทนายความอีกฝ่ายรีบเสนอความเห็นค้าน “ข้าพเจ้าขอค้าน ทนายหลิน ถามชี้นำไม่ถูกต้อง ไม่เกี่ยวกับคดี!”

“คำค้านตกไป!” หัวหน้าพิพากษากล่าว

หลงเบียว มองหลินเวย สีหน้าจนปัญญาเคร่งขรึม ไม่รู้ควรจะตอบอย่างไร อ้ำอึ้งอยู่นาน ก็ยังพูดไม่ออก

หลินเวยรู้ว่าควรจะหยุดตอนไหน พูดขึ้น “ท่านผู้พิพากษา ดิฉันหมดคำถามแล้ว!”

หลังจากซักถาม หลินเวย โดยตลอดแล้ว ในที่สุดหัวหน้าพิพากษาก็ประกาศ “…โดยสรุป ศาลขอพิพากษา หลักฐานจำเลยซูย้าวเกี่ยวข้องกับการว่าจ้างจับตัวประกันไม่เพียงพอ ไม่สามารถตั้งข้อหาได้ ให้ปล่อยตัว เลิกศาล!”

ตุ้บ——

หลินเวยยิ้มอ่อนโยนให้ซูย้าว สองคนต่างสบสายตากัน เข้าใจเป็นอย่างดี

ซูย้าวถูกศาลปล่อยตัว ตำรวจศาลไขกุญแจมือให้เธอ คืนอิสรภาพ หลินเวย พาเธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน และกำชับ “ข้างนอกนักข่าวเยอะ เดี๋ยวพวกเราออกประตูหลังกัน!”

ในเมื่อซูย้าวยังท้อง ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ดีแน่!

เธอพยักหน้ารับทราบ

ได้อิสรภาพคืน เป็นเรื่องดีแน่ เพียงเวลานี้เธอไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น นอกจากรีบไปฌาปนสถานดูหน้าแม่ครั้งสุดท้าย

ขณะซูย้าวเปลี่ยนเสื้อผ้าหลินเวย ก็ติดต่อรปภ.ของศาล ให้ช่วยส่งข่าว ซูย้าวต้องการพักผ่อนครึ่งชั่วโมงค่อยออกไป ให้นักข่าวรอข้างนอก

ที่จริง เมื่อปล่อยข่าวแล้ว ด้านใน ซูย้าวเพียงแต่เปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ตามหลินเวย ออกไปทางประตูหลัง

แผนการเป็นอย่างนี้ แต่ไม่รู้ว่าใครทำข่าวรั่ว เมื่อซูย้าวออกทางประตูหลัง ก็มีนักข่าวกลุ่มหนึ่งมารออยู่แล้ว แสงแฟลชสว่างวาบและไมโครโฟน กรูกันเข้ามา

“ขอถามคุณซูย้าว คุณใช้ทุกวิถีทางหลุดพ้นการตัดสินทางกฎหมาย แต่สิ่งที่คุณทำทั้งหมด ไม่รู้สึกผิดในใจสักนิดหรือ”

“คุณเกี่ยวข้องกับการว่าจ้างจับตัวหานฉ่ายหลิง ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อบุคคล พฤติกรรมเช่นนี้ มันหมายความว่าอย่างไรคะ”

พวกนักข่าวเห็นท้องโตของซูย้าว ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อทันที ถามอีก “คุณท้องแล้ว เท่าที่ทราบคุณมีลูกแล้วคนหนึ่ง พฤติกรรมร้ายแรงจับตัวประกัน ไม่มีผลกระทบ กับลูกของคุณหรือครับ”

“ในเมื่อท้องแล้ว จะเป็นแม่คนควรจะมีเมตตา แต่สิ่งที่คุณทำทั้งหมด คิดถึงเด็กสักนิดมั้ยคะ”

“อีกอย่าง เท่าที่ทราบคุณกับหานฉ่ายหลิงเป็นเพื่อนกันมาก่อน อะไรกันแน่ที่ชักจูงจิตใจคุณ ให้ลงมือโหดเหี้ยมกับเพื่อน”

พวกนักข่าวพูดจาเสียดแทง แต่ละประโยคบาดหูไม่เห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อย หลายคนเฮเข้ามาถามพร้อมๆ กัน สารพัดคำถามตรงประเด็นพรั่งพรู เสี้ยววินาทีนั้น ราวกับว่าซูย้าวเป็นอาชญากรที่ทำความผิดมหันต์

จำนวนคนอีกฝ่ายมาก เห็นซูย้าวราวกับแมลงวันหัวโตเห็นเลือด ถามพลางเดินเข้ามาบีบใกล้เธอ

พื้นที่ตรงประตูหลังไม่กว้างมากนัก อีกฝ่ายคนเยอะเช่นนี้ หลินเวย กลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้น ใช้ร่างกายปกป้องซูย้าว และยังต้องตอบคำถามที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมของพวกนักข่าว

“ลูกความของดิฉันถูกใส่ความ แม้แต่ศาลก็ตัดสินว่าไม่มีความผิด พวกคุณใช้คุณธรรมจับคนอื่นเป็นตัวประกัน พวกคุณสื่อมวลชนแต่ละคนควรจะมีคุณสมบัติและจรรยาบรรณวิชาชีพไม่ใช่หรือ”

“อีกอย่างนะ เอาเด็กมายุ่ง ทุกท่านก็มีหลายคนเป็นผู้หญิง หรือว่าพวกคุณหวังว่าวันหนึ่ง ตัวเองท้องเป็นแม่คน จะถูกคนอื่นมาสั่งสอนอย่างนี้หรือ”

หลินเวยไม่ใช่พระโพธิสัตว์ เมื่อถูกยั่วโมโหแล้ว คำพูดเหมือนยิงปืนกล ไม่เกรงกลัวสักนิด

พวกนักข่าวยังไม่ยอมถอย “ประการแรก พวกเราไม่ใช่อาชญากร และไม่เกี่ยวข้องกับการจับตัวประกัน และไม่มีทางนอกจากสามี คบหาและมีชู้ ต้องการจับคนอื่นเป็นตัวประกัน ทำเรื่องที่เสียภาพลักษณ์!”

“อีกประการ ทนายหลิน ไม่สนใจผู้เสียหาย ช่วยผู้ต้องสงสัยชี้แจง นี่สอดคล้องกับคุณสมบัติและจรรยาบรรณวิชาชีพทนายความหรือเปล่า”

เห็นชัดว่าเป็นการยั่วยุ เมื่อไม่มีทางทำให้ซูย้าวโกรธ ก็หันมายั่วโมโหหลินเวย อาศัยตอนที่หลินเวย ชี้แจงกับพวกเขา ไม่รู้ว่าใคร ท่ามกลางฝูงชนก็มีคนผลักเต็มแรงจากด้านหลังขึ้นมาด้านหน้า

ชั่วอึดใจคนกลุ่มใหญ่ยืนไม่มั่นคงล้มลงมาตรงกลาง และยังมีช่างภาพที่ถืออุปกรณ์ไม่มั่นคง ล้มลงใส่กลุ่มคน

ในสถานการณ์ฉุกเฉิน หลินเวยรีบใช้ตัวกำบังซูย้าว แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น คนที่ล้มลงมามีมาก การปกป้องของเธอจะช่วยอะไรได้

ซูย้าวถูกฝูงชนผลักล้ม บนตัวยังถูกคนทับ อุปกรณ์ถ่ายภาพหนักอึ้ง กระแทกขาของเธอ

ความเจ็บปวดรุนแรง มาจากร่างกายช่วงล่างในพริบตา ซูย้าวลูบท้องโตโดยสัญชาตญาณ ใบหน้าเจ็บปวดซีดเผือด

“ซูย้าว!” หลินเวย เห็นท่าไม่ดี รีบผลักคนที่ล้มทับเธอ สีหน้าถมึงทึงตวาดเสียงดัง “ลูกความของฉันยังท้องอยู่ นี่เป็นเลือดเนื้อของลี่เฉินซีประธานกรรมการบริหารบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ต่อให้พวกเขาหย่าแล้ว แต่ลูกก็ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าเด็กคนนี้เป็นอะไรไป ทุกคนในที่นี้ หนีความรับผิดชอบไปไม่พ้น!”

คำพูดนี้ของ หลินเวย ทำให้ทุกคนตกใจจนอึ้งกันไปหมด

อาศัยจังหวะนั้น หลินเวย รีบประคองซูย้าว ขึ้นรถให้เร็วที่สุด ไปโรงพยาบาล

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset