เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 454 คุณทำให้คนอิจฉาจริงๆ

นอกบานหน้าต่างเครื่องบิน สีฟ้าอ่อนของผืนฟ้าและทะเลหมอก แสงอาทิตย์อันเจิดจ้าเปล่งประกายดึงดูดสายตา

ส่วนที่เปล่งประกายยิ่งกว่า คือการที่หานฉ่ายหลิงหันหน้าไปด้านข้างเล็กน้อยก็สามารถมองเห็นคนที่รักอยู่ข้างกาย เธอคล้องแขนลี่เฉินซี เอนศีรษะซบลงบนไหล่เขา

“เฉินซี ดูเหมือนว่าจะจองชุดแต่งงานชุดนั้นเร็วเกินไปหน่อยนะคะ!” เธอเอ่ยเสียงเบา น้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะ

ลี่เฉินซียิ้มน้อยๆ “เร็วอะไรกัน ตอนนี้จองไปแล้ว ประมาณปลายเดือนก็น่าจะได้รับแล้ว!”

“อืม ไซส์และแบบล้วนเลือกเรียบร้อยแล้ว รอแค่ให้อาจารย์ออกแบบด้วยตัวเอง เมื่อออกแบบเสร็จแล้วก็จะส่งภาพให้ฉันดูทันที!” หานฉ่ายหลิงปกปิดความยินดีในใจที่พุ่งสูงได้ยาก

เดิมคิดว่าการที่ตัวเองในปารีสครั้งนี้ ต้องแยกจากลี่เฉินซีเกือบจะเดือนหนึ่ง เขาบอกว่าไปออสเตรเลีย แต่ความจริงแล้วเธอรู้ดีว่าเขาไปที่ใดกันแน่ ดังนั้นจึงปล่อยให้เขาอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อซูย้าวคนนั้น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตนเอง แต่กลับคิดไม่ถึงว่า เขาจะดั้นด้นจากแดนไกลมารับตัวเองที่ปารีส ทั้งยังขอร้องให้จองชุดแต่งงานชุดนั้นเอาไว้ด้วย

อาจารย์ออกแบบด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะฝีมือหรือตัดเย็บ สามารถพูดได้ว่าเป็นหนึ่งไม่มีสอง ทั่วโลกมีเพียงแค่ตัวเดียว

เธอแทบจะจินตนาการภาพตัวเองหลังจากสวมชุดแต่งงานชุดนั้นแต่งให้กับเขาได้ จะต้องกลายเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากที่สุดอย่างแน่นอน…

ในใจคิดเช่นนั้น สีหน้าก็มีความสุขอย่างที่ไม่ต้องพูดออกมาก็เข้าใจ ซบลงบนไหล่ของเขาต่อไป “เฉินซี คุณดีกับฉันมากจริงๆ!”

“คนโง่ คุณไม่ใช่คู่หมั้นของผมหรือ” เขาเอ่ยเสียงอ่อน มือใหญ่ลูบไปที่ศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน

ท่าทางที่เป็นธรรมชาติและให้ความใกล้ชิดเป็นอย่างมากจนแทบจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ

เหมือนกับตอนที่คบกันเมื่อหลายปีก่อนแบบเดียวกัน

เขาที่เป็นแบบนี้น่าจะไม่เผื่อใจอะไรเอาไว้ให้ตัวเองแล้วสินะ!

หานฉ่ายหลิงสงสัยในใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าเดาอะไรส่งเดช ทำได้เพียงแค่แสร้งทำเป็นหลอกตัวเองและผู้อื่น พยายามไม่คิดอะไรทั้งนั้น

“ช่ายหลิง คราวนี้คุณอยู่ที่ปารีส ตอนที่ไปเข้าชมนิทรรศการเครื่องแต่งกายได้พูดคุยเรื่องงานบ้างหรือไม่” จู่ๆลี่เฉินซีก็ถามขึ้นมา

ขณะเดียวกันกับที่เธอพยักหน้าก็ยืดตัวขึ้น “แน่นอนว่าต้องคุยสิคะ กรุ๊ป K มีชื่อเสียงในวงการเครื่องแต่งกายของยุโรปมาตลอด มีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง นักออกแบบภายใต้แบรนด์ก็ยอดเยี่ยม กรุ๊ป K มีโครงการที่ต้องการความร่วมมือกันอยู่ ฉันเตรียมตัวที่จะเข้าร่วมด้วย พยายามแบ่งปันผลประโยชน์สุดความสามารถ”

“ฟังดูแล้วไม่เลว!” เขาแสดงท่าทีออกมา

เธอกลับพูดว่า “คุณก็รู้ว่าจุดเด่นของฉันคือการออกแบบเครื่องแต่งกาย บริษัท HS หลังจากนี้ก็จะยึดสิ่งนี้เป็นหลัก และยังมีภัตตาคารหลิงเตี่ยนที่คุณมอบให้ฉันแห่งนั้นด้วย ฉันจะต้องจัดการบริหารให้ดีเช่นกัน”

“คุณพูดถึงหลิงเตี่ยน ปัญหาเรื่องบัญชีทางด้านนั้นคุณจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง” เขาถาม

หานฉ่ายหลิงเอ่ย “ตอนที่ฉันจากมายังเหลือส่วนสุดท้ายอีกนิดหน่อยที่ยังไม่ชัดเจน แต่ช่วงเวลานี้บรอนโคโนกลับมาแล้ว ก็ช่วยฉันแบ่งเบาภาระไปไม่น้อย ที่จริงก็จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ!”

“เช่นนั้นผลลัพธ์ล่ะ? เกิดปัญหาอะไรขึ้นจริงหรือไม่” ลี่เฉินซีเสียงอ่อน สายตาลุ่มลึกคู่นั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

เธอเม้มริมฝีปากยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ ก่อนหน้านี้เป็นฉันที่คิดมากไปเอง! ภัตตาคารแห่งหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าร้านจะได้รับความนิยมมาโดยตลอด ฉันก็พิจารณาเรื่องร้านสาขาอีกสองสามแห่ง แต่ล้วนเป็นบัญชีเล็กๆ ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไรหรอกค่ะ!”

“เช่นนั้นก็ดี!” ลี่เฉินซีกุมมือเธอเอาไว้ “ถ้าหากว่ามีเรื่องอะไรล่ะก็ ให้รีบบอกผมทันที ผมจะช่วยจัดการให้คุณ”

เธอพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “อืม มีคุณอยู่ ฉันก็วางใจเป็นอย่างมาก!”

เอ่ยจบแล้ว หานฉ่ายหลิงก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบเอ่ยว่า “หลังจากที่พวกเราแต่งงานกันแล้ว ทางด้านบริษัท HS ฉันแค่แขวนชื่อเอาไว้ก็พอ ส่วนเรื่องอื่นๆก็มอบให้คุณจัดการแล้วกันค่ะ!”

“คุณเพียงแค่แขวนชื่อหรือ” น้ำเสียงเขามีความตกตะลึงหลายส่วน

หานฉ่ายหลิงกลับมีท่าทีแน่วแน่ “พวกเราแต่งงานกันแล้วก็เป็นสามีภรรยากัน ของฉันก็เป็นของคุณไม่ใช่หรือคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หรือว่าจะรวมบริษัท HS กับบริษัทลี่ซื่อเข้าด้วยกันก็ได้ แม้ว่าบริษัท HS จะไม่ได้มีพื้นฐานกิจการที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ถือว่าเป็นกิจการขนาดกลางแล้ว น่าจะมีส่วนช่วยเหลือบริษัทของคุณได้บ้าง!”

เมื่อได้ยิน ลี่เฉินซีก็เพียงแค่มองเธอด้วยสายตาเรียบๆ เบื้องลึกของนัยน์ตาล้วนเป็นความซับซ้อนที่เธอบอกได้ว่าเห็นแล้วไม่เข้าใจ ผ่านไปเนิ่นนานถึงได้เอ่ยว่า “เรื่องพวกนี้ล้วนไม่รีบร้อน หลังจากนี้ก็ค่อยๆคุยกัน!”

“อืม ถึงอย่างไรพวกเราก็ยังมีเวลาอีกยาวนาน ไม่รีบร้อน!” หานฉ่ายหลิงจมอยู่ในความหวานซึ้งที่เขามอบให้ และเอนซบไหล่ชายหนุ่มอีกครั้งอย่างยากที่จะหลุดออกจากสภาวะนี้

ภายในประเทศ ซูย้าวที่สิ้นสุดการท่องเที่ยวในต่างประเทศยี่สิบกว่าวันก็กลับมาพักผ่อนวันหนึ่งและเริ่มทำงานอย่างเป็นทางการ

เพิ่งจะไปถึงบริษัท พนักงานฝ่ายขายทั้งหมดล้วนฉลองให้กับเธอ สารพัดดอกไม้และลูกโป่ง ทุกคนล้วนปรบมือและเอ่ยว่า ‘ประธานซู ลำบากแล้ว!’

เมื่อเห็นภาพทั้งหมดนี้ ซูย้าวก็แค่ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ และกลับไปยังห้องทำงาน ปักดอกไม้ใส่แจกัน หลังจากนั้นก็ส่งบัตรใบหนึ่งให้กับผู้ช่วย เพื่อให้เธอไปซื้อขนมขบเคี้ยวต่างๆมาเลี้ยงคนทั้งหมด

พอนั่งลง แต่ยังไม่ทันจะได้เปิดคอมพิวเตอร์ เสียงเคาะประตูก็ลอยมาเข้าหู

ซูย้าวเงยหน้าขึ้นก็เห็นหลินหวั่นหญิงรวมไปถึงโอวหยางเช่อที่เดินตามหลังเธอเข้ามา

เธอก็ลุกขึ้นอย่างมีมารยาทและเอ่ยว่า “ประธานโอว รองประธานหลิน”

“ประธานซู มีความสามารถโดดเด่นมากจริงๆ! ไปต่างประเทศครั้งหนึ่งก็ยังจัดการความขัดแย้งระหว่างบริษัทเจียงหย่วนกับเราได้อย่างสบายๆ ไม่เพียงแต่เท่านั้น ฝ่ายตรงข้ามยังถอนฟ้องอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ เป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าเฉลิมฉลองจริงๆ!”

น้ำเสียงของหลินหวั่นหญิงนั้นแปลกประหลาด ใบหน้างัวเงีย รอยยิ้มเย็นชานั้นดูไม่จริงใจมากเท่าไร ก็ไม่จริงใจมากเท่านั้น

ซูย้าวที่เห็นท่าทางของเธอจนเคยชินไปนานแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่สบอารมณ์อะไร เพียงแค่ตอบกลับไปประโยคหนึ่งว่า “รองประธานหลินชมเกินไปแล้วค่ะ ก็แค่ทำให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง! เป็นประธานเจียงต่างหากที่ใจกว้าง ไม่จดจำความแค้น ต้องยกความดีความชอบนี้ให้กับประธานเจียงค่ะ”

“ไม่เลวเลย! ประธานซูออกไปรอบหนึ่งก็สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานเจียงได้ทันที คิดให้ละเอียดแล้ว ก็เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวเลยจริงๆ!”

หลินหวั่นหญิงสังเกตเธอแล้ว ริมฝีปากแดงก็ยิ้มหวาน เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “น่าอิจฉาหญิงโสดอย่างประธานซูจริงๆ ถึงได้จัดการความขัดแย้งนี้ได้อย่างง่ายดาย ไม่เหมือนกับพวกเรา แต่ละคนล้วนมีแฟนหนุ่ม ออกไปจัดการเรื่องราวอะไรก็ไม่สะดวก!”

เมื่อสิ้นสุดเสียง ซูย้าวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

คำพูดนี้ของหลินหวั่นหญิงหมายความว่าอะไรกัน

หรือจะบอกว่า เธอใช้เงื่อนไขที่ตัวเองโสดออกไปสร้างความสัมพันธ์ส่งเดชกับเจียงจี้เซิงหรอกหรือ?!

พูดจาเย้ยหยันถากถาง ค่อนขอดประชดประชันอย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย!

คิดว่าจะรังแกซูย้าวได้ง่ายๆเช่นนั้นหรือ

แม้ว่าในใจจะไม่สบอารมณ์ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของซูย้าวก็ไม่สามารถลดลงได้ จนถึงขั้นเสียงที่เอ่ยออกมาก็ยังนุ่มนวล “รองประธานหลิน ถ้าหากว่าอิจฉาล่ะก็ คุณก็สามารถกลับไปเป็นโสดได้ทันทีนะคะ! เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ว่าง่ายมากหรอกหรือ เหตุใดจะต้องอิจฉาคนอื่นด้วยกัน”

“ไอ้หยา เรื่องความรักพวกนี้จะพูดว่าเป็นโสดก็เป็นเลยได้อย่างไรกัน แม้ว่าฉันจะเสียดาย แต่เกรงว่าเช่อจะตัดใจไม่ลงน่ะสิ!”

หลินหวั่นหญิงเอ่ย มือเรียวบางคล้องเขาที่แขนของโอวหยางเช่อทันที ใบหน้ายิ้มแย้มงดงามมองไปทางชายหนุ่ม แต่ได้รับเพียงแค่ใบหน้าเฉยชาของชายหนุ่มเป็นการตอบรับ

โอวหยางเช่อปล่อยมือเธอออกโดยไม่พูดอะไร เอ่ยเสียงเบาว่า “ประธานซูเหน็ดเหนื่อยมาตลอด สามารถพักผ่อนสักหลายวันได้! ไม่ว่าจะพูดอย่างไร คราวนี้ประธานซูก็มีคุณงามความดี เงินโบนัสเดือนนี้เพิ่มสามเท่า”

“เช่นนั้นก็ขอบคุณประธานโอวแล้ว” ซูย้าวตอบกลับเสียงเรียบ

โทสะของหลินหวั่นหญิงชัดเจนขึ้นในพริบตา เอ่ยต่อทันทีว่า “คุณงามความดีก็ส่วนคุณงามความดีสิ แต่ในเมื่อประธานซูสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัทเจียงหย่วนแล้ว เช่นนั้น เรื่องที่ต้องร่วมมือกันในลำดับต่อไป ก็ต้องรบกวนประธานซูแล้ว!”

ล้วนทราบกันดีว่า คดีความของบริษัทเจียงหย่วนสามารถเรียกได้ว่าเป็นเผือกร้อน ก่อนหน้านี้บีบบังคับมอบให้กับซูย้าว ตอนนี้กลับผลักให้เธอ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!

“รองประธานหลินลืมไปได้อย่างไรกันคะว่าคดีความนี้ ก่อนหน้านี้ประธานโอวมอบหมายให้คุณรับผิดชอบไม่ใช่หรือ” เธอรีบปฏิเสธอย่างอ้อมค้อมทันที

หลินหวั่นหญิงก็เอ่ยว่า “นั่นเป็นเรื่องเดือนหนึ่งก่อนหน้านี้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ก็ยากที่ประธานซูจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานเจียงได้ เมื่อเป็นแบบนี้ต่อไป ก็ถือว่าเป็นการพายเรือตามน้ำสิคะ ง่ายมากเลยนะ!”

“ในเมื่อง่ายขนาดนี้ เช่นนั้นก็ให้รองประธานหลินเป็นผู้รับผิดชอบเองจะดีกว่าค่ะ!” ซูย้าวเอ่ยเสียงเย็น ไม่อยากรับเอาไว้แม้แต่น้อย

หลินหวั่นหญิงชะงัก “ประธานซู คุณหมายความว่าอะไรคะ ในเมื่อกระทั่งเรื่องกฎหมายคุณก็จัดการเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นปัญหาเล็กๆอย่างเรื่องการร่วมมือกัน สำหรับคุณก็ยิ่งสบายมากนิคะ!”

“รองประธานหลินอาจจะลืมไปแล้วว่า ครั้งนี้ที่ฉันขอลาหยุดไปทำงานนอกสถานที่ หลักๆก็ไม่ใช่เพื่อจัดการงานของบริษัท แต่มีเน้าหมายเกี่ยวกับคดีฟ้องร้องที่ประธานเจียงมีต่อฉัน แต่ทำอย่างไรได้ ประธานเจียงปฏิบัติตัวอย่างตรงไปตรงมา จึงถอนข้อกล่าวหาในการทำงานด้วยเช่นกัน ถือเป็นโอกาสในการแสดงน้ำใจ ก็เป็นประธานเจียงที่ทำ สรุปแล้วคดีความนี้ก็ยังต้องให้รองประธานหลินลำบากอีกหน่อยแล้ว!”

ซูย้าวเอ่ยพูดไม่กี่คำก็อธิบายได้ชัดเจน

หลินหวั่นหญิงตัวแข็งทื่อพูดไม่ออก มึนงงไปเล็กน้อย เมื่อมองไปทางโอวหยางเช่อ ฝ่ายตรงข้ามก็เพียงแค่เอ่ยอย่างเย็นชาประโยคหนึ่ง “คดีความนี้เดิมก็เป็นของคุณ คุณรับผิดชอบเองแล้วกัน!”

“ฉัน…”

หลินหวั่นหญิงกระอักกระอ่วนจนพูดไม่ออก ชั่วขณะหนึ่งกลับไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset