เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 481 ฉันมีแผนการหนึ่ง

เช้าวันต่อมา ซูย้าวส่งเตียวเตียวไปโรงเรียนแค่คนเดียว หลังจากนั้นก็พาลูกสาวไปที่โรงพยาบาล

“ซีซีจ้า เมื่อก่อน คุณแม่เคยบอกกับหนูว่าหนูยังมีพี่ชายคนหนึ่ง จำได้มั้ยจ้า?”ระหว่างที่เธอพูดก็ได้มองสาวน้อยที่นั่งอยู่ฝั่งข้างคนขับด้วย

ซีซีพยักหน้า ทำท่าเหมือนจะบอกว่าเธอจำได้

“ก่อนหน้านี้ พี่ชายของหนูไม่สบาย ถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายดี แต่ว่า ตอนนี้แม่จะพาหนูไปเยี่ยมพี่เขานะคะ หนูไปอยู่เป็นเพื่อนพี่ ดีมั้ยจ้า?”

ซีซีคิดๆดู สุดท้ายก็ก้มหน้า เหมือนรับปาก

ซูย้าวมองหน้าลูกสาวแล้วยิ้ม ยกมือลูบหัวเธอเบาๆทีหนึ่ง และระหว่างนั้น มือถือของเธอก็ดังขึ้นพอดี

พอเห็นชื่อที่ปรากฏบนมือถือแล้ว ยังไม่ทันได้รับสาย เธอก็ขมวดคิ้วไว้ก่อนแล้ว คิดไตร่ตรองอยู่นาน สุดท้ายก็ยอมรับสาย

“Jock”

ปลายสายมีเสียงไพเราะของผู้ชายดังมา“เรื่องของคุณผมได้ยินมาหมดแล้วนะ และใบลาออกของคุณผมก็ได้รับแล้ว”

“ค่ะ แล้วตอนนี้ Jockคืออยากบอกฉัน……”เธอลากเสียงยาวเหมือนกำลังรอคำตอบของอีกฝ่าย

เสียงผู้ชายดังมาจากปลายสาย“ผมขอปฏิเสธ ซูย้าว คุณน่าจะรู้ดีสุด ผมไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่ อย่าว่าแต่สูญเสียเงินหลายร้อยล้านเลย ถึงจะมากกว่านี้อีกหลายเท่า เมื่อเทียบกับกำไรที่คุณทำให้กับบริษัทแล้ว นี่ก็แค่เศษเงิน”

ได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เธออดยิ้มมุมปากไม่ได้“คุณชมเกินไปแล้วค่ะ ฉันก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ชมขนาดนี้ ฉันรับไม่ไหวหรอกนะคะ”

“ที่ผมพูดคือความจริง คุณเองก็ฉวยโอกาสนี้พักผ่อนให้ดีๆ คิดดีแล้วค่อยกลับมาทำงานต่อเถอะนะ!ถ้าคุณไม่อยากอยู่ในประเทศ ก็สามารถกลับมาทำงานฝั่งนี้ได้ หรือว่าอยากจะไปที่อื่น ก็แล้วแต่คุณจะเลือกเอง”

ขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะวางสายนั้น ซูย้าวก็รีบพูด“ขอโทษจริงๆนะคะ Jock ฉันตัดสินใจแล้วค่ะ จะไม่กลับไปทำต่ออีก!”

เธอได้ตัดสินใจที่จะออกจากบริษัทจู้สือกรุ๊ปตั้งนานแล้ว และเรื่องครั้งนี้ ก็แค่เป็นโอกาสพลิกผันเล็กๆก็แค่นั้น

“คุณคิดดีแล้วหรอ?”

เธอตอบโดยไม่ต้องคิด“ค่ะ ฉันคิดดีแล้ว เพราะฉะนั้น Jock คุณก็อย่าทำให้ฉันลำบากใจอีกเลยนะคะ!”

หลังจากวางสาย ซูย้าวก็ถอนหายใจทีหนึ่ง แต่การที่สามารถหลุดพ้นจากบริษัทจู้สืออย่างง่ายดายแบบนี้ เหมือนมันจะง่ายเกินไปหรือเปล่า เธอรู้สึกอยู่ตลอดเวลา เหมือนต้องมีอะไรเกิดขึ้นอีกแน่ๆ หรืออาจจะเป็นเพราะเธอคิดมากไปเอง

โดยไม่รู้เลยว่า ทันทีที่เธอวางสาย อีกด้านหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก ฝั่งเมืองเฟ่ยเฉิง ผู้ชายผมทอง ดวงตาสีฟ้าที่นั่งอยู่บนโซฟาค่อยๆวางมือถือลง ดวงตาที่จับจ้องเกมหมากรุกตรงหน้าคมเข้มขึ้น

นานพักหนึ่ง ถึงหยิบมือถือขึ้นมาโทรอีกครั้ง

หลังจากมีคนรับสายแล้วก็พูด“เธอลาออกจากงานแล้ว ผมช่วยคุณได้แค่นี้แหละ ที่เหลือ คุณจัดการเองแล้วกัน!”

หยุดไปสักพัก ผู้ชายเหมือนจะนึกอะไรออกแล้วพูดต่อ“คุณคงไม่ได้ลืมหรอกนะ ว่าก่อนหน้านี้รับปากอะไรผมไว้?คุณเพ้ยส้าวหลี่”

หลังได้รับคำตอบแล้ว ก็วางสายไป

ในห้องทำงานของประธานบริษัทเพ้อซื่อกรุ๊ปในประเทศ เพ้ยส้าวหลี่นั่งอยู่บนเก้าอี้เถ้าแก่ที่สวยงามประณีต แล้วหมุนเก้าอี้รอบหนึ่งโดยที่ในมือจับมือถือเล่นอยู่ นั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆก็ลุกขึ้นมา หยิบกุญแจรถที่อยู่บนโต๊ะแล้วเดินตรงออกไป

อาคารสำนักงานของบริษัทHSใจกลางเมือง

ห้องทำงานประธานที่อยู่ชั้นบนสุด ผู้ช่วยเพิ่งส่งชุดเจ้าสาวมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วหานฉ่ายหลิงก็ได้เปิดออกมาให้กัวหลินดู

คำชื่นชมไม่ขาดหู ทุกคนที่เห็นชุดเจ้าสาว ต่างก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตะลึง นอกจากฝีมือตัดเย็บจะประณีตแล้ว ยังมีดีไซน์และเครื่องประดับที่สวยหรูอีกด้วย หาซื้อในท้องตลาดทั่วไปไม่ได้อย่างแน่นอน

สมกับเป็นฝีมือของดีไซเนอร์ชื่อดังจริงๆ

ไม่เพียงแค่นี้ กัวหลินที่ไม่เคยสนใจเรื่องใดๆ วินาทีที่ได้เห็นชุดเจ้าสาวก็อดรู้สึกตะลึงไม่ได้ จากนั้นก็พูด“ประธานหานคะ เห็นทีการรอคอยของคุณคุ้มค่ามากเลยนะคะ ขอแสดงความยินดีล่วงหน้านะคะ!”

หานฉ่ายหลิงยิ้มบางๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวานชื่น

และเวลานี้ จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังมา

หลังจากที่หานฉ่ายหลิงพูด‘เข้ามา’คำหนึ่ง พอประตูเปิดออก เพ้ยส้าวหลี่ก็เดินเข้ามาอย่างน่าเกรงขาม คนอื่นๆรีบออกไปทันที เหลือแต่หานฉ่ายหลิงกับกัวหลินสองคน

“ประธานหาน ประธานเพ้ยคะ ดิฉันอย่างมีธุระ ขอตัวก่อนนะคะ”กัวหลินสำรวจแววตาของผู้ชาย สังเกตเห็นสีหน้าอารมณ์เขาไม่สู้ดีเท่าไหร่ เลยหาข้ออ้างขอตัวออกไปก่อน

เมื่อในห้องทำงานเหลือแค่เขากับเธอสองคน หานฉ่ายหลิงถึงเปิดปากพูด“มีธุระอะไรนั้นหรอ?”

สายตาของเพ้ยส้าวหลี่จดจ่ออยู่ที่ชุดเจ้าสาวที่อยู่ในกล่อง แล้วยิ้มอย่างเยาะเย้ย“ทำไม ไม่มีธุระแล้วมาไม่ได้งั้นหรอ?”

หานฉ่านหลิงเดินเลี่ยงเขาในทันที ไม่รู้เพราะอะไร ทุกครั้งที่ใกล้ชิดกับเพ้ยส้าวหลี่ ทำให้เธอรับไม่ได้กับแววตาและคำพูดคำจาที่สอดไปทางเชิงชู้สาวของเขาที่เผยออกมาอย่างธรรมชาติแบบนั้น

“มีธุระก็รีบพูด ถ้าไม่มี ฉันยังมี……”

หานฉ่ายหลิงยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของผู้ชายดังขึ้น เธออึ้งแล้วหันไปมองเขา“เพ้ยส้าวหลี่ คุณมามีธุระอะไรกันแน่?”

“เห็นชุดเจ้าสาวนี่ของคุณแล้ว เรื่องงานแต่งของคุณกับประธานลี่คงใกล้เข้ามาแล้วสินะ?”เขาพูดอย่างเรียบเฉย แล้วเดินเข้าไปนั่งที่โซฟา

หานฉ่ายหลิงพูด“ใกล้ถึงงานแต่งแล้วไง?ฉันกับเขาหมั้นกันไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว จะแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร?”

“ก็แค่คุณคิดว่ามันไม่แปลกในความคิดของคุณเท่านั้น!”

คำเดียว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าได้ทำให้หานฉ่ายหลิงหมดอารมณ์เลย

เธอพูดอย่างไม่พอใจ“ถ้าคุณมาแค่จะคุยเรื่องนี้กับฉันละก็ พอแค่นี้เถอะค่ะ!ไม่ต้องพูดให้เปลืองน้ำลายหรอกนะ!”

“ว้าว เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้คุณเชื่อใจลี่เฉินซีมาก!”เพ้ยส้าวหลี่แอบยิ้มมุมปาก รอยยิ้มดูพิลึกเหมือนมีเลศนัย

หานฉ่ายหลิงขมวดคิ้วทีหนึ่ง“เขาเป็นว่าที่คู่หมั้นของฉัน และเป็นผู้ชายที่ฉันรัก เชื่อใจเขามันผิดตรงไหน?”

“คุณเห็นเขาเป็นว่าที่คู่หมั้น เป็นคนที่คุณรัก เกรงว่าในใจเขา คุณคงไม่มีทางจะแทนที่ใครบางคนได้เลย”

คำพูดไม่กี่คำของอีกฝ่าย ได้เร้าโทสะในใจหานฉ่ายหลิงขึ้นมา สีหน้าเธอเริ่มเปลี่ยนแต่ก็ยังคงพูด“ถึงจะแทนที่แล้วยังไง?ไม่ว่ายังไง เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องของทั้งชีวิต หลายสิบปีหลังจากนี้ มีแต่ฉันที่จะเป็นคนอยู่เคียงข้างเขา พอเวลาผ่านไป เขาต้องลืมผู้หญิงคนนั้นได้สักวันแน่!”

เรื่องถึงตอนนี้แล้ว หานฉ่ายหลิงก็ไม่อยากจะแย่งชินอะไรกับซูย้าวอีก ขอแค่เธอได้แต่งงานกับลี่เฉินซีอย่างราบรื่น ใช้ชีวิตอย่างเคารพซึ่งกันและกันกับเขา เวลาผ่านไป เธอต้องกลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขาได้อย่างแน่นอน

แต่ว่า จินตนาการที่สวยงามนี้กลับถูกคำพูดไม่กี่คำของเพ้ยส้าวหลี่ทำลายหมดสิ้นในที่สุด

“คงจะมีสักวัน เขาอาจจะลืมซูย้าวได้ แต่ว่า คุณอย่าลืมสิ ระหว่างพวกเขายังมีลูกอยู่นะ!”

หยุดไปครู่หนึ่ง เพ้ยส้าวหลี่ก็พูดต่อ“ตอนนี้ พูดเรื่องพวกนี้กับคุณอาจจะเร็วไปหน่อย ฉ่ายหลิง ขอแค่คุณยังไม่ได้แต่งงานกับเขาอย่างเป็นทางการ เรื่องอื่นก็ยิ่งไม่ต้องคิดเลย”

เขาลุกขึ้นมาแล้วเดินไปหาเธอ รูปร่างที่สูงใหญ่ค่อยๆน้อมตัวลงมาจับผมของเธอทัดหู แล้วยิ้มบางๆ“คุณว่าใช่มั้ย?”

หานฉ่ายหลิงอยู่ในอาการสับสน แม้แต่คำพูดที่พูดออกมายังสั่น“คุณ ทำไมคุณต้องมาพูดเรื่องพวกนี้กับฉันด้วย?”

“เพราะว่า……”

เพ้ยส้าวหลี่ตั้งใจลากเสียงยาว สำรวจขนตายาวที่กะพริบตาปริบๆของผู้หญิง ดวงตาเผยให้เห็นความได้ใจกับการล่าเหยื่อได้สำเร็จ น้ำเสียงที่มีแรงดึงดูด ทุ้มต่ำและไพเราะมาก“เพราะผมไม่อยากเห็นคุณต้องทนทุกข์เสียใจ อยากให้คุณได้ในสิ่งที่ต้องการไงครับ”

หานฉ่ายหลิงกะพริบตาปริบๆแล้วตั้งสติ“เพราะอย่างนี้ คุณเลยอยากช่วยฉัน?”

“ถ้าจะพูดว่าช่วยคุณ สู้บอกว่าเรามาร่วมมือกันจะดีกว่า พอถึงตอนนั้น เราต่างได้ในสิ่งที่ต้องการ มันก็ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ชนะกันทั้งคู่ไม่ใช่หรอครับ?”เพ้ยส้าวหลี่พูดจุดประสงค์ที่แท้จริงของตัวเองออกมา

เธอคิดทบทวนคำพูดของเขา ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ต่างได้ในสิ่งที่ต้องการ

“ที่คุณต้องการคือ……”

เขามองหน้าเธอ“คุณอยากแต่งงานกับเขา กลายเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา สามารถครองรักกับเขาไปนานๆ เป็นคู่รักที่เหมาะสมดีพร้อมทั้งคู่”

เพ้ยส้าวหลี่ฉลาดมาก เขาไม่พูดความต้องการของเขาออกมาตรงๆ แต่หลายๆที่ก็ได้เผยความคิดที่แท้จริงของเขาออกมา

“ที่คุณต้องการคือ……ซูย้าว?”หานฉ่ายหลิงรู้สึกไม่น่าเชื่อ

สีหน้าเขากลับเงียบสงบ“ทำไม?น่าแปลกใจมากเลยหรอ?”

“ไม่ใช่ว่าน่าแปลกใจหรอนะ แค่……”

แค่ทุกคนนึกว่าที่เพ้ยส้าวหลี่มีใจให้กับซูย้าวก็เพราะลี่เฉินซี คิดว่าเป็นแค่การเสแสร้งของเขาไม่ได้จริงใจอะไร แต่พอเห็นเขาจริงใจแบบนี้ ทำให้คนรู้สึกยากที่จะเชื่อ

“ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว ผมมีแผนการหนึ่ง ต้องการให้คุณมาช่วย จะสำเร็จหรือไม่ ทั้งหมดก็อยู่ที่คุณแล้ว”เขาพูด

หานฉ่ายหลิงได้ยินแล้วขมวดคิ้วทันที“อยู่ที่ฉัน?”

“ถูกต้อง ความสุขอยู่ในกำมือของเรา ถ้าคุณสามารถกำมันไว้ได้ คุณก็จะสามารถปกป้องความสุขที่คุณอยากได้ ตรงกันข้ามนั้น ทั้งหมดก็สูญสลาย”เพ้ยส้าวหลี่มองหน้าเธอ ใบหน้าหล่อเหลาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset