เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 492 คุณควรจะคิดถึงตัวเองบ้าง

อะพาร์ตเมนต์ห้อง109 ถนนอานชิ่ง อีกเดี๋ยวจะกลับมา

ข้อความขนาดเล็ก ทำให้สีหน้าซูย้าวดูยุ่งเหยิง

มันคือข้อความที่หานฉ่ายหลิงส่งมา ซูย้าวเหลือบตามองเวลา ซึ่งใกล้เที่ยงคืนแล้ว เวลานี้หานฉ่ายหลิงจะกำลังทำอะไรอยู่นะ?

แม้ว่าใจจะเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ แม้ว่าเดาได้ว่าหานฉ่ายหลิงอาจจะกำลังวางแผนการไม่ดีอะไรอยู่ แต่เมื่อนึกถึงซีซีกับชาร์ลี ซูย้าวก็คิดจนเลิกคิด จากนั้นเธอก็คว้าเสื้อโค้ทพร้อมกับกระเป๋าลงไปชั้นล่างทันที

เมื่อเธอขับรถมาถึงอะพาร์ตเมนต์ ทางไกลนั้นผ่านทั้งแสงไฟรถและไฟถนนที่สว่างไสว เธอก็มองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยื่นอยู่หน้าอะพาร์ตเมนต์

ภายใต้ความมืดมิดยามค่ำคืน หญิงสวยน่ารักร่างเล็ก คลุมเสื้อโค้ทยาว ทั้งมองเวลาที่นาฬิกาบนข้อมือ ทั้งมองรถที่ผ่านไปผ่านมา จากสีหน้า เธอดูร้อนใจมาก

ซูย้าวตะลึง ขับรถไปหยุดข้างๆ พร้อมผลักเปิดประตูลงไป

หานฉ่ายหลิงเหลือบตามองมาที่ซูย้าวที่กำลังเดินไปใกล้ เธอรีบร้อนหมุนตัวเดินจะเข้าอะพาร์ตเมนต์ เดินไปพูดไปว่า “เธอรอแป๊บหนึ่ง”

ซูย้าวหยุดอยู่ที่ประตูทางเข้าอะพาร์ตเมนต์ สายตาก็จ้องมองไปที่แผ่นหลังของหญิงสาวอย่างไม่ตั้งใจ แล้วความรู้สึกไม่แน่ใจก็ค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้น

ผ่านไปครู่ใหญ่ หานฉ่ายหลิงก็ออกมาจากอะพาร์ตเมนต์ พร้อมกับในอ้อมแขนที่อุ้มเด็กไว้ ซึ่งก็คือซีซี

เธอหลับไปแล้ว ตัวถูกห่อด้วยผ้าห่มไหมพรม ร่างเล็กๆ ของเด็กหญิงมุดอยู่กับอก ใบหน้าที่หลับใหลอย่างเงียบสงบนั้น ช่างสวยงามเหลือเกิน

ซูย้าวเหม่ออยู่อย่างนั้น ไม่ทันได้ทำอะไร หานฉ่ายหลิงก็เดินมาอยู่ข้างหน้าเธอ พร้อมกับส่งเด็กให้

“นี่คุณจะ…” ซูย้าวยังไม่รับเด็ก แต่ชิงถามคำถามขึ้นมา

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอติดต่อกับหานฉ่ายหลิง เธอไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้

หานฉ่ายหลิงเห็นเธอนิ่ง จึงถือโอกาสยัดเด็กส่งให้เธอ จากนั้นก็พูดขึ้น “อย่าเข้าใจผิดล่ะ แค่ซีซีอยู่กับฉันที่นี่ ไม่กินไม่ดื่มเลย ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันเกรงว่าเธอจะป่วยอีก แล้วจะแย่เอา”

ซูย้าวอุ้มลูกสาวไว้ในอ้อมแขน สายตาแสดงความไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อย ต่างคนต่างมองหน้ากัน “แค่นี้เองเหรอ?”

หานฉ่ายหลิงสูดหายใจเข้าลึก สายลมยามค่ำคืนพัดผมยาวของเธอปลิวยุ่งไปหมด “ไม่ว่าจะยังไงเธอก็เป็นลูกของเฉินซีเหมือนกัน ฉันไม่อยากให้เขาว่าโทษอะไรฉันได้”

คำอธิบายนี้ ฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด

ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนที่เธอทั้งเย่อหยิ่งพร้อมตัดขาดและลักพาตัวลูกหนีไป ครั้งนี้กลับคืนลูกให้อย่างง่ายดาย ระหว่างนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อะไรที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนใจของหานฉ่ายหลิงและเปลี่ยนความตั้งใจของเธอได้

เมื่อเห็นหน้าของซูย้าวที่เต็มไปด้วยกังวล หานฉ่ายหลิงก็พูดขึ้นอีกว่า “เธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ ยังไงซีซีก็อยู่กับเธอแล้ว และชาร์ลีก็อยู่กับฉันที่นี่ ซูย้าว ถ้าเธออยากได้ชาร์ลีกลับไป เธอต้องเชื่อฟังและรับปาก เชื่อฟังฉัน ถ้าไม่เช่นนั้น คงไม่ต้องให้ฉันเตือนความจำหรอกใช่ไหม?”

ซูย้าวมองไปที่เธอ ดวงตาค่อยๆ หม่นลง แม้เธอจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่แววตาที่ไร้ความอดทนและไม่เห็นด้วยก็ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน

หานฉ่ายหลิงไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับเธออีก พร้อมกระแอมเบาๆ แล้วพูดทิ้งท้ายไว้ว่า “เธอพาซีซีกลับไปก่อนเถอะ ถ้าฉันมีอะไรจะติดต่อเธอไป!” พูดจบ เธอก็หันหลังกลับเข้าอะพาร์ตเมนต์ทันที

เหลือเพียงแค่ซูย้าวคนเดียว ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น อุ้มลูกสาวไว้ในอ้อมแขนอยู่อย่างนั้น ใบหน้ากังวลปนยุ่งเหยิง เธอขมวดคิ้ว พร้อมบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่สักพัก จากนั้นอุ้มซีซีขึ้นรถไป

เช้าวันต่อมา

เมื่อซีซีลืมตาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอเห็นข้างตัวเธอ ก็คือซูย้าวนั่นเอง

เด็กหญิงตัวน้อยงงงวยไปชั่วครู่ ในวินาทีต่อมา เธอก็เอื้อมมือออกไปกอดซูย้าวไว้แน่น

เธอมองลูกสาวด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ พร้อมพูดอย่างอ่อนโยน “ซีซี คิดถึงแม่ไหม?”

ซีซีพยักหน้า พร้อมเงยหน้าขึ้นมองหน้าเธออย่างตั้งใจ แต่เพียงครู่เดียว น้ำตาก็เจิ่งนองขึ้นเต็มดวงตา

ซูย้าวเช็ดน้ำตาของลูกสาวอย่างมือไม้อ่อน พร้อมพูดเสียงเบา “ไม่ร้องนะ แม่อยู่นี่แล้ว วางใจได้ หลังจากไปแม่จะไม่ห่างลูกไปไหนอีก!”

เด็กหญิงตัวน้อยพยักหน้าอย่างแรงอีกครั้ง พร้อมซุกหัวเข้าไปที่อ้อมอกของซูย้าวอย่างแน่น ราวกับกลัวว่าอีกไม่กี่วินาทีถัดจากนี้จะมีคนมาพรากเธอแม่ลูกออกจากกันอีก

เนื่องจากไม่กี่วันนี้ซีซีไม่ได้กินข้าวเลย เพราะอย่างนั้นร่างกายจึงซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ซ้ำยังขาดน้ำเล็กน้อย นั่นยิ่งทำให้ซูย้าวหดหู่ใจไม่หยุด

เธอเคยสอนลูกว่า ห้ามกินของที่ได้รับจากคนแปลกหน้า และห้ามไปไหนกับคนแปลกหน้าด้วย

ตอนแรกที่หานฉ่ายหลิงพาซีซีไป เป็นการบีบบังคับ และเด็กก็ไม่สามารถทำอะไรได้

แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา ซีซีไม่ยอมกินไม่ยอมดื่มอะไรเลย ใครจะคิดว่าเด็กห้าขวบจะทำอะไรแบบนี้ เอาจริงเอาจังหาที่สุดไม่เจอจริงๆ

เธอพาหมอมา ให้ตรวจซีซีอย่างละเอียด อาการมีแค่ขาดน้ำและสารอาหารไม่เพียงพอ คุณหมอจ่ายยาพร้อมกับให้น้ำเกลือ จากนั้นก็กลับไป

ซูย้าวเข้าครัว ลงมือทำอาหารอร่อยๆ ให้ลูกสาวด้วยตัวเอง แต่เพราะไม่กี่วันมานี้ซีซีไม่ได้กินข้าวเลย เพราะเช่นนั้นครั้งนี้จึงกินได้ไม่ค่อยเยอะ จำเป็นต้องกินน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง

ทั้งวันนี้ เธอใส่ใจอยู่ข้างๆ ดูแลลูกสาวตลอด จนถึงตอนบ่าย ร่างกายซีซีเริ่มฟื้นฟูกลับมาบ้างแล้วเนื่องจากได้กินอะไรไปบ้างแล้ว ก็เริ่มมีแรงขึ้นมา เด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมกอดของเธอเริ่มอยู่ไม่สุข ทั้งเปลี่ยนท่า ดิ้นไปมา ซูย้าวจึงปล่อยเธอ

ซีซีลงจากเตียงนอน แล้วก็วิ่งออกไปข้างนอกทันที เธอมองไปรอบๆ ห้องใหญ่ เธอมองไปทั่ว ทำท่าราวกับกำลังตามหาใครอยู่

ซูย้าวตามหลังลูกสาวไปตลอด สุดท้ายก็ดึงลูกกลับมา พร้อมนั่งยองๆ ถามลูกว่า “กำลังหาน้องเตียวเตียวอยู่เหรอคะ?”

ซีซีพยักหน้า

ความสัมพันธ์ของเธอกับเตียวเตียวดีมาตลอด ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อาจเป็นเพราะอายุที่ไล่เลี่ยกัน และเตียวเตียวยอมเธอเสมอ ไม่ว่าอะไรก็ตามใจเธอหมด ไม่ว่าเธอจะโกรธหรือเอาแต่ใจแค่ไหน เตียวเตียวก็อ่อนน้อมกับเธอเสมอ

ซูย้าวอุ้มลูกสาวขึ้นมา “เดี๋ยวแม่โทรหาน้าหว่านหว่าน ให้พาเตียวเตียวมาที่นี่ ดีไหมจ้ะ?”

ซีซีพนักหน้าอีกครั้ง และซบลงในอ้อมอกเธออย่างสงบลง

ซูย้าวโทรหาโม่หว่านหว่าน พอดีวันนี้เตียวเตียวไม่ได้ไปโรงเรียน เพราะฉะนั้นทั้งสองจึงมาเจอกันที่โรงแรมอย่างรวดเร็ว

เมื่อซีซีเจอเตียวเตียว ก็โผเข้าหาและโอบกอดฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รีรอ เตียวเตียวเห็นอย่างนั้น ก็งุนงงเล็กน้อย

เพียงแค่เห็นแค่ซีซีกลับมาอย่างปลอดภัย เตียวเตียวก็วางใจ แล้วดึงมือเล็กของซีซีไป เด็กน้อยสองคนเข้าไปเล่นในห้องกันอย่างสนุกสนาน

โม่หว่านหว่านมองไปที่ซูย้าว “ซีซีกลับมาได้ยังไง? ระหว่างนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ซูย้าวส่ายหัว นำเครื่องดื่มพร้อมจานผลไม้มาให้โม่หว่านหว่าน พอนั่งลงก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “ฉันก็ไม่แน่ใจ แถมยังวุ่นวายมาก บางอย่าง ฉันก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจ”

โม่หว่านหว่านขมวดคิ้ว “วุ่นวาย? มันวุ่นวายขนาดไหนกัน?”

“ก็มันไม่รู้จะอธิบายยังไงนี่นา!” ซูย้าวพิงหัวลงบนโซฟา ถึงแม้ว่าซีซีจะกลับมาแล้ว แต่แล้วชาร์ลีล่ะ จะทำยังไง?

เพียงแค่คิดถึงลูกมันทำให้ใจเธอเกิดความละอายและอยู่ไม่สุข นั่งส่งผลให้สีหน้าเธอยุ่งเหยิง เมื่อโม่หว่านหว่านมองเธอจากด้านข้าง ก็พูดปลอบว่า “ถ้าไม่เช่นนั้น เธอก็ส่งซีซีกับเตียวเตียวให้ฉัน ฉันจะพาพวกเขาไปจากที่นี่สักพัก”

“ไปจากที่นี่เหรอ?”ซูย้าวชะงักไปครู่หนึ่ง

โม่หว่านหว่านบอก “ใช่แล้ว เธอดูสิ อีกไม่นานลี่เฉินซีก็จะแต่งงานแล้ว ฝั่งหานฉ่ายหลิงก็คงอยู่ไม่สุข สถานการณ์ของเจิ้งเอ๋อก็ไม่ค่อยจะดี ทั้งยังฝั่งจู้สือกรุ๊ป ฉันกลัวว่าตำรวจจะสอบสวนมาถึงเธอได้นะ!”

คำพูดไม่กี่คำของคนข้างๆ ตรงประเด็นและถูกจุด นั่นทำให้ซูย้าวตาสว่างขึ้นมาทันที

เธอคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน การร่วมมือของบริษัทลี่ซื่อกับจู้สือกรุ๊ป ได้ถูกเผยแพร่อื้อฉาวออกไป เห็นได้ชัดว่ากับดักนี้ มีบางคนจงใจต้องการให้บริษัทลี่ซื่อเสื่อมเสียชื่อเสียง

อีกอย่าง ตลาดในประเทศของจู้สือกรุ๊ปถือว่าเข้าตาจนแล้ว ก็สามารถทำอะไรที่ไม่คาดคิดได้

แต่ว่า เธอในฐานะผู้รับผิดชอบภาคประเทศจีน อาจจะกลายเป็นแพะรับบาป จากการสืบสวนครั้งนี้ได้

จากจุดนี้เอง เธอนี่ช่างสะเพร่าจริงๆ

โม่หว่านหว่านหันมากุมมือเธอไว้ “ถ้าหากว่า… ซึ่งฉันแค่บอกว่าถ้าหากว่าเท่านั้นนะ ถ้าหากซีซีหรือเตียวเตียวเกิดเป็นอะไรขึ้นมา เธอจะสามารถทำใจยอมรับได้ไหม?”

ซูย้าวชะงักจนพูดไม่ออก สายตาแตกสลายก็ปรากฏขึ้น

ครั้งนี้ที่ซีซีถูกหานฉ่ายหลิงจับมัดไป เธอก็นั่งไม่ติดที่กระวนกระวายจะแย่ แล้วถ้าเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้นมา

ผลลัพธ์นั้น เธอไม่กล้าจะนึกจินตนาการถึงมันเลย

“ฉันไม่รู้ว่าระหว่างเธอกับลี่เฉินซีเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และก็ไม่รู้ว่าต่อไปในอนาคตพวกเธอจะพัฒนาไปถึงไหน แต่ว่า จากที่เห็นตอนนี้ เรื่องการแต่งงานของเขากับหานฉ่ายหลิง กำหนดไว้แน่นอนแล้ว เธอควรจะคิดถึงตัวเองและลูกไว้ให้มากๆ ” โม่หว่านหว่านให้เหตุผล

ซูย้าวหลับตาลง และตบหลังมือของโม่หว่านหว่านเบาๆ พร้อมกับพูด “ที่เธอพูดก็มีเหตุผล เอาอย่างงี้ เธอก็ให้เวลาฉันคิดหน่อยแล้วกัน” ประโยคหยุดลงแค่นั้น โม่หว่านหว่านพยักหน้าพร้อมกับอยากกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่โทรศัพท์ของซูย้าวก็ดังขึ้นมา

ทันทีที่เธอรับโทรศัพท์ น้ำเสียงลำพองเย่อหยิ่งของผู้หญิงจากฝั่งนั้นก็พูดขึ้นทะลุสายออกมา “มาที่หอฮุ่ยเยว่เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ เธอก็รู้ ว่าฉันไม่ชอบรอใคร”

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset