เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 547 อย่าแบกรับเกินกำลังด้วยตัวคนเดียวเอง

ถ้ามันดีทำไมไม่ทำล่ะ

คำง่ายๆ ไม่กี่คำ ลมหายใจของซูย้าวหยุดทันทีเลย

“เตียวเตียวเด็กคนนี้มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมมาก บวกกับความฉลาดทางสติปัญญามากกว่าเด็กที่มีอายุเท่ากันอีกด้วย ถ้าฝึกฝนและเลี้ยงดูให้ดี หลังจากโตขึ้นแล้วต้องเป็นคนเก่งที่หายากในหลายๆ ด้านแน่นอน คุณซู อย่าลังเลอีกแล้ว เขาไม่ใช่ลูกที่มีสายเลือดเดียวกันกับคุณ และคุณก็ไม่ใช่ไม่รู้จักJockคนนี้”

ในขณะที่ผู้ชายพูดอยู่ เดินไปยังเธอทีละก้าวๆ คำพูดสละสลวยและชัดเจน ระหว่างที่พูดโน้มน้าวให้คล้อยตาม ภายในลูกตาสีอำพันอันลึกซึ้งเต็มไปด้วยความมั่นใจที่จะชนะแน่นอน

“เรื่องที่Jockอยากทำให้สำเร็จ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครคนไหนสามารถห้ามได้อย่างจริงๆ จังๆ คุณจะเพื่อเด็กคนหนึ่งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันด้วยและไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันกับตัวเอง ไม่สนใจชีวิตของคนทั้งครอบครัวตัวเองเลยเหรอ”

ชอลพุซยิ่งเดินยิ่งใกล้เข้ามา ภายในลมหายใจทางจมูกของซูย้าวเต็มไปด้วยลมหายใจของผู้ชาย กลิ่นยาสูบอ่อนๆ ปนด้วยกลิ่นสดชื่นอันเข้มข้น เมื่อรวมกันแล้วกลับน่าดมอย่างคาดคิดไม่ถึง

และยังบวกกับแววตาในขณะนี้ของเขา ระหว่างการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทางสีหน้า การสะกดจิตมีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง

เขาพูดต่อว่า “คุณซู ผมไม่ได้รู้จักคุณมาก แต่ผมเข้าใจผู้หญิงอย่างพวกคุณ โดยเฉพาะผู้หญิงที่หลังจากคลอดลูกได้เป็นแม่คนแล้ว สำหรับพวกคุณลูกสำคัญมากๆ ซึ่งจุดนี้ก็เหมือนกับคุณแม่ของผม ผมชื่นชมผู้หญิงแบบนี้มาก เพราะนั้น ผมไม่อยากทำให้คุณลำบากใจ แต่คุณโปรดพิจารณาให้ดีเช่นกัน”

ซูย้าวมองเขา สายตาอันลึกซึ้ง ดวงตาหนักแน่นขึ้นมาเรื่อยๆ

ไม่จำเป็นให้ชอลพุซเตือนเธอก็รู้ดี ความสามารถและอำนาจที่แอบปิดบังไว้ของJockคนนี้ยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว อย่าพูดถึงเธอคนเดียวเลย แม้จะเป็นลี่เฉินซี ก็คงยากที่จะต่อสู้กับเขา

เพราะยังไงแล้ว ขอบเขตหลักของบริษัทลี่ซื่ออยู่ภายในประเทศ ส่วนอำนาจของJockคนนี้มีอยู่ทั่วทวีปต่างๆ ของต่างประเทศ ความกว้างขวางของเส้นสาย ความแข็งแรงของความสามารถ มีมากเกินกว่าที่พวกเขาทุกคนคิดอีก

ชอลพุซไม่พูดต่อแล้ว แค่จ้องมองเธออยู่เงียบๆ จ้องมองทุกสีหน้าเล็กๆ น้อยๆ บนใบหน้าของเธอ สีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้นมาตามด้วย

ซูย้าวไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ข่าวนี้มากะทันหันเกินไปแล้ว ตอนแรกคิดจะทำขอไปทีให้เรื่องมันจบลง หลังจากนั้นค่อยมาคิดดีๆ แต่ดูจากตอนนี้แล้ว อีกฝั่งไม่มีทางให้โอกาสเธอเลย

เธอพูดอะไรได้บ้าง รีบตอบตกลงเหรอ อย่างนี้ไม่ทำให้เตียวเตียวเด็กคนนี้ผิดหวังเหรอ

แต่ถ้าไม่ตอบตกลง อย่างนั้นJockจะยอมเหรอ แล้วเธอควรจะรับมือกับทุกอย่างที่จะตามมาทีหลังยังไงเหรอ

เธอติดอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ส่วนชอลพุซก็เหมือนดูความลำบากใจของเธอออก คิดไปคิดมา ผู้ชายก็บอกว่า “คุณไม่ต้องรีบตอบผมก็ได้ ให้เวลาคุณหนึ่งวันไปลองคิดพิจารณาดูดีๆ หลังจากนั้นค่อยให้คำตอบผม”

ชอลพุซพูดอยู่ก็หันหลังเดินไปข้างนอก แต่กลับเพิ่มเติมอีกประโยคตอนที่จะออกไป “แต่ผมหวังว่าคำตอบสุดท้ายที่คุณให้ผม จะทำให้พวกเราทั้งสองฝ่ายพอใจ เพราะยังไงแล้ว คุณรู้จักJockอย่างดี ใช่ไหม”

หนึ่งประโยคที่ถามกลับซึ่งดูเหมือนธรรมดามาก ความเป็นจริงแล้วความหมายข่มขู่ที่อันตรายเข้มข้นมาก

ซูย้าวมองด้านหลังของผู้ชายเดินออกไป นิ้วมือที่ทำตัวไม่ถูก ค่อยๆ กำเป็นหมัดแน่นๆ

สละเตียวเตียว ส่งให้Jockรับเลี้ยง?

นั่นมันต่างจากผลักเด็กเข้าไปในถ้ำหมาป่าถ้ำเสืออย่างไร?!

ถึงแม้เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกจริงๆ ของเธอ แต่การได้เจอกันก็คือวาสนา และที่มากกว่านั้นคือซูย้าวยังได้อยู่กับเด็กคนนี้มานานมากแล้ว ดำเนินขั้นตอนการรับเลี้ยงต่างๆ เรียบร้อยตั้งนานแล้ว ในแง่กฎหมาย เธอก็คือคุณมาของเตียวเตียว

ตัวเลือกข้อนี้ดูเหมือนสามารถสนับสนุนเธอกับลี่เฉินซี และชีวิตในอนาคตของลูกทั้งสองคนได้ แต่ความเป็นจริงแล้ว เป็นไปตามแบบนี้ได้จริงๆ เหรอ

ซูย้าวตัดสินใจได้แล้ว และทำการเลือกเรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งที่เธอลังเลอยู่คือควรทำยังไงต่อไป

เธอคิดฟุ้งซ่านอยู่ แข็มตรงแขนก็ห้อยลงมาล่างสุดแล้ว เธอไม่ได้เรียกพยาบาลเข้ามา ตัวเองดึงเข็มออกเลย กดไว้ครู่หนึ่ง จากนั้นถือเสื้อกันกนาวกับกระเป๋าขึ้นมาออกไปจากโรงพยาบาล

เรียกแท็กซี่คันหนึ่งตรงข้างนอก เมื่อเธอขึ้นรถปุ๊บก็โทรหาลู่ส้าวหลิงทันทีเลย

ฝั่งนั้นเพิ่งได้รับสายเมื่อผ่านไปนานมากแล้ว เสียงต่ำทุ้มของผู้ชายดังมาเร็วมาก “ซูย้าว?”

เธอพูดตรงๆ เลยว่า “คุณชายลู่ ไม่ทราบว่าหว่านหว่านอยู่กับคุณไหม สะดวกติดต่อเธอให้หน่อยได้ไหม”

ลู่ส้าวหลิงรีบตอบทันทีว่า “รอสักครู่นะ ผมไปเรียกเธอ”

แต่ไม่นาน ในมือถือก็ถูกเสียงสดใสของหว่านหว่านแพร่กระจายเต็มแล้ว “ซูย้าว แกยังรู้อยู่ว่าต้องหาฉันเหรอ ฉันก็นึกว่าแกลืมฉันไปตั้งนานแล้วนะเนี่ย!”

ซูย้าวไม่ทันทักทายคุยเรื่องอดีตกับเธอ แค่พูดคุยกันสองประโยค จากนั้นก็ตรงเข้ามาหัวข้อหลักแล้ว “หว่านหว่าน พอช่วยฉันอีกหนึ่ง

เรื่องได้ไหม ตอนนี้ฉันต้องการให้แกไปสืบJockคนนี้มาให้หมด หรือทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา ยิ่งเร็วยิ่งดี”

คิดจะต่อสู้กับเขา อย่างแรกก็คือต้องรู้เขารู้เรา ถึงสามารถกันไว้ก่อนดีกว่าแก้

ตอนนี้เธอรู้จักJockคนนี้น้อยเกินไปแล้วจริงๆ

เมื่อโม่หว่านหว่านได้ยินเธอเล่าเรื่องเหล่านี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “ทำไมต้องสืบJockอ่า เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

ซูย้าวพูดไม่ค่อยออก เรื่องที่สำคัญสุดในตอนนี้คือฝั่งตัวเองอาจจะเกิดความอันตรายซึ่งต้องจัดการทันทีก่อน ส่วนโม่หว่านหว่านคือคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ที่สุด ครั้งก่อนเธอก็ถูกพัวพันเข้ามาในนี้เพราะเรื่องของเตียวเตียวแล้ว ส่วนครั้งนี้…

“หว่านหว่าน อย่าเพิ่งถามเรื่องนี้ก่อนได้ไหม” คำพูดของซูย้าวอ่อนลงเยอะมาก ในคำพูดอันยากลำบาก ก็แสดงความไม่มีทางเลือกออกมามากเช่นกัน

โม่หว่านหว่านรู้จักเธอมากเกินไปแล้ว ถึงแม้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ เมื่อเจอคำถามที่มีความอันตรายมาก ซูย้าวมักจะชอบแบกรับไว้เอง ไม่เปิดเผยแม้แต่นิดเดียวเด็ดขาด

เธอลังเลได้ครู่หนึ่ง จากนั้นพูดว่า “ฉันลองดูนะ! ไม่รู้สามารถสืบได้มากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าฉันสืบได้ จะรีบส่งให้แกทันทีเลย”

ซูย้าวพูดขอบคุณ ต่อมากำลังจะวางสายลงแล้ว โม่หว่านหว่านทางนั้นพูดอีกว่า “ซูย้าว ฉันไม่รู้ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้น แต่สัญชาตญาณรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นแกต้องระมัดระวังตัวให้ดีนะ อย่าแบกไว้ตัวคนเดียว ได้ไหม”

หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา มีแค่โม่หว่านหว่านคนเดียวที่คอยอยู่เคียงข้างเธอตลอด ไม่ทอดทิ้งกัน ชีวิตนี้สามารถมีเพื่อนแบบนี้คนหนึ่ง ยังมีอะไรให้แสวงหาอีกไหม

ในใจซูย้าวรู้สึกซึ้งมาก ถอนหายใจออกเบาๆ คำหนึ่ง ไม่อยากแสดงอะไรมากเกินไป แค่ตอบกลับง่ายๆ คำหนึ่ง จากนั้นก็วางสายลง

รถแท็กซี่เดินทางได้สักระยะหนึ่ง จากนั้นจอดลงที่หน้าประตูโรงเรียนอนุบาล

เมื่อซูย้าวลงจากรถก็ได้ดูเวลา ยังเหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีเด็กๆ ก็ได้เลิกเรียนแล้ว หน้าประตูโรงเรียนอนุบาลเริ่มมีผู้ปกครองบ้างแล้ว และมีรถยนต์หลายคันจอดอยู่ข้างทาง ดูไม่มีอะไรผิดปกติ

แต่เธอกลับสังเกตเห็นรถคันหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ

เป็นรถฟ็อลคส์วาเกินสีดำที่ธรรมดามากคันหนึ่ง ไม่ว่าดูจากด้านไหนก็ไม่ต่างจากของผู้ปกครองที่มารับส่งลูกๆ เหล่านั้น แต่กลับมีหนึ่งจุดดึงดูดความสนใจของซูย้าว

นั่นก็คือผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ ถือกล้องถ่ายรูปถ่ายไปทางสนามกีฬาของโรงเรียนอนุบาลผ่านกระจกรถอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งทุกอย่างในข้างทางก็ถ่ายเข้าไปด้วย

จะมีผู้ปกครองคนไหนที่ทำเรื่องแบบนี้

ถ้าเป็นทีมงานของสถานีโทรทัศน์มาถ่ายทำรายการ ก็จะบอกให้โรงเรียนอนุบาลล่วงหน้าก่อน เข้าไปถ่ายที่ข้างใน แต่ไม่ใช่มาทำลับๆ ล่อๆ อยู่มุมหนึ่งข้างนอกแบบนี้กระมัง

เธอขมวดคิ้วแน่นๆ ก้าวเท้าเดินไป

‘ก๊อกๆๆ’ เธอยื่นมือเคาะกระจกรถ อาจจะเป็นเพราะการกระทำนี้กะทันหันเกินไปหน่อย และอาจจะเป็นเพราะอีกฝั่งคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะทำแบบนี้ ดังนั้นหลังจากได้ยินเสียงคมชัดจากการเคาะกระจก ผู้ชายที่อยู่ตรงเบาะคนขับก็หวาดหวั่นแล้ว

ลังเลได้ครู่หนึ่ง จู่ๆ รถก็สตาร์ทขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดัง ‘วิ้ว’ ขับผ่านข้างๆ ซูย้าวอย่างรวดเร็วและจากไป

ความเร็วนั้นเร็วจนทำคนตกใจ ยังดีที่ซูย้าวได้เตรียมตัวรับมือก่อนหน้านี้แล้ว ตัวไม่ได้อยู่ติดกับตัวรถ ไม่อย่างนั้นต้องโดนชนหรือตัวช้ำแน่เลย

เธอมองดูรถคันนั้นหายไป นัยน์ตาอันสวยงามมืดครึ้มลงมา ข้างๆ ก็มีผู้ปกครองที่เห็นเหตุการณ์อยู่ห่างไกลเริ่มกระซุบกระซิบขึ้นมา ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันเบาๆ อยู่

ซูย้าวไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ตอนนี้เธอยิ่งแน่ใจการคาดเดาของตัวเองมากขึ้นแล้ว รถคันนี้มีความเกี่ยวข้องกับเตียวเตียวเป็นส่วนใหญ่

พิสูจน์การคาดเดาของเธอพอดีเลย มีเสียงต่ำทุ้มของผู้ชายดังมาจากด้านหลัง “คุณซู?”

ซูย้าวตะลึงเล็กน้อย หันหน้ากลับไปก็เห็นชายต่างชาติที่เคยเจอในห้องผู้ป่วยคนนั้น ร่างสูงใหญ่อยู่ใต้การสะท้อนของแสงยามบ่าย ส่องประกายระยิบระยับ แม้แต่ลูกตาสีอำพันของเขาก็ลึกซึ้งดั่งมหาสมุทร มองเธออย่างครึ้มอกครึ้มใจ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset