เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 616 เธอคืออดีตภรรยาผม

ภายในร้านอาหารที่หรูหรา ห้องโถงเต็มไปด้วยผู้คน

บรรยากาศของการทานอาหารที่คึกคักยิ่งทำให้ครึกครื้นขึ้นไปอีก บวกกับกลิ่นอายร้อนๆของหม้อไฟ ทุกคนต่างกินกันอย่างเอร็ดอร่อย และพูดคุยกันอย่างเมามัน

บนโต๊ะอาหารโต๊ะหนึ่ง ชายหนุ่มรูปงามที่สุภาพเรียบร้อย ผู้หญิงก็หน้าตาสวยงาม ท่าทางพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ทำให้คนรอบข้างอิจฉา

“คุณลี่ยุ่งขนาดนี้ยังอุตสาห์หาเวลามากินข้าวเป็นเพื่อนฉัน ฉันซาบซึ้งจริงๆ!” ลู่จื่อซีก้มหน้าลงอย่างเขินอาย นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขากินข้าวด้วยกันสองต่อสอง เธอจึงตื่นเต้นเล็กน้อย

ลี่เฉินซีดูแลอาหารการกินของอีกฝ่ายอยู่บ่อยๆ ดูเหมือนว่าตัวเองแทบจะไม่ได้กิน เขาเหลือบมองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “คุณครูลู่คอยสอนพิเศษหมิงเอ๋อและซีซีมาตลอด ลำบากคุณมาก เรื่องพวกนี้คือเรื่องที่สมควรทำ”

ลู่จื่อซีหรี่ตาลงและเม้มปากของเบาๆ มองดูชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่ลังเล “เอ่อ……”

ลี่เฉินซีมองดูเธอ “มีอะไรเหรอครับ……?”

ลู่จื่อซีลังเลอยู่พักหนึ่ง และในที่สุดก็กัดฟันพูดออกมา “แค่แบบนี้เองเหรอคะ?”

เขาตกใจไปพักหนึ่ง “อะไรนะครับ?”

เธอพูดอีกครั้ง “แค่ฉันสอนพิเศษให้กับหมิงเอ๋อกับซีซี คุณถึงเลี้ยงข้าวฉันเหรอคะ?”

ไม่ใช่ออกเดทหรอกเหรอ?

เธออยากจะทำให้มันชัดเจน เพราะว่าตอนนั้นเธอชื่นชมและชื่นชอบลี่เฉินซี ถึงได้ขอร้องให้ลู่ส้าวหลิงช่วยติดต่อให้ตัวเอง กลายเป็นคุณครูพิเศษให้กับเด็กทั้งสองคน

ลี่เฉินซีจะมองความคาดหวังในสายตาของเธอไม่ออกได้ยังไง?

เขาค่อยๆวางตะเกียบลง ถอนหายใจเบาๆแล้วพูดว่า “คุณครูลู่ คุณน่าจะรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าผมมีภรรยาแล้ว”

ลู่จื่อซีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “คุณลี่ ทางกฎหมายคุณยังเป็นโสด และดูเหมือนว่าอดีตภรรยาคนนั้นของคุณ……”

เธอยังพูดไม่จบ ก็ถูกเงาของคนเดินเข้ามาขัดจังหวะ

เพ้ยส้าวหลี่หัวเราะมองดูพวกเขาสองคน อีกมือหนึ่งโอบซูย้าวอยู่ข้างๆ และดูเหมือนว่าเขาจะจงใจใช้แรงโอบเธอแน่นกว่าเดิม ท่าทางที่ใกล้ชิดกันของพวกเขา “บังเอิญจังเลยที่มาเจอกับประธานลี่ที่นี่ แล้วยังมี คนนี้คือ……”

ลี่เฉินซีได้ยินแบบนี้เขาก็เงยหน้าขึ้นมอง มองเห็นพวกเขาสองคนที่อยู่ตรงหน้า เขามองตัวที่เกือบจะติดกันของพวกเขาสองคนด้วยสายตาที่มืดมน ผ่านไปไม่นาน ใบหน้าอันหล่อเหลาก็เย็นชาขึ้นมา แต่เขากลับพูดด้วยสีหน้าที่ปกติว่า “นี่คือคุณลู่จื่อซี คุณครูพิเศษของลูกชายและลูกสาวผม”

การแนะนำแบบนี้ ทำให้จิตใจของลู่จื่อซีสั่นไหว แต่เธอก็ยังคงทำตัวปกติและยิ้มอย่างอ่อนโยน เธอมองไปที่ซูย้าว “คนนี้คือ……”

ไม่ให้เธอพูดต่อ เพ้ยส้าวหลี่ขัดจังหวะทันที “คนนี้คือคู่หมั้นของผม คุณอานหว่านชิง”

ลู่จื่อซีตกใจ อานหว่านชิง? !

เธอเคยบังเอิญเห็นภาพของซูย้าวในบ้านตระกูลลี่ ซูย้าวกำลังอุ้มซีซีตัวน้อยอยู่ หน้าตาสวยงามและอ่อนโยน รอยยิ้มที่นิ่งเงียบและไม่สะทกสะท้าน

เธอเป็นคนสวยคนหนึ่ง

และที่สำคัญที่สุดก็คือ หน้าตาของเธอกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ เหมือนกันอย่างกับแกะ

และครั้งก่อนที่เย่สื้อ เธอก็เคยเจอกับซูย้าว ลู่จื่อซีมั่นใจว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าตัวเองตอนนี้ก็คืออดีตภรรยาของลี่เฉินซี

แต่ว่า อานหว่านชิงหมายความว่าอะไร? !

เพ้ยส้าวหลี่สังเกตเห็นความสงสัยในสายตาของลู่จื่อซี แต่เขากลับไม่อยากอธิบายอะไร เขาแค่โอบซูย้าวแล้วถามกลับไปว่า “ที่นี่โต๊ะเต็มแล้ว เรานั่งด้วยกันสะดวกไหมครับ?”

ทันทีที่เขาพูดแบบนี้ออกมา สีหน้าของซูย้าวก็มืดมนลงทันที เธอมองไปที่เขาด้วยสายตาที่หมดความอดทนอย่างเห็นได้ชัด แล้วยังขยับออกจากแขนของเขาอย่างธรรมชาติ

ในใจของเธอไม่เต็มใจเป็นอย่างมาก แต่สถานการณ์แบบนี้ ซูย้าวก็ยังพยายามไว้หน้าอีกฝ่ายอย่างเต็มที่

ดังนั้น ทั้งๆที่เธอรู้อยู่แล้วว่าเพ้ยส้าวหลี่จงใจพาเธอมาที่นี่ แต่เธอก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน ยังจะนั่งด้วยกันสี่คน? !

ซูย้าวรีบพูดออกมาว่า “ไม่ต้องหรอก เพ้ยส้าวหลี่ เราไปที่อื่นกันเถอะ!”

เธอพูดแล้วกำลังจะหันหลังออกไป แต่ลี่เฉินซีที่นั่งอยู่ข้างๆกลับพูดออกมาก่อน “นั่งด้วยกันสิ นั่งเถอะ!”

เมื่อเขาพูดแบบนี้เพ้ยส้าวหลี่ก็โอบเธอเดินเข้ามา ยื่นมืออีกข้างหนึ่งออกไปหยิบอาหารและเชิญให้เธอนั่งลง

ซูย้าวจิตใจสั่นไหว เธอหมดความอดทนและไม่พอใจเป็นอย่างมาก

พนักงานก็รีบเอาเมนูมาที่นี่ ซูย้าวพยายามกัดฟันนั่งลง สั่งอาหารและเครื่องดื่มไปแบบส่งๆ จากนั้นก็นั่งเล่นโทรศัพท์อย่างเงียบๆ

ท่ามกลางบรยยากาศแบบนี้ นั่งเล่นบนโทรศัพท์คนเดียวมันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่

แต่ซูย้าวไม่มีทางเลือก เธอไม่รู้จักลู่จื่อซีและก็ไม่อยากสนใจลี่เฉินซี ยิ่งไม่อยากแกล้งทำเป็นคู่รักกับเพ้ยส้าวหลี่ นอกจากเล่นโทรศัพท์ ดูเหมือนว่าเธอก็ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว

สำหรับพฤติกรรมของเธอ เพ้ยส้าวหลี่ทำเป็นไม่สนใจ สายตาที่เย็นชาของลี่เฉินซีก็ไม่ได้มองไปที่เธอ พวกเขาทั้งสองคนแค่พูดคุยกัน ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเรื่องงาน ทั้งๆที่เป็นบรรยากาศที่ตึงเครียด แต่กลับถูกพวกเขาสองคนทำให้มันเข้ากันได้เป็นอย่างดี เสแสร้งแกล้งทำกันอย่างเป็นธรรมชาติ

สำหรับบทสนทนาของพวกเขา ลู่จื่อซีไม่พูดแทรกเลยแม้แต่น้อย เธอกินข้าวคนเดียวอย่างอึดอัด รู้สึกว่ามันแปลกๆ เธอจึงมองไปที่ซูย้าวและถือโอกาสพูดคุยกับเธอ “คุณอาน?”

ซูย้าวค่อยๆเงยหน้าขึ้น “คุณลู่ มีอะไรเหรอคะ?”

“ไม่มีอะไรค่ะ แค่อยากจะถามว่าคุณอานทำงานอะไร?” ลู่จื่อซีดูเหมือนจะถามเฉยๆ แต่ที่จริงแล้วเธอมีเจตนาอื่น

เธอยังคงคิดถึงเรื่องในห้องเย่สื้อครั้งก่อนอยู่ตลอด

ผู้หญิงคนหนึ่ง ใช้มีดจัดการกับผู้ชายคนหนึ่ง แล้วยังมีสีหน้าที่เยือกเย็นและนิ่งสงบ เห็นได้ว่าสถานการณ์แบบนั้น ซูย้าวเจอมาแล้วไม่น้อย

เพราะแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสงสัยว่าผู้หญิงที่ทำงานแบบไหน ถึงได้เป็นคนแบบนี้?

ซูย้าวมองดูเธอ ปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วพูดว่า “ฉันเปิดบริษัทกับพี่ชายของฉัน”

“ที่แท้คุณก็เหมือนกับคุณลี่ เป็นนักธุรกิจ!” ลู่จื่อซียิ้ม จากนั้นก็หยิบน้ำผลไม้ขึ้นมาดื่ม “ก็ว่าทำไมถึงดูไม่ธรรมดาๆ!”

ก็ว่า?

ซูย้าวจับคำสองคำนี้และมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆด้วยความสนใจ “เมื่อก่อนคุณลู่เคยเจอฉันเหรอคะ?”

“เอ่อ……” ลู่จื่อซีตกใจจนแทบจะสำลักน้ำผลไม้ จากนั้นเธอก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ลี่เฉินซีเหลือบไปมองเธอ หยิบกระดาษทิชชู่ยื่นให้กับเธอและพูดว่า “ค่อยๆดื่ม”

เขาทำลายความตึงเครียดของฝั่งนี้ได้อย่างทันเวลา ซูย้าวเหลือบไปมองลี่เฉินซีด้วยสายตาที่ซับซ้อน ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางและมองไปที่ลู่จื่อซี “คุณลู่เคยไปที่เย่สื้อไหม?บาร์ที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้ คนดูแลก็เหมือนจะเป็นคนของตระกูลลี่!”

มือที่ถือกระดาษทิชชู่ของลู่จื่อซีแข็งทื่อ สีหน้าของเธอแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด ดูแล้วไม่ใช่นักแสดงที่ดี

ซูย้าวมองเธอ ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

ที่จริงแล้ว ครั้งก่อนที่อยู่ที่เย่สื้อ เธอยุ่งมากจริงๆ เธอจึงไม่ได้สังเกตลู่จื่อซี แต่หลังจากที่เห็นภาพของกล้องวงจดปิดที่อาตงเอามาให้ดู เธอก็สังเกตเห็นลู่จื่อซี

ผู้หญิงคนที่เดินไปๆมาๆอยู่นอกห้อง ถือโทรศัพท์อยู่ในมือ ดูเหมือนว่ากำลังถ่ายภาพอะไรบางอย่าง

ที่ซูย้าวพูดแบบนี้ตอนนี้ก็เพราะว่าทดสอบเธอ

พนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟทีละอย่างได้ทันเวลา ตั้งหม้อไฟเสร็จแล้วเขาถึงได้เดินออกไป

เพ้ยส้าวหลี่ต้มเนื้อ คีบใส่ชามของลู่จื่อซีแล้วพูดว่า “คุณจะกินกุ้งไหม?”

ปากถามแบบนี้ แต่มือกลับเริ่มปอกกุ้งแล้ว

ซูย้าวไม่พูดไม่จา เธอกินไปสองสามคำ ทันทีที่ลืมตาขึ้นเธอก็สังเกตเห็นสีหน้าที่เย็นชาของชายที่อยู่ตรงหน้า สายตาที่เย็นชาคู่นั้น มองมาที่เธออยู่ตลอด

เธอขมวดคิ้วแล้วหลบสายตา

เพ้ยส้าวหลี่ก็คีบอาหารให้เธออีกไม่น้อย แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เธอแค่รู้สึกว่าชามของตัวเองขยับ เงยหน้าขึ้นมาเธอก็เห็นว่าลี่เฉินซีหยิบชามของเธอไปเปลี่ยนเป็นชามอื่น

“เธอท้องไม่ค่อยดี กินเผ็ดมากไม่ได้” เขาพูดออกมาเบาๆ จากนั้นก็คีบอาหารจากหม้อซุปน้ำใสใส่ลงในชามของเธอ

พฤติกกรรมที่เรียบง่าย แต่มันกลับทำให้สีหน้าของเพ้ยส้าวหลี่มืดมน เหมือนกันกับสีหน้าของลู่จื่อซี

เพ้ยส้าวหลี่ยิ้มอย่างเงียบๆ มองไปที่ลี่เฉินซีด้วยสายตาที่เยือกเย็น “ดูเหมือนว่าประธานลี่จะรู้จักคู่หมั้นของผมเป็นอย่างดี”

ลี่เฉินซีเก็บสายตาที่ดุร้ายไว้ไม่อยู่ เขาพูดแค่ว่า “แน่นอนอยู่แล้ว เพราะยังไงเธอก็เป็นอดีตภรรยาของผม!”

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset