เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 621ในใจเขามีใครไม่ได้อีกแล้ว

ในห้องสวีทของโรงแรมอันเขียวขจีและแสนอบอุ่น แต่ใบหน้าของซูย้าวกลับเยือกเย็นจนแทบกลายเป็นน้ำแข็ง

เธอฟังรายงานต่างๆ จากอาเจว๋และอาตง ใบหน้าอันงดงามของเธอก็ดูมืดมนลงกว่าเดิม

ในครั้งนี้ที่เธอเดินทางมายังเมืองA แทบจะทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเตรียมไว้ก่อนหน้านี้กลับกลายเป็นว่างเปล่า ทุกอย่างเหมือนเป็นเพียงแค่เงาของฟองสบู่!

จากโครงการกู่อานในครั้งนี้ จนถึงเรื่องบรรดาประธานกรรมการต่างๆที่อาเจว๋รับผิดชอบอยู่ก็ไม่มีอะไรที่น่าพอใจแม้แต่เรื่องเดียว แม้แต่การเลือกสถานที่ของบริษัทก็กลายเป็นเรื่องยากไปได้

เมื่อเห็นใบหน้าอันหม่นหมองของเธอ อาตงก็รู้สึกถึงความกลัวอยู่เล็กน้อยในใจ แต่เขาก็ได้กัดฟันพูดต่อว่า “คุณหนูครับ พื้นที่สำนักงานเกือบทั้งหมดในเมืองอยู่ภายใต้นามของบริษัทลี่ซื่อ และทางบริษัทลี่ซื่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะขายอาคารสำนักงานใดๆให้เราเลย แม้แต่จะขอเช่าก็ถูกขัด……”

“นอกจากนี้ ส่วนลี่เหิงจิ่วนั้นดูเหมือนจะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ เขาดูเหมือนจะจงใจโอนหุ้น ของลี่ซื่อทั้งหมดภายใต้นามของเขา ให้กับประธานลี่เฉินซี ถ้าเป็นแบบนี้คงไม่ดีสำหรับพวกเรานัก”

ซูย้าวหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า เป็นจริงดังนั้น บริษัทลี่ซื่อเป็นแกนนำด้านอุตสาหกรรมทางการเงินภายในประเทศ หากทำให้ลี่เฉินซีโมโห ผลที่ตามมาก็เป็นหายนะอย่างแท้จริง!

เพียงแต่เธอรับรู้ได้ทันทีว่าจากสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ บริษัทลี่ซื่อได้มุ่งเป้ามาทางพวกเราก็จริง แต่ไม่ได้ทำลายล้างไปเสียทุกอย่าง พวกเขาเพียงแค่เข้ามาขัดขวางเอาไว้ราวกับภูเขาลูกใหญ่ หากไม่สามารถจัดการกับบริษัทลี่ซื่อให้เรียบง่ายได้ละก็ แต่ละย่างก้าวในอนาคตนี้ก็จะลำบากมาก

อาเจว๋ที่นั่งฟังอยู่ด้านข้างมาสักพักก็อดไม่ได้ที่จะก้าวขาขึ้นไปก้าวหนึ่งพูดว่า “คุณหนูครับ จะว่ากันไปถึงเหตุผลอันแท้จริงแล้วก็เป็นความผิดของผมเอง เป็นความโง่เง่าของผมที่ทำเรื่องเหล่านั้นลงไปก่อนหน้า จึงทำให้ลี่เหิงจิ่วไม่พึงพอใจ และนำมาซึ่งความลำบากลำบนแบบนี้ ให้ผมไปเป็นคนแก้ไขเองเถอะครับ!”

ซูย้าวเลิกคิ้วขึ้นแล้วเหลือบมองเขา “คุณมีวิธีจัดการอย่างนั้นเหรอ?”

อาเจว๋นิ่งเงียบไปชั่วครู่ เขาจะไปเอาวิธีที่ไหนมาเล่า? สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือเดินทางไปหาลี่เหิงจิ่วด้วยตนเองและยอมรับโทษ

แต่ก็เห็นได้ชัดว่าวิธีนี้คงไม่ได้ผล

ต่อให้ต้องออกหน้าด้วยตนเอง ก็ควรจะเป็นซูย้าวที่เดินทางไป

ระยะเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่วัน เรื่องราวที่เกิดขึ้นใหญ่โตเช่นนี้ ทำให้เธอติดอยู่ด้านในนั้นโดยไร้ซึ่งหนทางและดักจับเธอไว้อย่างสมบูรณ์ เห็นได้ชัดว่าอำนาจของลี่เฉินซีนั้นแข็งแกร่งและกว้างขวางเท่าไร

สำหรับเขาแล้ว การตลาดไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย เป็นเรื่องที่คุ้นเคยเสียยิ่งกว่าคุ้นเคยอีก

แม้แต่ซูย้าวเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายใจ

ซูย้าวถอนหายใจออกมาอย่างช้าๆ เธอยกมือขึ้นกุมขมับเอาไว้แล้ว “เฮ้อช่างมันเถอะ รีบจัดระเบียบโครงการกู่อานให้เร็วที่สุดแล้วลงมือเถอะ”

อาตงชะงักลงทันใด “คุณจะขายโครงการกู่อานหรือครับ?”

ซูย้าวไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่ใบหน้าของเธอได้อธิบายถึงทุกสิ่งอย่างแล้ว

การที่เธอเดินทางมาเมืองAในครั้งนี้ เป้าหมายสูงสุดและสำคัญที่สุดก็คือบริษัทลี่ซื่อ ในตอนนั้นที่เธอบีบบริษัทLGออกไป และแย่งโครงการกู่อานนั้นมา ก็เพียงเพราะต้องการจะจัดการบริษัทลี่ซื่อเท่านั้น แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ไม่เพียงแต่เป้าหมายจะไม่ลุล่วง อีกที่ยังเดือดร้อนมาถึงตัวเอง ราวกับกำถ่านร้อนไว้ในมือ

หากจะอดทนกำต่อไปอยู่เช่นนี้ สู้ปล่อยมือให้เร็วเสียไม่ดีกว่าหรือ จะได้กำจัดปัญหาเหล่านี้ไปเสียที

“ไปจัดเตรียมให้พร้อมเถอะ จัดการงานเรื่องการย้ายถิ่นฐานให้เสร็จสิ้น อ้อ ผลการตรวจสอบเรื่องอุบัติเหตุนั้นออกมาแล้วหรือยัง?” เธอเงยหน้าขึ้นถาม

อาตงรีบตอบว่า “ยังครับ แต่ก็น่าจะใกล้แล้ว จากที่ผมได้ยินข่าวมาดูเหมือนว่าอุบัติเหตุในครั้งนี้จะไม่ใช่ความผิดของเรา และไม่มีใครรื้อถอนย่านชุมชนนั้น แต่เป็นเพราะบ้านบริเวณเหล่านั้นค่อนข้างเก่าจึงได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น”

เรื่องนี้ เมื่อตอนที่ซูย้าวอยู่ในโรงพยาบาลเธอก็ได้ยินมาจากผู้บาดเจ็บคนอื่นมาบ้างแล้ว

ดังนั้นเธอจึงไม่ได้โต้ตอบอะไรมาก เพียงพยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม รอให้ผลการตรวจสอบของคดีเสร็จสิ้นแล้ว ให้รีบจัดงานแถลงข่าวขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อประกาศผลคดีนี้ไปสู่โลกภายนอก อย่าลืมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แก่ผู้บาดเจ็บและค่าแรงงานเต็มจำนวนให้พวกเขาด้วย ไปคุยกับบรรดาชาวบ้านเหล่านั้นเป็นการส่วนตัว เราจะจ่ายค่าชดเชยเพิ่มให้อีกสิบเปอร์เซ็นต์”

หากในเวลาระยะเวลาอันสั้น การโน้มน้าวให้ชาวบ้านเหล่านั้นโยกย้ายถิ่นฐานและไปตั้งถิ่นฐานในที่ใหม่ ลบล้างความคิดเห็นของสาธารณชนภายนอกออกไป จากนั้นโอนโครงการทั้งหมดไปยังมืออีกคนหนึ่ง ก็นับว่าจัดการเรื่องนี้ได้สำเร็จแล้ว

อาตงและอาเจว๋พากันพยักหน้าตอบรับ “ครับ พวกเราจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”

ซูย้าวก็ได้คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าว่าจะเป็นเช่นนั้น แม้แผนการจะดีเลิศอย่างไร แต่ในทางปฏิบัติมันก็อยากราวกับปีนภูเขาขึ้นสู่ท้องฟ้า

เนื่องจากมีงานมากมายที่เข้ามาบีบเคล้นเธอ นี่ยังไม่นับรวมผู้อยู่อาศัยที่ไม่ยอมลงนามสัญญาโยกย้ายซึ่งมีอย่างน้อยหลายหมื่นครัวเรือน ไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการให้เสร็จสิ้นได้ภายในสองสามวัน

เมื่อเธอต้องเผชิญกับภาระอันใหญ่โตก็รู้สึกเริ่มปวดหัวเล็กน้อย จึงได้ลุกขึ้นไปชงกาแฟมาให้กับตนเองแก้วหนึ่งแล้วเดินกลับมาทำงานต่อไป

เมืองในยามราตรีช่างเงียบสงัด ดูเงียบเหงา แต่ก็อึกทึกครึกโครม

บ้านทุกหลังได้ปิดไฟเงียบ พวกเขาได้เข้านอนพักผ่อนลงแล้ว

ส่วนในที่ครึกครื้นก็คือย่านบันเทิงของเขตเมืองที่ไม่เคยหลับใหล มีผู้คนพลุกพล่านเสียงดังตลอดเวลา

ในฐานะที่เป็นเมืองใหญ่แนวหน้า สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินไปทุกๆวัน มันไม่ใช่เรื่องแปลกอีกทั้งยังเป็นที่น่าดึงดูดของเมืองที่เจริญรุ่งเรือง

การที่ลู่จื่อซีเดินทางมาอย่างกะทันหัน ทำให้ลู่ส้าวหลิงและภรรยาของเขาที่กำลังพักผ่อนอยู่ในคอนโดมิเนียมสุดหรูใกล้กับย่านใจกลางเมืองอันพลุกพล่านตกอกตกใจอย่างไม่ต้องสงสัย

ตอนนี้โม่หว่านหว่านกำลังอยู่ไฟ เธอจึงไม่สะดวกที่จะลงมาจากคอนโดมิเนียมลู่ส้าวหลิงจึงได้กล่อมให้เธอพักผ่อนลงก่อน ส่วนตนนั้นสวมชุดคลุมแล้วเดินลงไปด้านล่าง

เมื่อเขาเดินลงไปถึงด้านล่างก็มองเห็นลู่จื่อซีนั่งอยู่บนโซฟาจากที่ไกลๆ บนโต๊ะมีขวดเบียร์ตั้งอยู่นับสิบขวด เธอนั่งดื่มมันเพียงลำพัง

เห็นได้ชัดว่า เธอมีเรื่องหนักใจอย่างมาก ลู่ส้าวหลิงขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วรีบเดินตรงเข้าไปเอ่ยถามขึ้นว่า “เป็นอะไรไป?”

ลู่จื่อซีดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปไม่น้อยเลยทีเดียว ตอนนี้เธอค่อนข้างเมา หน้าแดงเรื่องราวกับลูกมะเขือเทศ สมองของเธอรู้สึกมึนงงและเอ่ยปากพูดพร้อมกับอารมณ์อันพลุ่งพล่านว่า “พี่! ทำไมเราชอบใครสักคนมันถึงยากเย็นขนาดนี้?”

รูปร่างผอมเพรียวของเธอเอนไปมา โชคดีที่เธอถูกลู่ส้าวหลิงประคองเอาไว้ และนำเธอเอนกายลงบนโซฟา ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งหนึ่งว่า “ตอนนั้นพี่กับพี่สะใภ้ก็เป็นแบบนี้เหรอ?”

“เอ่อ……” ลู่ส้าวหลิงกระอึกกระอัก คิ้วทั้งสองข้างของเขาขมวดเข้าหากันหนักกว่าเดิม “ตอนนั้นพี่กับหว่านหว่านไม่ได้เป็นแบบพวกเราเหรอนะ อาจจะเป็นเพราะเรามีโชคชะตาต่อกัน!”

แม้ว่าลู่ส้าวหลิงจะไม่เคยประสบกับเรื่องอารมณ์ความรักที่ขึ้นลงแบบนี้ แต่เพียงแค่เขาได้เห็นประสบการณ์ของลี่เฉินซีกับซูย้าวหลายปีมานี้ ก็นับว่าพอจะสัมผัสและเข้าถึงได้บ้าง

เรื่องความรู้สึกนี่ดูเหมือนจะไม่สำคัญ แต่มันอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

ไม่ว่าจะเป็นใคร ร่ำรวยหรือยากจน จะแต่งตัวดีแค่ไหน รูปร่างงดงามเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงหรืออาจจะเป็นเพียงแค่คนธรรมดา แต่เรื่องของความรู้สึกนี่ ไม่มีใครสามารถรอดพ้นไปได้

เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแล้วประคองน้องสาวให้นั่งลง “เป็นอะไรไปกันแน่?”

“ลี่เฉินซีไล่ฉันออก! เขาอาจจะกลัวอดีตภรรยาของเขาเข้าใจผิดก็ได้! เขาทำทุกอย่างได้เพื่อภรรยาของเขาคนนั้น ช่างโหดร้ายจริงๆ……!”

เนื่องจากลู่จื่อซีค่อนข้างเมามาย คำพูดที่เธอพูดออกมานั้นก็ไม่ค่อยสอดคล้องกันสักเท่าไหร่

แต่โดยรวมแล้วลู่ส้าวหลิงก็สามารถฟังเข้าใจได้ เขาถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้และลูบลงไปที่ไหล่ของน้องสาว “เจ้าหนูน้อย ตอนนั้นที่ตัดสินใจไปชอบเขาพี่ก็เคยบอกแล้วว่าพวกเธอสองคนไม่มีทางเป็นไปได้หรอก หัวใจของเขาเต็มไปด้วยใครคนหนึ่ง และไม่มีใครที่จะเข้าไปแทนที่ได้ เขาไม่เหลือพื้นที่ในใจให้ใครแล้ว”

“ฉันไม่เคยคิดที่จะเข้าไปครอบครองหัวใจของเขาเลยพี่ ฉันเพียงต้องการพื้นที่แค่เล็กน้อยแค่เล็กน้อยก็พอ……”

ลู่จื่อซียิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจมากขึ้น ดวงตาของเธอแดงเรื่อ น้ำตาเอ่อล้นไหลออกมาจากดวงตานั้น

ลู่ส้าวหลิงยกมือขึ้นช่วยเธอปาดน้ำตาอย่างช่วยไม่ได้ “ถึงจะเป็นพื้นที่เพียงเล็กน้อยก็ไม่มีหรอก! หัวใจของเขาเต็มไปด้วยซูย้าว ไม่สามารถเหลือพื้นที่ไว้ให้ใครได้แม้แต่นิดเดียว กว่าเขาจะพยายามแบ่งพื้นที่ออกมาได้เล็กน้อยก็ถูกลูกๆทั้งสามคนของเขายึดไปแล้ว!”

พวกเขาเป็นเพื่อนกันมาหลายปี ลู่ส้าวหลิงจะไม่รู้จักลี่เฉินซีเชียวหรือ?

อย่ามองว่าในตอนนั้นเขาช่างโหดเหี้ยมและเฉยเมย แต่ท้ายที่สุดแล้วหัวใจของเขาก็สั่นไหว และเมื่อมันเริ่มต้นขึ้นก็กินเวลามาเป็นเวลานานนับหลายปี เขาเอาชีวิตของตัวเองทั้งชีวิตเข้ามาพัวพันกับซูย้าวจนถึงที่สุด

ทั้งสองคนพัวพันกันมาเรื่อยๆจนถึงตอนนี้

เขาลู่จื่อซีเข้ามาไว้ในอ้อมอกแล้วตบหลังของเธอเบาๆ “พี่ไม่ดีเอง เป็นเพราะพี่ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจแต่ในตอนนั้นพี่ก็ไม่ได้ ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด และไม่ควรแนะนำให้เธอไปที่นั่น”

แต่ในตอนนั้นลู่ส้าวหลิงไม่ได้คิดมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากซูย้าวหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลายคนเชื่อว่าเธอตายไปแล้ว มีเพียงลี่เฉินซีเท่านั้นที่ไม่เชื่อ

ส่วนตัวเขาเองก็ไม่อาจทนกับคำร้องขอของลู่จื่อซีได้อีกต่อไป จึงคิดเพียงว่าหากซูย้าวเดินทางจากไปและไม่กลับมาอีก ประกอบกับลี่เฉินซีที่ยังอายุน้อย หากเขาต้องการจะหาคู่ชีวิตคนใหม่ก็เป็นเรื่องปกติ

สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ จู่ๆซูย้าวก็กลับมาอีกครั้ง……

ลู่จื่อซีสูดจมูกแล้วพูดว่า “พี่คะ พี่ว่าถ้าอานหว่านชิงที่ปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้ไม่ใช่ซูย้าวในตอนนั้นอีกต่อไป ฉันจะยังมีโอกาสไหม?”

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset