เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 747 มันก็ดีนะ

ลี่เฉินซีชะงักทันที ดวงตาที่น่ามองหดตัวลงอย่างรวดเร็ว

ซูย้าวมองไปที่เขาอย่างช่วยไม่ได้ “นายบังคับฉันแบบนี้ มีแต่จะทำให้ฉันรู้สึกต่อต้าน และรังเกียจนาย อีกอย่างนี่ไม่ใช่ความรัก เป็นแค่…..ที่ระบาย และความต้องการร่างกาย!”

ใบหน้าของชายหนุ่มจมดิ่งลงช้าๆ ทั้งๆ ที่เขาหมายถึงอย่างอื่น แต่เธอวกกลับมาที่ปัญหาเรื่องบนเตียง!

“อีกอย่าง”ซูย้าวชะงักเล็กน้อย แล้วถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง “ตอนนี้ฉันอยากพักผ่อนแล้ว นายออกไป ได้ไหม?”

ลี่เฉินซี “……”

เขาแทบจะหมดหนทางแล้ว ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง แต่เธอก็ยังคงไม่ยอมพูดความจริงกับเขา

ลี่เฉินซีมองดูเธอนิ่งๆ ควรจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนี้กันแน่?

ซูย้าวขดตัวลงไปนอน ดึงผ้าห่มที่ยุ่งเหยิงอยู่ตั้งนานแล้วขึ้นมาห่ม โบกมือไปทางเขาอย่างรังเกียจ “ตอนออกไปรบกวนปิดไฟให้ด้วย”

พูดจบ เธอก็พลิกตัว ซุกศีรษะเล็กๆ ไว้ใต้หมอน แล้วหลับตาลง

ดวงตาลุ่มลึกของลี่เฉินซี ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันอีกครั้ง มองไปที่เธอแล้วพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “OK”

“เธอต้องการแบบนี้ใช่ไหม ก็ดี หลังจากนี้เกิดอะไรขึ้นอีก ก็อย่าโทษฉันล่ะ!”

พูดจบ เขาก็ลุกเดินออกไปจริงๆ แล้วยังปิดไฟให้เธอด้วย

ห้องกลับเข้าสู่ความมืดอีกครั้ง ซูย้าวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ พลิกตัว หามือถือของตนเอง มองดูเวลา พึ่งจะ5โมงกว่า เธอก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว จึงหลับตาลง

ในตอนที่กึ่งหลับกึ่งตื่น รู้สึกได้เพียงแรงบางอย่างข้างๆ ตัว เมื่อเธอหรี่ตาขึ้นมาหลังจากนั้น ก็เห็นชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ด้านข้าง เลิกผ้าห่มเธอขึ้น นอนลงด้วยกันกับเธอ

ที่แท้เมื่อกี้เขาก็ไม่ได้จะจากไป แต่ไปอาบน้ำ

ซูย้าวไร้คำจะพูด ผลักเขาราวกับไม่ชอบใจ แย่งผ้าห่มไปคนเดียว ห่อหุ้มตัวเองไว้อย่างแน่นหนา แล้วพลิกตัวหันไปอีกฝั่ง

ลี่เฉินซีมองดูการเคลื่อนไหวของเธออย่างเย็นชา ยกมือขึ้นดึงผ้าห่มอีกครั้ง แล้วบังคับเธอกลับเข้ามาในอ้อนแขน “ไม่อาบน้ำ?”

เธอดิ้นรนหลบเลี่ยง หลังจากไร้ผล ก็พูดขึ้นด้วยความโกรธ “ไม่อาบ”

ซูย้าวเหนื่อยมาก ไม่อยากขยับเขยื้อนไปชั่วคราว

ลี่เฉินซีเองก็ไม่รังเกียจ โอบเธอโดยตรง แล้วยังใช้แขนยาวของตนเป็นหมอนให้เธอ กอดเธอไว้ในอ้อมแขน “งั้นหิวไหม? จะกินอะไร?”

“ไม่กิน”เธอนิ่งเฉย ไม่แยแสไร้อุณหภูมิ

เขาไม่พูดต่อแล้ว เพราะว่าเขาหลับไม่ลงจริงๆ ดังนั้นจึงนอนหงาย ตาค้างจ้องมองเพดาน

ซูย้าวรออยู่นานมาก เห็นเขาไม่พูดจา ตนเองก็หนีจากอ้อมกอดเขาไม่ได้ จึงโผล่ศีรษะเล็กๆ ออกมาจากอ้อมแขนของเขา “นายออกไปได้ไหม? มีคนอยู่ข้างตัว ฉันนอนไม่หลับ”

“ไม่คุ้นชิน?”เขาถามกลับ

เธอพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร

เขากลับยิ้ม “งั้นเมื่อก่อนเวลาเรานอนเตียงเดียวกัน เธอก็หลับสนิทอยู่ไม่ใช่หรอ?”

ซูย้าวกลอกตาอย่างหมดคำพูด แล้วหันตัวไป “นายก็พูดอยู่ ว่านั่นมันเมื่อก่อน”

“อืม”เขาตอบรับเสียงเบา “ค่อยๆ ชินอีกครั้งก็พอ ง่วงแล้วก็นอนเถอะ!”

เธอสูดหายใจลึก พูดไปแล้ว ว่าเธอชินให้มีคนอยู่ข้างๆ !

แต่ว่า ลี่เฉินซีไม่ไป เธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะผลักเขาออก แล้วยังไม่สามารถหนีจากอ้อมแขนเหยียดยาวของเขาได้ ดังนั้นจึงปรับตัวให้เข้ากับมันช้าๆ

เวลาผ่านไปนาน อาจเพราะเธอเหนื่อยจากการถูกทรมาน เรี่ยวแรงหดหายไปมาก จำเป็นต้องนานเพื่อชดเชย ดังนั้นจึงหลับไปโดยไม่รู้ตัว

ลี่เฉินซีมองเธออยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ทั้งๆ ที่แขนถูกเธอหนุนจนชาแล้ว แต่ยังคงไม่ขยับเขยื้อน ยื่นมือไปปัดผมที่แก้มเธอเบาๆ ขมวดคิ้วพึมพำ “ไหนบอกว่าไม่ชินที่มีคนอยู่ข้างตัว? ทำไมหลับสนิทยิ่งกว่าใครอีก?”

แน่นอน ผู้หญิงล้วนปากไม่ตรงกับใจ

โดยเฉพาะกับผู้ชายที่ชอบแล้ว กฎนี้ ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้

ลี่เฉินซีรักษาท่าทางนี้ไว้ห้าชั่วโมงกว่า ในระหว่างนั้น ซูย้าวเองก็นอนหลับอย่างสบาย

เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ทั้งแขนของชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนจะขาดออก แต่เธอกลับไม่รู้ตัว ยังหาวไปหนึ่งที ยกมือขึ้นขยี้ตา เมื่อสังเกตเห็นว่าข้างกายมีคนอยู่ ถึงถามกลับด้วยความประหลาดใจ “ทำไมนายยังอยู่นี่?”

ลี่เฉินซีดึงแขนออกช้าๆ ด้วยท่าทางเงอะงะและเหน็บชา ลุกขึ้นนั่งอย่างไม่สง่างามอย่างมาก แววตาเย็นชาอารมณ์ไม่ดี กวาดไปที่เธอ “ใช่น่ะสิ ทำไมฉันยังอยู่กันนะ?”

ซูย้าวนั่งกะพริบตาอยู่ด้านข้าง มองหาคำแก้ตัวให้ตัวเอง “ฉันคงจะเหนื่อยเกินไป หลายวันมานี้พักผ่อนไม่เพียงพอ ก็เลยหลับไป”

ความหมายก็คือ ไม่ใช่เพราะว่าข้างกายมีคนแล้วเธอนอนได้อย่างสงบ แต่เพราะตนเหนื่อยเกินไป

ลี่เฉินซีสูดหายใจเข้าลึกอย่างไม่อดทน แล้วพยักหน้าอย่างให้ความร่วมมือ “อืม อีกเดี๋ยวทำอีกสองสามรอบ ให้เธอเหนื่อยขึ้นอีกหน่อย ก็หลับได้ดีขึ้นแล้ว!”

ซูย้าว “……”

เขาคลายแขนที่เหน็บชา หันตัวลงจากเตียง โยนถุงช้อปปิ้งที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วให้เธอ “เปลี่ยนเสื้อผ้า”

เธอกอดถุงช้อปปิ้งนั้นไว้ เห็นด้านในเป็นชุดสตรี ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ฉันอยู่ที่นี่คืนนึง พรุ่งนี้จะคืนเงินให้นาย!”

ขณะที่พูด เธอก็โยนถุงช้อปปิ้งทิ้ง ห่อตัวด้วยผ้าห่มแล้วพลิกตัวไปนอนอ่านข่าวในโทรศัพท์

ลี่เฉินซีมองเธออย่างแทบจะพูดไม่ออก “ออกไปกินข้าว!”

“ฉันไม่หิว นายไปคนเดียวเถอะ!”เธอตอบอย่างตรงไปตรงมามาก แต่ พูดต่อปากต่อคำ ไม่กี่วินาที เสียง ‘โครกคราก’ก็ดังมาจากท้องของเธอ

ซูย้าวเองก็ตกใจกับความขายหน้าของตนเอง ตกตะลึงไปทั้งตัว

หน้าหล่อของลี่เฉินซีไม่มีการตอบสนองอะไร เพียงแค่พูดเร่ง “อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ออกไปข้างนอก ฉันไม่อยากพูดซ้ำ ไม่อย่างนั้น……”

ไม่จำเป็นต้องให้เขาพูดอะไรต่อ ซูย้าวก็สัมผัสได้ว่าด้านหลังคำว่าไม่อย่างนั้น จะเป็นฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องคิด กระเด้งตัวขึ้นทันที อุ้มถุงช้อปปิ้งพุ่งเข้าห้องน้ำไป

ผ่านไปเกือบ20นาที ซูย้าวก็อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาเสร็จเรียบร้อย

อาจเพราะคอเสื้อชุดกระโปรงที่ลี่เฉินซีเตรียมไว้มันสั้นเกินไป จึงไม่สามารถปกปิดร่องรอยบนคอของเธอได้ ทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวเองเล็กน้อย ก้มหน้าไม่หยุด ยังใช้มือเล็กๆ จับแล้วจับเล่า กลัวว่าจะถูกคนเห็นแล้วมองเป็นเรื่องตลก

เขามองไปที่เธอ นำเสื้อสูทของตนคลุมร่างเธอไว้อย่างช่วยไม่ได้ แล้วยังกระชับ “แบบนี้โอเคหรือยัง!”

เธอรู้สึกว่าก็ยังไม่สามารถปกปิดได้โดยสมบูรณ์ แต่การมีเสื้อผ้าใส่ไว้ ก็ยังดีกว่าไม่มี จึงพยักหน้า เห็นด้วยอย่างไม่เต็มใจ

ลี่เฉินซีจูงเธอลงมาชั้นล่าง เธอนึกว่าจะกินอะไรนิดหน่อยที่ห้องอาหารของโรงแรม แต่ไม่เคยคิดว่า ชายหนุ่มจะพาเธอขึ้นรถ ขับรถด้วยตัวเองตรงไปที่ทิศทางของชานเมืองทางตะวันออก

เกือบจะวิ่งผ่านทั่วทั้งเมืองA ซูย้าวรู้สึกไม่สงบขึ้นเรื่อยๆ กระชับเสื้อคลุมของชายหนุ่มบนตัว ถามกลับอย่างช่วยไม่ได้ “จะไปที่ไหนกันแน่?”

“อีกเดี๋ยวถึงแล้วเธอก็จะรู้”เขาก็ไม่ได้พูดให้ชัดเจน จับพวงมาลัยข้างเดียว ทางแยกข้างหน้าหันไปอีกทิศทางหนึ่ง

สายตาของซูย้าวเต็มไปด้วยความสงสัย ในที่สุดรถก็หยุดลงในที่แห่งหนึ่ง เธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นร้านอาหารจีนที่มีความพิเศษโดดเด่น

เธอกำลังจะเดินไปทางร้านอาหาร แต่ชายหนุ่มด้านหลังเดินเข้ามา โอบเธอแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ที่นี่ เป็นด้านข้าง”

ซูย้าวชะงัก เบือนสายตาไปมอง กลับเป็นแผงขายอาหารทะเลริมถนน

แววตาเธอผิดปกติทันที มองไปที่ชายหนุ่มด้านข้างอย่างสงสัยไม่เข้าใจ ดูชุดสูทรองเท้าหนังทั้งตัวของเขา หรูหรามีระดับอย่างเห็นได้ชัด แผงขายอาหารแบบนี้ เขาจะอุดหนุน?

โอบอุ้มอารมณ์ที่ซับซ้อนไว้แล้วถูกเขาดึงเข้าไปใกล้แผงขายอาหาร ด้านในมีลูกค้าจำนวนมาก ทั้งสองเลือกที่นั่งแห่งหนึ่ง หลังจากนั่งลง เขาก็หยิบเมนูมา สั่งไปเยอะมาก หลังพนักงานจากไป เขาถึงจุดบุหรี่ พูดขึ้น “ที่นี่รสชาติไม่เลว เมื่อก่อนเธอชอบกินมาก”

เธอแปลกใจ “ฉันหรอ?”

เธอชะงักครู่หนึ่ง แล้วพูดอีก “เมื่อก่อนนายมาที่นี่กับฉันบ่อยๆ ?”

เหมือนไปสัมผัสเข้ากับคำถามที่อ่อนไหว ใบหน้าที่หล่อเหลาของลี่เฉินซีจมดิ่งลง หยิบกาน้ำชามา รินให้เธอหนึ่งแก้ว ดันไปให้แล้วพูดขึ้น “ไม่ใช่ฉัน”

เขาเมื่อก่อน จะมากินอาหารร้านเล็กๆ ที่สุดแสนจะธรรมดาแบบนี้เป็นเพื่อนเธออย่างเอาใจใส่ได้ยังไงล่ะ?

เป็นหลินโม่ป่าย

ตอนที่หวางอี้ติดตามเธอ เคยถ่ายรูปตอนเธอมากินข้าวที่นี่กับหลินโม่ป่าย ในรูปถ่าย ในมือเธอจะถือไม้ปิ้งย่าง ยิ้มเพลิดเพลินไปกับอาหาร ช่างดู งดงามมากจริงๆ

ตั้งแต่นั้นมา เขาก็จดจำสถานที่นี้ไว้

ลี่เฉินซีชะงักทันที ดวงตาที่น่ามองหดตัวลงอย่างรวดเร็ว

ซูย้าวมองไปที่เขาอย่างช่วยไม่ได้ “นายบังคับฉันแบบนี้ มีแต่จะทำให้ฉันรู้สึกต่อต้าน และรังเกียจนาย อีกอย่างนี่ไม่ใช่ความรัก เป็นแค่…..ที่ระบาย และความต้องการร่างกาย!”

ใบหน้าของชายหนุ่มจมดิ่งลงช้าๆ ทั้งๆ ที่เขาหมายถึงอย่างอื่น แต่เธอวกกลับมาที่ปัญหาเรื่องบนเตียง!

“อีกอย่าง”ซูย้าวชะงักเล็กน้อย แล้วถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง “ตอนนี้ฉันอยากพักผ่อนแล้ว นายออกไป ได้ไหม?”

ลี่เฉินซี “……”

เขาแทบจะหมดหนทางแล้ว ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง แต่เธอก็ยังคงไม่ยอมพูดความจริงกับเขา

ลี่เฉินซีมองดูเธอนิ่งๆ ควรจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนี้กันแน่?

ซูย้าวขดตัวลงไปนอน ดึงผ้าห่มที่ยุ่งเหยิงอยู่ตั้งนานแล้วขึ้นมาห่ม โบกมือไปทางเขาอย่างรังเกียจ “ตอนออกไปรบกวนปิดไฟให้ด้วย”

พูดจบ เธอก็พลิกตัว ซุกศีรษะเล็กๆ ไว้ใต้หมอน แล้วหลับตาลง

ดวงตาลุ่มลึกของลี่เฉินซี ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันอีกครั้ง มองไปที่เธอแล้วพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “OK”

“เธอต้องการแบบนี้ใช่ไหม ก็ดี หลังจากนี้เกิดอะไรขึ้นอีก ก็อย่าโทษฉันล่ะ!”

พูดจบ เขาก็ลุกเดินออกไปจริงๆ แล้วยังปิดไฟให้เธอด้วย

ห้องกลับเข้าสู่ความมืดอีกครั้ง ซูย้าวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ พลิกตัว หามือถือของตนเอง มองดูเวลา พึ่งจะ5โมงกว่า เธอก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว จึงหลับตาลง

ในตอนที่กึ่งหลับกึ่งตื่น รู้สึกได้เพียงแรงบางอย่างข้างๆ ตัว เมื่อเธอหรี่ตาขึ้นมาหลังจากนั้น ก็เห็นชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ด้านข้าง เลิกผ้าห่มเธอขึ้น นอนลงด้วยกันกับเธอ

ที่แท้เมื่อกี้เขาก็ไม่ได้จะจากไป แต่ไปอาบน้ำ

ซูย้าวไร้คำจะพูด ผลักเขาราวกับไม่ชอบใจ แย่งผ้าห่มไปคนเดียว ห่อหุ้มตัวเองไว้อย่างแน่นหนา แล้วพลิกตัวหันไปอีกฝั่ง

ลี่เฉินซีมองดูการเคลื่อนไหวของเธออย่างเย็นชา ยกมือขึ้นดึงผ้าห่มอีกครั้ง แล้วบังคับเธอกลับเข้ามาในอ้อนแขน “ไม่อาบน้ำ?”

เธอดิ้นรนหลบเลี่ยง หลังจากไร้ผล ก็พูดขึ้นด้วยความโกรธ “ไม่อาบ”

ซูย้าวเหนื่อยมาก ไม่อยากขยับเขยื้อนไปชั่วคราว

ลี่เฉินซีเองก็ไม่รังเกียจ โอบเธอโดยตรง แล้วยังใช้แขนยาวของตนเป็นหมอนให้เธอ กอดเธอไว้ในอ้อมแขน “งั้นหิวไหม? จะกินอะไร?”

“ไม่กิน”เธอนิ่งเฉย ไม่แยแสไร้อุณหภูมิ

เขาไม่พูดต่อแล้ว เพราะว่าเขาหลับไม่ลงจริงๆ ดังนั้นจึงนอนหงาย ตาค้างจ้องมองเพดาน

ซูย้าวรออยู่นานมาก เห็นเขาไม่พูดจา ตนเองก็หนีจากอ้อมกอดเขาไม่ได้ จึงโผล่ศีรษะเล็กๆ ออกมาจากอ้อมแขนของเขา “นายออกไปได้ไหม? มีคนอยู่ข้างตัว ฉันนอนไม่หลับ”

“ไม่คุ้นชิน?”เขาถามกลับ

เธอพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร

เขากลับยิ้ม “งั้นเมื่อก่อนเวลาเรานอนเตียงเดียวกัน เธอก็หลับสนิทอยู่ไม่ใช่หรอ?”

ซูย้าวกลอกตาอย่างหมดคำพูด แล้วหันตัวไป “นายก็พูดอยู่ ว่านั่นมันเมื่อก่อน”

“อืม”เขาตอบรับเสียงเบา “ค่อยๆ ชินอีกครั้งก็พอ ง่วงแล้วก็นอนเถอะ!”

เธอสูดหายใจลึก พูดไปแล้ว ว่าเธอชินให้มีคนอยู่ข้างๆ !

แต่ว่า ลี่เฉินซีไม่ไป เธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะผลักเขาออก แล้วยังไม่สามารถหนีจากอ้อมแขนเหยียดยาวของเขาได้ ดังนั้นจึงปรับตัวให้เข้ากับมันช้าๆ

เวลาผ่านไปนาน อาจเพราะเธอเหนื่อยจากการถูกทรมาน เรี่ยวแรงหดหายไปมาก จำเป็นต้องนานเพื่อชดเชย ดังนั้นจึงหลับไปโดยไม่รู้ตัว

ลี่เฉินซีมองเธออยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ทั้งๆ ที่แขนถูกเธอหนุนจนชาแล้ว แต่ยังคงไม่ขยับเขยื้อน ยื่นมือไปปัดผมที่แก้มเธอเบาๆ ขมวดคิ้วพึมพำ “ไหนบอกว่าไม่ชินที่มีคนอยู่ข้างตัว? ทำไมหลับสนิทยิ่งกว่าใครอีก?”

แน่นอน ผู้หญิงล้วนปากไม่ตรงกับใจ

โดยเฉพาะกับผู้ชายที่ชอบแล้ว กฎนี้ ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้

ลี่เฉินซีรักษาท่าทางนี้ไว้ห้าชั่วโมงกว่า ในระหว่างนั้น ซูย้าวเองก็นอนหลับอย่างสบาย

เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ทั้งแขนของชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนจะขาดออก แต่เธอกลับไม่รู้ตัว ยังหาวไปหนึ่งที ยกมือขึ้นขยี้ตา เมื่อสังเกตเห็นว่าข้างกายมีคนอยู่ ถึงถามกลับด้วยความประหลาดใจ “ทำไมนายยังอยู่นี่?”

ลี่เฉินซีดึงแขนออกช้าๆ ด้วยท่าทางเงอะงะและเหน็บชา ลุกขึ้นนั่งอย่างไม่สง่างามอย่างมาก แววตาเย็นชาอารมณ์ไม่ดี กวาดไปที่เธอ “ใช่น่ะสิ ทำไมฉันยังอยู่กันนะ?”

ซูย้าวนั่งกะพริบตาอยู่ด้านข้าง มองหาคำแก้ตัวให้ตัวเอง “ฉันคงจะเหนื่อยเกินไป หลายวันมานี้พักผ่อนไม่เพียงพอ ก็เลยหลับไป”

ความหมายก็คือ ไม่ใช่เพราะว่าข้างกายมีคนแล้วเธอนอนได้อย่างสงบ แต่เพราะตนเหนื่อยเกินไป

ลี่เฉินซีสูดหายใจเข้าลึกอย่างไม่อดทน แล้วพยักหน้าอย่างให้ความร่วมมือ “อืม อีกเดี๋ยวทำอีกสองสามรอบ ให้เธอเหนื่อยขึ้นอีกหน่อย ก็หลับได้ดีขึ้นแล้ว!”

ซูย้าว “……”

เขาคลายแขนที่เหน็บชา หันตัวลงจากเตียง โยนถุงช้อปปิ้งที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วให้เธอ “เปลี่ยนเสื้อผ้า”

เธอกอดถุงช้อปปิ้งนั้นไว้ เห็นด้านในเป็นชุดสตรี ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ฉันอยู่ที่นี่คืนนึง พรุ่งนี้จะคืนเงินให้นาย!”

ขณะที่พูด เธอก็โยนถุงช้อปปิ้งทิ้ง ห่อตัวด้วยผ้าห่มแล้วพลิกตัวไปนอนอ่านข่าวในโทรศัพท์

ลี่เฉินซีมองเธออย่างแทบจะพูดไม่ออก “ออกไปกินข้าว!”

“ฉันไม่หิว นายไปคนเดียวเถอะ!”เธอตอบอย่างตรงไปตรงมามาก แต่ พูดต่อปากต่อคำ ไม่กี่วินาที เสียง ‘โครกคราก’ก็ดังมาจากท้องของเธอ

ซูย้าวเองก็ตกใจกับความขายหน้าของตนเอง ตกตะลึงไปทั้งตัว

หน้าหล่อของลี่เฉินซีไม่มีการตอบสนองอะไร เพียงแค่พูดเร่ง “อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ออกไปข้างนอก ฉันไม่อยากพูดซ้ำ ไม่อย่างนั้น……”

ไม่จำเป็นต้องให้เขาพูดอะไรต่อ ซูย้าวก็สัมผัสได้ว่าด้านหลังคำว่าไม่อย่างนั้น จะเป็นฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องคิด กระเด้งตัวขึ้นทันที อุ้มถุงช้อปปิ้งพุ่งเข้าห้องน้ำไป

ผ่านไปเกือบ20นาที ซูย้าวก็อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาเสร็จเรียบร้อย

อาจเพราะคอเสื้อชุดกระโปรงที่ลี่เฉินซีเตรียมไว้มันสั้นเกินไป จึงไม่สามารถปกปิดร่องรอยบนคอของเธอได้ ทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวเองเล็กน้อย ก้มหน้าไม่หยุด ยังใช้มือเล็กๆ จับแล้วจับเล่า กลัวว่าจะถูกคนเห็นแล้วมองเป็นเรื่องตลก

เขามองไปที่เธอ นำเสื้อสูทของตนคลุมร่างเธอไว้อย่างช่วยไม่ได้ แล้วยังกระชับ “แบบนี้โอเคหรือยัง!”

เธอรู้สึกว่าก็ยังไม่สามารถปกปิดได้โดยสมบูรณ์ แต่การมีเสื้อผ้าใส่ไว้ ก็ยังดีกว่าไม่มี จึงพยักหน้า เห็นด้วยอย่างไม่เต็มใจ

ลี่เฉินซีจูงเธอลงมาชั้นล่าง เธอนึกว่าจะกินอะไรนิดหน่อยที่ห้องอาหารของโรงแรม แต่ไม่เคยคิดว่า ชายหนุ่มจะพาเธอขึ้นรถ ขับรถด้วยตัวเองตรงไปที่ทิศทางของชานเมืองทางตะวันออก

เกือบจะวิ่งผ่านทั่วทั้งเมืองA ซูย้าวรู้สึกไม่สงบขึ้นเรื่อยๆ กระชับเสื้อคลุมของชายหนุ่มบนตัว ถามกลับอย่างช่วยไม่ได้ “จะไปที่ไหนกันแน่?”

“อีกเดี๋ยวถึงแล้วเธอก็จะรู้”เขาก็ไม่ได้พูดให้ชัดเจน จับพวงมาลัยข้างเดียว ทางแยกข้างหน้าหันไปอีกทิศทางหนึ่ง

สายตาของซูย้าวเต็มไปด้วยความสงสัย ในที่สุดรถก็หยุดลงในที่แห่งหนึ่ง เธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นร้านอาหารจีนที่มีความพิเศษโดดเด่น

เธอกำลังจะเดินไปทางร้านอาหาร แต่ชายหนุ่มด้านหลังเดินเข้ามา โอบเธอแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ที่นี่ เป็นด้านข้าง”

ซูย้าวชะงัก เบือนสายตาไปมอง กลับเป็นแผงขายอาหารทะเลริมถนน

แววตาเธอผิดปกติทันที มองไปที่ชายหนุ่มด้านข้างอย่างสงสัยไม่เข้าใจ ดูชุดสูทรองเท้าหนังทั้งตัวของเขา หรูหรามีระดับอย่างเห็นได้ชัด แผงขายอาหารแบบนี้ เขาจะอุดหนุน?

โอบอุ้มอารมณ์ที่ซับซ้อนไว้แล้วถูกเขาดึงเข้าไปใกล้แผงขายอาหาร ด้านในมีลูกค้าจำนวนมาก ทั้งสองเลือกที่นั่งแห่งหนึ่ง หลังจากนั่งลง เขาก็หยิบเมนูมา สั่งไปเยอะมาก หลังพนักงานจากไป เขาถึงจุดบุหรี่ พูดขึ้น “ที่นี่รสชาติไม่เลว เมื่อก่อนเธอชอบกินมาก”

เธอแปลกใจ “ฉันหรอ?”

เธอชะงักครู่หนึ่ง แล้วพูดอีก “เมื่อก่อนนายมาที่นี่กับฉันบ่อยๆ ?”

เหมือนไปสัมผัสเข้ากับคำถามที่อ่อนไหว ใบหน้าที่หล่อเหลาของลี่เฉินซีจมดิ่งลง หยิบกาน้ำชามา รินให้เธอหนึ่งแก้ว ดันไปให้แล้วพูดขึ้น “ไม่ใช่ฉัน”

เขาเมื่อก่อน จะมากินอาหารร้านเล็กๆ ที่สุดแสนจะธรรมดาแบบนี้เป็นเพื่อนเธออย่างเอาใจใส่ได้ยังไงล่ะ?

เป็นหลินโม่ป่าย

ตอนที่หวางอี้ติดตามเธอ เคยถ่ายรูปตอนเธอมากินข้าวที่นี่กับหลินโม่ป่าย ในรูปถ่าย ในมือเธอจะถือไม้ปิ้งย่าง ยิ้มเพลิดเพลินไปกับอาหาร ช่างดู งดงามมากจริงๆ

ตั้งแต่นั้นมา เขาก็จดจำสถานที่นี้ไว้

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset