เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก – ตอนที่ 525 ฝืนเก็บอารมณ์ / ตอนที่ 526 ยื่นหมูยื่นแมว

ตอนที่ 525 ฝืนเก็บอารมณ์

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเคาะหัวตัวเองเพื่อเรียกสติ สักพักสติก็เริ่มกลับมา แต่ว่าหัวใจก็ยังคงเต้นแรงอยู่

 

 

บางทีอันหรานอาจพูดถูก ตอนนี้สวีรั่วชีเหลือแค่เธอแล้ว ถ้าเธอไม่ไป สวีรั่วชีก็ต้องจัดการอะไรหลายๆอย่างด้วยตัวคนเดียว

 

 

เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา พอดึงสติกลับมาได้ถึงพบว่าที่นอกหน้าต่างมีไอน้ำฝนเกาะอยู่ ทั่วทั้งท้องฟ้ากลายเป็นสีมืดครึ้ม แผ่ปกคลุมต้นไม้ด้านนอก

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเดินออกไปด้านนอกอย่างไม่รู้ตัว ยื่นมือไปลูบผิวถนนที่โดนน้ำฝนตกใส่จนเปียกชุ่มไปหมด เธอยืนเหม่ออยู่ตรงนั้นไม่รู้นานเท่าไหร่ สักพักก็นึกขึ้นจึงได้เดินกลับหยิบกระดานวาดรูป

 

 

ฝนตกอยู่นาน ดังนั้นจึงไม่เป็นอุปสรรคในการวาดรูปของซย่าเสี่ยวมั่ว

 

 

คงเป็นเพราะสภาพอากาศบวกกับสภาพอารมณ์ของเธอในตอนนี้ ทำให้สีที่ใช้วาดภาพค่อนข้างไปทางสีทึบ ไม่ว่าจะเป็นภาพที่มีสีสันสวยงามหรืออึมครึม เธอก็ล้วนใช้สีทึบในการวาดออกมาทั้งหมด

 

 

ถ้าเธอวาดเค้าโครงของไอน้ำฝนที่เกาะที่หน้าต่างเสร็จ ภาพนี้ก็เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แบบ

 

 

ในมือของเธอถือแปรงพู่กัน หลังมือพิงติดกับกระดานวาดรูป ดวงตามองสลับระหว่างกระดานวาดรูปกับด้านนอกหน้าต่าง และเริ่มใจลอยอีกครั้ง

 

 

ตอนนี้เธอเริ่มรู้ถึงความทรมานตอนเมาเครื่องบินเมื่อช่วงบ่ายอีกครั้ง ใจเต้นเป็นจังหวะรุนแรง ความเจ็บปวดตอนนั้นตีกลับมาอีกครั้ง น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ จนเธอแยกไม่ออกแล้วว่าเป็นเพราะน้ำตาของเธอบนบังทิวทัศน์นอกหน้าต่างหรือเป็นเพราะไอน้ำที่เกาะอยู่ด้านนอกที่ทำให้มองไม่ชัดกันแน่

 

 

เสียงเคาะประตูจากทางด้านนอกเรียกสติของซย่าเสี่ยวมั่วให้กลับมา เธอเก็บของอย่างลวกๆ จากนั้นลุกเดินไปเปิดประตู

 

 

พนักงานเข็นรถอาหารเช้าเดินเข้ามา เมื่อเห็นซย่าเสี่ยวมั่วที่น้ำตายังคงเต็มหน้าก็ตกใจแต่ด้วยความที่ถูกฝึกอบรมมาอย่างดีจึงไม่ได้ถามอะไรออกไป เมื่อเสิร์ฟอาหารเสร็จก็รีบกลับออกไปทันที

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพบว่าแม้กระทั่งมองอาหารเธอก็ยังมองไม่ชัด ในใจก็เริ่มคิด เธอคงไม่ได้ร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัวอีกใช่ไหม เธอลองยื่นมือไปเช็ดก็พบว่าเต็มไปด้วยน้ำตา ยังดีนะที่ไม่มีน้ำมูกไหลออกมาด้วย ไม่อย่างนั้นพนักงานคนเมื่อครู่คงต้องตกใจจนรีบหนีไปจริงๆ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเดินอย่างเลื่อนลอยไปยังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าจากนั้นก็ออกมากินข้าว

 

 

แม้เธอไม่อยากจะยอมรับ แต่เวลาเมื่อเห็นเนื้อสัตว์อารมณ์เธอจะดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ แต่เมื่อคิดถึงคำพูดที่เหยียนเค่อบอกว่าเธออ้วนน้ำตาก็ดูเหมือนจะไหลลงมาอีกรอบ

 

 

“มีสิทธ์อะไรมาห้ามฉันกินเนื้อ ถึงฉันจะอ้วนแต่ก็ไม่ได้เพราะกินเนื้อบ้านนายเสียหน่อย” ซย่าเสี่ยวมั่วใช้ตะเกียบทิ่มไปบนลูกชิ้นสี่สุข[1] ในใจเต็มไปด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ

 

 

ช่วงนี้เธอตอนเหยียนเค่อกดดันมาเกินไปแล้ว กว่าจะหาที่หลบมาผักผ่อนคลายเครียดได้แต่ก็ดันไปนึกถึงให้อารมณ์เสียขึ้นมาอีก มื้ออาหารกลางแสนอร่อยวันถูกเธอทำให้กร่อยไปอีกแล้ว สุดท้ายทนหิวไม่ไหวจึงหั่นลูกชิ้นสี่สุขออกเป็นแผ่นราวกับเสต็ก จากนั้นก็หันไปจัดการกับต้มยำปลา หมูสามชั้นผัด ผัดเต้าหู้ ผัดผักหวงกั่วซู่ จนราบคาบ จากนั้นก็นั่งนิ่งอยู่กับพื้นไม่อยากขยับตัว

 

 

ไม่มีใครรู้หรอกว่าตอนเธออดอาหารเธอพลาดอาหารอะไรไปบ้าง

 

 

สภาพอากาศของกุ้ยโจวแค่ครึ้มฟ้าครึ้มฝน แต่ที่เมือง N นั้น ฝนกราวกับพายุ

 

 

เหยียนเค่อมอกไปที่วิวนอกหน้าต่าง นึกถึงบรรยากาศอบอุ่นเมื่อก่อนตอนที่เขากับซย่าเสี่ยวมั่วติดฝนอยู่ในบ้าน ตอนนี้ก็ฝนตกหนักเช่นกัน แต่ตอนช่างเหน็บหนาวก่อนตอนนั้นเยอะ ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องเผชิญอยู่ก็คือพวกหมาลอบกัดซีเฉิงที่ร่วมมือกับพี่ชายเขาคอยจ้องแต่จะเล่นงานเขา

 

 

เหยียนเค่อเบนสายตากลับมาสะสางงานที่กองอยู่ตรงหน้าต่อ เรื่องแบบนี้มันเปราะบางแล้วก็สร้างความรำคาญใจอยู่ไม่น้อย แต่ทุกคนก็ต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว หลังจากงานแต่งของสวีอันหรานก็ไม่มีเรื่องลอบกัดแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว อีกอย่างเขาก็ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่านี้ให้ต้องจัดการ

 

 

 

 

——

 

 

[1] ลูกชิ้นสี่สุข  เป็นเนื้อหมูสับบดแล้วปั้นเป็นลูกกลมๆเหมือนลูกชิ้น จากนั้นคลุกด้วยซอสเพื่อเพิ่มรสชาติ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 526 ยื่นหมูยื่นแมว

 

 

ยิ่งใกล้เวลาที่จะต้องเดินทางไปเกาะบาหลี อันหรานก็เริ่มกระวนกระวายมากขึ้นทุกวัน จนกระทั่งเมื่อเธอมาอยู่บนเครื่องบิน ถึงได้รู้ตัวว่าที่เธอกังวลใจอยู่นั้นมันเกิดขึ้นจริงๆ

 

 

“ประธานเหยียน” อันหรานเอ่ยทักเหยียนเค่อนิ่งๆ

 

 

เหยียนเค่อมองไปยังที่ว่างข้างๆหล่อน ก็ขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา จากนั้นก็เดินไปนั่งที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเบาะที่ว่างอยู่

 

 

ในใจอันหรานมีเสียงกู่ร้องอย่างมาย แต่ต้องพยายามดึงหน้าไว้ 

 

 

เหยียนเค่อมองไปยังที่นั่งว่างเปล่าตรงข้ามตน อารมณ์ดำดิ่งลงทุกที เขารอยคอยวันนี้มาตั้งนานแต่ความหวังเขาต้องกลับสลายกลายเป็นฟองอากาศ

 

 

อันหรานแกล้งทำเป็นนั่งนิ่งๆ ก้มอ่านสมุดภาพของซย่าเสี่ยวมั่วๆ ทั้งๆที่จริงเธออ่านไมเข้าหัวเลยแม่แต่นิดเดียว

 

 

ทั้งสองต่างสนใจเรื่องของตัวเอง จนเป็นเหยียนเค่อที่เอ่ยพูดขึ้นมาก่อน “ซย่าเสี่ยวมั่วล่ะ”

 

 

อันหรานส่ายหน้า เอ่ยตอบสั้นๆ “ไม่รู้ค่ะ”

 

 

ไม่อยากเห็นหน้าเขาขนาดนั้นเลยหรอ ยอมที่จะไม่ไปร่วมงานแต่งของสวีรั่วชีเพราะไม่อยากเจอหน้าเขา เหยียนเค่อเริ่มคิดเดาไปต่างๆนาๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งโหวงในใจ กลัวว่าสักวันหนึ่งซย่าเสี่ยวมั่วจะหายไปจากชีวิตของตนจริงๆ

 

 

เหยียนเค่อโมโหจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว แต่เมื่อสงบสติอารมณ์ได้ก็เอ่ยถามต่อ

 

 

“เธอจะไปไหม”

 

 

“เธอบอกว่าจะไปค่ะ” แม้ความจริงแล้วอันหรานจะไม่ค่อยมั่นใจไหร่นัก

 

 

นอกจากวันนั้นที่เห็นหล่อนจากทางครั้งหลังที่สนามบินเหยียนเค่อก็ยังไม่ได้เจอหน้าหล่อนอีกเลย อารมณ์เริ่มตีกันวุ่นวายไปหมด คิดแค่อยากให้หล่อนมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาตอนนี้เลย

 

 

“ติดต่อเธอได้หรือเปล่า” เหยียนเค่อเอนหลังพิงพนัก เอ่ยน้ำด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่ทำให้คนฟังปวดใจ

 

 

อันหรานพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ฉันถามเธอแล้วค่ะ เธอบอกว่าจะไป”

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้เอ่ยถามอะไรต่อ หลับตาทำสมาธิ อันหรานเห็นก็เงียบปากไปโดยปริยาย

 

 

อันหรานรู้สึกราวกับว่ามีมดเป็นพันๆตัวเดินอยู่ในใจเธอ บางครั้งเธอก็รู้สึกเห็นใจซย่าเสี่ยวมั่ว แต่บางครั้งก็เห็นใจเหยียนเค่อ แต่ตอนนี้เธอทำแต่กอดตัวเองแน่นๆ คนที่น่าเห็นใจที่สุดในเวลานี้น่าจะเป็นคนที่อยู่ตรงกลางระหว่างซย่าเสี่ยวมั่วกับเหยียนเค่ออย่างเธอต่างหาก

 

 

 เหยียนเค่อหลับไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มหยิบงานออกมาทำต่อเงียบๆ

 

 

อันหรานเห็นแล้วก็ตาสว่าง จู่ๆเธอก็นึกถึงคำพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาได้ ‘ความแตกต่างของคนธรรมดากับคนที่ประสบความสำเร็จมันต่างกันตรงที่ในขณะที่คนธรรมดาจะมัวแต่โทษนู่นโทษนี่ คนที่ประสบความสำเร็จจะฝืนใจลงมือทำในสิ่งที่ตนไม่ชอบ’

 

 

เดิมทีอันหรานคิดว่าคงต้องนั่งมองคนบ้างานทำงานไปตลอดทั้งทาง แต่กลับไม่คิดว่าสวีอันหรานจะเหมาเครื่องบินลำนี้ทั้งลำ ทำให้เธอเจอเพื่อนคนโน่นคนนี้แวะมาทักทายไม่หยุดหย่อน

 

 

อันหรานมองพวกผู้หญิงที่เอาขนมคุ้กกี้มาให้ ไม่รู้ว่าปากเธอกระตุกไปกี่รอบแล้ว เธอลอบมองปฏิกิริยาของชายหนุ่ม ก็พบว่าเขาไม่ได้ชายตามองไปยังผู้หญิงพวกนั้นเลย จึงก้มหน้าก้มตาอ่านการ์ตูนของตัวเองต่อ

 

 

ตอนนี่เหยียนเค่อหยุดพัก สายตาของผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเขาได้เท่ากับหนังสือที่อยู่ในมือของอันหราน

 

 

“เธออ่านอะไรอยู่”

 

 

“ถามฉันเหรอคะ” อันหรานชะงักไปนิด เหยียนเค่อไม่ได้เอ่ยอะไรเพียงแค่พยักหน้า

 

 

อันหรานยื่นหนังสือไปให้ “ต้นฉบับตอนจบหนังสือเรื่องก่อนของซย่าเสี่ยวมั่วค่ะ”

 

 

เหยียนเค่อรับมาเปิดดู เห็นลายภาพที่คุ้นตา ลายเซ็นที่คุ้นเคย อันหรานคิดว่าชายหนุ่มดูจบก็คงคืนให้เธอ แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะเริ่มเปิดอ่านใหม่ตั้งแต่หน้าแรก

 

 

อันหรานที่สองมือตอนนี้ว่างเปล่ามองไปยังกองขนมด้านหน้าของเหยียนเค่ออย่างเหงาหงอย ในใจก็บ่นซย่าเสี่ยวมั่วไปด้วย ถ้าหล่อนอยู่นี่กับเธอด้วยไม่ว่าอย่างไรเธอก็คงไม่ต้องมานั่งเหงาอยู่แบบนี้ ถึงแม้หล่อนจะมานั่งอาเจียนอยู่ข้างๆก็ตาม

 

 

ขณะที่เธอถอนหายใจเหยียนเค่อก็ใช้แก้วน้ำดันกองขนมที่อยู่ด้านหน้าตนมาให้เธอทั้งหมด “การ์ตูนให้ฉัน ส่วนเธอเอาของพวกนี้ไป”

 

 

“เอ๋” จู่ๆความสุขก็มากองตรงหน้าเธอ เมื่ออันหรานประมวลผลได้ก็รีบคว้าขนมมาไว้ทางตัวเอง ในใจก็เริ่มคิด ดีแล้วที่ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย ไม่อย่างนั้นของพวกนี้คงไม่ตกมาถึงมือเธอหรอก 

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ซย่าเสี่ยวมั่ว สาวโสดผู้หมดศรัทธาในความรักจำต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกจากบ้าน เพียงเพราะทะเลาะกับผู้เป็นแม่เรื่องหา ‘ลูกเขย’! ด้วยอับจนหนทางที่จะกลับบ้าน เธอจึงต้องไปขออาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทชั่วคราว ทว่าระหว่างนั่งรถประจำทาง เธอดันไปปะทะฝีปากกับชายหนุ่มรูปงาม และสร้างความอับอายให้เขาอย่างน่าคับแค้นใจ! ทั้งที่เธอไม่คิดจะเจอเขาอีกชั่วชีวิต ทว่าเหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง บันดาลให้เธอต้องมาพบกับเขาอีกครั้งในฐานะ ‘แฟนเช่า’ ครั้งนี้ เหยียนเค่อ จะให้เธอได้ชดใช้อย่างสาสม!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset