เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก – ตอนที่ 253 แฟนหนุ่มที่ได้มา / ตอนที่ 254 เล่นตุกติก

ตอนที่ 253 แฟนหนุ่มที่ได้มา

 

 

เมื่ออันหร่านกลับมาที่ห้องทำงานก็เห็นซย่าเสี่ยวมั่วยืนขวางอยู่หน้าประตู

 

 

“ทำไมเธอไม่เข้าไปล่ะ”

 

 

“ก็เดี๋ยวคนสงสัย” ซย่าเสี่ยวมั่วเดินตามเขาเข้าไปด้านใน ก่อนจะเปิดโน้ตบุ๊กของตน “ฉันเพิ่งวาดเสร็จไปสองตอน”

 

 

“เธอเอาอันนี้มาให้ฉันดูเนี่ยนะ?” อันหร่านมองแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปจ้องซย่าเสี่ยวมั่ว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วถูกเขามองก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจสายตาของเขา “เธอไม่สนใจการ์ตูนของฉันแล้วเหรอ”

 

 

“เธอส่งต้นฉบับมาให้ฉันก็ได้นี่ ทำไมต้องเดินมาเองด้วย” ยายนี่โมโหจนเพี้ยนแล้วล่ะมั้ง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกระแอมเบาๆ ปกปิดความลำบากของตัวเอง “ของแบบนี้ไม่ต้องใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตดีกว่าน่ะ แค่กๆๆๆ”

 

 

อันหร่านก็ไม่เปิดโปง รับเอกสารที่เธอจะส่งมาให้ผ่านทางบลูทูธ ก่อนจะรำพึงเสียงเบา “เมื่อกี้ฉันมีแฟนแล้วล่ะ”

 

 

จิตวิญญาณของคนขี้เม้าท์ถูกจุดประกายขึ้น ซย่าเสี่ยวมั่วรีบเขยิบเข้าไปใกล้ “เมื่อกี้เธอไปทำอะไรมา”

 

 

อันหร่านจ้องตาซย่าเสี่ยวมั่วอยู่นาน คิดในใจ ‘ฉิบหาย ฉันจะตอบยังไงดี’ ก่อนจะละสายตาออกแล้วโกหกด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ห้องน้ำ”

 

 

“เธอไปเข้าห้องน้ำชายมาเหรอ”

 

 

ห้องน้ำชายมีค่าเท่ากับห้องทำงานของท่านประธาน…อันหร่านยอมรับนิยามข้อนี้เงียบๆ ก่อนจะพยักหน้า

 

 

“คงไม่ใช่เพราะว่าเขาเกือบจะตกส้วมแล้วเธอไปช่วยเอาไว้ จากนั้นเขาก็รักเธอหมดใจเลยหรอกนะ”

 

 

ในหัวมีคำว่า ‘ไสหัวไป’ วนเวียนอยู่นาน แต่อันหร่านกลับเลือกใช้การกระทำมาแสดงออกถึงความรู้สึกในใจมากกว่า

 

 

“เธอจะฆ่าฉันหรือไง!” ซย่าเสี่ยวมั่วโวยวายแล้วหลบการโจมตีของอันหร่าน กุมหัวตัวเองแล้วกระโดดไปนั่งบนโซฟา

 

 

อันหร่านโยนหนังสือที่ม้วนเป็นทรงกระบอกลงบนโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยเตือน “หยุดมโน”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วหัวเราะอย่างชั่วร้าย “คงไม่ใช่เพราะว่าเขาแกะเข็มขัดไม่ออกหรอกนะ…ฮ่าๆๆๆ”

 

 

ยังไม่ทันที่เธอจะพูดเสริมจนครบถ้วน อันหร่านก็ไม่รู้ว่าจะมีฉากที่ทนฟังไม่ได้แบบไหนอีก “พอได้แล้ว ก็แค่สบตากันเท่านั้นแหละ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วร้อง “อ๋อ” เสียงยาว แฝงไว้ด้วยความนัยลึกซึ้ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้า “พวกเราก็แค่คนที่ปวดฉี่พร้อมกันเท่านั้น…”

 

 

อันหร่านยับยั้งแขนของตนที่อยากจะเงื้อขึ้นเอาไว้ จับไหล่ของซย่าเสี่ยวมั่วแล้วเขย่าแรงๆ “อยากจะเย็บปากเธอจริงๆ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วโดนเขย่าจนเวียนหัว เอ่ยร้องอ้อนวอน “ตอนทำงานเราควรจะคิดถึงผลที่ตามมาหน่อยนะ ฉันเวียนหัวจะตายแล้วเนี่ย”

 

 

อันหร่านผละออก ก่อนจะจิ้มเข้าที่กะโหลกของเธอ “ถ้าเธอเอาความปากร้ายไปใช้กับเซียวอู๋อี้ล่ะก็ ตอนนี้เซียวอู๋อี้คงนั่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำอะ”

 

 

“ถามห้องน้ำหรือยังว่าโอเคไหม” จู่ๆ ซย่าเสี่ยวมั่วก็พูดอย่างจริงจัง

 

 

ถ้าเขาร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ ห้องน้ำจะโอเคเหรอ

 

 

อันหร่านหัวเราะจนจะเป็นบ้า “ไม่รู้สิ คงต้องขายร่างกายมั้ง”

 

 

สาววัยรุ่นติงต๊องสองคนนั่งมโนเปิดโลกจินตนาการกันจนกระทั่งเลิกงาน

 

 

หลี่หมิงฉวีที่ฟื้นขึ้นมาก็รู้สึกว่าปวดร้าวไปทั้งร่าง สมองยังคงสับสนมึนงง

 

 

“ในที่สุดนายก็ฟื้น” เฉิงนั่วนั่งห้อยแขนที่หักอยู่ข้างเตียง เมื่อเห็นหลี่หมิงฉวีลืมตาขึ้นก็รีบกดกริ่งเรียกหมอ

 

 

ฉินซื่อหลานรีบเดินนำเข้ามาทันที ไม่นานนักทีมแพทย์และพยาบาลก็เข้ามากันจนเต็มห้อง

 

 

เฉิงนั่วห้ามฉินซื่อหลานที่เพิ่งเข้ามาในห้องไว้ เงยหน้ามองตาของเขา “นายห้ามเข้า ฉันกลัวนายจะลงมือทำอะไรอีก เปลี่ยนเป็นคนอื่น”

 

 

ฉินซื่อหลานเป็นหมอมาหลายปี เป็นครั้งแรกที่เข้ามาดูอาการป่วยแต่ถูกห้ามไว้ เดิมทีก็รู้สึกละอายใจต่อหลี่หมิงฉวีเล็กน้อย จึงอยากมาไถ่โทษแทนไอ้รอง แต่คราวนี้ไอ้พวกคนโง่เง่าของเฉิงซีมาทำให้เขาไม่พอใจเข้าเสียแล้ว

 

 

เขายกมือขึ้นพาทีมแพทย์และพยาบาลทุกคนออกไป “ถ้าเก่งมากนักก็ไม่ต้องมาใช้คนของเรา”

 

 

เฉิงนั่วมองแผ่นหลังดูดีในชุดสีขาวของเขาที่พาทุกคนกลับออกไปแล้วก็รู้สึกหมดแรง รีบโทรศัพท์ไปหาศูนย์ของโรงพยาบาลเพื่อขอเปลี่ยนคน

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 254 เล่นตุกติก

 

 

“ไอ้รอง หลี่หมิงฉวีฟื้นแล้ว” ฉินซื่อหลานกลับไปที่ห้องพักผ่อนของตัวเองแล้วแอบรายงานสถานการณ์ให้เหยียนเค่อฟัง

 

 

เขารู้สึกว่าสมองของเฉิงนั่วน่าจะไม่ปกติ โรงพยาบาลเป็นของบ้านเขา ถ้าเขาจะแกล้งใครต้องลงมือเองด้วยเหรอ? แต่กลับมารังเกียจกันเช่นนี้ พอคิดแล้วก็น่าโมโห

 

 

“อืม น่าจะฟื้นได้แล้วแหละ ถ้าเขายังนอนต่อฉันคงต้องออกเงินแล้ว” เหยียนเค่อไม่อยากเอาเงินที่หามาอย่างยากลำบากนั่นมาเลี้ยงดูคนพิกลพิการหรอกนะ

 

 

“ฉันโดนคนของเฉิงซีทำตัวโง่ใส่จนจะโง่ตามอยู่แล้ว” ฉินซื่อหลานเอาหัวโขกกับราวแขวนเสื้อ หลังจากเล่าเรื่องราวให้เหยียนเค่อฟังแล้วก็เอ่ยทั้งน้ำตา “ถ้าไม่ใช่เพราะจรรยาบรรณนะ ฉันล่ะอยากจะแทงเข็มให้มันสักที พ่อฉันยังไม่เคยสงสัยตัวฉันขนาดนี้เลย”

 

 

พ่อของฉินซื่อหลานกลัวทุกครั้งว่าลูกชายตัวเองจะใส่ยาพิษลงไปในชาที่เขาดื่ม ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรมาจึงไม่ให้ฉินซื่อหลานแตะต้องอุปกรณ์ชงชาของเขาอีก

 

 

เหยียนเค่อหัวเราะเอิ๊กอ๊าก “คนพวกนี้ทำแต่เรื่องให้คนไม่พอใจจริงๆ ถ้าเขาหายแล้วเดี๋ยวพวกพี่จะไปแก้แค้นให้เอง”

 

 

“เหอะ! แค้นนี้ไม่ชำระฉันไม่ขอเป็นคน” ฉินซื่อหลานไม่ยอม

 

 

สำหรับหมอที่ได้มาตรฐานอย่างฉินซื่อหลานแล้ว ทำร้ายใครไม่เป็นหรอก ก็แค่แอบเล่นตุกติกเท่านั้น

 

 

“ที่ผมทำไปก็เพื่อคุณนะ มีวัยรุ่นโดนยาแก้ปวดเล่นงานไปตั้งกี่คนแล้ว เลยอยากจะเพิ่มความสามารถในการต้านทานความเจ็บปวดให้คุณไง”

 

 

เขาเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการแพทย์และยารักษาโรค ทุกคนต่างคิดว่าการที่เขาจ่ายยาแก้ปวดให้น้อยก็ต้องมีเหตุผลของเขา ขอแค่ไม่เกินปริมาณที่กำหนดก็ไม่เป็นปัญหาอะไร

 

 

ตอนเช้ามืดหลี่หมิงฉวีเจ็บปวดจนต้องร้องครวญครางอย่างทรมาน เฉิงนั่วนอนหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืน

 

 

เมื่อได้ยินรายงานจากพยาบาลแล้ว กระจกของฉินซื่อหลานก็สะท้อนแสงสว่างวาบวับพาดผ่าน รอยยิ้มในดวงตาถูกปกปิดเอาไว้อย่างดีเยี่ยม

 

 

วันต่อมาตอนเข้าไปขึ้นวอร์ด เฉิงนั่วก้มหัวให้เขา ขอร้องให้เขาจ่ายยาแก้ปวดให้เพิ่มอีกหน่อย

 

 

ฉินซื่อหลานหยิบใบจ่ายยาออกมาให้เขาดู เป็นปลื้มกับลายมืออันงดงามของตัวเองอยู่สักครู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ยาแก้ปวดตัวนี้จ่ายให้น้อยไปจริงๆ ด้วย” ก่อนจะหยิบปากกามาขีดแก้เป็นปริมาณยาปกติ ไม่มีความรู้สึกละอายใจจากการจ่ายยาผิดเลยสักนิด

 

 

เฉิงนั่วโมโหแต่ไม่กล้าพูดออกมา จ้องฉินซื่อหลานจนแทบทะลุ

 

 

ฉินซื่อหลานไม่ใส่ใจสายตาของเขาที่มองมาสักนิด เหลือบมองหลี่หมิงฉวีที่แกล้งตายอยู่บนเตียงแวบหนึ่ง ก่อนจะเอามือไพล่หลังเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป เกือบจะฮัมเพลง ‘Fate Symphony[1]’ ออกไปเสียแล้ว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วโทรศัพท์บอกแม่ว่าจะติดรถอันหร่านกลับบ้านของตัวเอง

 

 

สวีรั่วชีได้ยินเสียงคนเคาะประตูก็ส่องดูที่ตาแมว ก็เห็นซย่าเสี่ยวมั่วตัวแนบกับประตูแล้วพยายามมองเข้ามาด้านใน

 

 

สวีรั่วชีเปิดประตูให้เธอแล้วเยาะเย้ย “ยินดีต้อนรับเข้าบ้านฉันนะจ๊ะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วลืมกุญแจบ้านไว้ที่บ้านพ่อแม่ คลำหาใต้พรมก็หาไม่เจอจึงจำต้องเคาะประตู

 

 

“คุณสวี ไม่ได้มาเยี่ยมบ้านตั้งนานแล้วนะคะเนี่ย”

 

 

“มาปลอบใจเธอไง” สวีรั่วชียืนพิงที่ตู้วางของทรงโบราณมองเธอเปลี่ยนรองเท้า

 

 

“ปลอบใจ? ให้มันน้อยๆ หน่อย วันหยุดนี้ไปนัดบอดกับฉันแล้วฉันจะให้อภัย” ซย่าเสี่ยวมั่วยื่นข้อเสนอ เขย่งตัวไปโอบไหล่สวีรั่วชีก่อนจะเอ่ยอย่างเอาแต่ใจ “ถ้าเธอไม่ไปกับฉัน ฉันจะไม่ยกโทษให้เธอ!”

 

 

“โอ้โห ไม่กล้าขอให้คุณซย่ายกโทษให้หรอกค่า” สวีรั่วชีย่อตัวหลบหลีกออกมาจากอ้อมแขนของเธอ ไม่ตกหลุมพรางที่เธอขุดไว้

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วดึงแขนเธอกลับมาก่อนจะอ้อนวอนอย่างหน้าด้านๆ “ขอร้องเถอะนะ ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย เราเป็นเพื่อนรักกันนะ”

 

 

สวีรั่วชีผลักหัวที่เข้ามาถูไถที่หน้าอกของตนออกไป ก่อนจะตอบรับแกนๆ “ถ้าเธออยู่ห่างจากฉันหน่อยฉันจะตกลง”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วแสร้งทำเป็นเสียใจ “เธอรังเกียจฉันเหรอ!”

 

 

“เธอได้เจอกับใครแล้วคุยอะไรกันบ้าง ประวัติคนไข้ที่เธอรออยู่ในอนาคตอันแสนไกล” สวีรั่วชีร้องเพลงที่ดัดแปลงเนื้อร้องเองแล้วเดินลิ่วเข้าไปในห้องครัว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเจ็บปวดเป็นอย่างมาก บ่นพึมพำ “เธอเขียนประวัติคนไข้ให้ฉันได้ทุกเวลาเลยไม่ใช่หรือไง”

 

 

“ฉันก็ทำเพื่อให้เธอได้อยู่บนโลกนี้แบบคนปกติบ้างไง ดูซิว่าฉันคิดเผื่อเธอขนาดไหน”

 

 

 

 

[1] Fate Symphony หรือ Symphony No.5 บทเพลงของบีโธเฟ่น

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ซย่าเสี่ยวมั่ว สาวโสดผู้หมดศรัทธาในความรักจำต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกจากบ้าน เพียงเพราะทะเลาะกับผู้เป็นแม่เรื่องหา ‘ลูกเขย’! ด้วยอับจนหนทางที่จะกลับบ้าน เธอจึงต้องไปขออาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทชั่วคราว ทว่าระหว่างนั่งรถประจำทาง เธอดันไปปะทะฝีปากกับชายหนุ่มรูปงาม และสร้างความอับอายให้เขาอย่างน่าคับแค้นใจ! ทั้งที่เธอไม่คิดจะเจอเขาอีกชั่วชีวิต ทว่าเหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง บันดาลให้เธอต้องมาพบกับเขาอีกครั้งในฐานะ ‘แฟนเช่า’ ครั้งนี้ เหยียนเค่อ จะให้เธอได้ชดใช้อย่างสาสม!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset