เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก – ตอนที่ 301 หาคนปลอบใจ / ตอนที่ 302 คาราคาซัง

ตอนที่ 301 หาคนปลอบใจ  

 

 

เหยียนเค่อได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากในโทรศัพท์ว่า ‘สายไม่ว่าง กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งในภายหลัง’ จึงนึกขึ้นได้แล้วลดลงมาดูหน้าจอ  เขาโทรหาซย่าเสี่ยวมั่วอีกแล้ว  หลังจากวางสายก็อยากโทรหาคนอื่นอีก จึงนอนแน่นิ่งไม่ขยับอยู่บนเตียงอย่างซังกะตายต่อไป  

 

 

“ใครน่ะ” อันหร่านกลืนน้ำลาย ใครที่ทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วโมโหได้ถึงขนาดนี้  

 

 

“ฉัน…” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยากพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนอีก ทำได้เพียงตอบฝืนๆ “เพื่อนที่เมื่อก่อนสนิทกันน่ะ”  

 

 

อันหร่านตกใจ ฟังคำที่เธอใช้บรรยายนี่สิ คงไม่ใช่เหยียนเค่อหรอกนะ…ยังไม่ทันได้ถามอย่างเจาะลึกเพิ่มเติมก็ได้ยินเสียงซย่าเสี่ยวมั่วร้อง “เอ๊ะ” ขึ้นมา  

 

 

“อะไรอีกล่ะ”  

 

 

“เหยียนเค่อโทรมาหาฉันทำไมล่ะเนี่ย” ซย่าเสี่ยวมั่วมองประวัติสายที่ไม่ได้รับอย่างไม่เข้าใจ แถมยังเพิ่งโทรมาด้วย เพียงแต่เธอไม่ได้รับก็เท่านั้น  

 

 

อันหร่านโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ยังดีที่คนเมื่อกี้ไม่ใช่เหยียนเค่อ อดค่อนแคะขึ้นมาไม่ได้ “เธอทำให้ฉันเดี๋ยวก็ตกใจเดี๋ยวก็โล่งใจแบบนี้ทำฉันตายได้เลยนะ”  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วงุนงง “อะไรคือเดี๋ยวก็ตกใจเดี๋ยวก็โล่งใจ? ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”  

 

 

อันหร่านไม่อยากอธิบาย จึงโบกมือลา “เธอกลับไปคุยโทรศัพท์เถอะ ฉันไปพักก่อน”  

 

 

“แปลกชะมัด” ซย่าเสี่ยวมั่วมองเธอเดินเข้าห้องไปแล้วบ่นพึมพำ ก่อนจะเปิดประตูห้องทำงานตัวเองแล้วโทรศัพท์กลับไป  

 

 

เหยียนเค่อนึกว่าเธอจะไม่โทรกลับมา หลังจากกดรับสายแล้วก็วางโทรศัพท์แนบกับหน้าโดยไม่ได้มองหน้าจอก่อน  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรออยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายเสียที จึงนึกว่าตัวเองโทรผิดเบอร์ “นายช่วยส่งเสียงมาหน่อยได้ไหม ที่ไม่พูดเพราะรอให้ฉันพูดก่อนหรือไง”  

 

 

เหยียนเค่อได้ยินเสียงของซย่าเสี่ยวมั่วก็รู้สึกตัวขึ้นมานิดหน่อย ก่อนจะครางอืมตอบกลับไป  

 

 

“โทรหาฉันมีอะไร” ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินเสียงของเขาแล้วก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ จึงถามเข้าประเด็นทันที  

 

 

น้ำเสียงน่าสงสารของเหยียนเค่อดังขึ้น “ฉันป่วย”  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วนึกสนุก “ฉันรู้แล้วว่านายป่วยจิต นายเพิ่งรู้เหรอ”  

 

 

เหยียนเค่อลูบหน้าปากของตนอย่างหน่ายใจ เพราะเขาป่วยจริงๆ ถึงได้พูดแบบนั้นออกไป  

 

 

“ฉันเป็นไข้”  

 

 

“อ่อ” ริมฝีปากของซย่าเสี่ยวมั่วยังคงยกยิ้ม “ฉันนึกว่านายจะรู้ตัวแล้วซะอีก”  

 

 

“เธอช่วยพูดเพราะๆ โอ๋ฉันหน่อยได้ไหม”  

 

 

“นายเป็นไข้จนบ้าไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย” ซย่าเสี่ยวมั่วรับโหมดนี้ไม่ไหว ไม่อยากแต่งงานด้วยแล้วจะมาหยอดทำไม ผู้ชายคนนี้หยอดเธออีกแล้ว มันจะเกินไปแล้วนะ “ฉันโอ๋นาย นายก็ไม่หายป่วยหรอก รีบไปโรงพยาบาลเถอะ”  

 

 

“ฉันเป็นไข้ขับรถไม่ได้” เหยียนเค่อใช้เท้าพันผ้าห่มเป็นก้อน ทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วลำบากใจไม่หยุด ที่บอกว่าเราสองคนไม่ติดค้างอะไรกันก็เป็นแค่ลมปากพล่อยๆ ที่ก่อนหน้านี้โพล่งออกไปเท่านั้น  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วสงสารที่เขาป่วยจึงเรียกรถให้เขาจากแอปพลิเคชันหนึ่ง ก่อนจะกลับไปบอกเหยียนเค่อ “ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน”  

 

 

“ถนนหางโจวเป่ยลู่ ตึกสำนักงานใหญ่ของ YAN ชั้นยี่สิบสามห้องทำงานในสุด”  

 

 

“นายกระโดดลงมาเถอะอย่างนั้น” ซย่าเสี่ยวมั่วพูดเล่นๆ แต่ทำร้ายหัวใจที่อ่อนแอเพราะพิษไข้ของเหยียนเค่อเข้าเต็มๆ  

 

 

“เป็นแฟนกันวันเดียวแต่มีบุญคุณต่อกันร้อยวันเลยนะ” เหยียนเค่อรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มแปลกๆ จึงกระแอมแล้ววกกลับเข้าเรื่องเดิม “ฉันเป็นหวัดไข้ขึ้นต้องกินยาอะไรอะ”  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วบอกชื่อยาเขาไปสองสามอย่างจากประสบการณ์ของคนที่เป็นหวัดทุกฤดูกาลอย่างเธอ สุดท้ายก็สั่งกำชับ “กินน้ำเยอะๆ กินน้ำเข้าไป จะช่วยขับพิษ”  

 

 

“อืม” เหยียนเค่อตอบรับแต่โดยดี ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเธอ  

 

 

“ปีนี้นายดวงตกหรือเปล่าเนี่ย เพิ่งออกจากโรงพยาบาลไม่เท่าไรก็ไข้ขึ้นซะแล้ว”  

 

 

“อืม” ไม่ต้องให้ซย่าเสี่ยวมั่วบอก เหยียนเค่อก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นเขาน่าสงสารจริงๆ จึงเอ่ยปลอบโยน “น่าจะเพราะช่วงก่อนหน้านี้บาดเจ็บ แล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงผลัดเปลี่ยนฤดู ร่างกายอ่อนแอก็เลยเป็นไข้น่ะ ดูแลตัวเองดีๆ” เธอร่ายประโยคนั้นจบก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว พูดออกไปได้ยังไงกันนะ…  

 

 

เหยียนเค่อได้ยินเสียงของเธอก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย จึงตอบรับทุกคำพูดของเธอ  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 302 คาราคาซัง  

 

 

“ตอนนี้นายเดินลงมาได้เลย” ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นในแผนที่ขึ้นแสดงว่ารถที่เรียกมาจอดใต้บริษัทของเขาแล้ว  

 

 

เหยียนเค่อนึกว่าซย่าเสี่ยวมั่วใช้ทักษะการขับรถแสนห่วยแตกนั่นขับรถมารับตัวเองถึงใต้บริษัท พนักงานบนชั้นยี่สิบสามมองดูเจ้านายของตนวิ่งลงจากตึกไปอย่างอารมณ์ดี แต่กลับไม่ได้สังเกตเลยว่าเจ้านายของพวกเขาลงไปถึงด้านล่างแล้วสีหน้ากลับอึมครึมขึ้นมา  

 

 

“เจอรถคันนั้นหรือยัง”  

 

 

“ยังเลย!” เหยียนเค่อเห็นว่ารถคันที่จอดอยู่ด้านหน้าป้ายทะเบียนตรงกับที่ซย่าเสี่ยวมั่วบอกก็ไม่พอใจ “แล้วเธอล่ะ”  

 

 

“ฉันต้องทำงานนี่ แล้วถ้าให้รถคันนั้นมารับฉันแล้วค่อยไปหานายมันแพงนะ โอเคไหม”  

 

 

“ไม่โอเคเลย” เหยียนเค่อเริ่มอารมณ์เสีย เขาก็มีคนขับรถเป็นของตัวเอง ทำไมต้องเรียกรถไปโรงพยาบาลด้วย เขาเป็นไข้นะไม่ได้เป็นโรคประสาท!  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก็รู้ว่าเขารักสะอาดขั้นสุด การนั่งรถของคนอื่นถือว่าเป็นการท้าทายสำหรับเขา  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกในใจของเขาได้ “อย่าหงุดหงิดได้ไหม รีบไปโรงพยาบาลซะ ฉันเพิ่งประชุมตอนเช้าเสร็จ ฉันจะบอกให้นะ หลายวันมานี้ฉันหลบเจ้านายอยู่ นายบอกฉันได้ไหมว่าทำยังไงถึงจะหลบได้เนียนๆ โดยที่เขาดูไม่ออกน่ะ”  

 

 

“หืม?” ถึงตาที่เหยียนเค่อต้องงุนงงบ้างแล้ว ลูกน้องของเขาก็เป็นคนดีกันทุกคนนะ…ซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ที่บริษัทของเขาใช่หรือเปล่า…  

 

 

“ถ้าเจ้านายชอบนายขึ้นมาจะทำยังไง”  

 

 

“ไม่มีทาง ความเป็นไปได้ที่เจ้านายจะชอบเธอเป็นศูนย์” เหยียนเค่อตอบอย่างมั่นใจ ถึงไข้ขึ้นก็เปลี่ยนแปลงคำตอบของเขาไม่ได้  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วโดนเข้าปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้าก็รู้สึกเหมือนโดนหยาม “บ๊ายบาย ถึงโรงพยาบาลแล้วบอกฉันด้วย”  

 

 

เหยียนเค่อยังไม่ทันได้พูดรั้งก็ถูกตัดสายเสียแล้ว รู้สึกว่าไข้ขึ้นหนักกว่าเดิมอีก  

 

 

“ไอ้หนุ่ม แฟนโทรเรียกรถให้เหรอ” โชเฟอร์ด้านหน้าพูดกับเหยียนเค่อ  

 

 

เหยียนเค่ออารมณ์ไม่ดี จึงครางตอบเสียงต่ำ ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วเป็นแฟนเขา เขายังต้องไปโรงพยาบาลคนเดียวอีกเหรอ…  

 

 

เมื่อซย่าเสี่ยวมั่วเห็นว่าถึงที่หมายแล้วก็โทรศัพท์หาคนขับรถ  

 

 

“ไปส่งถึงที่แล้วใช่ไหมคะ ลงรถหรือยังคะ”  

 

 

“ถึงแล้วครับ แต่ยังไม่ลงจากรถ”  

 

 

เหยียนเค่อเริ่มกังวลในความปลอดภัยและชีวิตของตัวเอง ขับรถแล้วยังคุยโทรศัพท์อีก ซย่าเสี่ยวมั่วคงอยากให้เขาไปนอนเล่นในห้องดับจิตสินะ  

 

 

“งั้นเดี๋ยวฉันโอนเงินให้ตอนนี้เลยนะคะ” เงินยี่สิบหยวนซย่าเสี่ยวมั่วจ่ายไหวอยู่แล้ว ในอนาคตจะได้เอากำไรจากเหยียนเค่อด้วย  

 

 

“ครับ”  

 

 

หลังจากเงินเข้าบัญชีแล้ว คนขับรถก็รำพึงรำพันกับเหยียนเค่อ “แฟนไอ้หนุ่มนี่ดีจังเลยนะ ฟังจากเสียงแล้วดูเป็นคนอ่อนโยนมากเลย”  

 

 

“ครับ…” เป็นผู้หญิงที่มีเปลือกนอกที่อ่อนโยน แต่ใจนักเลงเหมือนเจ๊เก็บค่าเช่าห้องน่ะสิ  

 

 

หลังจากรถขับไปถึงประตูใหญ่แล้วเหยียนเค่อก็บอกให้เขาหยุดรถ ถ้าฉินซื่อหลานเห็นจะนึกว่าเขาเอารถให้เซ่าหมิงฟ่านไปจนตัวเองไม่มีขับเอาได้  

 

 

“เท่าไรครับ”  

 

 

“แฟนคุณจ่ายแล้วครับ” คนขับรถก็เป็นคนซื่อๆ คนหนึ่ง เขาโบกมือลาเหยียนเค่อ “เมื่อกี้แฟนคุณโทรมาหาผม แล้วก็โอนเงินให้ผมแล้วครับ”  

 

 

เหยียนเค่อเก็บกระเป๋าเงินก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ ตั้งแต่เป็นภูมิแพ้ เขาก็เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ ครึ่งปีมานี้ไม่ได้หยุดหย่อนเลยจริงๆ  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งว่างๆ อยู่ในห้องทำงาน วาดการ์ตูนไปสองตอนก็คิดไปว่าเหยียนเค่อน่าชังแค่ไหน นอกจากตอนป่วยที่จะน่ารักขึ้นมาหน่อยแล้ว เวลาอื่นนี่มันจิ้งจอกชัดๆ !  

 

 

เธอประทับรอยนิ้วโป้งสีดำลงบนหน้าของพระเอกในต้นฉบับอย่างขุ่นเคือง แล้วใช้นิ้วถูไปมา หลังจากหายโมโหแล้วจึงเอายางลบมาลบออก สุดท้ายดันลบไม่สะอาดแถมยังทำให้ลายเส้นของใบหน้าหล่อเหลานั่นไม่ชัดเจนอีกต่างหาก  

 

 

“ภาพฉัน” ซย่าเสี่ยวมั่วเขย่าสมุดวาดรูปของตน ขนาดลงสีแล้วก็ยังปิดบังรอยนิ้วมือบนใบหน้าพระเอกไม่ได้เลย…  

 

 

เหยียนเค่อนี่มันต้นเหตุของความเฮงซวยชัดๆ  

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ซย่าเสี่ยวมั่ว สาวโสดผู้หมดศรัทธาในความรักจำต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกจากบ้าน เพียงเพราะทะเลาะกับผู้เป็นแม่เรื่องหา ‘ลูกเขย’! ด้วยอับจนหนทางที่จะกลับบ้าน เธอจึงต้องไปขออาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทชั่วคราว ทว่าระหว่างนั่งรถประจำทาง เธอดันไปปะทะฝีปากกับชายหนุ่มรูปงาม และสร้างความอับอายให้เขาอย่างน่าคับแค้นใจ! ทั้งที่เธอไม่คิดจะเจอเขาอีกชั่วชีวิต ทว่าเหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง บันดาลให้เธอต้องมาพบกับเขาอีกครั้งในฐานะ ‘แฟนเช่า’ ครั้งนี้ เหยียนเค่อ จะให้เธอได้ชดใช้อย่างสาสม!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset