เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก – ตอนที่ 383 จากไป / ตอนที่ 384 หงุดหงิดทั้งวัน

ตอนที่ 383 จากไป

 

 

ยิ่งซย่าเสี่ยวมั่วใกล้ออกจากโรงพยาบาลเท่าไรก็ยิ่งกลัวการต้องกลับบ้านไปสารภาพเรื่องทั้งหมดกับคุณผู้หญิงเสิ่น แต่สวีรั่วชีกับสวีอันหรานนั้นกลับใช้ชีวิตจนแทบลืมไปแล้วว่าซย่าเสี่ยวมั่วเป็นใคร

 

 

“เธอเป็นใคร โทรหาฉันทำไม ว่างล่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินเสียงสวีรั่วชีแล้วก็อารมณ์ขึ้น ปล่อยให้เธอกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดด้วยตัวเองเธอยังไม่ว่าอะไรสักคำ ผ่านมาหลายวันขนาดนี้เพิ่งจะโทรมาหาเธอเนี่ยนะ

 

 

สวีรั่วชีอารมณ์ดี เห็นอะไรก็ไม่รู้สึกขวางหูขวางตา ไม่สนใจไฟโกรธที่ลุกท่วมของซย่าเสี่ยวมั่วเลยสักนิด “วันนั้นเธอกลับไปยังไง”

 

 

“เหอะๆ ฉันคลานออกไปเองอะ พอใจหรือยัง”

 

 

โกรธซะงั้นอะ  สวีรั่วชีรู้สึกแปลกใจ “เธอโมโหอะไรเนี่ย ฉันให้เธออยู่ต่อเธอก็ไม่อยู่ พอบอกว่าสมน้ำหน้าก็ไม่พอใจอีก”

 

 

“ฉันสมน้ำหน้าตัวเองได้ ไม่ต้องให้เธอมาบอกหรอก” ซย่าเสี่ยวมั่วอยากจะวางสายไปเสียเดี๋ยวนั้น เมื่อวานจากกับเหยียนเค่อแบบไม่ดีเท่าไร เพราะเรื่องคืนเสื้อให้เหยียนเค่อ ทำให้ตอนนี้เธออารมณ์ไม่ดีนัก

 

 

เมื่อวานอากาศดีมาก เป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสในฤดูใบไม้ร่วง

 

 

เสื้อผ้าสองตัวที่แขวนอยู่ที่ระเบียงแห้งตั้งนานแล้ว โดนแสงแดดอาบจนสีเริ่มจะซีด หลังจากที่

 

 

ฉินซื่อหลานเอ่ยเตือน ซย่าเสี่ยวมั่วเองก็เพิ่งจะนึกได้และเก็บเสื้อผ้าสองตัวนั้น เอ่อ…ไม่สิ สามตัวต่างหาก เสื้อคลุมกันลมตัวนั้นเธอให้ฉินซื่อหลานเอาไปจัดการ ให้ฉินซื่อหลานหาคนมาซักผ้าให้เธอ แต่คิดไม่ถึงว่าฉินซื่อหลานจะอาสาซักเอง แต่ผลสุดท้ายที่ออกมานั้นไม่น่าดูชมนัก ซย่าเสี่ยวมั่วคิดว่าชาตินี้เธอคงไม่มีหน้าไปเจอเหยียนเค่ออีกแล้ว

 

 

“ฉันก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้” ฉินซื่อหลานทำบริเวณรอยยับของเสื้อคลุมกันลมให้เปียก ก่อนจะใช้เตารีดรีด

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วขยับสังขารพิกลพิการของตัวเอง ใช้ความพยายามอันสูงสุดเพื่อที่จะพับเสื้อผ้าสองตัวนั้นออกมาให้ดูดีสักหน่อย ปากก็บ่นอุบไม่หยุด “ฉันเชื่อนายไปได้ยังไงนะ นี่มันเคราะห์ซ้ำกรรมซัดแท้ๆ เลย”

 

 

เมื่อเหยียนเค่อเข้ามาก็เห็นภาพหญิงสาวกำลังพับผ้า ชายหนุ่มกำลังรีดเสื้ออยู่

 

 

“ทำอะไรกัน” จู่ๆ เหยียนเค่อก็พูดขึ้น ทำเอาฉินซื่อหลานสะดุ้งจนแทบจะโยนเตารีดใส่

 

 

“รัดผ้า”

 

 

เหยียนเค่อรู้สึกคุ้นตาเป็นอย่างมาก จึงเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจนัก “นี่เสื้อฉันเหรอ”

 

 

“ก็ใช่น่ะสิ” ฉินซื่อหลานตอบอย่างมั่นใจ “ขนาดฉันยังไม่เคยรีดเสื้อให้ตัวเองเลย นายเป็นคนแรก”

 

 

เหยียนเค่อไม่มองเขาอีก หันไปหาคนที่พอเขาเข้ามาก็มุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม “ซย่าเสี่ยวมั่ว”

 

 

อืม…เป็นครั้งแรกที่เหยียนเค่อเอ่ยปากเรียกเธอก่อน ซย่าเสี่ยวมั่วใจกระตุก

 

 

“เธอจะไม่อธิบายหน่อยเหรอ” น้ำเสียงของเหยียนเค่อไม่มีความรู้สึกอะไรอยู่ภายใน เพียงแค่ถามเพราะอยากได้คำอธิบายจากซย่าเสี่ยวมั่วเท่านั้น

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเก๊กต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงค่อยๆ โผล่หัวออกมาแล้วน้อมรับผิด “ฉันขอโทษ”

 

 

“อ่าฮะ?” เหยียนเค่อยืนรอฟังคำอธิบายอยู่ที่ข้างเตียง

 

 

พูดตามตรง เหยียนเค่ออยากรู้จริงๆ ว่าทำไมเสื้อผ้าของเขาถึงกลายเป็นสภาพแบบนั้นได้

 

 

“ฉันกลัวจะซักไม่สะอาด พอนั่งซักทั้งวันมันก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้วอะ” ซย่าเสี่ยวมั่วอยากให้

 

 

เหยียนเค่อคนเก่าที่ไม่คิดเล็กคิดน้อย ไม่สนใจของนอกกายกลับมาเสียจริง

 

 

ซักนานเกินไป?  มิน่าล่ะตอนแรกที่ฉินซื่อหลานมารายงานเขาถึงได้หัวเราะแบบนั้น เขาก็ไม่ได้คาดหวังให้เธอฉลาดขึ้นนักหรอก

 

 

เหยียนเค่อยื่นมือไปหาเธอ ด้วยความหมายที่ถึงไม่พูดก็เข้าใจ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกำถุงกระดาษที่เสื้อเสื้อผ้าจนแน่น กลัวว่าเหยียนเค่อเห็นแล้วจะโมโห แต่ก็กลัวว่าถ้าเธอไม่ส่งให้เหยียนเค่อจะโมโหเหมือนกัน…

 

 

“เร็วๆ” น้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้มีโทนสูงต่ำอะไร และไม่ได้เร่งรัดมากนัก ซย่าเสี่ยวมั่วกลัวว่าเขาจะหมดความอดทน จึงรีบยัดใส่มือเขาราวกับถือเผือกร้อนไว้ในมือแล้วมุดตัวเข้าไปแอบในผ้าห่ม เหลือเพียงปอยผมสองสามเส้นที่โผล่พ้นออกมาด้านนอก

 

 

เหยียนเค่อจ้องมองผมของซย่าเสี่ยวมั่วที่โผล่ออกมาก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก ถือถุงแล้วเดินออกไปทันที แถมยังดึงเสื้อจากมือของฉินซื่อหลานติดมือมาด้วย

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 384 หงุดหงิดทั้งวัน

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้พูดอะไรกับซย่าเสี่ยวมั่วอีก ดังนั้นซย่าเสี่ยวมั่วจึงทึกทักไปแล้วว่าพวกเขาสองคนน่าจะจากกันไม่ดี ฉินซื่อหลานยังไม่ทันได้แกล้งหลอกซย่าเสี่ยวมั่วก็เห็นว่าเธอจมอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่สนใจเขาเลยสักนิด

 

 

“นี่ เธอทำให้เหยียนเค่อโมโหอีกแล้วนะ คิดจะทำยังไงต่อไป”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกอดแท็บเล็ตเอาไว้ แล้วเหลือบมองเขาอย่างเกียจคร้าน

 

 

“ตอนนี้เหยียนเค่อคงไม่อยากสนใจเธอแล้วแหละ” ฉินซื่อหลานจงใจพูดขึ้น “ตอนเขาออกไปนี่หน้านิ่งมากเลย เกือบจะโยนเสื้อผ้าทิ้งแล้ว”

 

 

“ตลกหรือไง” ซย่าเสี่ยวมั่วตวัดตาขึ้นมองอย่างเย็นตา

 

 

ฉินซื่อหลานสวมเสื้อกาวน์ก่อนจะรีบเผ่นออกไป

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งตั้งใจวาดรูปอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกหงุดหงิดในใจแปลกๆ จนเกือบจะเอาปากกาจิ้มหน้าจอทะลุแล้ว

 

 

เธอทำให้เหยียนเค่อโมโหอีกแล้ว ทั้งๆ ที่ทุกครั้งเธอไม่ได้อยากจะยั่วโมโหเขาเลย แต่เหมือนว่าก็ทำให้เขาโกรธหนักไปเสียทุกครั้ง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วใช้ปากกาทิ่มแก้ม คิดอยู่ค่อนวันก็นึกหาสาเหตุไม่ออก ความจริงก็ไม่ได้มีสาเหตุมากมายอะไรนะ ก็แค่เพราะว่าเขาไม่ชอบ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ผิดไปทั้งหมด

 

 

คืนนั้นเธอถึงกับนอนไม่หลับ นอนมองฝ้าเพดานสีดำไร้ซึ่งความง่วงงุน พอปิดตาก็เริ่มคิดสะระตะ แอบนึกถึงคืนวันนั้นที่เพิ่งรู้ตัวตนที่แท้จริงของเหยียนเค่อ แต่ครั้งนี้รู้สึกแย่ยิ่งกว่าตอนนั้นเสียอีก

 

 

เหยียนเค่อไม่รู้ว่าสมองของซย่าเสี่ยวมั่วคิดเพ้อเจ้อไปต่างๆ นานา พอเขากลับถึงบ้านก็หยิบเสื้อผ้าสองตัวนั้นขึ้นมาดู แล้วก็ทนดูไม่ได้จริงๆ จึงหัวเราะออกมา

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วนี่สุดยอดเลยจริงๆ ซักเสื้อผ้าจนกลายเป็นสภาพแบบนี้ได้ต้องออกแรงมากขนาดไหนกันนะ

 

 

เขาเก็บเสื้อผ้าสองตัวนั้นขึ้นไปไว้ชั้นบนสุดของตู้ ยืนมองอยู่สักพักจึงจะปิดประตูตู้ลง ส่วนเสื้อกันลมตัวนั้น ทำได้เพียงให้คนอื่นเอาไปจัดการให้

 

 

เขากับซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีวาสนาต่อกันมากแต่ไหน ตอนนี้อยากจะเก็บสิ่งที่มีกลิ่นอายของซย่าเสี่ยวมั่วเอาไว้ ต่อให้ในอนาคตต้องอยู่อย่างเดียวดายก็ยังมีความคิดถึงหลงเหลืออยู่

 

 

เหยียนเค่อเอนตัวลงนอนบนเตียงอย่างเกียจคร้าน นึกถึงหน้าสดของซย่าเสี่ยวมั่วแล้วก็กระชับผ้าห่มแล้วผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

 

 

การที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนอารมณ์ก็ยิ่งไม่ดีมากพออยู่แล้ว แต่สวีรั่วชียังจะมาหาเรื่องเธอตอนนี้อีก ซย่าเสี่ยวมั่วไม่มีอารมณ์มาคุยกับเธอจริงๆ

 

 

“เหยียนเค่อทำให้เธอโกรธเหรอ” นอกจากข้อนี้แล้ว สวีรั่วชีก็ไม่คิดว่าเป็นอย่างอื่น

 

 

“เปล่า มีอะไรค่อยคุยกันทีหลังเถอะ” ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกว่าเธอเริ่มพาลขึ้นมานิดหน่อยแล้ว ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาคุย รอให้อารมณ์เธอสงบกว่านี้ก่อนแล้วค่อยมาคุยกันจะดีกว่า

 

 

“โอเค” นับวันก็ยิ่งเหมือนตอนโทรศัพท์หาเหยียนเค่อเข้าไปทุกที พูดเสียงแข็งกร้าว แถมยังไม่เหลือช่องว่างให้เจรจาเลย คบคนพาล พาลไปหาผิดจริงๆ ด้วยสินะ หรือว่าเพราะเธอแต่งงานกับสวีอันหรานก็เลยอารมณ์ดีขึ้นกันแน่นะ?

 

 

สวีรั่วชียังคิดไม่ออกว่าซย่าเสี่ยวมั่วเป็นอะไร อีกฝ่ายก็วางสายไปเสียแล้ว

 

 

วันนี้ฉินซื่อหลานก็อยู่ห่างๆ ซย่าเสี่ยวมั่วเช่นกัน ซย่าเสี่ยวมั่วตอนโมโหนั้นคล้ายกับเหยียนเค่ออยู่นิดหน่อย ก็คือไม่สนใจคนอื่นเลย

 

 

“สวีอันหรานกับสวีรั่วชีจะแต่งงานกันเมื่อไร” ซย่าเสี่ยวมั่วลืมไปแล้วว่าจดไว้ที่ไหน จำวันที่ได้แต่ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร

 

 

ฉินซื่อหลานเห็นเธอยอมปริปากแล้วจึงรีบตอบ “เก้าธันวาฯ”

 

 

ยังมีเวลาอีกเดือนกว่าๆ  แต่สวีรั่วชีนี่ว่างมากเกินไปหรือเปล่านะ เพื่อนของซย่าเสี่ยวมั่วแต่ละคนที่เคยเป็นเจ้าสาวมาก่อนทุกคนต่างก็วิ่งวุ่นตลอดสามเดือนก่อนแต่งงาน มีแค่สวีรั่วชีนี่ล่ะที่ดูว่างขนาดนี้

 

 

“ทำไมเหรอ” ฉินซื่อหลานเริ่มได้กลิ่นตุๆ

 

 

“ไม่มีอะไร” ซย่าเสี่ยวมั่วกำลังจะทำงานในมือต่อ ก็นึกไปถึงเรื่องประวัติการรักษาของตัวเอง จึงเอ่ยปากสั่ง “อย่าลืมเอาประวัติการรักษากับใบเสร็จค่าใช้จ่ายที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลมาให้ฉันด้วยนะ ขอบใจ”

 

 

“ไม่เป็นไร” เหยียนเค่อบอกเขาก่อนตั้งนานแล้ว ของแบบนี้ไม่พลาดแน่นอน และถ้าจะคิดทุกอย่างเสร็จสรรพ ก็ยังมีค่าใช้จ่ายของบอดี้การ์ดที่เหยียนเค่อส่งมาอีกด้วย

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ซย่าเสี่ยวมั่ว สาวโสดผู้หมดศรัทธาในความรักจำต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกจากบ้าน เพียงเพราะทะเลาะกับผู้เป็นแม่เรื่องหา ‘ลูกเขย’! ด้วยอับจนหนทางที่จะกลับบ้าน เธอจึงต้องไปขออาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทชั่วคราว ทว่าระหว่างนั่งรถประจำทาง เธอดันไปปะทะฝีปากกับชายหนุ่มรูปงาม และสร้างความอับอายให้เขาอย่างน่าคับแค้นใจ! ทั้งที่เธอไม่คิดจะเจอเขาอีกชั่วชีวิต ทว่าเหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง บันดาลให้เธอต้องมาพบกับเขาอีกครั้งในฐานะ ‘แฟนเช่า’ ครั้งนี้ เหยียนเค่อ จะให้เธอได้ชดใช้อย่างสาสม!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset