เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 282 เปิดฉากการต่อสู้

บทที่ 282 เปิดฉากการต่อสู้

บนหน้าจอขนาดใหญ่ทั้ง 10 จอ กำลังแสดงภาพจากเรือรบหลวงทั้ง 10 ลำในเวลาเดียวกัน นอกจากส่งสัญญาณภาพได้แล้ว พวกเขายังสามารถส่งสัญญาณเสียงได้อีกด้วย

ในโลกใบนี้ ไม่มีใครจะเป็นกัปตันเรือได้ย่ำแย่มากไปกว่าหลินเป่ยเฉินอีกแล้ว

“เป้าหมายของเรามีเพียงหนึ่งเดียว คือเป็นผู้ชนะให้ได้”

เฉาพั่วเถียนยืนอยู่บนหัวเรือด้วยลักษณะองอาจ

“ผู้ที่หัวเราะทีหลัง มักจะเป็นผู้ชนะเสมอ และผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ ก็ต้องเป็นกลุ่มเทพีอวยชัยของพวกเราแน่นอน”

เยว่เว่ยหยางพร้อมด้วยเด็กสาวจากวิหารเทพกระบี่อีก 4 นาง รวมกันเป็นกลุ่มเทพีอวยชัย

“นี่คือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเรา”

คังซานเสว่พูดด้วยสีหน้าเย็นชา

ป้ายชื่อบนเรือของนางกำลังโบกสะบัดด้วยถ้อยคำว่า ‘หิมะโปรยปราย’

จุนเมิงฮั่นทอดสายตามองท้องทะเล ก่อนจะหันกลับมามองสมาชิกกลุ่มของตนเองและพูดว่า “เรามาแสดงฝีมือให้ทุกคนรู้กันเถอะว่า ครั้งนี้ผู้ชนะต้องเป็นกลุ่มคมกระบี่แสงจันทร์ของพวกเราเท่านั้น”

ซูเสี่ยวหยานยืนรวมกลุ่มอยู่กับสมาชิกของตนเอง แววตาลุกโชนด้วยประกายแห่งความเคียดแค้น เหนือศีรษะมีป้ายชื่อโบกสะบัดตามสายลมว่า ‘หมาป่าไฟ’

โจวเค่อตั้งชื่อกลุ่มของตนเองว่าบุปผามรณะ ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความสวยงามที่อันตราย “วันนี้ล่ะข้าจะแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า สตรีก็สามารถเอาชนะบุรุษได้เช่นกัน”

หวังซินอวี่พยายามควบคุมตนเองให้เยือกเย็น สมาชิกที่นางเลือกมาล้วนแล้วแต่เป็นเด็กหนุ่ม ทุกคนเป็นลูกศิษย์ของสถานศึกษากระบี่ที่หนึ่ง ดังนั้นนางจึงนำชื่อสถาบันมาตั้งเป็นชื่อกลุ่มของตนเอง

“พวกเรามาสร้างเกียรติยศให้แก่สถานศึกษากระบี่ที่หนึ่งกันเถอะ”

โจวฉุยหวูซวงยืนกอดอกมองป้ายชื่อที่แขวนอยู่บนเสากระโดงเรือด้วยความภาคภูมิใจ ‘หวูซวงผู้ชนะสิบทิศ’ เขาอ่านข้อความเหล่านั้นออกมาเล็กน้อยและกล่าวต่อไปว่า “วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการกำเนิดตำนานยอดมือกระบี่ ที่ชื่อว่าโจวฉุยหวูซวง”

สุดท้ายคือเซียวปิง เด็กหนุ่มม้ามืดที่เข้ารอบมาได้โดยไม่มีใครคาดคิด และป้ายชื่อที่แขวนอยู่บนเรือของเขาก็โดดเด่นสะดุดตาทุกผู้คน

‘บดขยี้หลินเป่ยเฉิน’

นั่นคือชื่อกลุ่มและชื่อเรือของเขา

เซียวปิงยืนท้าวเอวอยู่ใต้เสากระโดงเรือ พูดว่า “วันนี้ เรามาบดขยี้หลินเป่ยเฉินจนแม้แต่มารดาเขา ก็จำหน้าบุตรตัวเองไม่ได้กันเถอะ”

คำพูดประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะให้ดังสนั่นท่าเรืออีกครั้ง

มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

เซียวปิงถูกมองว่าเป็นไม้ประดับในการแข่งขันรอบสุดท้าย เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะสามารถบดขยี้หลินเป่ยเฉินได้สำเร็จ?

ณ ที่นั่งของแขกคนสำคัญ เซียวซางซึ่งเป็นน้องชายคนเล็กของพี่น้องตระกูลเซียว ใบหน้ายังไม่หายจากอาการบวมช้ำ เขานั่งดูการถ่ายทอดสดพร้อมกับกัดฟันกรอดอยู่ข้างบิดามารดา พี่ชายของเขาให้สัญญาเอาไว้แล้ว ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นวันนี้ พวกเขาจะต้องบดขยี้หลินเป่ยเฉินเพื่อล้างแค้นแทนเซียวซางให้จงได้

ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนลำเรือ จะถูกถ่ายทอดมายังหน้าจอตลอดเวลา

เสียงหวูดเรือดังสนั่นในอากาศ แล้วเรือรบหลวงทั้งสิบลำก็ชักธงประจำเรือขึ้นไปบนยอดเสา ก่อนที่เรือเหล่านั้นจะแล่นหายเข้าไปในส่วนลึกของมหาสมุทร

ในที่สุด การแข่งขันศึกชิงธงกลางท้องทะเลก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

ทุกคนตื่นเต้นจนแทบลืมหายใจ

ต่างก็เฝ้ารอคอยว่าใครจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันประจำปีนี้

บนเรือรบหลวงร้านขายอัญมณีหลิวไค

หลินเป่ยเฉินใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปอยู่บนแท่นสังเกตการณ์ที่อยู่บนเสากระโดงเรือ

ธงสามเหลี่ยมสีทองคำที่เป็นรูปเปลวไฟถูกชักขึ้นมาอยู่บนนี้

ภารกิจสำคัญสุดของทุกคน คือการปกป้องธงผืนนี้เอาไว้ให้ได้

บริเวณช่วงหัว ช่วงท้าย กราบซ้าย และกราบขวาของตัวเรือ มีกล่องเหล็กตั้งอยู่กลางค่ายอาคม พวกมันจะยึดติดอยู่กับดาดฟ้าเรือ และด้านในกล่องเหล็กเหล่านั้น ก็บรรจุกุญแจเอาไว้กล่องละ 1 ดอก

เมื่อเปิดกล่องหยิบกุญแจมาได้ครบถ้วน ค่ายอาคมที่ปิดผนึกผืนธงประจำเรือก็จะถูกสลายลงไป และนั่นหมายความว่าพวกเขาก็จะต้องสูญเสียธงของตัวเองไปแล้ว

เรือทุกลำจะถูกควบคุมด้วยนายทหารจากกองทัพ

และห้องควบคุมเรือที่อยู่ใต้ท้องเรือนั้น ก็จะมีทหารคอยอารักขาอย่างรัดกุม

ระหว่างการแข่งขันชิงธง ทหารทุกนายไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาแทรกแซงการต่อสู้ และห้ามไม่ให้มีใครเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือเด็ดขาด แม้แต่คนของกระทรวงศึกษาเองก็ไม่ได้รับอนุญาต

การต่อสู้จำเป็นต้องอยู่แต่บนดาดฟ้าเรือเท่านั้น

“ทุกคนไปประจำตำแหน่งรักษากล่องคนละจุด ส่วนข้าจะอยู่ตรงกลาง คอยบัญชาการทุกอย่างเอง”

หลินเป่ยเฉินไม่อยากลงไปจากแท่นสังเกตการณ์บนนี้อีกแล้ว

เพราะยิ่งอยู่ห่างไกลจากทะเลได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อเขามากเท่านั้น

ขณะนี้ เรือรบหลวงร้านขายอัญมณีหลิวไคออกห่างจากชายฝั่งมาได้หลายสิบลี้ พวกเขามองไม่เห็นท่าเรืออีกแล้ว ส่วนเรือรบลำอื่นๆ ก็แยกย้ายกระจายตัวไปตามเส้นทางของตนเอง กวาดตามองรอบกาย หลินเป่ยเฉินพบเห็นแต่เพียงผืนน้ำผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลที่เชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกัน

ท้องฟ้าสดใสปกคลุมโลกทั้งใบ

สิ่งต่อไปที่ทุกคนทำได้คือรอคอย

ไม่มีใครรู้เลยว่าเรือรบคู่แรกที่จะมาเผชิญหน้ากันจะเป็นเรือลำไหนบ้าง

กาลเวลาผ่านไป

มองไม่เห็นแม้แต่เงาของเรือสักลำ

“รอแบบนี้มันน่าเบื่อเกินไป เรามาเล่นหมากล้อมฆ่าเวลากันก่อนดีกว่าไหม…”

หลินเป่ยเฉินผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มตะโกนพร้อมกับกระโดดลงมาจากเสากระโดงเรือด้วยความเบื่อหน่าย

“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา”

ไป๋ชินหยุนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใจ

บนไหล่ของนางยังเกาะไว้ด้วยนกนางนวลสีขาวที่จับได้เมื่อวานนี้ ปรากฏว่ามันเชื่องต่อเด็กสาวเป็นอย่างมาก จึงกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของนางไปเรียบร้อยแล้ว

มี่หรู่หยานพูดอะไรไม่ออก

นี่มันใช่เวลามาเล่นหมากล้อมไหมเนี่ย?

แต่ผ่านไปชั่วชงน้ำชา 1 ถ้วย มี่หรู่หยานกลับเป็นคนที่สนุกสนานกับการเดินหมากอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เมื่อภาพเหตุการณ์นี้ฉายไปบนหน้าจอที่ท่าเรือ กลุ่มคนดูก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน

นี่สมาชิกกลุ่มของหลินเป่ยเฉินไม่มีใครสนใจการแข่งขันเลยหรือ?

และผ่านไปอีก 1 ก้านธูป

“แว๊ก!”

เจ้านกนางนวลที่เกาะอยู่บนยอดเสากระโดงเรือกระพือปีกส่งเสียงเตือน

“พวกศัตรูมาแล้ว”

ฮันปู้ฟู่ลุกขึ้นยืนและมองเห็นเรือรบลำหนึ่งกำลังแล่นใกล้เข้ามา

“พวกเราเตรียมตัวต่อสู้”

เยว่หงเซียงคำรามออกมาเสียงดัง

“เดี๋ยวก่อนสิ อีกหมากเดียวข้าก็จะชนะแล้วนะ ขอข้าเดินตานี้ให้จบก่อนไม่ได้หรือไง…” มี่หรู่หยานพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ

หลินเป่ยเฉินที่กำลังจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ตัดสินใจล้มกระดานหน้าตาเฉยและพูดว่า “การแข่งขันสำคัญที่สุดนะ เลิกเล่นของไร้สาระพวกนี้ได้แล้ว…”

มี่หรู่หยานถึงกับพูดอะไรไม่ออก

“เรือบุปผามรณะ แสดงว่าเราจะต้องสู้กับพวกของโจวเค่อสินะ”

ฮันปู้ฟู่ยกมือป้องตาอ่านข้อความบนป้ายชื่อเรือที่อยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งลี้ ในที่สุด เขาก็ได้รู้แล้วว่าอีกฝ่ายหนึ่งก็คือเรือของโจวเค่อนั่นเอง

“โจวเค่อมีระดับพลังไม่ต่ำต้อย เราจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด”

มี่หรู่หยานกล่าวเสริมว่า “นอกจากนางแล้ว สมาชิกคนอื่นๆ อย่างหลินหลุน โมซินหวู โจวซาง และจางหยิง ต่างก็มีฝีมือน่ากลัว นับเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีความแข็งแกร่งไม่เป็นสองรองใคร”

เด็กสาวอธิบายสมาชิกข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามแต่ละคนอย่างรวดเร็ว

เยว่หงเซียงก็เพิ่มเติมข้อมูลที่นางศึกษามาอีกเล็กน้อยเช่นกัน

“นี่ พวกเจ้าทั้งสองคนร่วมมือกันได้ดีขนาดนี้ ข้าแต่งตั้งให้เป็นหน่วยข่าวกรองประจำกลุ่มเลยดีไหมเนี่ย” หลินเป่ยเฉินพูดด้วยความชื่นชม

การรวบรวมข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามคือสิ่งที่มี่หรู่หยานกับเยว่หงเซียงมีความถนัดจัดเจน พวกนางเก็บรายละเอียดทุกซอกทุกมุมไม่มีตกหล่น ไม่ว่าจะเป็นด้านข้อมูลพละกำลัง วิชาประจำตัว จุดอ่อนจุดแข็งของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนในครั้งนี้ ไม่มีผู้ใดที่จะหลุดรอดสายตาของพวกนางไปได้

“ตนเองนั่งเฉยๆ ดีแต่ใช้งานผู้อื่น เจ้านี่มันหน้าไม่อายจริงๆ” ไป๋ชินหยุนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

นั่งเฉยๆ อย่างนั้นหรือ?

พูดแบบนี้ได้ยังไง

หลินเป่ยเฉินหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน “อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะศิษย์น้องไป๋ เจ้าน่ะทำตัวไร้ประโยชน์ยิ่งกว่าข้าอีก ผ่านมาจนถึงบัดนี้ เจ้ายังไม่ได้พิสูจน์ฝีมือเลยสักครั้ง”

ระยะห่างระหว่างเรือรบทั้งสองลำลดน้อยลงมาเรื่อยๆ จนเหลือไม่กี่ร้อยวาแล้ว…

ฮันปู้ฟู่พูดออกมาว่า “ว่าแต่เราตกลงกันหรือยัง ใครจะเป็นคนเฝ้าเรือ ใครจะเป็นคนไปชิงธงฝ่ายตรงข้าม?”

หลินเป่ยเฉินตอบโดยไม่ลังเล “ข้าเฝ้าเรือ ส่วนคนที่เหลือไปชิงธง”

Related

เซียนกระบี่มาแล้ว

เซียนกระบี่มาแล้ว

หืมมม วิชานี้น่าสนใจดี แชะ ! ติ๊งง คุณได้รับแอพพลิเคชั่นวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ ต้องการติดตั้งหรือไม่ ! ด้วยสมาร์ทโฟนในมือของเจ้าแกะดำหลิวเป่ยเฉิน ทำให้เขาสามารถผงาดบนโลกจอมยุทธ์นี้ได้อย่างง่ายดาย…. แต่ข้าไม่เอาหรอก ใครมันจะอยากอยู่โลกแบบนี้กัน YouTube ก็ไม่มี Facebook ก็เข้าไม่ได้ ข้าขอกลับโลกเดิมไปนั่งเล่นเกมในห้องแอร์เย็น ๆ ดีกว่าโว้ยยย !!

Options

not work with dark mode
Reset