เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 353 นักพรตใหญ่จากมหาวิหาร

ตอนที่ 353 นักพรตใหญ่จากมหาวิหาร

 

 

หลินเป่ยเฉินล้มเลิกความตั้งใจที่จะออกจากห้องไปก่อนชั่วคราว

 

 

เขากำลังหวาดกลัว

 

 

หรือว่าการที่เขาสั่งประหารถังกู่จิน ไป๋ไห่ชินและผู้ร่วมขบวนการเหล่านั้น จะทำให้ทางวังหลวงและเมืองไป๋หยุนไม่พอใจ จึงคิดที่จะจับตัวเขาไปลงโทษ?

 

 

ไม่น่าเป็นไปได้

 

 

เพราะระหว่างที่เกิดเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น หลินเป่ยเฉินทำไปในนามของเทพีกระบี่ผู้ศักดิ์สิทธิ์

 

 

ไม่มีใครจะเอาผิดเขาได้เด็ดขาด

 

 

ถ้าเกิดมีคนไม่พอใจ ก็ต้องไปคิดบัญชีกับเทพีกระบี่เองสิถึงจะถูกต้อง อีกอย่าง ไม่มีทางเลยที่ผู้ว่าการมณฑลซึ่งเป็นเจ้านายโดยตรงของถังกู่จิน รวมถึงผู้คนในเมืองไป๋หยุนจะคิดล้างแค้น เว้นแต่ว่าพวกเขาจะสมองเสื่อมไปแล้วเท่านั้น

 

 

หรือว่ามีพวกสาวกปีศาจตั้งใจจะลอบสังหารเขาอีก?

 

 

ก็ไม่น่าเป็นไปได้

 

 

เขาเพิ่งจัดการย่างสดไป๋ไห่ชิน ถังกู่จินและคนอื่นๆ ในฐานะสาวกปีศาจอย่างนั้น พวกสาวกปีศาจที่เหลืออยู่จะไม่กลัวบ้างหรือไร?

 

 

ต้องไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้แน่นอน

 

 

สุดท้าย หลินเป่ยเฉินก็จำใจต้องรออยู่ในห้องพักเป็นเวลาอีกเกือบ 2 ชั่วยาม

 

 

และในที่สุดเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นด้านนอก

 

 

หัวใจของเด็กหนุ่มกระตุกวูบ

 

 

ประตูห้องพักเปิดออก

 

 

ปรากฏว่าเป็นเยว่เว่ยหยางพร้อมด้วยผู้ติดตามอีกสองสามคนนำอาหารกลางวันมาให้เขา

 

 

เด็กหนุ่มกำลังจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็ทันได้เห็นเยว่เว่ยหยางแอบหลิ่วตาส่งสัญญาณไม่ให้พูดอะไร ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงนำอาหารออกมาจากกล่องและจัดเรียงบนโต๊ะเพื่อรับประทานในความเงียบ

 

 

นี่มันหมายความว่ายังไงกันนะ?

 

 

หลินเป่ยเฉินไม่เข้าใจอะไรอีกแล้ว

 

 

ถ้าเป็นเรื่องการอ่านสายตาของเพศตรงข้าม หลินเป่ยเฉินมีความชำนาญเทียบเท่าเด็กระดับประถมเท่านั้น

 

 

ขณะนี้ ใครอีกคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นหน้าประตู

 

 

ปรากฏว่าเป็นนักพรตหญิงชินเดินเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินพร้อมกับคนแปลกหน้าผู้หนึ่ง

 

 

“หลินเป่ยเฉิน นี่คือท่านนักพรตใหญ่จากมหาวิหารเจาฮุย ท่านได้ชื่อว่าเป็นผู้ศรัทธาที่ซื่อสัตย์ที่สุดของเทพีกระบี่ และคอยทำหน้าที่เบิกทางให้แก่นักบวชหน้าใหม่จำนวนมากมาย วันนี้ท่านนักพรตใหญ่มีเรื่องจะพูดคุยกับเจ้า” นักพรตหญิงชินรับหน้าที่แนะนำตัวให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน

 

 

เอ๋?

 

 

นักพรตใหญ่อย่างนั้นหรือ?

 

 

น่าจะเป็นพวกที่มีตำแหน่งสูงไม่ใช่เล่นเลยนี่นา

 

 

หลินเป่ยเฉินอดตกใจไม่ได้

 

 

เขาพอจะได้รู้มาบ้างแล้วว่าระบบความเชื่อของวิหารเทพมีลำดับชั้นอย่างไร ลำดับชั้นเหล่านั้นเริ่มต้นด้วยการเป็นนักบวชฝึกหัด จนกระทั่งได้เป็นนักบวชเต็มตัว ส่วนตำแหน่งต่อมาก็คือนักพรตหญิงฝึกหัด ต่อด้วยนักพรตหญิงเต็มตัว ถัดขึ้นไปก็เป็นนักพรตใหญ่ ตำแหน่งที่สูงกว่านั้นก็คือมหานักพรต และปิดท้ายด้วยตำแหน่งที่สูงที่สุดอย่างนักพรตเทวะ

 

 

ตำแหน่งนักพรตใหญ่นั้นเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในหมู่นักพรตประจำมณฑล

 

 

และมีอำนาจมากยิ่งกว่าถังกู่จิน

 

 

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวิหารเทพกระบี่ของมณฑลเฟิงอวี่ นักพรตใหญ่ท่านนี้จะเป็นคนจัดการทั้งหมด

 

 

“คารวะท่านนักพรตใหญ่”

 

 

หลินเป่ยเฉินประสานมือค้อมศีรษะทำความเคารพเหมือนเด็กน้อยได้เจอญาติผู้ใหญ่

 

 

นี่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาวางท่าใหญ่โต

 

 

สิ่งสำคัญคือต้องสร้างความประทับใจแรกให้ฝ่ายตรงข้ามรักและเอ็นดู

 

 

“แหม เจ้าเป็นถึงผู้ที่ถูกเลือก จะมากมารยาทไปใย”

 

 

นักพรตใหญ่ยิ้มแย้มอย่างใจดี

 

 

นางเป็นหญิงวัยกลางคน มีอายุประมาณ 50-60 ปี เส้นผมและขนคิ้วกลายเป็นสีเทา แต่ใบหน้ายังเต่งตึงและแววตาก็เต็มเปี่ยมด้วยความกระตือรือร้น เสื้อคลุมสีขาวแถบแดงที่สวมใส่ประดับลวดลายดวงจันทร์สวยงาม นักพรตใหญ่มีความสูงไม่มาก เมื่อยืนเทียบกับนักพรตหญิงชินแล้ว ท่านก็มีความสูงที่หัวไหล่ของนักพรตสาวรุ่นลูกเท่านั้น มิหนำซ้ำ ใบหน้ายังดูราบเรียบธรรมดา ไม่ได้มีความสะสวยหยาดเยิ้มแต่อย่างใด

 

 

ถ้าไม่บอกว่าหญิงวัยกลางคนผู้นี้มีสถานะสูงส่ง เด็กหนุ่มก็คงเข้าใจว่านางเป็นเพียงคุณป้าข้างบ้านที่เพิ่งกลับมาจากการเต้นแอโรบิคที่สวนสาธารณะเท่านั้นเอง

 

 

แต่ทันทีที่นักพรตใหญ่เปล่งเสียงพูดออกมา มันก็เปิดเผยให้เห็นถึงเสน่ห์ที่ไม่ได้ปรากฏบนใบหน้า

 

 

น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนฟังลื่นหู ชวนให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ แม้นี่จะเป็นการพบเจอกันเพียงครั้งแรกก็ตาม

 

 

“เจ้าจะรับประทานไปด้วย พูดคุยไปด้วยก็ได้นะ” นักพรตใหญ่ยิ้มแย้มอย่างคุณป้าใจดี “ข้ารู้ว่าหลังจากสลบไป 10 วัน 10 คืนเต็ม เจ้าคงหิวมากแล้ว”

 

 

“เอ่อ…พอท่านพูดขึ้นมา ข้าก็รู้สึกหิวเลยขอรับ”

 

 

ทันใดนั้น กระเพาะของเด็กหนุ่มก็ส่งเสียงสนับสนุนขึ้นมาทันที

 

 

หลินเป่ยเฉินอดตกตะลึงไม่ได้ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตนเองจะสลบไปถึง 10 วันเต็ม

 

 

เป็นเวลาที่นานเหมือนกันนะนั่น

 

 

ตอนแรกคิดว่าหลับไปแค่สองสามวันเสียอีก

 

 

ก่อนหน้านี้ที่เด็กหนุ่มไม่รู้สึกหิว ก็เพราะเขามัวแต่กังวลคิดถึงเรื่องอื่น เมื่อนักพรตใหญ่พูดขึ้นมา หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกหิวจนไส้กิ่ว ความหิวกระหายไหลหลั่งท่วมท้นสติสัมปชัญญะของหลินเป่ยเฉิน เด็กหนุ่มนั่งลงที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง หยิบตะเกียบขึ้นมาและเริ่มต้นรับประทานโดยทันที

 

 

ไม่รู้เลยว่านักพรตหญิงชินปลีกตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ นางปิดประตูจากไปนานแล้ว

 

 

บรรยากาศที่แสนจะกดดันจางหายไป

 

 

ห้องพักผู้บาดเจ็บตัดขาดจากโลกภายนอกด้วยม่านพลังศักดิ์สิทธิ์

 

 

“สิ่งที่ท่านกำลังจะพูดต่อไปนี้ เป็นเรื่องสำคัญใช่ไหมขอรับ?”

 

 

หลินเป่ยเฉินถามระหว่างคีบอาหารเข้าปาก

 

 

แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถใช้พลังลมปราณได้ในขณะนี้ แต่เด็กหนุ่มก็รับรู้ได้ถึงม่านพลังที่กั้นขึ้นมารอบห้อง

 

 

“มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก” นักพรตใหญ่มองเด็กหนุ่มดื่มกินอาหารอย่างมีความสุข “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตลอดระยะเวลา 10 วันที่เจ้าหลับใหลอยู่นั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”

 

 

หลินเป่ยเฉินส่ายหน้า

 

 

นักพรตใหญ่คีบเนื้อชิ้นใหญ่ใส่จานให้เด็กหนุ่มพร้อมกับอธิบายว่า “วิหารเทพกระบี่แห่งนี้ถูกนักฆ่าบุกรุกถึง 36 ครั้ง มีการต่อสู้ที่นอกเมืองหยุนเมิ่งอีก 16 ครั้ง เกิดการเผชิญหน้าของผู้ฝึกยุทธ์ระดับยอดปรมาจารย์ตลอดวันตลอดคืน รังสีสังหารแผ่ปกคลุมทั่วเมืองหยุนเมิ่งอีกห้าครั้ง…แล้วก็ยังเกิดการต่อสู้เล็กๆ น้อยๆ อีกนับไม่ถ้วน”

 

 

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง

 

 

บัดนี้ เขาเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดหน้าประตูห้องพัก ถึงต้องมีนักบวชสาวในชุดเกราะเหล็กยืนคุ้มกัน

 

 

อันที่จริง หลินเป่ยเฉินก็พอจะเดาได้อยู่แล้วว่าเรื่องราวเช่นนี้ต้องเกิดขึ้น เพราะการที่เขากลายเป็นร่างทรงเทพเจ้า คงทำให้ตกเป็นเป้าหมายความสนใจของผู้คนทั่วทั้งจักรวรรดิ แต่ที่หลินเป่ยเฉินคิดไม่ถึงเลยก็คือ จะมีคนอยากฆ่าเขาให้ตายมากมายถึงขนาดนี้

 

 

ระดับความรุนแรงของการต่อสู้ที่เกิดขึ้นตลอดสิบวันที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย

 

 

ถ้าเทียบกับเหตุการณ์ในโลกมนุษย์ ก็ต้องบอกว่าเมืองหยุนเมิ่งถูกบอมบ์ด้วยระเบิดนิวเคลียร์ห้าถึงหกครั้งติดๆ กัน

 

 

เมื่อมีการเผชิญหน้าอย่างดุเดือดถึงขั้นนี้ ก็คงเป็นการต่อสู้ที่ต้องตายกันไปข้าง

 

 

มันเป็นการต่อสู้ที่สะเทือนฟ้าสะท้านดิน

 

 

เรื่องราวเหล่านี้ชักจะน่ากลัวเกินไปแล้ว

 

 

และการต่อสู้ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก็เป็นเพราะมีคนอยากจะฆ่าเขา

 

 

หลินเป่ยเฉินรีบดื่มน้ำผลไม้หลายอึกเพื่อลดความรู้สึกแห้งผากในลำคอ

 

 

“นักฆ่าพวกนั้นพยายามบุกเข้ามาสังหารข้าใช่ไหมขอรับ?”

 

 

หลินเป่ยเฉินสอบถามเพื่อหาคำยืนยันด้วยน้ำเสียงเข้มเครียด

 

 

นักพรตใหญ่พยักหน้ายิ้มแย้ม “แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก บัดนี้เจ้าปลอดภัยดีแล้ว”

 

 

ระหว่างที่หลินเป่ยเฉินหลับใหลอยู่ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่ทราบเลยว่าหญิงวัยกลางคนหน้าตาใจดีที่นั่งอยู่เบื้องหน้าผู้นี้มีฝีมือแข็งแกร่งขนาดไหน นางเปรียบเสมือนฝันร้ายของมือสังหารทุกผู้คน และมีนักฆ่าจำนวนนับไม่ถ้วนต้องเสียชีวิตภายใต้เงื้อมมือของนางอย่างโหดร้ายทารุณ

 

 

“แต่ข้าเป็นตัวแทนเทพเจ้านะขอรับ พวกเขาจะกล้าฆ่าข้าได้อย่างไร?”

 

 

หลินเป่ยเฉินถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

 

 

เขามีสถานะสูงส่งถึงเพียงนี้ มือสังหารเหล่านั้นควรมากราบไหว้เขาสิถึงจะถูกต้อง

 

 

ทำไมมือสังหารเหล่านั้นไม่กลัวตายเลยนะ

 

 

“เจ้าเป็นตัวแทนของเทพีกระบี่ก็จริง แต่โลกนี้ไม่ได้มีเทพีกระบี่เป็นเทพเจ้าเพียงแค่องค์เดียว ตัวอย่างเช่น ในจักรวรรดิจี้กวง เทพเจ้าที่ได้รับการเคารพบูชามากที่สุดก็คือเทพเจ้าแห่งธนู” นักพรตใหญ่บอกเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงชวนรับฟัง

 

 

หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบๆ

 

 

จริงด้วยสินะ

 

 

ตะเกียบหลุดจากมือเด็กหนุ่มตกลงไปอยู่บนโต๊ะ

 

 

เขานี่มันโง่เหลือเกิน

 

 

โง่จนไม่น่าให้อภัย!

Related

เซียนกระบี่มาแล้ว

เซียนกระบี่มาแล้ว

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]
Status: Ongoing
หืมมม วิชานี้น่าสนใจดี แชะ ! ติ๊งง คุณได้รับแอพพลิเคชั่นวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ ต้องการติดตั้งหรือไม่ ! ด้วยสมาร์ทโฟนในมือของเจ้าแกะดำหลิวเป่ยเฉิน ทำให้เขาสามารถผงาดบนโลกจอมยุทธ์นี้ได้อย่างง่ายดาย…. แต่ข้าไม่เอาหรอก ใครมันจะอยากอยู่โลกแบบนี้กัน YouTube ก็ไม่มี Facebook ก็เข้าไม่ได้ ข้าขอกลับโลกเดิมไปนั่งเล่นเกมในห้องแอร์เย็น ๆ ดีกว่าโว้ยยย !!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset