เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 52 อัปเดตระบบ

บทที่ 52 อัปเดตระบบ

ผู้หญิงนับเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญที่สุดในโลก

วิดีโอเกมยังน่าสนใจกว่าไม่รู้ตั้งกี่เท่า

แต่เมื่อกลายเป็นผู้ที่หักอกคนอื่น หลินเป่ยเฉินก็ทำใจยอมรับตัวเองแทบไม่ได้เลยจริงๆ

หลิงเฉินไม่พูดอะไรสักคำ

นางได้แต่ยืนจ้องมองหลินเป่ยเฉิน

หลังจากนั้น สีหน้าของเด็กสาวก็มีความเคร่งเครียดมากขึ้น

ดูเหมือนนางจะสลับตัวตนกลับไปเป็นเจ้าหญิงเย็นชาจอมเผด็จการอีกครั้งหนึ่งแล้ว

ทำเอาหลินเป่ยเฉินรู้สึกลนลานขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้

ดังนั้น เขาจึงต้องพูดออกไปว่า “ข้าสูญเสียความทรงจำไปจริงๆ หลิงเฉิน เจ้าช่วยรอจนกว่าข้าจะได้ความจำคืนมาได้หรือไม่ หลังจากนั้น ข้าจะคบกับเจ้า ตกลงไหม?”

เด็กหนุ่มไม่กลัวโดนปฏิเสธ

เขาแค่ทำตามหัวใจตนเอง

หลินเป่ยเฉินเพียงพูดออกไปเพื่อให้ตัวเองสบายใจขึ้น

เขาไม่อยากทำร้ายจิตใจเด็กสาวคนนี้มากเกินไป

“ตกลง”

พลัน หลิงเฉินยิ้มแย้มออกมาอย่างมีความสุข “ข้าจะรอจนถึงวันนั้น”

ในขณะที่หลินเป่ยเฉินยืนทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อไปนั้นเอง อาจารย์หญิงวัยกลางคนจากสถานศึกษากระบี่หลวงก็เดินเข้ามาทักทาย นางบอกว่าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเขามามากนัก จึงอยากจะมาสนทนาด้วยสักเล็กน้อย แต่สายตาของอาจารย์หญิงจ้องมองเขาเหมือนคมมีด เพียงพูดคุยกันได้ไม่นาน นางก็พาตัวหลิงเฉินเดินกลับไป

สุดท้าย หลินเป่ยเฉินก็ได้มีโอกาสถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเสียที

แต่ในเวลาเดียวกันนี้เอง ทั่วทั้งค่ายพักได้เกิดข่าวลือกระจายไปเหมือนไฟลามทุ่ง

“ว่าไงนะ?”

“หลิงเฉินเป็นคนรักของหลินเป่ยเฉินอย่างนั้นหรือ?”

“เป็นไปได้ยังไงกัน?”

“หลิงเฉินเนี่ยนะถึงกับต้องตามตื๊อหลินเป่ยเฉิน?”

“ไม่น่าเชื่อ”

“หรือว่าเมืองหยุนเมิ่งกำลังจะถึงคราวล่มสลายแล้ว?”

หลายคนรู้สึกเหมือนโลกนี้กำลังจะแตกสลายลงในพริบตา

ห่างออกไปไม่ไกล หลีลั่วหรันจากคฤหาสน์หลวงยืนซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนอยู่ในสายตาของเขาหมดสิ้น

ในเวลาเดียวกันนั้น ติงซานฉือที่มักทำตัวเป็นมนุษย์ล่องหนตลอดเวลา พลันปรากฏตัวขึ้นข้างกายหลินเป่ยเฉิน ก่อนที่จะลากคอเด็กหนุ่มเดินกลับมาพูดคุยในกระโจมที่พักของสถานศึกษากระบี่ที่สามด้วยความฉุนเฉียว

“บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ติงซานฉือจับคอเสื้อหลินเป่ยเฉินเขย่าอย่างแรง

“เง้อ…” หลินเป่ยเฉินพยายามดิ้นให้หลุดจากมือของอาจารย์ชราพร้อมกับตะโกนว่า “อาจารย์ติง ใจเย็นก่อนขอรับ อาจารย์ได้โปรดมั่นใจ ข้ารู้ดีว่าหน้าที่สำคัญของตนเองคืออะไร ข้าไม่มีทางละทิ้งเส้นทางของมือกระบี่หมายเลขหนึ่งเพราะสตรีเพียงคนเดียวแน่นอน ข้าจะสร้างความยิ่งใหญ่เกรียงไกรให้แก่สถานศึกษากระบี่ที่สามด้วยมือของข้า…”

“เหลวไหล” ติงซานฉือแทรกขึ้นด้วยความฉุนโกรธ “ไม่ต้องสนใจความยิ่งใหญ่ของสถาบันเราหรอก สิ่งสำคัญก็คือ เจ้าจะทำให้คนที่รักเจ้าผิดหวังไม่ได้เด็ดขาด”

หา?

หลินเป่ยเฉินยืนตัวแข็งทื่อ

เดี๋ยวก่อนนะ

แบบนี้มันไม่น่าจะใช่แล้วมั้ง

อาจารย์ติงกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่…?

ตัวแทนอาจารย์จากสถานศึกษากระบี่ที่สามคิดว่ามาที่นี่เพื่อรับชมละครหลังข่าวหรือไง?

หลินเป่ยเฉินจ้องมองติงซานฉือด้วยความประหลาดใจ

ติงซานฉือก็เหมือนเพิ่งรู้ตัวเช่นกันว่าออกอาการมากเกินไปหน่อย จึงรีบกลบเกลื่อนทำสีหน้าให้เป็นปกติ

เขาปล่อยมือออกจากคอเสื้อของเด็กหนุ่ม เงยหน้ามองดวงจันทร์บนฟากฟ้า ก่อนถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

“เสี่ยวเป่ยเอ๋ย เจ้ายังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจ… ตอนนี้เจ้ายังไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไร แต่รอจนเมื่อเจ้าเข้าใจดีแล้ว บางทีมันก็อาจจะสายเกินไป เจ้าจงฟังคำอาจารย์เอาไว้ให้ดี โลกนี้มีคนบางคนที่เจ้าจะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”

หลินเป่ยเฉินได้แต่ยืนนิ่ง

คิดไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ชราจะเป็นคนโรแมนติกขนาดนี้

หรือว่าอาจารย์ติงจะเคยอกหักมาก่อน…?

หลินเป่ยเฉินหัวเราะพรืดออกมาโดยไม่รู้ตัว

“หึหึ” ติงซานฉือยิ้มเยือกเย็นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหัวเราะร่วนอย่างไม่มีเหตุผล

หลินเป่ยเฉินพลันรีบกล่าวขึ้นทันทีว่า “ขอบคุณอาจารย์มากเลยนะขอรับ”

“เรื่องอะไร?”

“ก็อาจารย์ช่วยพาข้ากลับมายังที่พัก เพราะไม่อยากให้ข้าอับอายขายหน้าคนอื่นเขาใช่ไหมขอรับ?”

“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”

พูดจบ ติงซานฉือก็หมุนตัวเดินจากไป กลับไปนอนแช่น้ำอุ่นในห้องพักของตัวเองสบายใจเฉิบ

หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว

ยิ่งเขาได้รู้จักติงซานฉือมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าอาจารย์คนนี้น่าเหลือเชื่อมากขึ้นเท่านั้น

ในขณะนี้ หลินเป่ยเฉินอยู่เพียงลำพังในกระโจมที่พัก

บรรยากาศรอบกายเต็มไปด้วยเสียงคำรามของสัตว์ป่า

เมื่อความมืดโรยตัวปกคลุมหนาแน่น หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกได้ถึงอันตรายที่รายล้อมอยู่รอบๆ

บนกำแพงที่กั้นพื้นที่โดยรอบของค่ายพัก มีทหารจากหน่วยนักรบเมฆายืนเฝ้าระวังอันตราย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาวางกำลังหนาแน่นมากกว่าตอนกลางวันหลายเท่า

ไม่นานหลังจากนั้น ก็เริ่มมีสัตว์ป่าระเบิดเสียงคำรามดังขึ้นนอกกำแพง คลื่นเสียงของพวกมันโจมตีเข้ามารุนแรงไม่ใช่เล่น

ค่ายพักแห่งนี้มีพลังงานสสารลึกลับสร้างเป็นม่านพลังกำบังเอาไว้ คอยปกป้องทุกคนจากอันตรายของคลื่นเสียงเหล่านี้

ดูเหมือนพื้นที่นอกกำแพงจะเป็นเขตต้องห้ามสำหรับมนุษย์ยามราตรีจริงๆ

ว่ากันว่าบรรดาสัตว์ร้ายที่อยู่ในป่าจะมีความดุร้ายและมีพลังเพิ่มมากขึ้นเมื่อถึงเวลากลางคืน บางคนก็ว่าพวกมันจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าตอนกลางวันถึงสองเท่าเลยทีเดียว

แต่เนื่องจากหลินเป่ยเฉินกินอิ่มมากเกินไป เพียงไม่นาน เขาก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

เด็กหนุ่มส่งเสียงกรนดังสนั่นหวั่นไหว

ในช่วงกลางดึก ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวดังขึ้นจากด้านในกระโจม

เยว่หงเซียงกลับมาแล้ว

หลินเป่ยเฉินคลับคล้ายคลับคลาเหมือนได้ยินเสียงคนร้องไห้ แต่เสียงนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว

แม้จะล่วงเข้ายามดึกสงัดแล้ว แต่ทั้งมู่ซินเยว่กับอู๋เสี่ยวฟางต่างก็ยังไม่กลับมา

ในระหว่างที่หลินเป่ยเฉินกำลังนอนน้ำลายไหลยืดอยู่นั้นเอง พลัน เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นในหัวของเขา…

“ตรวจพบระบบเวอร์ชันใหม่ ต้องการอัปเดตระบบหรือไม่?”

เด็กหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นจนต้องรีบลุกพรวดขึ้นมานั่ง

เขารีบนำโทรศัพท์มือถือออกมา

บนหน้าจอมีข้อความขึ้นเตือนว่า

“ต้องการอัปเดตระบบหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินตาสว่างขึ้นมาในทันใด

เขานิ่งคิดประมวลผลอยู่นานสองนาน

“ทำไมอยู่ดีๆ ถึงให้อัปเดตระบบหว่า?”

หรือจะเป็นเพราะเขาสามารถทำคะแนนสอบได้สูงลิ่ว และได้ที่หนึ่งจากการสอบกลางภาค หรือมันจะเป็นเพราะเขาสามารถเอาชนะใจสาวงามได้สำเร็จ?

ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า เวลาที่เขาสามารถทำเรื่องราวใดสำเร็จตามเป้าหมาย และช่วยยกระดับให้ตนเองมีสถานะสูงส่งมากขึ้น เขาก็จำเป็นต้องอัปเดตระบบโทรศัพท์มือถือด้วยเช่นกันอย่างนั้นหรือ?

น่าจะใช่มั้ง

แต่นั่นไม่ใช่คำถามสำคัญที่สุด

เพราะคำถามสำคัญก็คือ หากกดอัปเดตระบบไปแล้ว ฟังก์ชันการใช้งานในโทรศัพท์จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างหรือไม่

อย่างเช่น แอปฝึกวิชาที่เขาติดตั้งเอาไว้จะถูกลบทิ้งไปหรือเปล่า?

หรือมันจะมีเบาะแสบอกวิธีกลับสู่พื้นโลกมนุษย์ให้เขารู้บ้างไหม?

ความคิดเหล่านี้ผุดพราวขึ้นมาในสมองของหลินเป่ยเฉินไม่จบไม่สิ้น

หลังจากนั่งถามตัวเองอยู่สองเค่อ หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจได้แล้ว

ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องอัปเดตระบบให้ได้

เพราะจากประสบการณ์ใช้โทรศัพท์มือถือที่ผ่านมาในชีวิตนี้ เด็กหนุ่มพบว่าการอัปเดตระบบของโทรศัพท์แต่ละครั้ง มักจะไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรสักเท่าไหร่ ยิ่งไม่มีการลบข้อมูลที่อยู่ภายในเครื่องแน่นอน นอกจากจะไม่ส่งผลต่อแอปที่ดาวน์โหลดเก็บไว้ในเครื่องแล้ว บางครั้งมันก็เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ดังนั้น เขาจึงมั่นใจว่ามันไม่น่าจะส่งผลอะไรต่อการฝึกวิชาของตนเอง

และสำหรับหลินเป่ยเฉินในตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดก็คือการได้กลับไปโลกมนุษย์ ต่อให้การอัปเดตโทรศัพท์มือถือจะเพิ่มโอกาสกลับโลกมนุษย์ได้แค่เปอร์เซ็นต์เดียว เขาก็ยินดีรับความเสี่ยง

หลินเป่ยเฉินแตะนิ้วลงไปบนตัวเลือก…

“ตกลง”

“ติ๊ง! คำเตือน : การอัปเดตระบบจะใช้เวลาทั้งสิ้น 2 ชั่วยาม และใช้การถ่ายโอนข้อมูลทั้งหมดเป็นจำนวน 1 GB โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเชื่อมต่อสัญญาณถ่ายโอนข้อมูลเรียบร้อยแล้ว และกรุณาอย่าปิดเครื่องระหว่างการอัปเดต”

หน้าต่างคำเตือนเด้งขึ้นมาอีกครั้ง

ทั้งสองอย่างนี้ต่างก็ต้องใช้พลังปราณที่อยู่ในร่างกายเขาทั้งสิ้น

หลินเป่ยเฉินกดตัวเลือก

“ดำเนินการต่อ”

แล้วในพริบตานั้นเอง พลังงานสสารลึกลับก็ไหลรินออกจากร่างกายของเขา ตรงเข้าไปสู่โทรศัพท์มือถือในทันที !

เซียนกระบี่มาแล้ว

เซียนกระบี่มาแล้ว

หืมมม วิชานี้น่าสนใจดี แชะ ! ติ๊งง คุณได้รับแอพพลิเคชั่นวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ ต้องการติดตั้งหรือไม่ ! ด้วยสมาร์ทโฟนในมือของเจ้าแกะดำหลิวเป่ยเฉิน ทำให้เขาสามารถผงาดบนโลกจอมยุทธ์นี้ได้อย่างง่ายดาย…. แต่ข้าไม่เอาหรอก ใครมันจะอยากอยู่โลกแบบนี้กัน YouTube ก็ไม่มี Facebook ก็เข้าไม่ได้ ข้าขอกลับโลกเดิมไปนั่งเล่นเกมในห้องแอร์เย็น ๆ ดีกว่าโว้ยยย !!

Options

not work with dark mode
Reset