เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 110 – ตอนที่ 109 ท้ารบในตระกูล P1

===============
ถึงรอบเย่ว์ปิงต่อสู้บ้าง อย่างไรก็ตาม กลับกลายเป็นว่า ผู้เข้าร่วมแข่งขันจากครอบครัวรอบนอกที่เป็นคู่ต่อสู้ของนาง ต่างพากันถอนตัวจากการแข่งขันทั้งหมด แน่นอนคู่ต่อสู้ของนางตอนนี้ก็คือคุณชายหกเย่ว์เป่า

เย่ว์เป่าเป็นบุตรชายคนที่สามของเย่ว์ซาน ต่อจากเย่ว์เทียนและเย่ว์ถิง อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ากับพี่ชายของเขา ย่ว์เทียน และไม่เหมือนกับพี่ชายของเขาอีกคน เย่ว์ถิงผู้ได้เข้าไปทำงานในวังตั้งแต่อายุยังน้อย โดยทำงานเป็นองครักษ์ส่วนตัวขององค์ชาย เย่ว์เป่าอาศัยอยู่กับตระกูลเสมอมา และยังเป็นคนที่ชอบรังแกสหายผู้น่าสงสารและเป็นคนนิสัยแย่ที่สุด ต่างจากเย่ว์เทียนและเย่ว์เยี่ยน ที่มักวางแผนรังแกหรือไม่ก็คอยเยาะเย้ยแบบลับๆ เย่ว์เป่าเป็นพวกสมองน้อยและยังทุบตีเย่ว์หยางอยู่บ่อยๆ แน่นอนว่าเย่ว์เป่าไม่ใช่คนโง่ ในทางตรงกันข้ามเขามีไหวพริบมาก คงเป็นเพราะว่าเขารู้สึกปลอดภัยเพราะได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและไม่เคยคิดว่าเจ้าเด็กที่สงสารจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาได้ครั้งใหญ่

ถ้าให้เขาต้องไปเผชิญหน้ากับเย่ว์หยางในปัจจุบัน เย่ว์เป่าไม่กล้าสู้กับเขาแน่นอน

อย่างไรก็ตามให้สู้กับเย่ว์ปิง เขามั่นใจเต็มเปี่ยมว่าเขาจะชนะได้

เขาเชื่อมั่นว่ามนุษย์พฤกษาของเย่ว์ปิงอยู่ในเงื้อมมือของเขาแล้ว อสูรสายพฤกษาหรือ? พวกนั้นเป็นอสูรชนิดที่อ่อนแอที่สุดและกลั่นแกล้งได้ง่ายที่สุด

เย่ว์หยางสังเกตว่าเย่ว์เป่าผู้นี้ดูไม่เหมือนเย่ว์ซานผู้เป็นบิดาของเขาเลยจริงๆ แม้ว่าเขาจะดูไม่เลวเกินไปก็ตาม เขาหน้าแหลม จมูกคด ริมฝีปากบางและตาตี่ มองดูเหมือนอันธพาลอยู่บ้าง มีลักษณะที่ไม่น่ารัก ความจริงเด็กคนนี้จิตใจคับแคบ เจ้าพยาบาท โลเล และไว้ใจไม่ได้ บรรดาคุณชายในตระกูลเย่ว์ เขาเป็นคนที่น่าเกลียดที่สุด

“น้องเจ็ด! พี่หกเป็นคนคิดช้าทำช้าเทียบกับอัจฉริยะอย่างเจ้าไม่ได้หรอก ข้าหวังว่าเจ้าคงไว้หน้าข้าบ้างอย่าให้ข้าต้องแพ้จนหมดรูป” ถึงแม้จะเป็นการแสร้งกระทำ แต่เย่ว์เป่าก็ยังโค้งให้อย่างสุภาพ

“ข้าสัญญากับพี่สามไว้แล้วว่าข้าจะสู้อย่างสุดฝีมือไม่ว่ากับผู้ใดก็ตาม ข้าจะไม่ผ่อนฝีมือให้เจ้า” เย่ว์ปิงพึมพำอย่างเย็นชา แน่นอนว่านางไม่หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของฝ่ายตรงข้าม ทั้งท่าทางและความตั้งใจของนางยังคงเข้มแข็ง

“เจ้านึกหรือว่าจะเอาชนะข้าได้?” เมื่อเย่ว์เป่าได้ยินคำพูดของนาง เขาถึงกับหัวเราะลั่น

พอเขาหยุดยิ้มสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที “อย่าโอหังนักเลย! นึกหรือว่ากะอีแค่ไอ้นักรบพฤกษางี่เง่าของเจ้า จะทำให้เจ้าสู้ได้เสมอกับข้าได้? ตลกจริงว่ะ!”

เย่ว์ปิงไม่สนใจเขา นางหลับตาและเริ่มทำสมาธิ

นางต้องการอยู่ในสภาพพร้อมที่สุดและเอาชนะพี่หกที่น่ารังเกียจให้ได้ ตราบใดที่นางใช้วิชาที่พี่ชายของนางสอนให้ก่อนนี้ นางจะสามารถทำให้ทุกคนในตระกูลตกตะลึงจนตาแทบถลนออกนอกเบ้าได้แน่นอน นางต้องการแสดงให้พี่ชายเห็นผลของการที่เขาอบรมสั่งสอนนางและในขณะเดียวกันก็ให้มารดาของนางแปลกใจอย่างที่สุด

บรรดาคนในตระกูล, ไม่มีผู้ใดมองเย่ว์ปิงอย่างชื่นชมเลย แน่นอนว่านางมีพรสวรรค์ แต่อสูรสายพฤกษาของนางอ่อนแอเกินไป

ตราบใดที่เย่ว์เป่าเรียกหุ่นเหล็กของเขาออกมา มันก็น่าจะเอาชนะนักรบพฤกษาของนางได้โดยง่ายดาย

และถ้าเย่ว์เป่ารียก อสูรที่มีคุณสมบัติไฟออกมาอีกตัวหนึ่ง เมื่อเป็นอย่างนั้นนักรบพฤกษาจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน อสูรพิทักษ์ของเย่ว์เป่าคือจิ้งจอกเพลิง เป็นอสูรทองแดงระดับ 3 และเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นนักวางเพลิง เนื่องจากเย่ว์เป่าสามารถควบคุมมันได้อย่างอิสระ โอกาสที่นักรบพฤกษาของเย่ว์ปิงจะเอาชนะได้เกือบเป็นศูนย์ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แม้แต่ผู้เฒ่าห้าที่ท่านยืนอยู่ฝ่ายครอบครัวที่สี่ก็ยังไม่กล้ารับรองเลยว่าเย่ว์ปิงจะมีโอกาสชนะได้

“เรื่องนี้จะพิสูจน์กันต่อหน้าผู้ชม” พอเห็นเย่ว์ปิงหลับตาทำสมาธิ เย่ว์เป่าเรียกคัมภีร์เงินออกมา ชี้ไปที่เย่ว์ปิง ร่างบอบบางสีแดงเพลิงมีหางติดไฟลูกใหญ่วิ่งเข้าจู่โจมนาง เขาเริ่มจู่โจมอย่างกระทันหันหวังจะก่อกวนสมาธิของเย่ว์ปิง หากว่าเขาทำได้สำเร็จ พลังจิตของนางจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจนทำให้นางหมดสติได้

การต่อสู้ในรอบแรกของเย่ว์ปิงก่อนนั้น นางใช้การจู่โจมอย่างกะทันหันและคาดไม่ถึงน็อคคู่ต่อสู้จากครอบครัวรอบนอกจนหมดสติ

ในตอนนี้ เย่ว์เป่าลอกเลียนเอากลยุทธของนางเอามาใช้กับนางแทน

แต่เย่ว์ปิงทั้งที่ยังคงหลับตาและดูเหมือนจะเสียสมาธิไปแล้ว กลับยกมือเรียวงามของนางออกมาข้างหน้าเล็กน้อย

คัมภีร์อัญเชิญชั้นทองแดงขั้นสูงถูกเรียกออกมาทันที และโล่แสงถูกกางขึ้นทันเวลาเป็นรัศมีสีแดงกางอยู่ในอากาศ พอเห็นว่าการจู่โจมที่คาดไม่ถึงของเขาล้มเหลว เย่ว์เป่าสั่งให้จิ้งจอกเพลิงของเขากระโจนขึ้นไปในอากาศและยิงลูกไฟใส่ เขาเข้าใจกลยุทธต่อสู้ของเย่ว์ปิงเป็นอย่างดี ในเวลาถัดมา นางคงเรียกนักรบพฤกษาออกมาจนได้และบอลไฟนี้จะยิงเข้าที่หัวของนักรบพฤกษาที่เต็มไปด้วยใบและกิ่ง…

ขั้นตอนต่อมาก็เป็นเรื่องง่ายมาก เขาก็แค่สั่งให้จิ้งจอกเพลิงของเขาวิ่งวนไปรอบเวทีรอให้นักรบพฤกษามอดไหม้จนตาย

ถ้าเขาเห็นว่ามนุษย์พฤกษายังวอดวายไม่พอ เขาก็แค่สั่งให้จิ้งจอกเพลิงยิ่งลูกไฟเพิ่มขึ้นอีกเท่านั้น

พอคิดถึงเรื่องนี้แล้ว รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของเย่ว์เป่า

“บึ้ม!”

เสียงระเบิดดังกึกก้องทันทีบนพื้นเวที ทุกคนที่ชมดูพากันตกตะลึง…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ร่างขนาดยักษ์ยืดสูงขึ้นไปในท้องฟ้า

แขนทั้งสองของมันยืดเหยียดกว้างจนเกือบคลุมท้องฟ้า

จิ้งจอกไฟยังคงสะบัดหางยิงลูกไฟลงมาข้างล่าง เจ้าตัวเล็กเพิ่งจะรู้ตัวก็ตอนที่ฝ่ามือขนาดมหึมาฟาดลงมาที่หน้าผากของมัน จิ้งจอกเพลิงกระแทกกับพื้นอย่างแรงเสียงดังสนั่นและจมลึกลงไปในพื้นหินแข็ง จากนั้นร่างมหึมาเหมือนภูเขาสีเขียวจึงปรากฏขึ้น ทันใดนั้นขาทั้งสองของมันก็ย่ำลงที่หัวของจิ้งจอกเพลิง ที่ได้แต่ชำเลืองมองจนจมลึกลงไปในพื้นหิน

ตอนนั้นเองที่ผู้ชมดูถึงได้เห็นมัน

นี่คือนักรบพฤกษาขนาดมหึมาสูงเกินกว่า 6 เมตร มือทั้งสองข้างของมันเต็มไปด้วยกิ่งและใบ ฝ่ามือพฤกษาใหญ่พอๆ กับฉัตรกั้นของพระราชา

ลำต้นสีดำดูเหมือนจะแข็งพอๆ กับเหล็กกล้าประกอบด้วยกล้ามเนื้อที่ทรงพลัง มันดูทรงพลังมากจนน่าตกใจ ข้อต่อแต่ละแห่งจะแหลมคมเหมือนหนาม และตาสีเขียวบนใบหน้าขนาดใหญ่ของมันส่องแสงลุกโชนแสดงถึงอารมณ์ที่โกรธเต็มที่

“อ๋า, นี่ตัวอะไรกันแน่?” ผู้ชมเกือบทั้งหมดไม่รู้จักอสูรของเย่ว์ปิง มันดูเหมือนนักรบพฤกษาเล็กน้อย แต่มันใหญ่เกินไปไม่ใช่หรือ?

“นักรบพฤกษาร้อยปี…” ยังคงมีนักสู้ที่รอบรู้เรื่องอสูรอยู่ พอเมื่อพวกเขาจำมันได้ ก็ตกตะลึงอย่างไม่มีอะไรเปรียบ

“อสูรทองแดง ระดับ 5” แม้แต่นักสู้ที่แท้จริงซึ่งนั่งอยู่ในหมู่ผู้ชมอย่าง จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ถึงกับสะดุ้งออกมาเล็กน้อย เย่ว์ซาน, เย่ว์หลิ่งและตัวแทนจากสามตระกูลใหญ่ที่เหลือต่างก็ตกตะลึงกันทั่วหน้า จนลุกขึ้นยืนทันทีตั้งใจมองนักรบพฤกษาร้อยปี อสูรทองแดงระดับ 5 ตนนี้ สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยแววเหลือเชื่อ พวกเขารู้กันดีว่าการยกระดับอสูรสายพฤกษาเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากๆ อสูรสายพฤกษาเป็นอสูรที่โตช้าที่สุด อ่อนแอที่สุดในตอนแรกเริ่ม อัตราการเติบโตที่ช้าคือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของอสูรสายพฤกษา ในระดับเดียวกันแทบจะไม่มีอสูรสายใดหรืออสูรสัตว์ปีกต้องประสบความสูญเสียใหญ่เลยเมื่อต้องสู้กับอสูรสายพฤกษา

ก่อนหน้านี้ เย่ว์ปิงก็ฝึกนักรบพฤกษา อสูรทองแดง ระดับ 3 ได้แล้วยังถูกคนอื่นมองว่าเป็นอัจฉริยะ

แม้ว่าอสูรสายพฤกษาจะเติบโตยาก แต่พลังที่เพิ่มขึ้นมาจะมากกว่าอสูรสัตว์ร้ายและอสูรสัตว์ปีกที่อยู่ในระดับเดียวกัน

เป็นเรื่องยอดเยี่ยมแค่ไหนแล้วสำหรับเย่ว์ปิงที่เพิ่มระดับมนุษย์พฤกษาจนชั้นทองแดง ระดับ 3 แต่ตอนนี้นางพัฒนาอสูรของตนเป็นชั้นทองแดงระดับ 5 ไปแล้ว เป็นพัฒนาการที่คาดไม่ถึงจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังวิวัฒนาการมนุษย์พฤกษาของตนเองไปเป็นนักรบพฤกษาร้อยปีด้วยวิวัฒนาการที่พิเศษ ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาต่อยอดไปเป็นขุนพลพฤกษาพันปี และราชันพฤกษาหมื่นปี นางมีอนาคตสดใสรออยู่แล้ว

ดรุณีนางนี้ นางทำอย่างนี้ได้อย่างไร?

“เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ นักรบพฤกษาของนาง อยู่ชั้นทองแดงระดับ 3 เท่านั้นเมื่อเดือนที่ผ่านมานี่เอง แล้วมันเพิ่มระดับขึ้นถึง 2 ครั้งภายในเดือนเดียวได้อย่างไร และยังเป็นการวัฒนาการพิเศษกลายเป็นผู้พิทักษ์นักรบพฤกษาร้อยปี นั่นเป็นไปไม่ได้!” เย่ว์เยี่ยนยืนขึ้นและร้องออกมาอย่างมีอารมณ์พลุกพล่าน เขาไม่สามารถเชื่อความเป็นจริงที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา

“…” เย่ว์เทียนไม่ได้พูดอะไร แต่มองดูจากภายนอกแล้ว ย่ำแย่จริงๆ

เย่ว์ปิงมักจะสู้เพียงลำพังเสมอ นางไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว และไม่ได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนพ้อง บ่อยครั้งที่นางติดกับและถูกรังแก ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปาฏิหาริย์แล้วที่นักรบพฤกษาของนางพัฒนามาถึงชั้นทองแดงระดับ 3 ได้

มนุษย์พฤกษาของนางวิวัฒนาการกลายเป็นผู้พิทักษ์นักรบพฤกษาร้อยปีในช่วงเวลาสั้นๆ ได้อย่างไร?

คงเป็นไปได้ว่าได้รับคำแนะนำจากเจ้าสวะจอมเพี้ยนกระมัง?

เย่ว์เทียนมองมาที่เย่ว์หยางและสังเกตดูอย่างจริงจัง เย่ว์หยางทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เขานั่งเอานิ้วแคะหูตนเองเล่น เขาผิวปากอย่างสบายอารมณ์เหมือนกับเป็นเรื่องปกติ “ไม่น่าจะใช่เจ้างี่เง่านั้น” เย่ว์เทียนแค่นเสียงและละสายตาจากเย่ว์หยางแล้วหันไปดูผู้พิทักษ์นักรบพฤกษาร้อยปีบนเวที เย่ว์เทียนเริ่มวางแผนหาวิธีการต่างที่จะรับมือเย่ว์ปิงในใจ

“น้องเจ็ดสุดยอด! เจ้าตัวนี้เยี่ยมจริงๆ” ดรุณีน้อยไม่มีความกลัวเหลืออยู่แล้ว พอเห็นผู้พิทักษ์นักรบพฤกษาร้อยปีขนาดมหึมาแล้ว นางไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย นางได้รับเสียงเชียร์และเสียงปรบมือแทน

“ปิงเอ๋อ! เด็กคนนี้ ทำไมนาง, ทำไมนางไม่บอกเรื่องนี้กับข้าเลย?” หญิงงามตื่นเต้นอยู่เต็มหัวใจนาง

ไม่ใช่แต่เพียงบุตรของนางเท่านั้นที่ก้าวหน้าอย่างมาก แม้แต่ธิดาของนางก็ยังฝึกหนักจนมีผลก้าวหน้าอีกด้วย

สองพี่น้องมักโดนสมาชิกในตระกูลดูถูกอยู่เสมอและถูกหักหลังอยู่หลายครั้งครา ในที่สุดวันนี้ พวกเขาก็สามารถตอบโต้คนในตระกูลได้ทั้งหมด

ช่างแน่วแน่จริงๆ แม้ว่าบุตรธิดาของนางจะไม่ได้ถือช้อนเงินช้อนเกิดมา แต่พวกเขาฉลาดมาก พวกเขาก้าวหน้าจนมายืนอยู่ในจุดนี้ได้ในวันนี้ พอได้เห็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ของบุตรและธิดาของนาง แม่สี่คิดว่าต่อให้นางตาย ก็ตายอย่างเป็นสุข หญิงงามหลั่งน้ำตาโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่เพราะนางเศร้าเสียใจ แต่เป็นเพราะ แต่นางไม่อาจหักห้ามความยินดีในใจจนร้องไห้ออกมา

“แค่นี้ไม่มีอะไรหรอก ต่อให้เป็นมนุษย์พฤกษาตัวโต แต่ก็ยังไร้ประโยชน์อยู่ดี” ใบ้หน้าของเย่ว์เป่าบิดเบี้ยวเหยเกขณะที่เขาสั่งให้จิ้งจอกเพลิงใช้ทักษะขุดปฐพี

แม้จะเป็นในหิน จิ้งจอกเพลิงยังสามารถหลบหนีออกมาจากใต้เท้าของนักรบพฤกษาได้โดยง่าย

มันวิ่งและหลบไปตามพื้นเวที

โครม…

**************************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset