เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 127 – ตอนที่ 124 ทุบตีจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์

===============
เย่ว์หยางถึงกับเหงื่อตกหลังจากเห็นมังกรแม็กมาถึง 2 ตัว

ถ้าไม่ใช่เขา แต่เป็นนักเรียนคนอื่นเข้ารับการทดสอบนี้แทน อย่างเช่นเจ้าอ้วนไห่ เขาอาจถูกฆ่าตายทันที นักเรียนอื่นๆ จะสามารถสู้กับมังกรแม็กม่า อสูรทองแดงระดับ 6 ถึง 2 ตัวได้หรือ?

และนี่คือม้วนเวทสีแดงความง่ายระดับ 1 ซึ่งง่ายที่สุดอีกด้วย ถ้าเขาเปิดม้วนสีม่วง ซึ่งเป็นระดับ 7 แทนอาจจะมีอสูรในตำนานมังกร 3 หัวอสูรทองระดับ 3 รออยู่ก็เป็นได้? ยิ่งเย่ว์หยางคิด ก็ยิ่งโกรธขึ้น จิ้งจอกเฒ่าผู้นี้จงใจทำแน่นอน เห็นได้ชัดว่าโดยทั่วไปจะใช้แก้วผลึกในการทดสอบ เขาต้องเป็นผู้จัดการให้มีการทดสอบที่ผิดปกติแน่ๆ มีนักเรียนกี่คนที่ต้องตายในเงื้อมมือของเขา?

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าไม่มีนักเรียนมาเข้าเรียนสถาบันฉางชุนเฉิง ใครกันที่อยากจะมาตายที่นี่เล่า?

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขา ถูกเทเลพอร์ตส่งมาที่นี่แล้วและต้องมาพบกับมังกรบินแม็กม่าเหล่านี้ เย่ว์หยางยังสามารถฆ่ามันได้ สู้กับอสูรทองแดงระดับ 6 ถึง 2 ตัวไม่ยากเกินไปสำหรับเขา ยิ่งไปกว่านั้นแก่นเวทของมังกรบินแม็กม่าเป็นที่รู้กันว่าเป็นแก่นเวทคุณภาพดี มีคุณสมบัติทางไฟ ถ้าเขาใช้มันเป็นหลักในการสร้างหุ่นอสูรที่มีคุณสมบัติทางไฟ มันจะกลายเป็นแก่นเวทที่ดีมาก

แก่นหลอมเหลวของจ้าวอัคคีในดาบฮุยจินของเขาอาจจำเป็นต้องใช้วัสดุเหล่านี้เพื่อยกระดับกลายเป็นอาวุธระดับแพลตตินัมที่น่ากลัวจริงๆก็ได้

นอกจากนี้ยังมีตั๊กแตนอสูรทองตัวน้อย เมื่อมันฟักตัวจากไข่ มันอาจต้องการแก่นเวทของมังกรเพื่อการยกระดับ

“คิดว่าเจ้าฉลาดนักหรือ?”

เมื่อเย่ว์หยางมองเห็นมังกรบินแม็กมากำลังจู่โจมตรงมาที่เขา เขาไม่ได้ถอย แต่วิ่งเข้าหามันแทน ดาบวิเศษของเขาตัดผ่าอากาศเข้าหามัน

เขาไม่เหมือนกับเจ้าอ้วนไห่ เจ้าคนขี้เกียจที่เอาแต่กินแล้วก็รอความตาย อย่าว่าแต่อสูรทองแดงระดับ 6 เลย ต่อให้เขาต้องเอาชนะสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก ก็อย่าคิดว่าเจ้าจะรังแกคนอื่นๆ ได้ตามใจตัวเองเลย กะอีแค่อสูรทองแดงระดับ 6 เจ้าต้องดูก่อนว่าเจอคนแบบไหน หากว่าเป็นคนอื่น เขาอาจทำอะไรไม่ถูกเมื่อเผชิญหน้ากับมังกรบินแม็กม่าที่ทั้งร่างถูกเปลวไฟห่อหุ้มตลอดเวลา แต่เย่ว์หยางเคยต่อสู้กับจ้าวอัคคีมาแล้ว รู้ดีถึงจุดอ่อนของอสูรไฟสายอัคคีดี

แม้ว่าอสูรสายอัคคีจะทรงพลังมาก พวกมันก็ยังกลัวน้ำ

ถ้าเขามีอสูรวาฬที่สามารถพ่นน้ำได้ แม้ว่าพวกมันเป็นอสูรระดับสามัญ ตราบใดที่ยังมีระดับต่างกันไม่มาก มังกรบินแม็กม่าก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะมันได้

จุดอ่อนที่ 2 คือ แก่นมังกรในหัวของมัน

ผิวของมังกรบินแม็กม่าได้รับการปกป้องโดยเปลวไฟที่มีอุณหภูมิสูงจัด แต่มันไม่พยายามเสริมความแข็งแกร่งและปกป้องศีรษะมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่นเวทที่หน้าผากของมัน เนื่องจากดูดซับพลังไฟมาเป็นเวลานาน มันได้สะสมพลังงานมากเกินไปทำให้หน้าผากของมันนูนยื่นออกมามาก

นี่เหมือนกับเป็นการชี้นำให้ศัตรูของมันโจมตีใส่มัน

เย่ว์หยางกระโจนขึ้นไปในอากาศ ดาบวิเศษของเขาเล็งตรงจุดหน้าที่นูนออกมาของมัน

ตอนแรกเขาคิดว่า การจู่โจมครั้งนี้จะทำให้มันได้รับบาดเจ็บหนัก ใครจะรู้กันว่ามังกรบินแม็กม่าก็รู้จักปกป้องตัวมันเอง มันหมอบตัวลง จากนั้นเอาปีกคลุมศีรษะของมัน

ดาบวิเศษของเย่ว์หยางตัดผ่านปีกทั้งสองของมันเหมือนกับเหล็กที่ฟันลงไปที่โคลน มังกรบินแม็กม่าสูญเสียความได้เปรียบทางอากาศ ร่างมันร่วงกระแทกพื้นอย่างแรงจนลาวากระเด็นไปทั่วบริเวณ

เย่ว์หยางฉากหลบกลางอากาศจากการโจมตีมังกรบินแม็กม่าอีกตัว เขาเตรียมจะฟันมังกรบินแม็กม่าตัวที่บาดเจ็บหนักอยู่บนพื้น

ใครจะรู้กันว่าปีกทั้งสองของมังกรบินแม็กม่าตัวที่บาดเจ็บร่วงลงพื้น จะลอยขึ้นมาในอากาศได้เองอย่างแปลกประหลาด จากนั้นมันก็โจมตีใส่เย่ว์หยางคนที่โจมตีมันบนกลางอากาศ เย่ว์หยางหลบได้ แต่มันก็ยังไล่ตามเขาต่อไปอีกพยายามจะฟันใส่เย่ว์หยางซ้ำแล้วซ้ำอีก เย่ว์หยางร่วงลงพื้นแล้วก็ยังต้องหลบซ้ายหลบขวาต่อไปอย่างลนลานเป็นครั้งที่ 2

มันกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?

ตอนนี้ ปีกทั้งสองของมังกรบินได้รับบาดเจ็บไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วมันฟื้นคืนสภาพเดิมในเวลาครู่เดียวได้อย่างไร และยังไม่ปรากฏอาการบาดเจ็บเลยแม้แต่ที่เดียวด้วยเหรอ?

ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ามันกำลังไล่ตามเขา เย่ว์หยางอยากจะหาสมุดภาพสารานุกรมสัตว์อสูรเพื่อตรวจดูทักษะ,ลักษณะของมังกรบินแม็กม่า มันมีพลังคุ้มกันการโจมตีด้วยพลังวิทยายุทธได้อย่างไร

“คิดว่าเจ้าฉลาดนักหรือ? เจอไม้ตายของข้าหน่อยเป็นไร!” พอเห็นว่าหัวมังกรยักษ์ที่น่าเกลียดมีเปลวไฟลุกโชติช่วงร้อนแรงดั่งดวงอาทิตย์กำลังอ้าปากกว้าง พุ่งตรงมาหาเขา เย่ว์หยางกระโจนอย่างว่องไว พลิกร่างกลางอากาศขณะหลบคมเขี้ยวของมัน เขาประกอบนิ้วชี้ทั้งสองเหมือนมีดและเล็งตั้งแต่ไกล ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ถูกยิงออกไปตรงไปกระทบที่หน้าผากของมัน

มังกรบินแม็กม่าถูกพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์โจมตีเข้าอย่างจัง

มันร้องอย่างทรมานกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น เลือดที่เดือดเหมือนลาวาไหลออกจากหน้าผากของมัน เย่ว์หยางแอบพอใจฝีมือตนเอง เขาก็น่ากลัวไม่ใช่หรือ? ไม่ว่ามังกรบินจะมีพลังมากขนาดไหน มันจะมีพลังมากกว่าปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขาไปได้อย่างไร? อย่างไรก็ตาม การกระทำต่อมาของมังกรบินแม็กม่าทำให้เขางุนงงอีกครั้ง

มังกรแม็กม่าตัวที่ได้รับบาดเจ็บนั้น เดินโซซัดโซเซลงไปในบ่อลาวา

มังกรตัวก่อนที่มีอาการครึ่งเป็นครึ่งตาย ดูเหมือนจะกลิ้งไปมาอยู่ในบ่อลาวา อาการบาดเจ็บของพวกมันดูเหมือนจะดีขึ้นเมื่อมันกลิ้งตัวอยู่ในบ่อทุกครั้ง หนึ่งนาทีผ่านไป มันก็คลานออกมาอีกครั้ง ตลอดทั้งร่างของมันกลับหายดีเหมือนเมื่อก่อน มันสลัดลาวาออกจากตัว แล้วกระพือปีกบินขึ้นไปในอากาศ

“มันใช้วิธีนี้หรือ?” เมื่อเย่ว์หยางใช้ทักษะญาณทิพย์ระดับ 3 เขาสามารถเห็นได้ชัดว่า อาการบาดเจ็บของมังกรบินแม็กม่ายังไม่หายดีเต็มที่ ดูเหมือนว่ามันจะหายแต่ภายนอกเท่านั้น สำหรับนักรบผู้ไม่มีปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ บ่อลาวาบนยอดเนินเขาคือหลักรับประกันว่ามังกรบินแม็กม่าทั้ง 2 ตัวจะไม่มีวันพ่ายแพ้ ภูมิประเทศที่ได้เปรียบถือเป็นฝันร้ายในการต่อสู้ของนักรบทั้งปวง เย่ว์หยางปาดเหงื่อออกไป “โชคดีที่เจ้าตัวที่เราเผชิญหน้ากับมันอยู่ไม่ใช่มังกรแม็กม่ายักษ์ อสูรทองระดับ 7 สองตัว แต่เป็นเพียงมังกรบินแม็กม่าอสูรทองแดงระดับ 6 ดีล่ะ..ได้เวลาปิดฉากจบเกมนี้เสียที..”

เขาเรียกนางพญากระหายเลือดออกมาและสั่งให้นางคอยโจมตีจากอากาศเพื่อกดดันมังกรบินแม็กม่าทั้งสองตัวที่กำลังลอยตัวอยู่ในอากาศไม่ยอมลงมาอยู่บนพื้นด้วยแรงกดดันของจ้าวอสูรทองของนาง

แม้ว่ามังกรบินแม็กม่าทั้งสองตัวที่บินอยู่อากาศจะมีระดับที่สูงกว่านางพญากระหายเลือดระดับ 3 ก็ตาม แต่นางพญากระหายเลือดก็ยังเป็นจ้าวอสูรทอง ทันทีที่นางบินตรงไปหามัน มังกรบินแม็กม่าทั้งสองก็บินต่ำลงไม่กล้าเผชิญหน้ากับนาง

มังกรบินตัวที่ยังบาดเจ็บจากปราณกระบี่ของเย่ว์หยางเคลื่อนไหวช้ากว่าเล็กน้อย

นางพญากระหายเลือดมีประสาทรับรู้ที่เฉียบคมสังเกตออกจึงไล่ล่ามันทันที

ดาบทองฆ่ามังกรในมือของนางคือดาวข่มของอสูรมังกรทั้งหมดรวมทั้งมังกรประเภทผีอมตะอีกด้วย

ไม่เพียงแต่อสูรที่เป็นมังกรเท่านั้น ต่อให้เป็นจ้าวอสูรทองโดนทำร้ายจากมีดเล่มนี้ รวมทั้งนางพญากระหายเลือดผู้เคยถูกมีดเล่มนี้แทงหัวใจมาก่อน ก็ยังแทบทนมันไม่ได้

มังกรบินแม็กม่าตัวซ้ายมีความเร็วช้ากว่านางพญากระหายเลือดถึง 3 เท่า จึงโดนนางเล่นงานได้อย่างง่ายดาย ดูเหมือนมันยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หันหัวมาพยายามงับนางพญากระหายเลือด นางบินหลบการถูกกัดได้ทันเวลาอย่างสง่างาม มีดทองฆ่ามังกรในมือนางปักเข้าที่หน้าผากนูนจุดที่มีแก่นเวทของมังกรบินแม็กม่า ในทันใดนั้นมังกรบินแม็กม่ากรีดร้องโหยหวน ขณะที่มันร่วงกระแทกพื้นเสียงดังสนั่น กลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวดจนลาวากระจาย

พอเห็นคู่หูของมันบาดเจ็บหนัก มังกรบินแม็กม่าอีกตัวรีบบินเข้ามาช่วย

นางพญากระหายเลือดปล่อยคลื่นเสียงกระแทกจนทำให้มังกรบินแม็กม่าอีกตัวที่กำลังบินเข้ามาช่วยคู่หูของมัน ต้องเจอพลังโจมตีที่ทำให้มันรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าผ่าที่ตัวมัน พลังคลื่นเสียงทำให้มันช็อคจนร่วงลงกับพื้น

ทำไมเย่ว์หยางต้องสกัดกั้นอีกตัวไว้บนพื้นด้วยเล่า? เขาเอาค้อนยักษ์ที่หุ่นเกราะทองใช้ออกมาจากแหวนลิชก่อน จากนั้นก็ควงมันแล้วทุบเข้าที่หัวมังกรบินแม็กม่าอย่างโหดเหี้ยม เมื่อมังกรอีกตัวล้มลงแล้ว เขาชักดาบวิเศษฮุยจินกระโดดขึ้นไปทันทีที่มังกรบินแม็กม่าร่วงกระแทกพื้นอย่างแรง เขากระโดดขึ้นไปด้วยความเร็วราวสายฟ้า ขณะที่เอามือแทงเข้าไปที่ศีรษะของมังกรบินแม็กม่า

ในนาทีต่อมา มังกรบินแม็กม่าก็ตายลงในที่สุด ครั้งนี้ตายสนิท การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว

อีกด้านหนึ่ง นางพญากระหายเลือดแอบดูดซึมพลังของแก่นเวทของมังกรบินแม็กม่า แสงสว่างเหมือนเปลวไปคลุมไปทั้งตัวของนาง

ปีกสีทองของนางสยายกว้าง ขนปีกนางค่อยๆ ติดไฟทีละเส้นๆ จนปีกนางทั้งคู่ถูกเปลวไฟโหมกระหน่ำ

อย่างไรก็ตาม ผมสีแดงเพลิงของนางไม่ได้ติดไฟด้วย มันเปล่งประกายสดใสมากขึ้น สวยงามอย่างไม่มีอะไรเปรียบ นางพญากระหายเลือดอยู่ในขอบเขตที่จะยกระดับแล้ว ก็ยกระดับขึ้นในที่สุดหลังจากดูดกลืนพลังรบทั้งหมดจากแก่นเวทของมังกร นางปรับระดับจากอสูรทองระดับ 3 ขึ้นเป็นอสูรทองระดับ 4

นางกางปีกภูตสีทองออก ความเร็วในการเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วกว่าเมื่อก่อนมากนัก

เย่ว์หยางแทบจะมองเห็นร่างนางไม่ชัด

หลังจากนางพญากระหายเลือดและเงาปีศาจของเย่ว์หยางผสานรวมร่างกันก่อนนี้ แม้ว่าระดับของนางจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3 ก็ตาม แต่เมื่อนางยกระดับขึ้นอีกครั้ง พลังรบของนางกลับกลายเป็นทรงพลังมากขึ้น ยิ่งกว่านั้น ความเร็วในการเคลื่อนไหวของนางไวขึ้น แม้ว่านางจะยังเป็นอสูรทองระดับ 4 ในตอนนี้ แต่ความแข็งแกร่งของนางเทียบเท่ากับความแข็งแกร่งเมื่อครั้งที่นางยังอยู่ในระดับ 5

นางมีความสุขมาก ขณะที่บินวนอยู่ในท้องฟ้าอย่างร่าเริง ส่งเสียงอย่างตื่นเต้นไม่ยอมหยุด

ความจริง เย่ว์หยางต้องการจะจับนางมาตีก้นเพราะกินแก่นเวทมังกรไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขา ปัญหาแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม พอเห็นอารมณ์ที่ดูปลื้มปิติของนางแล้ว เย่ว์หยางรู้สึกผิดถ้าจะไปทำลายอารมณ์ที่มีความสุขของนาง

ช่างมันเถอะ ยังไงนางก็เป็นสตรี นางกินไปแล้วจะได้ช่วยงานเขาได้ดีขึ้น เมื่อเย่ว์หยางเห็นร่างกายที่เย้ายวน ขาวราวหิมะของนางพญากระหายเลือด รู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาทันที ถ้าอี้หนานไม่รีบมาเร็วๆ เขาคงไม่สามารถทนได้อีกต่อไป นี่เขาจะต้องมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอสูรร่างมนุษย์จริงๆ หรือนี่? คิดๆ ดูแล้ว แม้ว่านางพญากระหายเลือดก็เป็นจ้าวอสูรทองตนหนึ่ง แต่นางงดงามอย่างเห็นได้ชัด ดูยังไงก็ไม่เหมือนสัตว์อสูร นางเป็นแค่สาวงามมีปีกคู่พิเศษ ทำไมเขาจะทำอะไรนางไม่ได้ล่ะ?

เย่ว์หยางเปิดคัมภีร์เงินดูเห็นว่านางยกระดับเป็นอสูรทองระดับ 4 แล้ว มีทักษะใหม่เพิ่มขึ้นมาก็คือ แส้เพลิง

แปลกที่สุดก็คือว่าเย่ว์หยางพบว่า แม้แต่ตัวเขาเองก็สามารถใช้แส้เพลิงนี้ได้เมื่อนางพญากระหายเลือดถูกเรียกออกมา มันตรงข้ามกับโซ่ล่องหนของเสี่ยวเหวินหลี อย่างไรก็ตาม เทียบกับทักษะธรรมชาติโซ่ล่องหนแล้ว พลังของแส้เพลิงยังไม่คู่ควรแก่การเอ่ยอ้าง แส้เพลิงอาจจะใช้ได้เมื่อสู้กับนักรบหรืออสูรชั้นสามัญ แต่เมื่อต้องเจอกับนักรบหรืออสูรที่แข็งแกร่ง มันก็เหมือนไปเการ่างกายของพวกเขาให้หายคัน

โซ่ล่องหนแตกต่างออกไป เมื่อตอนที่เขาสู้กับจ้าวปีศาจฮาซินในเมืองไป๋ฉือ หรือตอนที่สู้กับพ่อมดปีศาจซัวจ์เมื่อไม่กี่วันนี้ เขาใช้ประโยชน์จากโซ่ล่องหนมากมาย

ที่สำคัญยิ่งกว่าทักษะธรรมชาติโซ่ล่องหนของเสี่ยวเหวินหลีสามารถยกระดับได้อีกมาก ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะที่ทรงพลังดังกล่าว พ่อมดปีศาจซัวจ์คงไม่พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถภายใต้การร่วมโจมตีของเย่ว์หยางกับเสี่ยวเหวินหลี

ทันใดนั้น ร่างของเย่ว์หยางมีลำแสงปรากฏขึ้นมา

ตอนแรกมีขนาดเล็ก แต่มันขยายกว้างอย่างรวดเร็ว

เมื่อเย่ว์หยางขยับตัว ลำแสงก็ขยับตามเขามาด้วย ดูเหมือนนี่เป็นเวทเทเลพอร์ตของจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่เริ่มทำงานหลังจากผ่านไป 10 นาที

เย่ว์หยางรีบยัดแก่นเวทของมังกรบินแม็กม่าที่เขาแซะออกมาใส่ไว้ในแหวนลิช แล้วยังยัดซากมังกรบินแม็กม่าไว้ในแหวนด้วย และเรียกนางพญากระหายเลือดกลับเข้ามาในคัมภีร์ วินาทีต่อมาลำแสงเทเลพอร์ตก็พุ่งขึ้นไปบนฟ้าเหมือนยิงลำแสงสีขาวออกไป

หลังจากนั้น 10 วินาที เย่ว์หยางเทเลพอร์ตกลับมาอยู่ต่อหน้าจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์อีกครั้ง

โดยไม่รอให้จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ได้พูดอะไร เย่ว์หยางต่อยเขาทันที ส่งผลให้ร่างกายที่ผอมแห้งของเขากระเด็นไปทันที “ท่านเพิ่มบันทึกไปด้วยเลยว่า ข้าคือนักเรียนคนแรกที่เพิ่งลงทะเบียนที่นี่ได้ทุบตีรองครูใหญ่นี้จนฟกช้ำดำเขียว”

เย่ว์หยางรี่เข้าใส่จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่เตรียมรวบรวมข้อมูล ทั้งเตะทั้งต่อยทุบตีเขาอย่างหนัก เขายกก้อนหินใหญ่คิดจะทุ่มใส่ตาเฒ่าให้แบนเป็นกระดาษ เขาคาดไม่ถึงเลยว่าพอเขาเงยหน้าขึ้น มีคนราวๆ 50-60 คนกำลังจ้องมองเขาตกตะลึงจนปากอ้านัยน์ตาค้าง หลายคนในนั้นลดอาวุธลง ปากยังอ้าค้างจนแทบยัดฮิปโปโปเตมัสเข้าไปได้ทั้งตัว

ในกลุ่มคนเหล่านั้น เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและคนอื่นๆ กระโดดเข้ามาทันที เจ้าอ้วนไห่รวบเขามากอดไว้แน่นอย่างตื่นเต้น ขณะที่เย่คงรีบแย่งก้อนหินออกจากมือของเขาและทุ่มออกไปทางอื่น

“ทำไมพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เล่า?” เย่ว์หยางสับสน คนพวกนี้ไม่ได้เฉลิมฉลองปีใหม่ตามจันทรคติหรือ? พวกนี้มาถึงก่อนเขาได้อย่างไร?

“ที่บ้านไม่ค่อยมีเรื่องสนุกมากนัก อยู่ที่โรงเรียนสนุกกว่าเยอะ ข้ารอเจ้ามา 2 วันแล้ว อ่า, รองครูใหญ่ โปรดอย่าอารมณ์เสีย น้องชายข้ายังไม่รู้อะไรมากนัก ในฐานะลูกพี่ของเขา ข้าจะว่ากล่าวเขาทีหลังเอง ข้ารับรองได้ว่า เขาจะไม่ใจร้อนใช้ความรุนแรงในอนาคตแน่ ตอนนี้รีบเผ่นก่อนเถอะ ผู้เฒ่านี่จะระบายอารมณ์โกรธในอีกไม่ช้านี้แล้ว” ดูเหมือนจมูกของจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์จะบิดจนผิดรูปเพราะโดนหมัดของเย่ว์หยาง และนั่นเองทำให้เขาโกรธจนควันแทบออกจากหู เจ้าอ้วนไห่กลัวมาก จนยอมทิ้งเย่ว์หยางและเริ่มเผ่นทันที

“เมื่อเย่ว์ปิงมาถึง เราจะไปที่ทุ่งราบม้าป่ากัน โรงเรียนนี้มีเรื่องสนุกเยอะแยะทั้งยังผ่อนปรนและให้เสรีภาพมากอีกด้วย แต่ในขณะเดียวกันเจ้าก็ยังสามารถเรียนรู้ได้หลายอย่าง” ขณะที่หนีไปเย่คงถือโอกาสแนะนำสถาบันฉางชุนเฉิงให้เย่ว์หยางรู้จัก

“จริงเหรอ? เจ้ายังเรียนรู้จากโรงเรียนขุมนรกนี้ได้ด้วยเหรอ?” เย่ว์หยางสับสน เย่คงไม่น่าจะโกหกเขา

“ไตตัน! ไอ้เด็กเปรต! บังอาจทุบตีข้าเหรอ? ถ้าข้าไม่คิดบัญชีเจ้าเป็นร้อยเท่า ข้าคงสงบใจไม่ได้แน่” จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ไม่สามารถจะไล่ตามเย่ว์หยางได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงแสดงอาการฟาดงวงฟาดงาไล่หลังเขาเท่านั้น พอเห็นว่าเย่ว์หยางไม่สนใจ เขาหันไปรอบๆ และเตือนนักเรียนและครูที่มามุงดูทั้งหมด “ทุกคน! ห้ามพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กับใครๆ เด็ดขาด พวกเจ้าต้องลืมเรื่องในวันนี้ไปให้หมด ถ้าข้าได้ยินว่ามีคนพูดเกี่ยวกับเรื่องที่ข้าเป็นรองครูใหญ่คนแรกในประวัติศาสตร์ 3 พันปีของโรงเรียนเรา ที่โดนนักเรียนที่เพิ่งจะลงทะเบียนซ้อมทุบตี ข้าจะลงโทษให้หมดทั้งโรงเรียน ข้าจะให้ทุกคนได้พบกับนรกเทียมของโรงเรียน”

“…” เมื่อกลุ่มครูและนักเรียนได้ยินเช่นนี้ พวกเขาพูดไม่ออก เจ้าผู้นี้ เผด็จการโดยแท้ ดูเหมือนว่าเขาคงจะต้องโดนทุบตีอีกในเร็ววันนี้แน่

**************************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset