เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 138 – ตอนที่ 134 ปลดผนึกอสุรกายดำ

===============
วงกลมปลาแฝดหยินหยางที่เย่ว์หยางควบคุมด้วยมือของเขากลายเป็นมีพลังไฟฟ้า เมื่อมันตัดผ่านตรงหน้าของผู้อาวุโสเทียนเจิ้น เขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวดจากความเจ็บปวดที่เกิดจากไฟฟ้าดูด และถูกหั่นด้วยพลังที่คม หน้าของเขาถูกทำร้ายอย่างรุนแรงจนเลือดไหลออกมา ขณะที่ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นยังคงดิ้นรนและเป็นอัมพาตจากความเจ็บปวดที่เกิดจากไฟดูด จู่ๆ แส้เพลิงก็ฟาดใส่คอของเขาและที่หลังของเขาจนสะดุ้ง นั่นเป็นทักษะใหม่ของนางพญากระหายเลือด แส้เพลิง

“เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะข้าได้อย่างนี้? ฝันไปเถอะ” ผู้เฒ่าเทียนเจิ้นเจ้องมองอย่างขุ่นแค้นขณะที่เขาตะโกนใส่นางพญากระหายเลือด ผู้ลอบทำร้ายเขา “แล้วท่านคิดหรือว่าท่านสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โดยรอบได้?” เย่ว์หยางหัวเราะอย่างเย็นชา

แม้ว่าเขาจะหวดใบหน้าผู้อาวุโสเทียนเจิ้นด้วยแส้เพลิง เมื่อผู้อาวุโสเทียนเจิ้นบิดตัวด้วยความเจ็บปวดจากการถูกแส้เพลิง ดาบวิเศษฮุยจินของเย่ว์หยางก็ฟันใส่เขาพร้อมทั้งเปลวเพลิงสีม่วง

ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นโกรธเต็มที่

เขาไม่เคยเห็นผู้เยาว์ที่มีฝีมือ และมีวิทยายุทธสูงกว่าเขามาก่อน เขาไม่เคยประสบเหตุการณ์ถูกคู่ต่อสู้โค่นล้มมาก่อน แม้ว่าเจ้าเด็กที่อยู่ต่อหน้าเขาผู้นี้ยังอายุเยาว์อยู่มาก แต่พลังฝีมือของเขากล้าแข็งลึกซึ้งทำให้คนอื่นรู้สึกไม่มีหวังที่จะเอาชนะได้ ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นตระหนักได้ว่า เขาคือปรมาจารย์มีฝีมือต่อสู้ที่ทรงเกียรติยังไม่มีโอกาสตั้งรับตอบโต้การโจมตีของเขาได้ เขาไม่สามารถหลบการจู่โจมของศัตรูของเขาได้ทั้งหมดจนทำให้ต้องเจ็บตัว ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นมีหมัดที่ทรงพลัง พลังหมัดของเขาเทียบเท่าพลังของทหารปกติถึงพันคน อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถตั้งหลักซัดหมัดใส่เย่ว์หยางได้เลย ใจจริงเขาต้องการควงดาบยักษ์ของเขาตัดหัวเจ้าเด็กที่น่ารำคาญที่อยู่ต่อหน้าเขานี้ แต่มันตรงกันข้ามกับความคาดหวังของเขาทั้งหมด เย่ว์หยางหายไปหายมาเหมือนกับเงา เขาไม่มีโอกาสได้ใช้ฝีมือของเขาอย่างเต็มที่ กลับโดนหมัด,ศอกและเข่าระดมใส่เขาเหมือนห่าฝนแทน…

สิ่งที่ทำให้ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นคั่งแค้นที่สุดก็คือ เมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการเตะเย่ว์หยาง เขาจะโดนเจ้าเด็กบ้านั่นทุ่มลงพื้นทุกครั้ง

เห็นได้ว่าเย่ว์หยางมีฝีมือยอดเยี่ยมจริงๆ ถึงขนาดจับคนทุ่มได้ มันสิ่งที่แทบไม่ต้องคิดเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเข้าควบคุมร่างกายของคู่ต่อสู้เพียงชั่วขณะ ทำให้สูญเสียสมดุลแล้วทุ่มลงพื้นให้หนักหน่วง

“เจ้าปีศาจงั่ง! มานี่เดี๋ยวนี้!” ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นเรียกทันที เมื่อเขาเห็นว่าโคเงาเถื่อนไม่ได้เสียเปรียบอะไรเลยทั้งที่อสูรศิลามีระดับสูงกว่าโคเงาถึงสองระดับ นางสามารถปฏิบัติการใช้วิทยายุทธของทหารทั่วไปต่อสู้ได้ทั้งรุกและรับได้แล้ว

การต่อสู้ที่โคเงาใช้ด้วยพลังถึกๆ ของนางยังไม่ส่งผลในระยะสั้น

ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นไม่สามารถรอได้นานเกินไป

เขาต้องการเวลา อย่างน้อย เขาต้องการเวลาพักหายใจสักเล็กน้อย

เขาสั่งให้อสูรศิลาทิ้งคู่ต่อสู้ของมันและเข้ามาช่วยเขาจู่โจมเย่ว์หยางพร้อมกัน ตราบใดที่เจ้าเด็กนี่ถอยแม้แต่นิดเดียวและให้โอกาสเขาได้สูดลมหายใจสักเล็กน้อย เขาจะเอาชนะได้แน่นอน

“มุกมังกรคู่!” จู่ๆ เย่ว์หยางก็ใช้ท่าต่อสู้ที่ทื่อๆ ง่ายๆ เข้าจู่โจมนัยน์ตาของเขา มันเป็นท่าที่แม้แต่ทหารธรรมดาก็คิดว่าไร้ประโยชน์ ท่านี้มันเด่นชัดเกินไป ยิ่งกว่านั้น มันจะดีกว่านี้ ถ้าเขาไม่ตะโกนซะเสียงดังลั่น เย่ว์หยางกลับตะโกนว่า “มุกมังกรคู่” เมื่อจะลงมือ นี่ก็เท่ากับว่าบอกคู่ต่อสู้ว่าเขาจะทิ่มตาของคู่ต่อสู้ ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นหัวเราะในใจอย่างเย็นชา มันคงเป็นเพราะ เขาถูกทำให้เป็นอัมพาตเพราะคลื่นเสียงกรีดร้องของนางพญากระหายเลือด เจ้าเด็กแสบก็เลยใช้วงกลมหยินหยางเล่นงานเขาต่อ

เจ้าเด็กนั่นคงจะฝันอยู่ว่าเขาต้องการจะปักหลักเผชิญหน้ากับสถานการณ์ธรรมดา

แม้ว่าพวกอ่อนหัดจะไม่ยอมให้คนอื่นทิ่มตาของพวกเขาได้ง่ายนัก นับประสาอะไรกับตัวเขาเองผู้เป็นปรมาจารย์ในการต่อสู้

ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นงอตัวกลับหลังหลบท่าดรรชนีที่แทงมาที่นัยน์ตาเขาได้ ในขณะเดียวกันเขาหงายฝ่ามือบังนัยน์ตาอยู่บนหน้าตน ป้องกันท่ารุกตามของเย่ว์หยางไว้

เย่ว์หยางรวบดรรชนีทั้งสองทันทีแล้วจิ้มลงตั้งใจว่าจะแทงให้ทะลุฝ่ามือของผู้เฒ่าเทียนเจิ้น ก่อนที่นิ้วมือจะแทงเข้าที่นัยน์ตาของเขา สีหน้าของผู้อาวุโสเทียนเจิ้นเต็มไปด้วยอาการเยาะเย้ยถากถาง ก่อนที่พลังดรรชนีของเย่ว์หยางจะแทงทะลุฝ่ามือของเขาได้ ทันใดนั้นเขาตบฝ่ามือเข้าหากันอย่างหนักหน่วง หนีบล็อคนิ้วของเย่ว์หยางไว้

ผู้เฒ่าเทียนเจิ้นหัวเราะอย่างเย็นชา “ข้ารอให้เจ้าทำอย่างนี้มานานแล้ว เจ้าโง่”

เย่ว์หยางพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแทงดรรชนี้เข้าไปในตาของผู้อาวุโสเทียนเจิ้น แต่นิ้วของเขาถูกประกบล็อคไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีทางหลบเลี่ยงได้

“ตายเสียเถอะ, เจ้าเด็กโง่” พอเห็นว่าเจ้าเด็กแสบพลาดท่าถูกเขาจับได้ก่อนเวลาอันควร ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นถึงกับลิงโลดในใจ

“คนที่โง่ ก็คือเจ้า” เย่ว์หยางหัวเราะ

ทันใดนั้น เขารวบนิ้วทั้งสองและเสียงดังฟุ่บขณะที่ยิงกระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดออกไป 2 ครั้ง

พอผู้อาวุโสเทียนเจิ้นตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ มันก็สายเกินไปเสียแล้ว

ไม่ว่าผู้อาวุโสเทียนเจิ้นจะปิดดวงตาแน่นหนาสักเพียงใดก็ตาม แต่กระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดที่ถูกยิงออกมา 2 ครั้งสามารถทำลายดวงตาทั้งสองของเขาได้อย่างง่ายดาย เลือดกระเด็นลงพื้นขณะที่ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างทรมาน เขาอาศัยทักษะของเขาปล่อยหมัดสังหารออกไป เพื่อยันให้เย่ว์หยางถอยกลับไป ตอนนี้เขากลัวขึ้นมาจริงๆ แล้ว ขณะที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นอย่างทรมาน โดยไม่รอให้เย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดจู่โจมใส่เขาอีก รีบโดดลุกขึ้นมาทันที ข่มความเจ็บปวดเรียกคัมภีร์แพลตตินัมออกมา

เลือดยังคงไหลออกจากดวงตาของเขาหยดลงบนคัมภีร์อัญเชิญชั้นแพลตตินัม ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นหาช่องทางอย่างดีที่สุดปล่อยพลังปราณและอัญเชิญอสูรพิทักษ์ของตนออกมา

ตรงข้ามกับที่เย่ว์หยางคาดเอาไว้ อสูรพิทักษ์ของผู้อาวุโสเทียนเจิ้นคืออสรพิษเหล็กดำ

ระดับของมันยังไม่นับว่าสูง เป็นอสูรทองแดงระดับ 5

เมื่ออสรพิษเหล็กดำ อสูรสายเสริมพลังถูกเรียกออกมา มันผสานตัวเข้าด้วยกันกับร่างผู้อาวุโสเทียนเจิ้น เนื่องจากระดับของมันยังต่ำอยู่ การเพิ่มพลังต่อสู้ให้ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นจึงมีข้อจำกัด อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นสามารถดึงเอาทักษะของอสรพิษเหล็กออกมาโดยรู้สึกถึงความร้อนของสิ่งมีชีวิตแทนดวงตาของเขาที่บาดเจ็บ

“มีเพียงกระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดเท่านั้นที่ทำร้ายข้าได้ นี่คือลมปราณกระบี่ระดับปราณก่อกำเนิด เจ้า…เจ้าเป็นนักสู้ระดับปราณก่อกำเนิดได้อย่างไร? ใครเป็นอาจารย์เจ้า? ใครสอนวิทยายุทธ์ปราณก่อกำเนิดให้เจ้า?” ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นร่ำร้องเสียงลั่น เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความไม่พอใจ

เขารู้แล้วว่าตนเองติดกับดักเข้าแล้ว

เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่แค่เด็กธรรมดาที่มีจ้าวอสูรทองตนหนึ่งเท่านั้น

เขามีแม้กระทั่งวิทยายุทธ์ระดับที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดพึงมี และเขายังรู้วิธีปล่อยปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ที่ไม่มีอะไรป้องกันได้

ก่อนหน้านั้น เมื่อเย่ว์หยางทำนักรบหัววัวตาบอด เขาก็ควรจะเตรียมป้องกันตัวได้แล้ว แต่เย่ว์หยางปกปิดมันไว้อย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนั้น เขาก็ยังไม่เคยคิดมาก่อนในชีวิตเลยว่า เจ้าเด็กนี่จะบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดด้วยวัยเพียงขนาดนั้น

เขาจำได้ว่าเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมา นักสู้ปราณก่อกำเนิดคนที่ 7 แห่งอาณาจักรต้าเซี่ยอุบัติขึ้นแล้ว ทำให้เกิดโกลาหลไปทั้งอาณาจักร

ในตอนนั้น ผู้อาวุโสคนหนึ่งชื่อหมิงซินจากนิกายตำหนักภูติจันทราแดนเหนือได้ทำนายไว้ว่า นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ซ่อนเร้นตนนี้เป็นผู้มีอายุเยาว์มาก การณ์กลับกลายเป็นว่านางพูดถึงเจ้าเด็กผู้นี้ เขาประมาทมากเกินไปจริงๆ เขาส่งอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาอย่างงูยักษ์ขาวออกไปโจมตีบุรุษตาอินทรีเซี่ยหูเว่ยเลี่ยได้อย่างไร? ถ้าเขามีงูยักษ์ขาว อสูรเงินระดับ 8 อยู่ป้องกันเขา เขาคงไม่พบจุดจบอย่างอนาถหนักเพียงนี้ เขาตกเข้าไปในกับดักศัตรูที่จัดเตรียมการต่อสู้นี้รอไว้แล้ว เขาประมาทมากเกินไป เจ้าเด็กนี่ตะโกนว่า “มุกมังกรคู่” เพื่อกระตุ้นให้เขาโต้ตอบการโจมตีของเขา และหลังจากนั้นเมื่อเขาไม่รู้สึกถึงภยันตรายใดๆ เจ้าเด็กนี้ก็ลอบยิงปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น เขาจะไม่สามารถใช้ปราณกระบี่เจาะนัยน์ตาของเขาได้เลย

“ฆ่าอสูรศิลาตัวนั้นซะ!” เย่ว์หยางไม่สนใจผู้เฒ่าเทียนเจิ้นต่อไป ภายใต้คำสั่งของเขา นางพญากระหายเลือดปล่อยคลื่นเสียงที่บนหัวของอสูรศิลาทันที

เย่ว์หยางยิงปราณกระบี่ไร้ลักษณ์เข้าที่หัวของอสูรศิลา เจาะศีรษะศิลามันเป็นรูๆ หนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ศีรษะของอสูรศิลาใหญ่มาก ปราณกระบี่ที่ทำร้ายมันครั้งเดียว ดูเหมือนแทบจะไม่ทำให้มันบาดเจ็บเลย

แม้ว่าเลือดเนื้อและมันสมองจะไหลออกมาจากรูแผลที่เจาะไว้ แต่เจ้าอสูรศิลาก็ยังไม่ตาย มันยังคงเคลื่อนตัวที่ใหญ่งุ่มง่ามของมันไปรอบๆ ไล่ทุบรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นเสี่ยวเหวินหลีลอยออกมาด้วยรูปสายรุ้ง ขณะที่เธอใช้ดาบคู่ฟันใส่ขาของอสูรศิลาแช่แข็งขายักษ์ทั้งสองของมัน

อสูรศิลาล้มลงบนพื้นเสียงดังสนั่นขณะที่นางพญากระหายเลือดใช้มีดฆ่ามังกรแทงใส่มันอย่างไม่ปราณี อย่างไรก็ตามมันไม่มีผลมากนักกับอสูรศิลาที่เนื้อของมันหนาและแข็งมาก

นางพญากระหายเลือดทำได้เพียงเพิ่มรูแผลที่ตัวของมันได้ไม่กี่แผล เป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารมันได้ในทันที

เย่ว์หยางดึงค้อนยักษ์ที่ยึดมาจากหุ่นเกราะทองแล้วทุบอสูรศิลาพร้อมกับโคเงา เมื่ออสูรศิลากำลังดิ้นรน ทันใดนั้นธนูทองแหลมคมก็เจาะเข้าที่หน้าผากของมันจนเป็นรู

ความจริงนี่ก็คือแผนอย่างหนึ่งของเย่ว์หยาง เขารู้ว่าปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขาไม่พอที่จะฆ่าอสูรที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้สมองได้ในทันที เพื่อเอาชนะอสูรอย่างนั้น เขามีความคิดที่จะใช้ทักษะคำสาบหินของเมดูซ่า เพื่อทำให้ศัตรูกลายเป็นหิน แม้ว่าหัวของมันจะป้องกันการเจาะทำลายได้ แต่มันจะสามารถทนทานต่อคำสาบให้กลายเป็นหินได้หรือ? ขณะที่หัวของมันเปลี่ยนเป็นหิน เจ้าอสูรนี่ยังจะสามารถเคลื่อนไหวได้ไหม?

ด้วยฤทธิ์ของธนูทอง หัวของอสูรศิลากลับกลายเป็นหินทันที (เดิมทีมีแต่ผิวที่เป็นหิน)

อย่างไรก็ตาม อสูรศิลาค่อยๆ ยืนขึ้นช้าๆ ท่ามกลางความตื่นตะลึงของเย่ว์หยางจนพูดไม่ออก

เสี่ยวเหวินหลีมองดูอย่างเหยียดหยามเล็กน้อยขณะที่เธอใช้ดาบคู่ตัดศีรษะอสูรศิลา หัวที่กลายเป็นหินของมันจนลอยไปหลายเมตร

โคเงาใช้ดาบของนางฟันใส่เต็มกำลัง แรงฟันสุดกำลังทำให้หัวที่แข็งเป็นหินขาดเป็นสองเสี่ยง การฟันหัวอสูรศิลาที่กลายเป็นหินแล้วเป็นเรื่องง่ายสำหรับนาง แต่ว่าหลังจากนั้น ร่างของอสูรศิลายังไม่ยอมล้ม ยังคงเดินต่อไปช้าๆ แม้ว่าจะไม่มีหัวก็ตาม ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะฤทธิ์แช่แข็งของดาบของเสี่ยวเหวินหลี ก็ยากจะพูดได้จริงๆ ว่ามันตายเมื่อไหร่

ในที่สุดอสูรศิลาซึ่งปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งตั้งแต่หัวยันเท้าก็ล้มลงกับพื้นเสียงดังตุ้บ

เย่ว์หยางกลัวว่ามันจะไม่ตายสนิท จึงหักแขนขาของมันอย่างอำมหิต เขาไม่มีทางยอมให้อสูรจอมอึดนี้มีโอกาสฟื้นตัวอีก

“เกือบไป” เย่ว์หยางเอามือตบอก ดูเหมือนว่าจะอ่อนความรู้เรื่องชนิดสัตว์อสูร ถ้าผู้อาวุโสเทียนเจิ้นไม่ตาบอด เขาอาจไม่สามารถฆ่าอสูรศิลาที่เคลื่อนไหวได้ทั้งที่ไม่มีหัว

“ด้วงทองศักดิ์สิทธิ์..ฮ่า ฮ่า, ข้าไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าของอย่างนี้จะตกมาอยู่ในมือของข้า สวรรค์ไม่เคยปิดหนทางผู้คน นี่มันของจริงแท้แน่นอน” ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นหยิบด้วงหยกขาวออกมาจากกระเป๋าหลังของเย่ว์หยางทันที โดยที่เย่ว์หยางไม่รู้ตัวว่าเขาเอาไปเมื่อไหร่ เขาดูดกลืนพลังบริสุทธิ์ในตัวของมันอย่างบ้าคลั่ง เพื่อใช้รักษาอาการบาดเจ็บของเขา

เย่ว์หยางแอบร่ำร้องในใจ “โอว..พระเจ้า แล้วเวลาอย่างนี้ก็มาถึงจริงๆ จนได้”

เขาไม่กลัวผู้อาวุโสเทียนเจิ้นผู้ตาบอด แต่เขากลัวปีศาจที่น่ากลัวซึ่งถูกผนึกไว้ภายในด้วงหยกขาว

ถ้ามีปีศาจที่น่ากลัวถูกผนึกไว้ภายในนั้นอย่างที่หมอหญิงชราพูดถึง อย่างนั้นก็จบกัน ถ้าผู้อาวุโสเทียนเจิ้นปลดผนึกอสูรที่แข็งแกร่งมากออกมาจริงๆ มันอาจเป็นอสูรที่แข็งแกร่งกว่าจ้าวปีศาจ มีพลังและความแข็งแกร่งไม่อาจหยั่งได้ เขาไม่สามารถจินตนาการถึงผลที่จะตามมาได้

“โอ๊ว!”

เย่ว์หยางมองดูสิ่งที่เขากลัวปรากฏตัว

แสงสว่างฉายออกมาจากตัวด้วยหยกขาว ขณะที่บาดแผลบาดเจ็บของผู้อาวุโสเทียนเจิ้นสมานตัวได้เร็วอย่างน่าอัศจรรย์ แม้แต่ดวงตาของเขาที่ถูกทำลายไปแล้ว ยังเริ่มฟื้นตัวช้าๆ

อย่างไรก็ตาม ขณะที่แสงสว่างส่องฉายขึ้นไปบนท้องฟ้า รูปผนึกทองที่ลึกลับหมุนอย่างแรงปรากฏอยู่ในท้องฟ้า จากนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ จ้าวอสูรดำกำลังคืบคลานออกมา ทุกๆ ย่างก้าวดูเหมือนจะเป็นไปอย่างยากลำบาก แสงทองที่ปล่อยออกมาโดยรูปทรงผนึกดูเหมือนจะสลายเงาให้หายไป ในขณะเดียวกันมันก็ชำระร่างอสุรกายดำอย่างต่อเนื่อง

อสุรกายดำดูเหมือนจะยอมทิ้งชีวิตเพื่อออกมาให้ได้ แม้เมื่อร่างท่อนล่างของเขาจะถูกผนึกทองตัดก็ตาม เขายอมสละกายท่อนล่างและออกมาด้วยร่างกายท่อนบน

ถ้าผู้อาวุโสเทียนเจิ้นเห็นปีศาจที่น่ากลัวคืบคลานออกมาอยู่บนหัวเขา บางทีเขาอาจจะหยุดก็ได้

อย่างไรก็ตาม นัยน์ตาเขาบอด ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมองเห็นอะไรได้

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสเทียนเจิ้น กังวลกับการรักษาดวงตาของเขาและการต่อสู้เสี่ยงตายกับเย่ว์หยาง เขาเสียสติไปแล้วและไม่สนใจเรื่องอะไรทั้งนั้น ในชีวิตของเขา เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะต้องทำอย่างนี้ เขาเปิดประตูนรกและปล่อยปีศาจที่แข็งแกร่งมากและมีพลังที่คาดคำนวณไม่ได้

แสงของด้วงหยกขาวเป็นเหมือนเปลวไฟที่ละลายหิมะได้ มันทำลายร่างของอสุรกายดำ

เมื่อกายท่อนบนของอสุรกายดำคืบคลานออกมาอยู่นอกรูปผนึกทองได้ในที่สุดแล้ว ร่างท่อนล่างของเขาก็ถูกละลายไปโดยสิ้นเชิง และถูกทำลายไปด้วย

เย่ว์หยางต้องการใช้ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ยิงใส่อสุรกายดำทันที แต่เสี่ยวเหวินหลีดึงแขนเขาไว้ให้อยู่ดูผลลัพธ์ก่อน หน้าของเธอเคร่งเครียดจริงจัง ร่างน้อยๆ ของเธอเคลื่อนเบาๆ มาขวางอยู่หน้าเย่ว์หยาง ดูเหมือนว่าเด็กหญิงคนดีกำลังปกป้องบิดาของนางอย่างกล้าหาญและจริงจัง

ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นรู้สึกถึงอันตรายได้ในที่สุด แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะมาจากทางใด

ตัวของเขาสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ต่อหน้าอสุรกายดำชั้นทอง เขาตระหนักได้ว่าเขาเป็นแค่หนอนอ่อนแอที่สุด เขากลัวจัดจนเข่าอ่อนทันที และขว้างด้วงหยกขาวออกไปด้วยความตกใจ เขาขยับตัวทันทีและใช้ดาบเล่มใหญ่ฟาดฟันอย่างบ้าคลั่ง

“นี่เป็นการกระทำของเจ้าหรือ? จริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ผู้อาวุโสเทียนเจิ้น ตะโกนอย่างตกใจ

เหนือศีรษะของเขา อสุรกายดำลอยตัวอยู่เงียบๆ เตรียมจะยึดร่างกายของเขา….

 

*********************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset