เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 170 – ตอนที่ 164 จักรพรรดินีราตรี

===============
ถ้าเขาไม่มีภารกิจช่วยผู้คน เย่ว์หยางจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ก่อนอื่นเขาพยายามฟังเพื่อค้นดูว่าเกิดอะไรขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ แม้สายไปหนึ่งนาทีก็อาจทำให้ขุนพลเฒ่าหม่าและทหารของเขาถูกฆ่าได้

เย่ว์หยางรีบตะโกนบอกเล่าเรื่องของเขาออกไป “ท่านเจ้าบ้านที่นับถือ! ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปในกับดักลวงตาของท่าน เป้าหมายเทเลพอร์ตของข้าคือลานเทเลพอร์ตหน้าวังหลวง อย่างไรก็ตาม เพราะข้านำคนมาพร้อมกับตัวข้าเองด้วย เกิดความวุ่นวายเล็กน้อยในมิติ ได้โปรดปล่อยข้าก่อน… ข้ามีภารกิจเกี่ยวกับชีวิตความเป็นความตายของคนหลายคน ข้าจำเป็นต้องเข้าวังหลวงเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้แห่งเทียนหลัวให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ถ้าท่านทั้งสองต้องการจะลงโทษข้าที่บุกรุกเข้ามา ก็ค่อยลงโทษหลังจากข้าเข้าเฝ้าฮ่องเต้เถิด!”

แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่ากับดักลวงตานี้คือสัตว์อสูรหรือเป็นพื้นที่ิมิติอย่างหนึ่ง เย่ว์หยางก็รู้สึกว่าทั้งสองคนนี้ต้องมีอำนาจมากพอสามารถที่จะทำของดังกล่าวได้

บังเอิญที่ ทั้งสองคนอาจจะใกล้ชิดกับฮ่องเต้แห่งเทียนหลัว หรือบางทีพวกเขาคงไม่พยายามสร้างความลำบากให้เขา เมื่อพวกเขาเห็นเย่ว์หยางพยายามขอความช่วยเหลือ

ความจริง เสียงทั้งสองกลับเงียบลงทันทีที่เย่ว์หยางพูด

ผ่านไปชั่วขณะ เสียงที่นุ่มนวลไพเราะของผู้หญิงก็ดังก้องขึ้นมา “เด็กน้อย! เจ้าเป็นใคร? ได้ยินเราพูดทั้งที่ยังอยู่ในกับดักลวงตาได้อย่างไร?”

เย่ว์หยางเหงื่อตก ทักษะญาณทิพย์ระดับ 3 ใช้งานไม่ได้เลย แต่เขายังสามารถได้ยินกับหูชัดเจน กับดักลวงตานี้ประหลาดมากจริงๆ

แม้ว่าเขาคิดเรื่องนี้ในใจ แต่เขาก็รีบตอบทันที “ข้าเป็นนักเรียนจากสถาบันฉางชุนเฉิง อาณาจักรต้าเซี่ย ข้าชื่อไตตัน เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ เราเข้าไปฝึกที่เหวสิ้นหวัง แต่กลับคาดไม่ถึงเราถูกกองกำลังสิ่งมีชีวิตวิบัติจากวังปีศาจล้อมเอาไว้ พวกมันยังล้อมเมืองซือว่างจนถึงวันนี้ เมืองซือว่างตกอยู่ในอันตราย มีแมงมุมยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนปิดล้อมภาคพื้นดิน และอสูรบินอีกหลายพันจับตาดูทหารและพลเมืองในเมืองซือว่างจากเบื้องบนอากาศ ขุนพลเฒ่าหม่าส่งข้าฝ่าวงล้อมออกมาเป็นการเฉพาะ และขอให้ข้ามาทูลของความช่วยเหลือจากฮ่องเต้เทียนหลัว เขาต้องการให้ข้าทูลฝ่าบาท ขอให้พระองค์อย่างน้อยส่งองครักษ์พิทักษ์ฟ้ามาหนึ่งท่าน สถานการณ์ต่อสู้ขณะนี้เร่งด่วนมาก ข้าต้องการให้ท่านทั้งสองปล่อยข้าโดยเร็ว ข้าจำเป็นต้องเข้าเฝ้าฮ่องเต้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

“เด็กน้อย! เจ้าไม่กลัวว่าเราเป็นสมาชิกของวังปีศาจหรือ? หญิงสาวที่อายุน้อยกว่าถามขึ้นด้วยเสียงที่นุ่มนวลแต่แฝงความเจ้าเล่ห์อยู่ในที

“ถ้าทั้งสองท่านเป็นคนของวังปีศาจจริงๆ อย่างนั้นท่านก็น่าจะจำกบฏของเทียนหลัว ปีกดำถันอู่ฟั่ง ที่ข้านำมาด้วยในตอนนี้ได้ และท่านคงไม่เสียเวลาถามเรื่องอื่นๆ กับข้าในตอนนี้ บางทีพวกท่านคงฆ่าข้าทันทีแล้ว” เย่ว์หยางแน่ใจว่าทั้งสองคนไม่ใช่คนจากวังปีศาจ สถานที่ติดกับวังหลวงที่ๆ พวกเขาแทบจะอยู่ใต้จมูกจักรพรรดิ เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะเป็นคนของวังปีศาจ? ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพวกเขาเป็นคนจากวังปีศาจ ทำไมพวกเขาต้องมาพูดไร้สาระกับเขาด้วย? พวกเขาก็แค่ฆ่าเขาทันทีก็ได้

“พูดอย่างนี้ เจ้ามั่นใจมากนักหรือ? บางทีสมาชิกวังปีศาจอาจจะดูเหมือนเด็กโง่อย่างเจ้าและคิดว่าเจ้ามีฝีมือที่สูง ดังนั้นพวกเขาก็เลยไม่ฆ่าเจ้า แม้แต่ปีกดำถันอู่ฟั่งก็เป็นตัวอย่างไม่ใช่หรือ? เขาเป็นแค่เบี้ยที่ 3 ปีศาจฟ้าสร้างขึ้นมา นี่เป็นเหมือนโฆษณาชวนเชื่อจากวังปีศาจ เจ้าคิดหรือว่า คนอ่อนแออย่างปีกดำถันอู่ฟั่งมีราคาพอให้ 3 ปีศาจฟ้าลงมาช่วยเป็นการส่วนตัวหรือ? เจ้าคิดว่าเขาสามารถสร้างประโยชน์ให้กับวังปีศาจได้หรือ? เจ้ากลับตรงกันข้าม เจ้าแตกต่างจากเขา เจ้าเด็กน้อย ดูเหมือนว่าเจ้าจะเก่งไม่เบา แน่นอน พวกมันจะเลือกเจ้าแทนเขา…” เสียงอ่อนนุ่มของสตรีแย้งคำพูดของเย่ว์หยาง อย่างไรก็ตาม ด้วยคำที่นางพูด ก็เท่ากับนางพิสูจน์ได้ว่านางไม่ได้เป็นคนของวังปีศาจ

“สถานการณ์ต่อสู้ เร่งด่วนคับขันจริงๆ ได้โปรดปล่อยข้าเร็วๆ เถอะ เมื่อข้าเข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้ว ข้าจะยอมมารับการลงโทษที่นี่อีกก็ได้” เย่ว์หยางรีบขอให้อีกคนปล่อยเขา

เขารู้สึกว่าที่นี่เป็นพื้นที่มิติที่แตกต่าง มันเหมือนกับว่าเป็นพื้นที่กว้างไม่มีที่สิ้นสุด มีแต่ทะเลสาบไม่มีฝั่ง ไม่ว่าจะเพ่งมองแค่ไหนก็ตาม

ม้วนเทเลพอร์ตใช้ไม่ได้ในที่นี้

เย่ว์หยางรู้ว่าไม่ว่านี่จะเป็นความสามารถของสัตว์อสูรหรือเป็นพื้นที่มิติที่คนสร้างขึ้น นอกจากเจ้าของอนุญาตแล้ว เขาไม่มีทางหนีออกมาจากที่นี้ได้

เขาคิดว่าเขาควรจะออกไปก่อน และเผ่นหนีไปทันทีหลังจากพบกับฮ่องเต้แห่งเทียนหลัว มีแต่คนโง่ที่จะกลับมารับการลงโทษ เย่ว์หยางยังคงมีความรู้สึกแปลกๆ ในใจเขา บางทีที่นี่จริงๆ แล้วคือวังหลวงของเทียนหลัว และคนทั้งสองบางทีเป็นผู้เกี่ยวข้องกับฮ่องเต้เทียนหลัว หรือเป็นผู้ที่ติดต่อกับฮ่องเต้ได้ มิฉะนั้น ทำไมทั้งสองคนถึงไม่มีอาการแปลกใจเมื่อเขาพูดว่าเขาจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท?

ผู้หญิงที่เสียงเพราะหัวเราะลั่น “เจ้าคิดหรือว่า เจ้าจะสามารถเข้าเฝ้าฮ่องเต้แห่งเทียนหลัวตามอำเภอใจได้? พอบอกว่าเจ้าจะกลับมาที่นี่เพื่อรับการลงโทษ มันก็คงแปลกล่ะ ถ้าเจ้าไม่ยอมหนีไปทันทีที่ข้าปล่อยเจ้า ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้า ข้าจะลงโทษเจ้า คุมขังในคุกน้ำตลอดชีวิต!”

“…….” เย่ว์หยางเริ่มเหงื่อตก เขาพูดไม่ออกเลยจริงๆ ที่ต้องมาพบกับคนแบบนี้

“สององครักษ์พิทักษ์ฟ้าและและสามผู้อาวุโสมุขมนตรีแห่งอาณาจักรเทียนหลัวได้ถูกส่งตัวออกไปแล้วตามราชโองการ แต่ก่อนที่เจ้าจะมาถึง ทหาร 2-3 คนจากหน่วยพายุเฮอริเคนได้มาขอกำลังเสริม” มีอีกเสียงหนึ่งกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ โปรดอย่าถือสาการล่วงเกินของน้องสาวข้าเลย อย่างไรก็ตาม ผู้ใดก็ตามที่บุกเข้าไปในกับดักลวงตาก็ต้องติดอยู่ในนั้นเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนถึงจะสามารถออกมาได้ นี่มันนอกเหนือการควบคุมของเรา หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเจ้าจะออกมาจากที่นั่นได้เอง”

“….” เย่ว์หยางยิ่งหลั่งเหงื่อมากกว่าเดิมเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ เขาคิดจริงๆ ว่าบางทีคนผู้นี้อาจเป็นฮ่องเต้แห่งเทียนหลัว อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาเป็นฮ่องเต้จริงๆ เย่ว์หยางก็สามารถไปได้ ถ้าเขาไม่ได้ให้รางวัลตัวเองที่มาถึงที่นี่เพื่อทูลรายงานหลังจากเผชิญหน้ากับความยากลำบากมาหลายอย่าง แต่ฮ่องเต้ไม่ได้ให้อะไรเขาแม้แต่คำขอบคุณ จะไม่เป็นการแล้งน้ำใจสำหรับฮ่องเต้เกินไปหน่อยหรือ?

“ฮ่าฮ่า เจ้าเด็กนี่น่าสนใจจริงๆ! เขาไม่รู้กระทั่งว่ากับดักลวงตาคืออะไร โง่จริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า!”

“รอเงียบๆ อยู่ในนั้นนั่นแหละ” เสียงที่มีอำนาจนั้นไม่รอให้เย่ว์หยางตอบและจากไปทันทีหลังจากพูดคำนั้น

เย่ว์หยางไม่เคยคิดว่าเขาจะพบกับเรื่องซวยแบบนั้นหลังจากมาขอกำลังหนุน

โชคดีที่องครักษ์พิทักษ์ฟ้าของเทียนหลัวถูกส่งตัวออกไปแล้ว

เขาลอยตัวอยู่ในน้ำค่อนข้างนาน ขณะที่มีคำถามผุดขึ้นมาในใจเป็นพันๆ คำถาม

เขาเทเลพอร์ตมายังวังหลวงชัดๆ แล้วทำไมถึงตกเข้ามาในกับดักลวงตานี้เล่า? ทำไมที่นี่ถึงเต็มไปด้วยน้ำมากนักเล่า? จากนั้นเย่ว์หยางตัดสินใจดำลงไปก้นสระ เขารู้สึกว่าอาจมีบางอย่างที่เขาสามารถหาได้ที่ก้นสระก็ได้”

อย่างไรก็ตาม หลังจากหาดูเป็นเวลานาน กับดักลวงตานี้กลับทำให้เย่ว์หยางสับสนมากกว่าเดิม

ข้างใต้ นอกจากน้ำแล้ว ไม่มีอะไรอื่นอีกเลย

ไม่มีแม้แต่ปลาสักตัว

ในที่สุดเย่ว์หยางก็ลอยตัวกลับไปบนผิวน้ำโดยไม่มีอะไร

เสียงไพเราะของหญิงสาวดังก้องในหูเขาอีกครั้ง เสียงของนางดูเหมือนกับจะกระซิบอยู่ที่หูของเขา ถามล้อเล่นว่า “เป็นยังไงบ้าง? เจ้าพบอะไรบ้างไหม?”

“ไม่มีอะไรเลย” เมื่อเย่ว์หยางตอบ หญิงสาวก็เริ่มหัวเราะไม่หยุด

“เมื่อเจ้าออกมาจากกับดักลวงตานี้ เจ้าจะทูลขอรางวัลที่ทำงานสู้รบสำเร็จจากฮ่องเต้แห่งเทียนหลัว แล้วจากนั้นก็รีบจากไปด้วยม้วนเทเลพอร์ตใช่ไหม?” แม้ว่านางจะเป็นหญิงสาวที่ซุกซนมาก นางสามารถเห็นความคิดในจิตใจของคนอื่นด้วย นางคาดการณ์แผนต่อไปของเย่ว์หยางเมื่อเขาออกไปได้ถูกต้อง

“ข้าไม่มีม้วนเทเลพอร์ตในตัวเลย ข้าไม่สามารถหนีไปตามชอบใจได้” อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางไม่ยอมรับว่าถูกเปิดโปง เขากลัวว่าหญิงสาวนี้จะทำอะไรที่เป็นการหลอกลวงเขาอีก

“ฮ่าฮ่าฮ่า โกหกได้โง่เง่ามาก เจ้านึกว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรือ? ถ้าเจ้าไม่มีม้วนเทเลพอร์ตอยู่ในแหวนลิชของเจ้า เจ้ายังจะใจเย็นตอนที่คุยกับข้าได้หรือ? ข้าสามารถจำแหวนลิชได้ ข้าเคยเห็นมาครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ข้ายังรู้จักเจ้าตัวเล็กที่อยู่บนข้อมือเจ้า เจ้าสิ่งของน่าสนุกนั่นคืออสูรสายนักสู้ แต่กลับยอมเปลี่ยนเป็นปลอกข้อมือเจ้าได้ ใครคืออาจารย์ของเจ้า? ถึงได้สอนเจ้าเสียจนโง่อย่างนี้?” คำพูดจากเสียงหญิงสาวที่ไพเราะทำให้หัวใจของเย่ว์หยางหวั่นไหวขึ้นมาบ้าง เขาไม่เคยคิดว่านางจะรู้จักอสูรทองลึกลับตัวน้อยที่เขาไม่สามารถใช้ทักษะญาณทิพย์ตรวจสอบมันได้

อสูรทองลึกลับเป็นอสูรสายนักสู้หรือ?

เย่ว์หยางคิดเรื่องของมันอีกครั้ง ดูเหมือนเมื่อใดก็ตามที่เจ้าตัวน้อยนี้เห็นผลึกมังกร มันจะกลายเป็นทรงพลังมาก ในฐานะเป็นเครื่องป้องกัน เขาไม่เคยเห็นมันปกป้องเขามาก่อน

ขณะที่แม้มันจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นปลอกข้อมือ มันก็ทำด้วยตัวมันเอง มันเป็นอสูรที่แปลงร่างเป็นปลอกข้อมือเอง…

“ข้าไม่มีอาจารย์!” เย่ว์หยางเริ่มทำท่าทางน่าสงสารทันที อันที่จริงเขามีอาจารย์อยู่คนหนึ่ง ซึ่งก็คือเทพธิดากระบี่ฟ้า อย่างไรก็ตาม นี่คืออาจารย์ลับต้องไม่เอามาพูดกับใครๆ

“ถ้าเจ้าไม่มีอาจารย์ แล้วเจ้าสามารถเชี่ยวชาญทักษะเหล่านี้ทั้งหมดด้วยวัยขนาดนั้นได้อย่างไร? เจ้าหลอกข้าไม่ได้หรอก ข้ามั่นใจเต็มร้อยว่าเจ้าต้องมีอาจารย์ มีจริงๆ ใช่ไหม? เจ้าไม่มีอาจารย์จริงๆ เหรอ? นั่นเป็นไปไม่ได้ ต้องมีใครบางคนสอนเจ้าแบบลับๆ” หญิงสาวเสียงไพเราะดูเหมือนตัวนางก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง นางพูดออกมาทันทีว่า “ดูเหมือนอาจารย์ของเจ้าสอนให้แต่วิทยายุทธ์อย่างลับๆ แต่ไม่ได้สอนความรู้เกี่ยวกับการใช้สัตว์อสูรเลย เป็นแบบนี้ได้อย่างไร ข้าสามารถเป็นอาจารย์ให้เจ้าได้จริงๆ นะ ตราบใดที่เจ้ายอมรับนับถือเรียกข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า เชื่อฟังข้าในอนาคต ข้าจะสอนเจ้าและทำให้เจ้ากลายเป็นศิษย์ที่ยิ่งใหญ่ในสถาบันของเรา”

“ข้าสามารถยอมรับท่านในฐานะอาจารย์ข้าได้ แต่ท่านต้องเป็นสาวสวยนะ” เย่ว์หยางมีเงื่อนไขเป็นของตนเอง

“อย่าห่วง รับรองข้าดูดีกว่าที่เจ้าจินตนาการเอาไว้ก็แล้วกัน มีคนอย่างข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า ถือว่าเจ้าโชคดีไป 3 ชาติ” หญิงสาวเสียงไพเราะมั่นใจในรูปลักษณ์ตนเอง

“ถ้าข้าจะมีอาจารย์สักคน นอกจากจะต้องดูดีแล้ว นางต้องฉลาดเป็นเลิศด้วย ข้าไม่ต้องการคนมีความรู้แบบไม้ประดับมาเป็นอาจารย์ข้า พูดก็พูดเถอะนะ ท่านมีความสามารถอะไรบ้าง?” เย่ว์หยางถามเหมือนสัมภาษณ์ผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส

“ความสามารถของข้าน่ะเหรอ? มีเยอะแยะไปหมด ข้ารู้ภาษามากกว่า 200 ภาษาแตกต่างกัน และข้าสามารถเขียนหนังสือได้มากกว่า 100 ภาษา นอกจากนี้ข้ายังสามารถอ่านผนึกอัญเชิญและและหนังสือสมบัติหายากต่างๆ ข้าสามารถระบุถึงสัตว์อสูรชนิดต่างๆ ได้ถึง 100,000 ชนิด รวมทั้งอสูรที่อยู่บนข้อมือเจ้าซึ่งบางทีน่าจะเป็นอสูรทงเทียนที่รอดอยู่ตัวสุดท้ายในโลกนี้และในหอทงเทียน ข้าสามารถจำแนกผนึกเวทชนิดต่างๆ ได้ และแม้ว่ามันจะเป็นอุปกรณ์โบราณที่กลายเป็นฝุ่นไปแล้วก็ตาม ข้าสามารถซ่อมแซมมันให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้..” หญิงสาวเสียงไพเราะยังคงสาธยายรายชื่อของความสำเร็จของนางต่อเนื่องไปมากกว่าสิบนาทีโดยไม่ต้องหยุดพัก ปากของเย่ว์หยางอ้าจนคางแทบติดพื้น

หญิงสาวนางนี้คือใครกันแน่

นางเก่งเกินไปหน่อยไม่ใช่เหรอ?

หัวใจเย่ว์หยางสะท้าน มีหลายอย่างที่เขาต้องการเรียนรู้จากนางโดยเร็ว ตัวอย่างเช่น อสูรทองลึกลับนี้ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า อสูรทงเทียน, การอัญเชิญผนึก วิธีจำแนกผนึกต่างๆ ซ่อมแซมอุปกรณ์โบราณ

ในอนาคต หากเขาต้องเข้าไปในดินแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ เขาต้องเชี่ยวชาญความรู้ทั้งหมดนี้ มิฉะนั้นเขาคงจะต้องปล่อยวางภูเขาสมบัติจากมาด้วยมือเปล่า

บุรุษหน้าหนาจากโลกอื่นเผยให้เห็นรอยยิ้มจริงใจของเขาทันที เมื่อเขารู้ได้ถึงสถานการณ์ที่ได้เปรียบ

เขายิ้มสดใสเหมือนดวงตะวันเผยให้เห็นฟันเงาเป็นประกาย

“ท่านอาจารย์นี่ เก่งจริงๆ ขอทราบนามที่สูงส่งของอาจารย์หน่อยได้ไหม?” เพื่อเป้าหมายเพิ่มพูนความรู้ เย่ว์หยางเรียกนางว่าอาจารย์อย่างหน้าตาเฉย

“สายเกินไปแล้วย่ะ! ข้าเสียใจที่เสนอขอให้เจ้าเป็นศิษย์ข้า ทันทีที่ข้ารู้สึกเหมือนว่าข้าสามารถจะกินอาหารสุ่มสี่สุ่มห้าได้ แต่ข้าไม่อาจรับศิษย์มั่วๆ ได้ เจ้าควรจะหาคนอื่นที่มีความรู้เป็นอาจารย์เจ้าเถอะ” หญิงสาวเสียงไพเราะหัวเราะชอบใจไม่ยอมหยุด จนเมื่อเย่ว์หยางรู้สึกอยากจะเป็นลมนั่นแหละ นางถึงเริ่มให้เงื่อนไขนาง “เจ้าสามารถมาหาข้าได้อีกครั้งเมื่อเจ้าขึ้นไปถึงหอทงเทียนชั้นหกได้ และรับเอา “รากเหง้าชีวิต” และ “ฝันมรกต” จากนั้นข้าค่อยรับพิจารณารับเจ้าเป็นศิษย์

“ไร้สาระ ถ้าข้าสามารถไปถึงหอทงเทียนชั้นหกได้ ทำไมข้ายังต้องการให้ท่านเป็นอาจารย์ข้าอีก?” เย่ว์หยางเกือบระเบิดอารมณ์โมโหไปแล้ว นางยื่นเงื่อนไขอย่างนั้นได้อย่างไร?

“ต่อให้เจ้าไปถึงหอทงเทียนชั้นที่หกได้ เจ้าก็ยังเป็นเด็กในสายตาข้า เจ้าอาจมั่นใจในตัวเองมาก แต่ข้าขอบอกความลับแก่เจ้าเพื่อให้เจ้าช้ำใจเล่นเล็กๆ น้อยๆ ก็คือ ระดับของเจ้าในปัจจุบันนี้ ข้าสามารถเอาชนะเจ้าได้โดยใช้เพียงนิ้วมือเดียวด้วยซ้ำ” คำพูดจากเสียงไพเราะของนางทำให้เย่ว์หยางสะดุ้งโหยง

ตอนแรกเขาคิดว่านางคงเป็นเจ้าหญิงแสนซนหรืออาจเป็นพระชายา ใครจะรู้กันว่านางแข็งแกร่งถึงขนาดนี้.. โชคดีที่ เขามีทักษะลวงเป็นทักษะธรรมชาติ มิฉะนั้น เขาอาจไม่สามารถปกปิดสถานะนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้!

หญิงสาวผู้นี้เป็นใครกันแน่?

“ท่านเป็นใครกันแน่?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าหญิงสาวนี้คงจะไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาเสียแล้ว ใจของเขาเริ่มเต้นแรงขณะที่ภาวนาในใจ เพื่อที่ว่านางอาจไม่รู้ว่าเขาคือนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนใหม่

“ข้ายังจะไม่บอกชื่อข้าให้เจ้ารู้ เพราะเจ้าไม่ใช่ลูกศิษย์ของข้า แต่ถ้าเจ้าต้องการแสดงความยอมรับนับถือข้า อย่างนั้นเจ้าก็เรียกข้าเหมือนที่นักรบทั่วไปพากันเรียกข้าก็ได้ พวกเขาให้สมญาข้าว่า “จักรพรรดินีราตรี”!” เมื่อหญิงสาวเสียงไพเราะพูดอย่างนี้ เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าใส่กบาลกลางวันแสกๆ เขาคร่ำครวญออกมาว่า “ท่านเป็นหนึ่งในสามองครักษ์พิทักษ์ฟ้าของอาณาจักรเทียนหลัว ฉายาจักรพรรดินีราตรีเหรอ? จักรพรรดินีราตรีที่เป็นต้นเหตุให้สื่อจินโหวได้รับบาดเจ็บหนัก แค่เพียงกระบวนท่าเดียว?”

“สองย่ะ! ความจริงข้าใช้สองกระบวนยุทธ์เมื่อตอนข้าเอาชนะสื่อจินโหวได้” หญิงเสียงไพเราะยืนยันกับเขา

“โอว..สวรรค์โปรด!” เย่ว์หยางรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที สื่อจินโหวที่เก่งกาจขนาดนั้น ยังพ่ายแพ้ด้วยสองกระบวนยุทธ์ หญิงสาวนางนี้น่ากลัวเกินไปที่จะเผชิญหน้าด้วยไม่ใช่หรือ?

****************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset