เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 191 – ตอนที่ 181 รู้สึกเหมือนไฟช็อต

===============
กลับลงมาที่พื้นที่ริมทะเลสาบของทะเลสาบเทียมเมฆ เย่ว์หยางกลับพบเรื่องที่ทำให้เขาประหลาดใจ เมื่อฮุยไท่หลางกลับไปเป็นอสูรทองแดงระดับ 3 จากที่เป็นอสูรเงินระดับ 4 ฮุยไท่หลางจากเดิมมีอยู่สองหัว กลับกลายเป็นมีอยู่แค่หัวเดียว ตัวของมันเต็มไปด้วยบาดแผลดูแล้วแทบถึงตาย เย่ว์หยางทำอะไรไม่ถูก แต่ก็แทบลมจับเมื่อเห็นเช่นนี้

สัตว์อสูรของนักสู้อื่นจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อได้สู้มากขึ้น อันดับชั้นของพวกมันก็ยังจะดีขึ้นอีกด้วย เจ้านี่เป็นหมาดีแท้ๆ กลับตรงกันข้าม อันดับร่วงลงมาจากชั้นเงินเป็นชั้นทองแดง

จากนั้น เขามองเห็นเจ้ายักษ์สิงเหมิ่งนอนอยู่หน้าฮุยไท่หลาง

ดูเหมือนว่าเมื่อเจ้ายักษ์สิงเหมิ่งพยายามจะหลบหนี เขาต่อสู้กับฮุยไท่หลางอย่างหนัก ในที่สุด ปีศาจดินทลายภูผาผู้ทรงพลังนี้ก็พ่ายแพ้ให้กับฮุยไท่หลางอย่างน่าอนาถ

“เป็นสิงเหมิ่งที่ทำร้ายเจ้าจนอยู่ในสภาพนี้หรือเปล่า?” เย่ว์หยางประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเรื่องแบบนั้นไม่น่าเกิดขึ้นได้

ร่างของฮุยไท่หลางเต็มไปด้วยบาดแผล มีแผลใหม่พาดทับแผลเก่า

ดูเหมือนมันผ่านการต่อสู้มามากกว่าหนึ่งครั้ง

ที่สำคัญก็คือ เขาได้ออกคำสั่งให้มันปกป้องจิ้งจอกหิมะสามหาง มันแอบมาถึงที่นี่อีกเมื่อไหร่? พอเห็นว่าจิ้งจอกสามหางไม่อยู่ที่นั่น เขารีบถามฮุยไท่หลาง “จิ้งจอกหิมะของโล่วฮัวอยู่ที่ไหน?”

พอได้ยินว่าเย่ว์หยางถามถึงจิ้งจอกหิมะสามหาง ฮุยไท่หลางก้มหัวลงอย่างละอายใจ

เย่ว์หยางถึงกับเหงื่อตก จิ้งจอกหิมะสามหางถูกฆ่าหรือ? จบสิ้นกันสำหรับเขา เขาจะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไรเมื่อโล่วฮัวฟื้นขึ้นอีกครั้ง?

ฮุยไท่หลางเดินกระโผลกกระเผลกไปหาเย่ว์หยาง

มันทำใจเตรียมตัวถูกเย่ว์หยางทุบตีอย่างหนักเพราะความโกรธ… พอเห็นสารรูปที่น่าสงสารของมัน เย่ว์หยางก็คลายหมัด “แกก็เป็นแค่หมาป่าตัวหนึ่ง ข้าคงไม่ขอให้แกทำอะไรให้ดีกว่า รอดมาได้ก็นับว่าไม่เลว” เย่ว์หยางยื่นมือออกมาและแบ่งปราณก่อกำเนิดให้ฮุยไท่หลาง ช่วยให้มันได้สมานแผลอย่างรวดเร็ว

นี่เองทำให้ฮุยไท่หลางตื่นเต้นจริงๆ มันเชิดหน้าหอนเป็นเวลานาน แสดงความยินดีกับเจ้านายมัน

เมื่อเย่ว์หยางปล่อยปราณก่อกำเนิดเข้าร่างฮุยไท่หลาง เขาตระหนักได้ถึงบางอย่างที่ใหม่

ทำไมถึงมีวงแหวนอักขระสีทองและสีขาวไหลออกมาจากมือของเขาอย่างแผ่วเบา? เป็นไปได้ไหมว่านี่เป็นปรากฏการณ์พิเศษของปราณก่อกำเนิดระดับ 1? เย่ว์หยางสับสน สิ่งที่ึลึกลับที่สุดก็คือว่า มีวงแหวนอักขระโบราณบนแขนของเขา ยิ่งไปกว่านั้น วงแหวนอักขระโบราณทั้งหลายเหล่านี้ ยังสามารถเคลื่อนไหวได้เอง เปลี่ยนรูปทรงของอักขระโบราณไปเป็นแบบต่างๆ เย่ว์หยางไม่สามารถจับต้นชนปลายได้ถูก

เรื่องที่แปลกประหลาดมากกว่าก็คือ เย่ว์หยางรู้ว่าวงแหวนอักขระโบราณเหล่านี้มีผลต่อพลังปราณก่อกำเนิดของเขาเป็นพิเศษ ด้วยพลังวงแหวนอักขระโบราณกับปราณก่อกำเนิดของเขา ผลของการรักษาด้วยปราณก่อกำเนิดของเขาจึงกล้าแข็งขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า

กายและวิญญาณของฮุยไท่หลางสดชื่นทันที มันทำอะไรไม่ถูก จึงได้แต่หอน

ทันใดนั้น อักขระโบราณสีทองปรากฏอยู่ที่หน้าผากของมัน วงแหวนอักขระที่ยังไม่คงที่บนแขนของเย่ว์หยาง ไปปรากฏอยู่ที่ระหว่างตาของมันด้วย จากนั้นลำแสงสีทองก็กระจายออกมาจากตัวของมัน

ความผิดปกตินี้ทำให้เย่ว์หยางสะดุ้งกระโดดถอยออกมา

เขาตกใจแต่ในที่สุดก็ตระหนักได้ว่าฮุยไท่หลางสามารถแปลงกายได้ มันซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมันได้ด้วยหรือ?

ตอนนี้เย่ว์หยางสงสัยว่า ฮุยไท่หลางกลายเป็นอสูรทองระดับ 5 มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ลักษณะของมันเป็นเหมือนกับอสูรทองแดงระดับ 3 ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะผลจากการใช้วงแหวนอักขระโบราณรักษามัน แม้แต่เขาคงไม่สามารถเห็นเหตุเช่นนี้ได้ ถ้าแม้แต่ทักษะญาณทิพย์ระดับ 3 ของเขายังไม่สามารถเห็นมันได้ อย่างนั้นเย่ว์หยางสามารถพนันได้ว่า นักรบธรรมดาคงไม่สามารถเห็นได้ว่าฮุยไท่หลางเป็นหมาป่าปีศาจ อสูรทองระดับ 5

ฮุยไท่หลางอยู่กับเขานานเกินไป จนมันเรียนรู้วิธีล่อหลอกและใช้ทักษะลวงได้เหมือนเขาหรือ?

“หมาอะไรกันนี่?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็อยากรู้อยากเห็น อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้สงสัยเรื่องการแปลงกาย แต่เป็นอักขระโบราณที่หน้าผากของฮุยไท่หลางมากกว่า

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้ว่าฮุยไท่หลางรออยู่ที่เชิงเขา มันไม่ได้รับพลังอักขระโบราณแต่อย่างใด

มันไม่ได้ทำสัญญากับเย่ว์หยางเลย แล้วมันครอบครองอักขระอัญเชิญโบราณได้อย่างไร?

เย่ว์หยางคิดว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูดถึงเรื่องฮุยไท่หลางแปลงกายจากอสูรทองแดงระดับ 3 ไปเป็นอสูรทองระดับ 5 และคำอธิบาย “ข้าก็ยังไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ฮุยไท่หลาง เดิมทีเป็นอสูรเงินระดับ 4 บางทีคงเป็นพัฒนาการบางอย่างทำให้มันเปลี่ยนเป็นอสูรทองระดับ 5 ได้ ข้าคาดว่ามันได้เรียนรู้ทักษะชนิดหนึ่งมา ดังนั้นมันจึงซ่อนตัวอยู่ในรูปอสูรทองแดงระดับ 3 ได้ ข้าไม่รู้รายละเอียดของเหตุการณ์และฮุยไท่หลางมันก็บอกไม่ได้ ข้าจึงไม่มีทางหาความจริงในตอนนี้ได้”

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเหงื่อตก “หน้าโง่! สัตว์อสูรที่มีภูมิปัญญาสูงส่งจะปกปิดพลังของพวกมันได้ ภูมิปัญญาที่สูงส่งของพวกมัน ทำให้มันปกปิดได้ดีขึ้น แล้วมันจะแปลกอะไรกันเล่า? แต่หมาของเจ้าตัวนี้ไม่รู้วิธีซ่อนพลังของมัน กลับเป็นอักขระโบราณที่ช่วยมันปกปิดความแข็งแกร่งไว้…”

“อา.. มีอักขระโบราณจริงๆ ด้วย! ฮุยไท่หลาง แกทำสัญญากับคนอื่นแล้วหรือ?” เย่ว์หยางตกใจ

“โฮ่ง!” ฮุยไท่หลางรีบปฏิเสธ จากนั้นมันทำตัวเหมือนสัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์และทุ่มเทให้กับเย่ว์หยาง

“เจ้าแยกไม่ออกหรือ ระหว่างอักขระสัญญาและอักขระอัญเชิญ? อักขระที่อยู่บนหน้าผากของมันเป็นอักขระอัญเชิญโบราณ มันคล้ายกับอสูรสายเสริมพลังซึ่งมีความสามารถในการเพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้กับร่างของผู้ครอบครองมัน ตัวของเจ้าก็มีอักขระโบราณด้วยไม่ใช่หรือ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่าเย่ว์หยางควรจะศึกษาในสถาบันอย่างน้อยก็ร้อยปี มิฉะนั้นเขาคงจะกลายเป็นตัวตลกที่ไม่รู้อะไร

“เฮ้, อย่าเอาข้าไปเปรียบเทียบกับมันสิ แม้ว่าข้าจะเป็นเหมือนแบบนี้ แต่ข้าก็ยังเป็นนายของมัน!” เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาถูกเปรียบเทียบกับฮุยไท่หลาง ชื่อของเขาถูกเชื่อมโยงล้อเลียนได้ง่ายเสียด้วย

“มันเป็นหมาโง่ตัวหนึ่ง และเจ้าเป็นสุนัขป่าลามกตัวหนึ่ง พวกเจ้าก็เหมือนกันนั่นแหละ…”

แน่นอนว่า องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมุ่งไปที่การเชื่อมโยงที่เย่ว์หยางต้องการหลีกเลี่ยง เย่ว์หยางได้แต่วาดวงกลมแก้เก้ออยู่ที่มุมหนึ่งอย่างหดหู่ใจ

ด้วยการเฝ้าระวังและป้องกันตัวอย่างเต็มที่ มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปล้ำองค์หญิงได้

ตามที่กวีชวีหยวนกล่าวไว้ว่า “หนทางข้างหน้ายาวไกล ข้าจะแสวงหาทั้งสูงและต่ำ” เย่ว์หยางคิดแปลงบทกวีนั้นเป็น “สองเต้าข้างหน้าทั้งใหญ่และชวนมอง ข้าจะคลำทั้งสูงทั้งต่ำ..” นี่มันยากเกินไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้าการจีบสาวเป็นความรู้ที่ต้องศึกษากันตลอดชีวิต นอกจากต้องคอยบันทึกเวลา สถานที่และโอกาสที่เหมาะสมแล้ว เขาคงต้องมีทักษะบางอย่าง เย่ว์หยางไม่เชื่อว่าเขาไม่สามารถทำให้องค์หญิงแม่เสือสาวเชื่องได้ ถ้าเขาได้ใช้ทักษะ 36 กลยุทธ์เกี้ยวสาว และ 108 วิธีเลือกสาว” ที่เขาทำอยู่ในโลกเดิม

ถ้านางเป็นองค์หญิงแล้วจะเป็นยังไง?

เดิมทีพวกเจ้าหญิงเกิดมาในโลกนี้ เพื่อให้เขาปล้ำได้.. จินตนาการเย่ว์หยางเตลิดเปิดเปิง

ไกลออกไป ประกายเงาสายหนึ่งแว่บขึ้น เย่ว์หยางเห็นแสงสีเงินพุ่งวาบตรงมาที่พวกเขาอย่างเร็ว

มันเร็วเหมือนกับดาวตกบนท้องฟ้า แม้จะมองด้วยทักษะญาณทิพย์ระดับ 3 เขาก็ยังไม่สามารถมองเห็นได้ชัด ประกายแสงสีเงินพุ่งเข้ามาใกล้เย่ว์หยาง

แสงสีเงินที่เคลื่อนที่กลายเป็นสงบนิ่ง อยู่ในสภาพไม่เคลื่อนไหวในเวลาไม่ถึงวินาที

เมื่อเย่ว์หยางสังเกตดูมันอย่างระวัง เขาก็รู้ได้ว่ามันคือจิ้งจอกหิมะสามหางของเจ้าเมืองโล่วฮัว เป็นอันว่ามันไม่ตาย เย่ว์หยางเอื้อมมือไปที่มันอย่างยินดี ตั้งใจจะอุ้มจิ้งจอกน้อยและตะโกนลั่นท้องฟ้า อย่างไรก็ตาม มือของเขากลับคว้าความว่างเปล่า จิ้งจอกหิมะสามหางพุ่งไปอยู่บนหลังขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ที่เจ้าเมืองโล่วฮัวยังนอนไม่ได้สติอยู่ มันคลอเคลียอยู่ที่หน้าเจ้านายมันด้วยปุยหางที่นุ่ม มันดูอ่อนโยนและรักเจ้านายมาก

ฮุยไท่หลางรีบพยายามเลียนแบบวิธีการของจิ้งจอกหิมะโดยกระดิกหางให้เจ้านายมัน มันรีบวิ่งไปอยู่ข้างเจ้านายมันใช้หางใหญ่ปัดใส่เขาไปมา อย่างไรก็ตาม หางของมันกลับปัดสะเก็ดหิมะกระจายไปทั่วทุกที่แทน

“อยากตายนักหรือแก?!” เย่ว์หยางทนไม่ไหวจริงๆ เขาเตะมันจนกระเด็นไปสิบเมตร

“โฮ่ง..!” ฮุยไท่หลางก็เข้าใจในที่สุดว่า มันคงมีชะตาโดนทุบตีตลอดชีวิตแน่ มันโชคไม่ดีที่กำเนิดมาเป็นแบบนี้ มันไม่มีโชคดีพอที่จะสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้านายมันได้ ยิ่งไปกว่านั้น หางของมันยังแข็งยิ่งกว่าแปรงเหล็ก คงไม่สะดวกนักที่จะใช้ปัดใส่ตัวเจ้านายของมัน เทียบกับขนหางนุ่มๆ ของน้องจิ้งจอกแล้วต่างกันราวฟ้ากับดิน ฮุยไท่หลางรีบก้มหัวลงอย่างขายหน้า และเชื่อฟังเจ้านายต่อไป

ยามราตรี เจ้าเมืองโล่วฮัวก็ฟื้นขึ้นในที่สุด

จิ้งจอกหิมะสามหางนำดอกไม้เล็กที่บานอยู่ใกล้หน้าผามาให้เจ้านายมันดอกหนึ่ง เจ้าเมืองโล่วฮัวมีความสุขมาก นางลูบหัวมันเบาๆ อย่างปลื้มใจ

ฮุยไท่หลางสังเกตดูและมันคิดอยู่เงียบๆ วิธีประจบเจ้านายแบบนี้ มันสามารถทำได้

มันหาดอกไม้สดอยู่นาน แต่ก็หาไม่เจอ ในที่สุดมันก็พบดอกหญ้าหางหมาดอกใหญ่ขนนุ่ม มันรีบงับแล้วเอากลับมาให้เย่ว์หยาง

เย่ว์หยางถึงกับหัวเสียเมื่อเห็นมัน เขาตะโกนลั่นว่า “ไปเลย! ไปอยู่ห่างๆ ข้า!”

จากนั้นฮุยไท่หลางจึงเข้าใจว่าเจ้านายของมันไม่ชอบดอกไม้และหญ้า เขาต่างจากเจ้านายของจิ้งจอกหิมะสามหาง พอเห็นการกระทำของมัน องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง นางยกหัวแม่มือให้เย่ว์หยาง “เหมือนกันทั้งนาย ทั้งหมา นี่พูดจริงๆ นะ!” เย่ว์หยางพอได้ยินก็โกรธทันที “แม่เสือสาว! เจ้าพูดอะไร?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะลั่น “ไม่มีอะไร ข้าแค่จะบอกว่าหมาของเจ้า มันแสนรู้มาก บางทีมันใกล้จะวิวัฒนาการเป็นอสูรในตำนานก็ได้ ถ้าเจ้าพามันไปวิหารราศีเมษ พอผ่านได้แล้วก็จะได้รับพรปัญญาโดยรหัสโบราณ บางทีมันคงพัฒนากลายเป็นอสูรในตำนานก็ได้…”

“วิหารเมษหรือ?” เย่ว์หยางสนใจทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้

เจ้าเมืองโล่วฮัวและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ฝึกคัมภีร์ของพวกนางมาแล้วตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นชั้นและอันดับของพวกนางจึงสูงมากในตอนนี้

พวกนางเป็นนักสู้สูงเกินระดับ 5 เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ส่วนเขา ตรงกันข้าม ยังไม่ได้เลย เขาไม่ได้ใช้คัมภีร์อัญเชิญของเขา ดังนั้น เขาจึงยังคงอยู่ที่ระดับ 2 (ผู้กล้า) ในตอนนี้

ถ้าเขาสามารถผ่านวิหารราศีเมษมาครั้งหนึ่งแล้ว ไม่ใช่แค่ฮุยไท่หลางเท่านั้น เขาคิดว่าแม้แต่ปีศาจดอกหนามก็สามารถกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ สำหรับนางพญากระหายเลือด เย่ว์หยางไม่กังวลถึงนางอีกต่อไป เนื่องจากนางพญากระหายเลือดพูดได้แล้วในตอนนี้ แม้ว่านางจะยังไม่ใช่อสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่นางก็อยู่ไม่ห่างจากการพัฒนาเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ เป้าหมายของเย่ว์หยางคือฝึกฝนให้นางพญากระหายเลือดเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถทำสัญญากับคัมภีร์ด้วยตัวนางเอง

“การเดินทางครั้งนี้ทำให้ข้าเหนื่อยแทบตายจริงๆ, ข้าต้องกลับบ้านและพักฟื้นสักระยะก่อน แต่เราทำกำไรได้ค่อนข้างมากจริงๆ” เจ้าเมืองโล่วฮัวหยิบก้านต้นหญ้าประกายดาวออกมาจากกล่องหยกของนางและวางลงในกล่องหยกใบเล็กอีกใบหนึ่งก่อนส่งให้เย่ว์หยาง นางมองเย่ว์หยางด้วยสายตาที่ทำให้เขารู้สึกอยากหอนแบบหมาป่านานๆ แล้วกระโจนเข้าหานาง แม้ว่านางจะไม่พูดอะไรออกมา แต่สายตาของนางเปี่ยมแววนุ่มนวลอบอวลด้วยความรัก เมื่อตอนที่เย่ว์หยางไปอาบน้ำในทะเลสาบและตรวจสอบดูอสูรน้ำ ในตอนนี้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจึงได้บอกเล่านางถึงวิธีการที่เย่ว์หยางพยายามช่วยนางก่อนหน้านั้น เหตุผลที่ทำให้สายตานางอ่อนโยนในตอนนี้ก็เพราะนางได้ยินเรื่องการกระทำโง่ๆ ของเย่ว์หยางที่พยายามจะช่วยนาง

“พวกท่านต้องการจะจูบอำลาไหม? ไม่ต้องเกรงใจข้าก็ได้นะ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหันศีรษะไปทางอื่น ทำเป็นให้โอกาสเจ้าเมืองโล่วฮัวและเย่ว์หยางได้จูบอำลา

“เชี่ยนเชี่ยน, เจ้า..ก็” เจ้าเมืองโล่วฮัวถึงกับเสียอารมณ์ แก้มซีดของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง

ใจจริงแล้ว เย่ว์หยางต้องการจะจูบโล่วฮัว แต่ถ้าไม่ใช่เพราะองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำเสียอารมณ์ เขาคิดว่าอารมณ์ดีพอที่จะทำอะไรดีๆ กับโล่วฮัวได้ แต่ตอนนี้นางทะลุกลางปล้องจนอารมณ์โรแมนติคพังทลายหมด เหมือนทำนองว่าเมื่อไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยว เขาก็ไม่ได้กินน้ำซุปเช่นกัน

เย่ว์หยางผิดหวังกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจริงๆ อารมณ์ฝันหวานสีชมพูโดนนางทำลายเรียบ

เจ้าเมืองโล่วฮัวดูเหมือนนางต้องการกอดเย่ว์หยางแสดงความชื่นชอบของนาง แต่เพราะองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูดเช่นนั้น นางจึงไม่สะดวกใจที่จะทำแบบนั้น

นางเปิดม้วนเทเลพอร์ตทันทีและโบกมือให้เย่ว์หยาง “ข้าไปก่อนนะ!”

เย่ว์หยางแทบใจสลาย

เขาน่าจะได้จูบอำลาสักนิดก็ยังดี แต่กลับถูกทำลายโอกาสโดยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นางต้องจงใจทำแน่ ไม่ นี่ไม่น่าจะทำได้ เมื่อเจ้าเมืองโล่วฮัวจากไป เขาจะต้องบังคับจูบองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนให้ได้ร้อยครั้งเป็นการชดเชยโอกาสที่เสียไป มิฉะนั้น เขาคงไม่สามารถจัดการความว้าวุ่นใจของเขาได้

แต่ก่อนที่จะเข้าประตูเทเลพอร์ตไป เจ้าเมืองโล่วฮัวยื่นมือของนางออกมากะทันหัน ใช้นิ้วมือของนางสัมผัสริมฝีปากเย่ว์หยางด้วยความรักชั่วขณะ

เหมือนมีกระแสไฟฟ้าชนิดหนึ่งแล่นไปทั่วกายของเย่ว์หยาง

หัวใจของเขาเต้นถี่ถึง 300 ครั้งต่อนาที

เลือดของเขาเดือดพล่านจนแทบพุ่งขึ้นท้องฟ้า เย่ว์หยางเกือบจะเงยหน้าหอนเสียงดังเสียแล้ว

แรงเสียดสีก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้า เย่ว์หยางตระหนักว่า เขารู้สึกว่าตลอดทั้งร่างมีกระแสไฟฟ้าแล่นอยู่ทั่วในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความรู้สึกที่ดี แต่มันก็สะดวกสบาย มีความรู้สึกยอดเยี่ยมในหัวใจจนสุดจะพรรณนา ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขารู้สึกเหมือนเสวยสุขอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า

“มันก็แค่ลูบริมฝีปากธรรมดาๆ ไม่ใช่เหรอ? ดูแล้วเจ้ากลายเป็นไร้ประโยชน์ได้ไง มานี่สิ องค์หญิงจะช่วยให้เจ้าได้ลูบริมฝีปากได้มากขึ้น ข้าจะใช้ส่วนอื่นที่ดีกว่านิ้วเสียอีกนะ เจ้าก็รู้…” พอเห็นใบหน้าที่เคลิบเคลิ้มเป็นสุขของเย่ว์หยาง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกอิจฉาอยู่ในใจเป็นอย่างมาก นางถอดรองเท้าออกและยกเท้าที่ไร้ตำหนิเตรียมโดดเตะใส่หน้าเจ้าเด็กนี่ ดูซิว่าเขายังจะกล้าแสดงสีหน้าลามกสุขสมต่อหน้าอีกต่อไปหรือไม่

“เฮ้, ข้ารู้แล้วว่าเจ้าไม่มีเจตนาดีตั้งแต่แรกแล้ว” ปฏิกิริยาของเย่ว์หยางว่องไว เขาจับท่าเตะขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนด้วยการขยับครั้งเดียว

เขาพยายามหลบหลีกลูกเตะของนาง และเตรียมจะเหวี่ยงนางเข้ากับผนังภูเขาและถือโอกาสเอาเปรียบนาง

ใครจะคาดคิดกันว่า ชุดของเย่ว์ปิงที่เดิมทีก็เล็กมากสำหรับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอยู่แล้ว กลับฉีกขาดตอนที่เย่ว์หยางยกขาของนาง? กางเกงขาดตรงเป้าพอดี เผยให้เห็นผิวขาวราวหิมะของนาง

สิ่งที่เกิดขึ้นเกินกว่าที่ทั้งสองคนคาดไว้มาก แม้ทั้งคู่ก็พลอยตกตะลึงไปด้วย

เย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำได้แต่เพียงจ้องหน้ากันไปมาอยู่นาน โดยไม่รู้จะทำอย่างไรดี

*********************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset