เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 194 – ตอนที่ 184 ทักษะหัวใจร่ำร้อง

===============
เย่ว์หยางไม่เคยรีบเร่งไปที่ใดมากขนาดนี้มาก่อน แต่เขาไม่รู้สึกเหนื่อยเลย

แม้ว่าเขาจะแบกเย่ว์ปิงวิ่งข้ามภูเขาหลายสิบกิโลเมตร เย่ว์หยางก็ไม่รู้สึกอะไร แม้แต่เพียงระบายลมหายใจ แต่พอใจของเขาโกรธและไม่พอใจ ทำให้เขารู้สึกสำลักและอึดอัดเมื่อเวลาผ่านไป ต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับแม่สี่และเด็กหญิง มิฉะนั้น เย่ว์หยางบางทีอาจกลายเป็นจ้าวปีศาจล้างแค้นก็ได้

เย่ว์ปิงถูกเย่ว์หยางแบกขึ้นหลังตอนแรก แต่เมื่อนางเห็นว่าทำให้เย่ว์หยางที่เหงื่อไหลเต็มตัวต้องเหน็ดเหนื่อยเกินไป นางปล่อยวางความโศกเศร้าไว้ละวิ่งไปพร้อมกับพี่ชายนาง

แต่นางวิ่งไปได้ช้าเกินไป ไม่สามารถไล่ตามเย่ว์หยางทัน

แม้ว่าเย่ว์หยางจะรั้งมือนางไปพร้อมกัน แต่ก็ทำให้นางเหนื่อยอยู่ดี

ในที่สุด เย่ว์หยางเรียกนางพญากระหายเลือดสั่งให้นางพาเย่ว์ปิงไปด้วย แม้ว่านางพญากระหายเลือดไม่สามารถบินได้เร็วนักเมื่อแบกคนไปด้วย แต่เย่ว์ปิงตัวไม่ค่อยหนักมาก เรื่องที่ยากที่สุดก็คือ นางก็ยังตามความเร็วเย่ว์หยางไม่ทัน เมื่อนางพญากระหายเลือดเหนื่อย เย่ว์หยางก็แบกเย่ว์ปิงวิ่งไปตามทางอีกครั้ง

เส้นทางไกลเช่นนี้ทำให้เย่ว์หยางตระหนักว่าเขายังขาดอสูรประเภทหนึ่ง นั่นก็คือพาหนะ

พาหนะ..ในเวลาปกติคงไม่ต้องการใช้มัน แต่ในเวลาที่เร่งรีบ อาจไม่เพียงพอ

หลังจากวิ่งไป 2-3 ชั่วโมงตามทางนี้โดยไม่ได้พัก มองหารับรู้สึกถึงกลิ่นรอบๆ บริเวณ ฮุยไท่หลางก็นำเย่ว์หยางและเย่ว์ปิงตรงไปที่เทือกเขาสุนัขโหย เมื่อพวกเขามาถึงด้านหน้าของภูเขาสุนัขโหยที่มียอดเขาสามารถเห็นได้จากระยะไกล เมฆลอยครึ้มและฝนเริ่มเท ฮุยไท่หลางมันต้องอาศัยการรับกลิ่นของมันในการค้นหา ก็ค่อยๆ สูญเสียความสามารถในการค้นหาของมัน เนื่องจากฝนตกหนัก มันจึงหลงทางและไม่สามารถหาร่องรอยของแม่สี่และเด็กหญิงได้

“พี่สาม! เราจะทำยังไงกันดี?” เย่ว์ปิงเริ่มร้องไห้อย่างไม่อาจระงับได้ นางกอดพี่ชายร้องไห้ออกมาดังๆ กลางสายฝน

“ต้องมีสักทาง,,, ต้องมีสักทาง….” เย่ว์หยางเกลียดสวรรค์ที่ทำให้ฝนตกในเวลาอย่างนี้ แต่เขาจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้แน่นอน

เพื่อแม่สี่แล้ว เขาจะไม่ยอมแน่นอน

แม้ว่าศัตรูของเขาจะเป็นสวรรค์เองก็ตาม เย่ว์หยางจะต่อต้านจนถึงที่สุด

นี่ไม่ใช่การต่อสู้ การต่อสู้กับนางเซียนหงส์ฟ้า ชีวิตของเขาอาจไม่อยู่ในอันตราย หากเขาแพ้ เพราะคนอย่างนาง ถ้านางต้องการฆ่าเขาจริงๆ นางคงไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถมาก นางสามารถฆ่าเขาได้ทันที เป็นเพราะเย่ว์หยางเห็นความจริงที่ว่า นางเซียนหงส์ฟ้าจะไม่ฆ่าเขาแน่นอน ดังนั้นเขาไม่ได้ทุ่มเทสู้ด้วยทุกอย่างที่เขามี เป็นการสงวนพลังของเขาไว้แทน เพียงเท่านั้น เขาก็สามารถมีอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องการช่วยเหลือแม่สี่นี้ ถ้าเขายอมแพ้ อย่างนั้นชีวิตพวกนางจะตกอยู่ในอันตราย ดังนั้น เขาจะไม่ยอมแพ้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาต้องช่วยแม่สี่และเด็กหญิงออกมาให้ได้

เขาต้องชนะศึกครั้งนี้ เขาไม่อาจแพ้ได้

เนื่องจากกลิ่นของแม่สี่และของเด็กหญิงหายไป มันถูกชำระล้างโดยฝน พวกเขาคลาดกับแม่สี่แล้ว

ตอนนี้พวกเขาจะทำอย่างไร?

เย่ว์หยางหันไปมา 2-3 รอบก่อนที่ในที่สุดเขาตัดสินใจเรียกเสี่ยวเหวินหลีออกมา

“เสี่ยวเหวินหลี, เจ้าเข้าใจความหมายที่ข้าพูดไหม? ข้าหมายถึง ให้ถือว่าการค้นหานี้เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของการต่อสู้ ใช้ความรู้สึกในการรบของเจ้าหาตำแหน่งแม่สี่และซวงเอ๋อ เจ้าเข้าใจไหม? เราจะไปตามความรู้สึกของเจ้าและช่วยแม่สี่… ถ้าเจ้าทำไม่ได้ อย่างนั้นเราสามารถหาฉางเตาแทน แต่ข้าหวังว่าเราจะหาแม่สี่พบก่อน ข้าเห็นร่องรอยรถม้าบนถนน รอยมันค่อนข้างลึก ใครบางคนต้องช่วยพวกเขา บางทีอาจเป็นลุงหนานหรือป้าสวี, แต่ข้ากล้าบอกได้ว่า ใครบางคนต้องมาช่วยแม่สี่แล้ว…” คำพูดของเย่ว์หยางที่พูดออกไปก็เพื่อปลอบเย่ว์ปิง เพราะอาจเป็นไปได้ที่ฉางเตาลักพาตัวแม่สี่หนีไปด้วยรถเทียมม้า แต่เย่ว์หยางยังไม่สามารถทำให้เสี่ยวเหวินหลีเข้าใจการใช้ความรู้สึกในการรบค้นหาแม่สี่ได้ “พยายามใช้ความรู้สึกของเจ้า ใช้ความรู้สึกตามธรรมชาติของเจ้า คิดให้ออกว่าพวกนางอยู่ที่ไหน จากนั้นเราจะไปตามทางที่เจ้าบอก เจ้าเข้าใจไหม?”

“อือ..!” เสี่ยวเหวินหลีดูเหมือนจะเข้าใจ อย่างไรก็ตาม เธอชี้ไปทางตำแหน่งเมืองไป๋ฉือ

“ไม่, ผิดแล้ว ข้ารู้จักบ้านแม่สี่ในเมืองไป๋ฉือแล้ว แต่แม่สี่ถูกคนอื่นลักพาตัว ลักพาตัว เจ้าเข้าใจไหม? เราพยายามหานาง หาแม่สี่และหนูน้อยเย่ว์ซวง พยายามรู้สึกถึงพวกเขาให้ได้สักนิด รู้สึกถึงพวกเขาให้ได้อย่างระมัดระวัง แม่สี่อยู่ที่ไหน?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าถ้าเสี่ยวเหวินหลีไม่สามารถหานางพบ เขาจะรีบเข้าดินแดนแห่งความฝันและถามเทพธิดากระบี่ฟ้า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาต้องหาแม่สี่ให้พบ

“…..” นิ้วของเสี่ยวเหวินหลียังคงชี้ไปที่ตำแหน่งเมืองไป๋ฉืออย่างยืนยัน

“สวรรค์..ไม่ ไม่ใช่ ไม่ใช่เมืองไป๋ฉือ เราเพิ่งมาจากตรงนั้น เราต้องการไปแนวเขาสุนัขโหย เจ้าเห็นแนวเขานั่นไหม? แม่สี่ต้องไปที่นั่น พยายามใช้ความรู้สึกอย่างระมัดระวัง หาดูว่านางอยู่ที่ใดกันแน่!” เย่ว์หยางชักกระวนกระวายใจ

“….” เสี่ยวเหวินหลีหลับตาของเธอและพยายามรู้สึกให้ได้อยู่นาน อย่างไรก็ตาม ในที่สุด เธอก็ชี้นิ้วไปทางเมืองไป๋ฉืออีก

“เราจะทำอย่างไรดี? พี่สาม! เราจะทำอย่างไรดี?” พวกเขาอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ฮุยไท่หลางนำมาที่เทือกเขาสุนัขโหย ขณะที่เสี่ยวเหวินหลีทำให้พวกเขารู้สึกว่ายังอยู่ที่เมืองไป๋ฉือ

“พวกเขาอยู่ที่เมืองไป๋ฉือจริงๆ เหรอ? หรือว่าพวกเขาอยู่ในระหว่างทาง? พวกเขาอยู่ไกลไหม?” เย่ว์หยางว้าวุ่นอย่างหนัก แนวคิดของเขาบอกว่าเชื่อฮุยไท่หลางดีที่สุด มันนำพวกเขาถูกทางและไกลที่สุด แต่เสี่ยวเหวินหลีก็คงไม่มาหลอกเขาในเวลาอย่างนี้ เธอว่าง่ายเสมอมา ยิ่งไปกว่านั้น ความรู้สึกในการต่อสู้ของเธอกล้าแข็งมากและเธอมักจะสามารถวางกลยุทธ์ได้ ดังนั้น เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาน่าจะเชื่อเสี่ยวเหวินหลีมากกว่า

มันแค่ว่าเขาอาจจะทำความผิดพลาดครั้งใหญ่จนเกิดผลกระทบที่น่ากลัว หากว่าเขากลับไปตอนนี้

เย่ว์หยางกระทืบเท้า พอตัดสินใจได้ เขาตัดสินใจพาเย่ว์ปิงกลับไปที่สถาบัน

เขาตัดสินใจขอให้อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไปที่เขาสุนัขโหยในนามของเขาเพื่อช่วยแม่สี่ มันจะดีที่สุดถ้าเขาสามารถจับฉางเตา สำหรับเขาเอง เขาจะใช้ม้วนเทเลพอร์ตกลับไปยังเมืองไป๋ฉือ ถ้าแม่สี่ยังคงซ่อนตัวอยู่ในเมืองไป๋ฉือ อาจเป็นเรื่องดีที่สุด ถ้าเขากลับไป

เย่ว์ปิงตะลึง เมื่อนางได้ยินเช่นนั้น นางยกย่องความคิดของเย่ว์หยางทันที

อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไม่อยู่ในสถาบัน เย่ว์หยางแทบบ้า เขาโกรธทำลายบ้านของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า ในที่สุด เขาคิดว่า ถ้าเขาไม่อาจหาตัวรองผู้อำนวยการได้ หาผู้อำนวยการได้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาต้องการเพียงหาคนแข็งแกร่งมาช่วยพวกเขา

เย่ว์หยางรีบพาเย่ว์ปิงรีบไปที่อาคารหลังเล็กซึ่งเป็นที่ทำงานของผู้อำนวยการ

มีวงแหวนเวทแปลกๆ เสาและทางวงกตที่ทำจากพุ่มไม้ปิดกั้นขวางเย่ว์หยางไว้

ถ้าเป็นเวลาปกติ ก็คงไม่ยากที่จะผ่านเข้าไป

แต่เย่ว์หยางไม่มีเวลาเดินอ้อม…

เขาไม่สนอะไรทั้งนั้นใช้กำลังบุกฝ่าเข้าไปทำลายทุกอย่างที่ขวางทาง เขาปล่อยให้เย่ว์ปิงอยู่ข้างนอก ขณะที่เขาเดินลุยเข้าไปตลอดทาง กลับกลายเป็นว่าพื้นที่ข้างนอกทั้งหมด กลับพลิกเป็นด้านบนลงล่าง

ที่ทางเดินชั้นที่สอง เขาตระหนักว่ามีแรงกดดัน ดันเขาในแต่ละขั้น เมื่อเขาไปถึงชั้นที่สอง แรงกดดันก็แข็งแกร่งกว่าชั้นแรกถึงสิบเท่า เย่ว์หยางแปลกใจมาก ดูเหมือนผู้อำนวยการไม่ใช่คนธรรมดา

อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางไม่สนใจอะไรมากนัก เมื่อเขาไม่สามารถเปิดประตูได้ เขาชักดาบฮุยจินออกมาและฟันเพื่อเปิดประตูทันที

แต่ เหมือนกับว่าทางเข้าจะเป็นภาพลวงตา เขาไม่สามารถฟันประตูได้ ราวกับว่ามีพื้นที่มิติป้องกันห้องพักผู้อำนวยการในชั้นสอง

“มันยากเย็นนักเหรอที่จะเข้าพบผู้อำนวยการ?” เย่ว์หยางโกรธ เขาสามารถใช้พลังปราณก่อกำเนิดทำลายพื้นที่มิตินี้ได้ แค่พอเขายกดาบวิเศษฮุยจินเตรียมใช้พลังปราณก่อกำเนิดทำลายพื้นที่มิติอย่างหักโหม ทันใดนั้นมีเสียงที่อ่อนโยนมาดังก้องออกมา “นักเรียนไตตัน เจ้าต้องการอะไร?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าแรงกดดันหายไป ขณะที่ร่างของเขาล้มไปข้างหน้าและล้มกับพื้นอย่างควบคุมไม่ได้

เมื่อเขายกศีรษะขึ้น เขาก็ตระหนักได้ว่า มีสุภาพสตรีนางหนึ่งกำลังมองโต๊ะทำงาน และเขียนอะไรบางสิ่งอย่างรวดเร็ว

ผมยาวดำสลวยของนางดูนุ่มเหมือนกับสายน้ำตก ปิดหน้านางไปเกือบครึ่งหน้า

เย่ว์หยางสามารถเห็นได้เพียงความเรียบง่ายของนาง เนื่องจากมุมของเขาไม่สามารถเห็นหน้านางได้ชัด อย่างไรก็ตามดูจากผิวพรรณที่ละเอียดอ่อนและข้อมือของนาง เย่ว์หยางรู้สึกได้ว่า อารมณ์ของนางแตกต่างจากคนอื่น นางช่างเหมือนกับกล้วยไม้งาม สะอาดและสูงส่ง

นางเปล่งประกายให้ความรู้สึกของผู้คงแก่เรียนที่มีทั้งความสงบและบริสุทธิ์ เหมือนเซียนอมตะบริสุทธิ์ที่อยู่ในภาพวาดที่ไม่ข้องเกี่ยวกับปุถุชนทั่วไป

“ท่านคือผู้อำนวยการสถาบันหรือ?” เย่ว์หยางได้ยินว่าผู้อำนวยการสถาบันฉางชุนเฉิงเป็นหญิงงามที่นักเรียนไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เขาไม่เคยคิดว่านางจะอายุเยาว์ขนาดนี้ นางดูเหมือนกับเป็นนักเรียนคนหนึ่ง แม้กระทั่งอาจเป็นเด็กบ้าเรียนที่มุ่งแต่จะทำคะแนนสูงๆ พอมองดูบุคลิกภาพและสิ่งที่นางสนใจ นางดูคล้ายหญิงงามลึกลับผู้ที่มักถือหนังสือติดตัวไปทุกที่อยู่บ้าง มิฉะนั้น เย่ว์หยางคงสงสัยว่าพวกนางคงเป็นคนเดียวกัน เย่ว์หยางตระหนักว่า ตอนนี้เขาไม่รู้สึกอะไร เขาแค่ต้องการช่วยเหลือแม่สี่ ดังนั้น เขารีบอธิบายให้ผู้อำนวยการหญิงผู้กำลังง่วนกับการเขียนเอกสารของนาง “มีคนลักพาตัวแม่สี่และน้องสาวของข้า พอติดตามกลิ่นพวกเขาไป พวกเขาน่าจะอยู่ที่เทือกเขาสุนัขโหย ทว่าเกิดมีฝนตกหนักในระหว่างทาง ดังนั้นเราจึงสูญเสียร่องรอยของพวกนาง ข้าพยายามจะรับรู้ความรู้สึกของพวกนางให้ได้ และพบว่าแม่สี่ยังคงอยู่ในเมืองไป๋ฉือ ข้า… ข้ามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากท่าน หวังว่าท่านจะให้ยืมพลังและให้ความช่วยเหลือข้า… ท่านสามารถไปเมืองไป๋ฉือหรือเทือกเขาสุนัขโหยก็ได้ แต่ข้าหวังว่าท่านสามารถมาช่วยข้าไปตรวจดูตำแหน่งของพวกนางทั้งสอง อาจารย์จิ้งจอกเฒ่า..เอ๊ย..รองผู้อำนวยการไม่อยู่ที่นี่, แม่เฒ่าอู่เถิง, อาจารย์ตาเหยี่ยวก็ไม่อยู่ที่นี่เช่นกัน ดังนั้น ข้าทำได้แต่ขอความช่วยเหลือจากท่าน ข้าหวังว่าท่านจะทำตามสิ่งที่เราขอร้องได้ ตราบใดที่ท่านช่วยข้าช่วยเหลือแม่สี่ได้ ถ้าท่านมีอะไรขอให้ข้าช่วยในอนาคต ข้าจะทำโดยไม่เกี่ยงเลย!”

“ข้าเข้าใจ เจ้าทำได้ไหม ตะโกนร้องเรียกแม่สี่และน้องสาวคนเล็กจากหัวใจเจ้าทั้งสิ้นเมื่อข้ายกมือ? ข้ามีทักษะ “หัวใจร่ำร้อง” เป็นทักษะธรรมชาติ ข้าจะใช้เสียงร่ำร้องในหัวใจของเจ้าเพื่อตรวจสอบหาตำแหน่งของพวกนาง!” ผู้อำนวยการคนงามกำลังจัดโต๊ะทำงานของนางโดยยกมือที่อ่อนนุ่มเหมือนกล้วยไม้ไร้ตำหนิของนางช้าๆ

“แม่สี่!” เย่ว์หยางตะโกนดังลั่น เขาไม่รู้ว่านี่เป็นไปได้ แต่เขาเชื่อมั่นในทักษะธรรมชาติของนาง

มีไฟกระพริบที่มือของผู้อำนวยการคนงาม

จากนั้นกลายเป็นภาพนับจำนวนไม่ถ้วน

เย่ว์หยางเห็นรถเทียมม้าข้างหน้า ลุงหนานและป้าสวีกำลังช่วยแม่สี่ขึ้นรถม้า อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะเห็นภาพได้ชัดเจน ภาพก็หายไปแล้ว

ทันใดนั้นผู้อำนวยการคนงามกระแอมเล็กน้อย “หัวใจของเจ้ายังไม่สงบเพียงพอ ข้าสามารถใช้ทักษะธรรมชาติของข้าได้เพียงเดือนละสามครั้งเท่านั้น อย่าปล่อยให้โอกาสแบบนี้เสียไปอีก

“เข้าใจแล้ว… แม่สี่, แม่สี่, ชวงเอ๋อ!” เย่ว์หยางพยายามสงบจิตใจตนเองอย่างสุดความสามารถ เขาคิดถึงว่าแม่สี่มักจะดูแลเขาเสมอ และเขากำจัดความคิดอื่นๆ ในใจของเขาเอง เขาเพียงแต่คิดถึงแม่สี่อย่างเดียวในเวลานี้ เมื่อร้องออกไป สถานที่ทั้งหมดก็ถูกเขย่าเหมือนกับว่ามีคลื่นกระแทกที่มองไม่เห็นกระแทกผ่านห้องเข้ามา

แสงสว่างในมือของผู้อำนวยการคนงามแผ่ออกมา จากนั้นจัดเรียงตัวใหม่จนเป็นภาพ

มีรถเทียมม้าสองคันกำลังเคลื่อนที่ไปๆพร้อมกัน

รถคันหนึ่งเลี้ยวครึ่งทางและมุ่งหน้าไปเมืองหงเหยียนขณะที่อีกคันหนึ่งมุ่งหน้าไปเมืองเฮย์หลิน

ฉากแว่บเปลี่ยนไป รถม้าที่มุ่งหน้าไปที่เมืองหงเหยียนได้จอดและแม่สี่ที่สวมใส่ชุดชาวบ้านรีบลงมาจากรถม้า มีคนที่ดูเหมือนผู้หญิงสองคนช่วยแม่สี่ลงมา แต่เย่ว์หยางไม่สามารถจำได้ว่าพวกเขาเป็นใคร พวกเขาเดินตรงไปที่สะพานเล็กๆ และลงแพเล็ก ขณะที่แพเล็กลอยห่างออกไป รถม้าก็ยังวิ่งไปตามทางเดิม

เย่ว์หยางตระหนักได้ทันทีว่าความจริงแม่สี่ไม่ได้ไปที่เทือกเขาสุนัขโหย แต่นางกลับไปที่เมืองหงเหยียนแทนและหนีลงจากรถกลางทาง

กลิ่นที่ฮุยไท่หลางติดตามก็คือเป็นลุงหนานกับป้าสวีผู้สวมชุดของแม่สี่เพื่อดึงดูดความสนใจของศัตรู ดูเหมือนว่าแม่สี่กลัวว่าใครบางคนจะตามกลิ่นพวกเขามาได้

“มันยังไม่ค่อยชัด ตะโกนออกมาดังๆ ในตอนนี้ โอกาสสุดท้ายของเจ้าแล้วนะ!” ผู้อำนวยการคนสวยเริ่มไออย่างเจ็บปวด ดูเหมือนทักษะธรรมชาติหัวใจร่ำร้องนี้ จะสร้างความทุกข์ทรมานให้กับร่างกายนาง

“แม่สี่!” เย่ว์หยางตะโกนเสียงดังอีกครั้ง

ศีรษะของเขามึนงง เหมือนกับว่าโดนค้อนทุบจนวิญญาณสั่นสะท้าน

ฉากนับไม่ถ้วนแตกออกและเพิ่มขึ้นในใจของเย่ว์หยาง

ไม่ใช่เพียงแค่เขาเห็นมันด้วยตาของเขาเอง ฉากทั้งหลายยังคงปรากฏอยู่ในใจของเย่ว์หยาง แสงสว่างบนมือของผู้อำนวยการแสนสวยกระจายออกเป็นภาพที่มีมนต์ขลังยิ่งขึ้น ภาพเหตุการณ์ปรากฏชัดว่ามีศัตรูกำลังไล่ตามแม่สี่ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ได้มีแค่เพียงหนึ่ง แต่มีมากกว่าสิบคน มียอดฝีมือรวมอยู่ในกลุ่มนั้น ไล่ตามพวกเขาทันได้ง่ายและฆ่าทุกคนที่อยู่ในรถม้าอย่างอำมหิต มีศัตรูบางส่วนยังคงไล่ตามต่อไป ขณะที่บางคนก็ไหลไปกับกระแสน้ำ นอกจากนี้ยังคงมีศัตรูที่พยายามค้นหาตามแม่น้ำ พวกเขาแยกย้ายกันค้นหาแม่สี่… มีฉากเหตุการณ์อื่นปรากฏเป็นภาพลุงหนาน, ป้าสวีและผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ปลอมตัวเป็นแม่สี่ถูกจับตัวได้ ในที่สุด เย่ว์หยางเห็นว่ามีเงาพุ่งเข้ามาในแพไม้ไผ่ นอกจากเห็นสีหน้าที่หวาดกลัวของแม่สี่แล้ว เย่ว์หยางยังคงได้ยินเย่ว์ซวงร้องอย่างหวาดกลัว!

“พี่สาม….”

ตลอดทั้งร่างของเย่ว์หยางสั่นขณะที่เขาเริ่มเหงื่อออกเต็มตัว

ด้านนอกหน้าต่าง เย่ว์ปิงกังวลมากจากที่กำลังรอและร้องเรียกเขา ถ้าไม่ใช่เพราะนางร้องเรียกเขา บางทีเย่ว์หยางคงไม่สามารถแยกออกมาจากเขตแดนที่เขารู้สึกอยู่ในวิญญาณ

“ข้าสามารถรู้สึกได้ว่าแม่สี่ถูกจับตัวไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นางยังถูกจับเมื่อไม่นานนี้ โดยสตรีคนหนึ่งที่บินได้ สตรีนางนั้นตอนนี้บินตรงไปที่แนวเขาสุนัขโหย เจ้าควรไปที่แนวเขาสุนัขโหยโดยเร็วในตอนนี้ เพื่อไปช่วยนาง ขณะที่ข้าจะไปช่วยน้องสาวคนเล็กของเจ้า เธอน่าจะยังอยู่ที่เมืองไป๋ฉือ.. เด็กผู้หญิงที่แม่สี่เจ้าพาไปด้วยไม่ใช่น้องสาวของเจ้า เพราะนางไม่มีท่าทีโต้ตอบกับเสียงร้องของเจ้า…” ผู้อำนวยการคนสวยโบกมือนางทันที เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนถูกผลักออกมาจากหน้าต่างราวกับกระสุน

“ท่าน, ท่าน, ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?” ผู้อำนวยการสาวสวยงอตัวเหนือโต๊ะทำงานของนาง ดังนั้นเย่ว์หยางไม่สามารถเห็นใบหน้านางได้ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนนางอยู่ในอาการเจ็บปวดอย่างมาก

ขณะเดียวกัน มีเลือดหยดลงบนชุดของนาง เกิดเป็นรอยหยดสีแดงบนผืนผ้าบริสุทธิ์สีขาว

นางกระอักโลหิตออกมามาก ทำให้เย่ว์หยางตกใจ

ผู้อำนวยการคนงามโบกมือนาง เสียงของนาสั่นเครือเล็กน้อย “นี่คืออาการป่วยเดิมของข้า ไม่มีอะไรมาก ข้าจะไปพักสักครู่ รีบไปช่วยแม่สี่ของเจ้าได้แล้ว!”

เย่ว์หยางรู้สึกซาบซึ้งในใจจนไม่อาจพูดออกมาได้ ผู้อำนวยการคนงามนี้ไม่ใช่สหายสนิทหรือผู้มีความเกี่ยวข้องกับเขา แต่นางยินดีช่วยเหลือเขาตามหาแม่สี่ แม้ว่าจะมีผลสร้างความเสียหายให้กับร่างกายนาง นางก็ยังใช้ทักษะธรรมชาติหัวใจร่ำร้องของนาง เย่ว์หยางไม่รู้ว่าทำไมนางถึงยอมช่วยเขา บางทีนางอาจจะเห็นแก่นักเรียนนางเช่นกัน หรือบางทีอาจมีเหตุผลอื่นก็ได้ แต่การกระทำของนางในครั้งนี้ทำให้เย่ว์หยางเคลื่อนไหวได้ถูกต้อง

ความจริงจะเผยให้เห็นตัวมันเองในเวลาที่จำเป็น

นางช่วยเขาโดยไม่ขออะไรอื่นตอบแทน เมื่อเขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ

ความดีความชอบครั้งนี้ เขาจะกลับมาชดใช้ให้นางแน่นอน

หากร่างกายนางอ่อนแอและขี้โรค มันไม่น่าจะใช่เรื่องอาการป่วยที่เป็น เขาจะหายาที่ดีที่สุดมารักษานางให้ได้

ถ้าไม่มีหญิงงามอมโรคนางนี้ช่วยเหลือ เย่ว์หยางคงไม่รู้ว่าจะหาข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งของแม่สี่เพิ่มได้อย่างไร เขาไม่รู้ว่าแม่สี่ยังเป็นหรือตาย ในตอนนี้ อย่างน้อยเขารู้ว่ามีผู้หญิงที่สามารถบินได้จับแม่สี่และพานางกลับไปเทือกเขาสุนัขโหย สำหรับเย่ว์ซวง ตอนนี้เขารู้ว่าถูกแม่สี่ซ่อนตัวไว้ก่อนหน้านี้ สำหรับเด็กหญิงที่แม่สี่พาตัวไปด้วย เธอเป็นใครกัน?

เธอเป็นลูกสาวของใคร?

ใครกันที่จงใจให้ลูกของพวกเขากับแม่สี่ ทั้งที่มีคนกำลังไล่ตามนาง?

หน้าของผู้หญิงทั้งสองคนนั้นดูคุ้นเคยมาก แต่เย่ว์หยางจำไม่ได้เลยว่าเขาเคยพบพวกนางที่ไหนมาก่อน… หัวใจของเย่ว์หยางยุ่งเหยิง ขณะที่เขากระโดดออกมาจากหน้าต่าง

เย่ว์ปิงรีบเข้ามาหาเขาและกอดพี่ชายของนางทันที นางมองดูเย่ว์หยางอย่างหวาดหวั่นกลัวว่าจะได้ยินข่าวร้าย

“แม่สี่ยังปลอดภัย, เราต้องไปและช่วยนางเร็วๆ เดี๋ยวนี้เลย ผู้อำนวยการสัญญากับข้าว่าจะช่วยซวงเอ๋อ ซวงเอ๋อดูเหมือนจะถูกซ่อนตัวอยู่ในเมืองไป๋ฉือ ผู้อำนวยการจะช่วยซวงเอ๋อแน่นอน ดังนั้นเราต้องไปช่วยแม่เดี๋ยวนี้! เย่ว์ปิง, อย่าร้องไห้ เราต้องอยู่อย่างเข้มแข็ง, เราจะไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา เราเอาชนะได้ เราจะพาแม่กลับมาให้ได้ในที่สุด เราต้องทำได้!” เย่ว์หยางแบกเย่ว์ปิงขึ้นหลังขณะเปิดม้วนเทเลพอร์ต

“ใช่แล้ว, เราจะต้องช่วยแม่ให้ได้, เราต้องช่วยท่านได้แน่นอน!” เย่ว์ปิงยังมีน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย นางร้องออกมา เสียงของนางสะท้อนก้องผ่านเมฆเบื้องบน

******************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset