เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 221 – ตอนที่ 203 ทั้งหยิกทั้งกัด

===============
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยื่นริมฝีปากสีผลเชอรี่ของนางเข้ามา ดูเหมือนว่านางต้องการจะจูบเย่ว์หยาง

ขณะนั้นเย่ว์หยางตื่นเต้นมาก เขาคิดว่า เป็นไปได้หรือว่าแม่เสือสาวนี่ต้องการมีอะไรๆ กันกับเขา? พอเห็นนางค่อยๆ ขยับตัวลงมา หัวใจเย่ว์หยางถึงกับเต้นรัว เป็นไปได้ไหมว่านางต้องทำเรื่องอย่างว่ากับตัวเขา? นางต้องการแลกจูบกับเขาจริงๆ หรือ… องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนประทับริมฝีปากอย่างแผ่วเบา ลิ้นสีชมพูของนางเรียบลื่นเหมือนกำมะหยี่ ขณะที่นางเลื่อนลงมาใกล้อกเย่ว์หยาง ดูเหมือนนางต้องการมีความสุขกับเย่ว์หยางจริงๆ

พระเจ้า! เป็นไปตามคาด แม่เสือสาวมีความคิดจะมีสัมพันธ์กับเขาจริงๆ

เย่ว์หยางตื่นเต้น เขารู้สึกว่าเขาควรให้โอกาสนางเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แม้ว่านางจะเป็นฝ่ายรุกเร้าเขาก่อน เขาค่อยรุกเร้าในเกมต่อไปก็ได้ ถึงเวลานั้น ไม่สำคัญว่าใครจะรุกใครจะเป็นรับ ในเมื่อเป็นการมีความสุขร่วมกัน

แต่น่าเสียดาย ที่นางกลับแยกเขี้ยวและกัดลงบนหน้าอกของเย่ว์หยางเต็มแรง จนเขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“เสี่ยวซานเหรอนั่น? เกิดอะไรขึ้น? หยุดทะเลาะกันเลยนะ ทั้งคู่เลย!” เย่ว์หวี่สามารถได้ยินแว่วเสียง ความวุ่นวายข้างนอก คิดว่าเย่ว์หยางกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีเรื่องทะเลาะกันประสาคู่รัก นางรีบเช็ดตัวทันที เตรียมจะออกมาห้ามคู่วิวาท

“เราไม่เป็นไร!” เย่ว์หยางรีบตอบ เขาอยากจับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและโยนออกไปนอกบ้านอย่างไม่ปราณีปราศรัย แต่ตอนนี้นางมีแผนป้องกันตัวไว้แล้วจึงต้องเปลี่ยนใจทันที

ฟันขาวๆ ของนางไม่ได้กัดเขาอีกต่อไป แต่นางกลับใช้ลิ้นสีชมพูเลียแผลของเขาและจูบอย่างแผ่วเบา

นางบรรจงทำอย่างนุ่มนวลเท่าที่เป็นไปได้และเป่าแผลเขาเบาๆ เหมือนกับภรรยาที่น่ารักน่าเอ็นดู

แม้คิดว่าเป็นความเจ็บปวดสำหรับเย่ว์หยาง แต่ทันทีที่เห็นนางแสดงความนุ่มนวล เขาค่อยๆ ลดมือลง ขณะที่นางทำให้เขารู้สึกเร่าร้อนยินดีจนเขายับยั้งใจไว้ไม่จับนางโยนออกไป อย่างไรก็ตามเมื่อเย่ว์หยางเตรียมจะยกโทษให้นาง นางกลับใช้มือหยิกก้นของเขาเต็มแรงทำให้เย่ว์หยางสะดุ้งโหยงร้องลั่นอย่างเจ็บปวด

เย่ว์หยางเพิ่งจะเข้าใจได้ในตอนนี้

แม่สาวนี่ไม่ได้แลกจูบ นางกัดเขาเต็มแรงและใช้เล็บนางหยิกก้นของเขา นางเป็นสาวที่มีอารมณ์รุนแรงเป็นพื้นฐาน เขาไม่รู้จะรับมือนางอย่างไรจริงๆ

แน่นอนว่า เย่ว์หยางยังคงมีคนต้องคิดถึง

เขาถูกตอบโต้อย่างหนัก และแน่นอนเขาจะแก้เผ็ดคืนให้ได้เป็นร้อยเท่าเมื่อใดก็ตามที่เขาเสียท่า ดังนั้นเย่ว์หยางเตรียมจะตรึงนางกับพื้น ฉีกเสื้อผ้านางให้หมดและจากนั้นจะกัดอกนางซักร้อยครั้งแล้วเลียอีกร้อยครั้ง สำหรับการหยิกก้น แน่นอนว่าเขาจะต้องหยิกก้นนางอย่างน้อยร้อยครั้งด้วย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องการจะหลบหนี แต่เย่ว์หยางคว้าองค์หญิงเจ้าเล่ห์ผู้ยั่วโมโหเขา จากนั้นขึงนางลงกับพื้น เขาเงื้อมือเตรียมใช้กลยุทธ์ปลดเสื้อผ้า 36 วิธีของเขา

มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากประตูไหม้ ดูเหมือนว่าเย่ว์หวี่คงจะออกมา

คราวนี้ไม่ใช่เย่ว์หยาง แม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็สะดุ้งลุกขึ้นทันที

ทั้งสองคนมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ขณะที่พวกเขายังประสานมือกันและกันอยู่

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยิ้มเหมือนกับว่าเป็นนางเสือสาวที่แสร้งทำตัวเป็นจิ้งจอกน้อย “อย่างนั้น ก็เป็นอันว่าเย่ว์หยางของเรากลับมาแล้ว ยินดีต้อนรับ! ข้าไม่แน่ใจว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร เมื่อเจ้าผ่านด่านสิบสองนักษัตรได้? เจ้าผ่านด่านได้โดยไม่เจอปมปัญหาหรือ?”

ปฏิกิริยาของเย่ว์หยางแม้จะไวกว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ขณะที่เขากระโดดขึ้นมา เขาจัดการสวมกางเกงตนเองให้เรียบร้อยในเวลาเดียวกันได้

เขาก็แกล้งปั้นรอยยิ้มด้วยเช่นกัน “ขอบคุณที่องค์หญิงกังวลห่วงใย เย่ว์ปิงกับข้าผ่านด่านได้สำเร็จแล้ว การผ่านด่านไม่พบปมอะไรเลยจริงๆ…” เขาลดเสียงลง จากนั้นกระซิบข้างหูองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนว่า “ยัยเสือสาว..ถ้าข้าไม่แก้แค้นบ้าง ข้าคงไม่ใช่ลูกผู้ชาย ถ้าข้าแก้เผ็ดเจ้าไม่ได้ ข้าจะไม่ขอใช้ชื่อเย่ว์หยาง คอยดูเถอะ ขอบอกเจ้าเลยนะ ถ้าเจ้าแก้ผ้าเจ้าทีหลังและยอมแพ้ด้วยตนเอง ข้าจะพิจารณาลงโทษเจ้าสถานเบา มิฉะนั้น ข้าจะขืนใจเจ้าก่อนแล้วค่อยฆ่าเจ้า จากนั้นก็ขืนใจเจ้าต่อ แล้วค่อยฆ่าเจ้าอีกที”

พอได้ยินเช่นนี้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยิ้มเหมือนภูตจิ้งจอก

ในทำนองเดียวกันนางกระซิบกลับว่า “พยายามจะขู่ข้าหรือ? ไม่ง่ายนักหรอก, เจ้าหนู, ถ้าเจ้ามีความเป็นชายพอก็ทำตอนนี้เสียเลย” หลังจากนั้นนางเร่งเสียงสูงขึ้นพอจะให้เย่ว์หวี่ได้ยิน “ยินดีด้วยนะ, เย่ว์หยาง ไม่มีคนผ่านด่านสิบสองนักษัตรได้สำเร็จมานานหลายปีแล้ว เจ้าน่ะคู่ควรที่จะถูกเรียกว่า พวกผิดปกติในกลุ่มคนผิดปกติแล้ว เอ๊ย..ข้าหมายถึง เจ้าสมควรเป็นวีรบุรุษในหมู่ผู้เยาว์จริงๆ!”

เย่ว์หวี่รู้ว่าทั้งสองคนนี้เหมือนกับคู่กัด ต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งทุกครั้งที่เจอกัน

แม้แต่คนตาบอดก็ยังบอกได้ว่าทั้งสองคนซ่อนเร้นความรู้สึกที่มีต่อกัน พวกเขาโดยรวมแล้วอยู่ในสถานการณ์เหมือนกับเป็นคู่กัด

เย่ว์หวี่ยังคงแต่งตัวไม่เสร็จ ร่างของนางแค่ใช้ผ้าเช็ดตัวพันเอาไว้ แต่นางกังวลมากว่าเย่ว์หยางกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะเริ่มทะเลาะกัน ดังนั้นนางรีบเปิดประตูและโผล่หัวออกมาดู

พอเห็นว่าทั้งสองคนยังคงจับมือยิ้มแย้มให้กัน นางยินดีทันที “ดีแล้วที่พวกเจ้าไม่มีอะไรกัน นั่งรอสักครู่ แล้วข้าจะรีบออกมา ข้าเพิ่งดื่มน้ำลูกพลัมหมักแก้ร้อนไปไม่นานเอง มันอยู่ในตู้ พวกเจ้าดื่มไปพลางๆ ก่อน!”

พอแน่ใจแล้ว นางปิดประตูห้องน้ำกลับไปสวมเสื้อผ้าต่อ

ที่ด้านนอก เย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชียนกลับมามีความเคลื่อนไหวของตนเองทันที

เวลานี้ ปริมาณพลังที่พวกเขาใช้ก็เกือบจะเท่ากันแล้ว พวกเขาไม่สามารถจับอีกฝ่ายกดลงกับพื้นได้

เย่ว์หยางใช้แรงจับมือนางไปมาก แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีร่างกายยืดหยุ่นและอ่อนนุ่ม นางทำเป็นผ่อนแรงในมือนาง แต่ไปเพิ่มที่ขา โดยใช้ขายาวของนางเกี่ยวแขนขวาของเย่ว์หยางกดเอาไว้ มือทั้งสองของนางล็อคแขนซ้ายของเย่ว์หยางไว้ ทั้งตัวของนางพันรอบตัวเย่ว์หยางไว้ ปิดโอกาสไม่ให้เย่ว์หยางได้ใช้เรี่ยวแรงได้ พวกเขาทั้งคู่อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เสียเปรียบกันนัก แต่ไม่มีใครยอมปล่อยกัน ขณะที่ต่างคนต่างมุ่งหน้าจะเอาชนะกันให้ได้

“ยอมแพ้เดี๋ยวนี้นะ มิฉะนั้น ข้าจะใช้ไม้ตายสุดท้าย!” เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีความจำเป็นต้องปล่อยให้เด็กสาวนี้เห็นว่านางกำลังเล่นอยู่กับใคร และจะให้นางได้เข้าใจอำนาจของบุรุษเสียที

“ยังไงก็..ไม่” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยืนกรานที่จะไม่ยอมจำนน นางรู้ว่าเย่ว์หยางไม่กล้าใช้พลังมากและต้องการใช้เงื่อนไขนี้ต่อต้านเขา ความวุ่นวายที่ก่อขึ้นโดยนักมวยปล้ำทั้งคู่และเสียงตะโกนไม่ง่ายนักที่จะอธิบายได้ ถ้าพวกเขาทำให้เย่ว์หวี่ได้ยิน ดังนั้นเขาได้แต่แอบใช้แรงอย่างเงียบๆ นอกจากนี้นางยังมีอสูรของนางเป็นตัวช่วย แม้ว่านางจะไม่ใช้เต็มกำลังก็ตาม นางก็ยังสามารถต้านเย่ว์หยางในขอบเขตระดับนี้ได้

“เจ้ากำลังหาเรื่องตายนะ..” เย่ว์หยางไม่เคยคิดจะสู้กับนางจริงๆ ดังนั้น เขาจึงคิดใช้เคล็ดวิชา “ปลดชุด 36 วิธี”

เขาจำไม่ค่อยได้ แต่มีพวกลามกบางคนบอกไว้ว่า คำพูดที่ดูฉลาดดีของผู้หญิงเรื่องมากบางคน ไม่สามารถเอาชนะบุรุษได้ทันทีที่เสื้อผ้าของนางถูกถอด”

เด็กสาวนางนี้เป็นแม่เสือตัวหนึ่ง ฝึกให้เชื่องยาก

แต่ตราบใดที่เขาจับนางแก้ผ้าได้ นางคงจะกลายเป็นลูกแกะน้อยที่น่ารักแน่นอน

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังมาจากห้องข้างๆ ตามมาด้วยเสียงของเย่ว์ปิงเรียกหาพี่ชายนาง ภายในวินาทีเดียว เย่ว์หยางกลายสภาพจากจอมลามกไปเป็นพี่ชายที่แสนดีอีกครั้ง เขาปล่อยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน กระโดดขึ้นยืนตอบนางว่า “ปิงเอ๋อ! เราไม่เป็นไร เรากลับมาแล้ว”

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรีบจัดเสื้อผ้าของนาง เกรงว่าเย่ว์ปิงจะเข้าใจนางผิด หากเห็นว่านางแต่งตัวไม่เรียบร้อย

นางค้อนไปทางเย่ว์หยางเหมือนกับจะให้ช่วยดูว่ามีอะไรที่ดูผิดปกติไม่เรียบร้อยบ้างไหม

เย่ว์หยางยื่นมือออกไปและช่วยจัดคอเสื้อของนางให้ตรง

จากนั้น ด้วยความเร็วปานสายฟ้า เขาถือโอกาสคว้าและบีบหน้าอกองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจนทำให้นางเจ็บน้ำตาแทบร่วง จากนั้นเย่ว์ปิงก็เข้ามาในห้องและตื่นเต้นกับความสวยงามของห้อง ไม่ทันได้สังเกตว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำลังถูกจับหน้าอก ขณะที่นางชื่นชม “ที่ไหนกันนี่? ห้องนี้สวยมากจริงๆ ตกแต่งไว้ราวกับราชวัง

“ห้องนี้เช่าไว้โดยองค์หญิง แน่นอนว่ามันก็ไม่เลว มีกระทั่งน้ำลูกพลัมแช่น้ำแข็งอยู่ในตู้ด้วย ข้าจะรินให้เจ้านะ!” เย่ว์หยางยินดีกับตัวเองเป็นอย่างมาก เขาจู่โจมใส่แม่เสือสาวได้สำเร็จอย่างคาดไม่ถึง และทำให้นางพูดไม่ออก ไม่สามารถพูดถึงมันได้ โดยรวมแล้วมันจะกลายเป็นเรื่องที่นางไม่มีทางลืม แม้ว่าพวกเขาจะครองคู่จนแก่เฒ่าในอนาคต บางทีนางจะไม่มีทางลืมวันนี้ แต่เป็นความผิดของนางที่กัดเขาและหยิกก้นเขาก่อน เย่ว์หยางเผชิญหน้ากับสายตาที่จ้องมองเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เขาผิวปากสบายใจราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และวิ่งไปที่ตู้เปิดเอาน้ำบ๊วยแช่เย็นออกมา

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโกรธอารมณ์เสีย นางเกือบจะตามไปเตะเขาให้กระเด็นถึงสวรรค์ชั้นฟ้าเสียแล้ว

คนใจแคบ นางแค่กัดเขาเบาๆ แค่ครั้งเดียว ยังไม่ได้ใช้แรงอะไรเลย เขากลับบีบอกนางเสียแรงขนาดนั้น มันมากพอที่จะกลบความรู้สึกนุ่มนวลละเอียดอ่อนในตอนนี้ นางเกือบจะสลบเพราะความเจ็บปวดเสียแล้ว

นางเคยไว้ใจเขา ใครจะคิดกันว่าเจ้านี่… ถ้านางรู้ก่อน นางจะกัดเขาให้เจ็บปวดจนตาย

สิ่งที่ทำให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผิดหวังที่สุดก็คือเย่ว์ปิงเข้ามาถึง

นางอายเหลือเกินที่ถูกจับหน้าอกต่อหน้าเย่ว์ปิง ดังนั้นนางได้แต่ทนเจ็บปวด

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องการสาดน้ำบ๊วยใส่หน้าเขาให้หมดชาม แต่มองผิวเผินแล้วนางทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อนางก้มไปหยิบชาม นางกระซิบบอกเขาว่า “เจ้าจอมลามก! ข้าไม่ยุ่งกับเจ้าแล้ว!” นางเห็นเย่ว์ปิงเพิ่งจะล้างหน้าเสร็จและเดินกลับมา ทันใดนั้นนางฉีกยิ้มเต็มหน้า “ปิงเอ๋อ! ช่วยเล่าเรื่องการต่อสู้ทั้งหมดที่เจ้าพบมาในการผ่านด่านให้ข้าฟังหน่อยสิ เจ้าผ่านด่านพวกนั้นสำเร็จแล้วใช่ไหม? มานั่งใกล้ๆ ข้าสิ”

เย่ว์ปิงรับชามน้ำบ๊วยมาอย่างอารมณ์ดี และนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน และพยักหน้าว่า “ทั้งหมดต้องขอบคุณความสามารถของพี่สาม ข้าไม่มีทางเอาชนะพวกนั้นได้ด้วยตัวเองแน่ ทำไมท่านไม่ถามพี่สามล่ะ, ข้าหมดสติไปตอนช่วงเกิดการระเบิดใหญ่ ดังนั้นข้าไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น”

เย่ว์หวี่เปลี่ยนชุดใหม่ออกมาจากห้องอาบน้ำ มีกลิ่นหอมติดตัวที่คนจะพึงมีหลังอาบน้ำ นางนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเย่ว์หยาง “เสี่ยวซาน! เร็วเข้า เล่าให้เราฟัง เจ้าผ่านด่านได้อย่างไรกัน?”

กลิ่นหอมที่ติดตัวเย่ว์หวี่ทำให้เย่ว์หยางมีปฏิกิริยาตามธรรมชาติของบุรุษ

กลิ่นหอมนี้ดูเหมือนจะคุ้นเคยเล็กน้อย

แม้ว่ามันจะไม่เหมือนกันจริงๆ แต่ประเภทของน้ำหอมก็คล้ายกันมาก… บนร่างกายของสาวๆ ทั้งหมด รวมทั้งองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เจ้าเมืองโล่วฮัว, หญิงงามลึกลับ มีกลิ่นที่ลึกลับแบบนี้กันทั้งนั้น ตอนนั้นเย่ว์หยางก็ไม่ทันได้สังเกต เพราะธรรมดากลิ่นผู้หญิงก็หอมอยู่แล้ว และพวกนางยังชอบฉีดน้ำหอมลงบนตัวอีกเล็กน้อย หรือไม่ก็พกถุงหอมติดตัว เย่ว์หยางตระหนักว่าไม่ว่าจะแตกต่างกันอย่างไร ก็ยังมีกลิ่นหอมที่เหมือนเหมือนกันบนร่างกายพวกนาง

มันไม่ได้ผิดปกติชัดเจนเกินไป แต่เนื่องจากเย่ว์หวี่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ กลิ่นหอมที่แผ่กระจายจึงชัดเจนเป็นพิเศษ

อาจเป็นได้ว่านี่คือกลิ่นสาวบริสุทธิ์ในตำนานกระมัง?

นี่ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจที่สุด สิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดซึ่งเกิดกับเย่ว์หยางก็คือ แม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้า ผู้ที่เขามีประสบการณ์ใกล้ชิดมาก่อน ก็ยังมีกลิ่นชนิดนี้ติดร่างกายด้วย…. นางคือนางปีศาจกฎฟ้าที่ดูดพลังของบุรุษมานับไม่ถ้วน นางถูกมองว่าฆ่าคนมาเป็นหมื่นแล้ว มันจะเป็นไปได้อย่างไร… แต่ถ้ากลิ่นแบบนี้ไม่ใช่กลิ่นสาวบริสุทธิ์ ทำไมหญิงที่มีสามีแล้วถึงไม่มีมันเล่า?

เย่ว์หยางไม่สามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้ แต่เขาจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจ เขาต้องคลี่คลายความลึกลับนี้ให้ได้ มีความลึกลับรอบตัวนางเซียนหงส์ฟ้าอีกมากนัก

“ทุกคนกำลังคุยกับเจ้าอยู่นะ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตระหนักว่าเจ้านี่กำลังฝันกลางวัน นางจึงเขกกบาลเตือนเขา

“อ่า… ไม่มีอะไร, ข้ากำลังคิดถึงเรื่องเงาลอกเลียนแบบที่วิหารเจมินี่” แน่นอนว่าเย่ว์หยางไม่อาจพูดได้ว่าหลังจากเขาได้กลิ่นญาติผู้พี่ของเขาแล้ว มันทำให้เขาสงสัยว่านางเซียนหงส์ฟ้ายังเป็นสตรีพรหมจรรย์อยู่ ดังนั้นเขารีบดึงตัวเองกลับเข้าสู่หัวข้อสนทนาต่อ “เราผ่าานด่านวิหารทอรัสได้แล้ว แต่เรายังจะต้องผ่านด่านวิหารเจมินี่ให้ได้ ถือเป็นเรื่องดีเลยที่พวกท่านจะได้ช่วยกันคิดกลยุทธ์ การต่อสู้มาถึงขั้นตอนนี้แล้ว…”

“เจ้าผ่านด่านวิหารแอรีสและวิหารทอรัสแล้วหรือ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่แปลกใจมาก ไม่ใช่แต่เพียงพวกนาง แม้แต่เย่ว์ปิงก็ยังไม่รู้ว่าเย่ว์หยางท้าประลองและผ่านด่านวิหารแอรีสได้ตามลำพัง

“นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว ปัญหาของข้าตอนนี้คือ ข้าจะไขปริศนาวิหารเจมินี่ได้อย่างไร?” เย่ว์หยางอยากจะท้าสู้กับกระทิงเผือกสักสิบตัวมากกว่าสู้กับเงาที่ลอกเลียนแบบเขา

สำหรับการที่เย่ว์หยางผ่านด่านได้สำเร็จแล้ว ทำให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องการตะโกนใส่หน้าสำหรับความผิดปกติของเขา

แน่นอนว่า เมื่อเป็นเรื่องธุระที่เหมาะที่ควรแล้ว นางไม่สร้างความลำบากใจให้เย่ว์หยาง

นางขมวดคิ้วและพยักหน้าให้เล็กน้อย “วิหารเจมินี่และเวอร์โก (นางงาม) เป็นด่านที่ยากที่สุด วิหารเจมินี่มีทักษะในการเลียนแบบผู้เข้าท้าประลองได้ทุกอย่าง ไม่ว่าผู้ท้าประลองจะมีทักษะเช่นไร เงาก็จะเลียนแบบได้เช่นกัน เจ้าไม่รู้ว่าสิ่งที่เป็นคุณสมบัติที่น่ากลัวที่สุดของวิหารเจมินี่ก็คือ เงาผู้สวมหน้ากากทองของเจมินี่เป็นอมตะ แม้ว่าเจ้าจะฆ่ามันเป็นร้อยๆ ครั้ง มันก็ยังคงเกิดใหม่ได้และยังมีความแข็งแกร่งพอๆ กับผู้ท้าประลองอีกด้วย ดังนั้น การสู้ตัวต่อตัวไม่มีทางผ่านด่านเจมินี่ได้สำเร็จ เจ้าตัดสินใจถอนตัวออกมาก่อนนับว่าทำถูกแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่จะผ่านด่านเจมินี่ได้ นักสู้ธรรมดาจะหลีกเลี่ยงและไม่ยอมท้าประลองกับมัน ถ้าเจ้าต้องการผ่านด่าน เจ้าต้องคิดหาทางพิชิตมันให้ได้ ข้าสามารถบอกได้เลยว่าต้องมีวิธีผ่านด่านได้แน่ เพียงแต่ตอนนี้เรายังหาไม่เจอ”

“ข้าเคยได้ยินมาวิธีหนึ่ง แม้ว่าจะไม่มีทางรู้ว่าจะทำได้สำเร็จหรือไม่ แต่บางทีอาจเป็นข้อมูลช่วยเจ้าก็ได้นะ เสี่ยวซาน!” คำพูดของเย่ว์หวี่ทำให้ตาของเย่ว์หยางสว่างทันที

“ว่าไปเลย พี่หวี่” เย่ว์ปิงมีความบริสุทธิ์ใจหวังว่าพี่ชายของนางจะประสบความสำเร็จผ่านด่านได้ทั้งหมดและกลายเป็นนักสู้คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ผ่านด่านได้ทั้งหมด

ตราบใดที่เขาสามารถผ่านด่านเจมินี่และเวอร์โกได้สำหรับ นางเชื่อว่าพี่ชายจะพิชิตอีกแปดวิหารที่เหลือได้แน่นอน

โอกาสที่จะแสดงฝีมือเหนือใครๆ ในประวัติศาสตร์หมื่นปีอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว

เย่ว์ปิงเชื่อว่าพี่ชายเป็นคนที่มีโอกาสสูงที่จะผ่านด่านได้ทั้งหมด เพียงแต่น่าเสียดายที่ความสามารถของพี่ชายนางทรงพลังเกินไป ดังนั้น การท้าสู้ในวิหารเจมินี่กลายเป็นงานยากลำบากขึ้น

ถ้าเป็นตัวนางที่เข้าแข่ง บางทีระดับความยากลำบากคงไม่เท่าพี่ชายนาง แต่โชคร้าย นางไม่สามารถช่วยพี่ชายนางได้ เย่ว์ปิงที่กังวลกังวลอยู่ในใจเงียบๆ แล้วปลื้มใจมากที่ได้ยินว่าเย่ว์หวี่มีข่าวดีให้พวกเขา

เย่ว์หวี่ยิ้มเยือกเย็นให้เย่ว์หยางและเย่ว์ปิงทำนองว่าไม่ให้ใจร้อนเกินไป เสียงของนางนุ่มและบอกเล่าเรื่องราวกับพวกเขา “ก่อนนั้น อาจารย์ที่ปรึกษาของข้าเป็นหมอรักษา นางไม่มีความสามารถในการต่อสู้ใดๆ เลย และนางยังเข้าไปท้าสู้ในวิหารเจมินี่ เงาของนางก็ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ นอกจากนี้ ก่อนที่นางจะเข้าไปในวิหารเจมินี่ นางยังคิดวิธีหนึ่งได้ และนั่นก็คือทำร้ายตนเองเต็มที่ก่อนที่จะรวบรวมข้อมูลเข้าไปในวิหาร เงาของนางได้รับบาดเจ็บรุนแรงล้มลงกับพื้นไม่อาจหยุดได้ ด้วยความมุ่งมั่นและความปรารถนาของนาง นางคลานเข้าไปในเวทีต่อสู้และได้รับหน้ากากทอง แต่เมื่อนางมาถึงที่ห้องโถงพร้อมกับความสำเร็จ นางตระหนักได้ว่ายังคงมีอสูรเสริมพลังอีกตัวหนึ่ง นางไม่สามารถจะแข่งขันได้ และนางถูกบังคับให้เรียกคัมภีร์อัญเชิญ รักษาตัวนางเองและหลบออกไปจากวิหาร แม้ว่านางจะล้มเหลว แต่ครั้งหนึ่งนางเกือบทำได้สำเร็จ

หลังจากคิดดูชั่วครู่แล้ว เย่ว์หยางถามว่า “อสูรสายเสริมพลังแบบไหนที่อยู่ในห้องโถงหลังวิหารเจมินี่?”

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์ปิงยังคงมองเย่ว์หวี่ พวกเขาต้องการรู้ความจริง

พอเผชิญหน้ากับสายตาอยากรู้อยากเห็นของทุกคน เย่ว์หวี่โบกมือเบาๆ “ข้าไม่รู้อย่างอื่น อาจารย์ที่ปรึกษาข้าแค่พูดถึงมัน จากนั้นข้าถามเรื่องนี้อีก แต่นางไม่ยอมพูดเลย”

“อย่างนั้นก็หาอาจารย์ที่ปรึกษาของท่านแล้วถามนางดู” แม้ว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะเกลียดเย่ว์หยางเข้ากระดูกและคิดจะกัดเขาให้ตาย แต่เมื่อใดก็ตามที่เขามีปัญหา นางจะให้ความสำคัญกับปัญหาที่เขาเจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเขา

“นั่นจะดีเหรอ? บางทีอาจารย์ที่ปรึกษาของข้าหลบความยุ่งยากบางอย่างที่นางไม่สามารถพูดถึงได้ บางทีนางไม่รู้อย่างอื่น มิฉะนั้น เมื่อข้าถามนางอย่างนั้น นางคงจะตอบข้าไปแล้ว คงไม่เงียบเฉยแน่” เย่ว์หวี่ให้เกียรติผู้อาวุโสมากกว่า แต่เมื่อนางเห็นสายตามุ่งมั่นขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและสีหน้ากระหายใคร่รู้ของเย่ว์ปิง นางก็ใจอ่อน นางมองดูเย่ว์หยางที่กำลังคิดหนักและพยักหน้าเบาๆ “ก็ได้ แต่ถ้าอาจารย์ที่ปรึกษาของข้าไม่ต้องการพูดถึง ข้าก็คงบังคับให้นางพูดไม่ได้เช่นกัน เพราะอย่างนั้น อาจารย์ที่ปรึกษาของข้าจึงได้เตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ให้ข้าเอาเรื่องนี้ไปบอกคนภายนอก”

“ไปกันเถอะ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นว่าเย่ว์หยางยังคงคิดอยู่ ดังนั้นนางใช้มือเดียวฉุดเขาลุกขึ้น “เจ้ายังจะคิดอะไรได้ เราไปถามดูสถานการณ์กันก่อน เมื่อเจ้ากลับมาค่อยคิดมากกว่านี้ก็ได้!”

**************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset