เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 233 – ตอนที่ 214 คนสวย ข้ายิ้มให้เจ้านะ P1

===============
ของดีเหรอ?

แน่นอนว่าเขาต้องรับไว้! เย่ว์หยางไม่ลังเลใจเลยแม้แต่วินาทีเดียว

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสงสัยมากจริงๆ เกี่ยวกับเครื่องประดับแพลตตินัมรูปจันทร์เสี้ยว ขณะที่นางเข้ามาดูใกล้ๆ เจ้าเด็กขี้เหนียวรีบเก็บไว้ทันที นางอยากจะบีบคอเขาจริงๆ

ผู้เฒ่าหนานกงแสดงความคารวะจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ก่อนที่จะมาหาเย่ว์หยางและพูดกับเขาอย่างสุภาพ ด้วยมารยาทเหมือนกับว่าเย่ว์หยางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง “เย่ว์หยาง เนื่องจากเจ้าตัดสินใจจะพักอยู่ในทวีปมังกรทะยาน ข้าจะรอพบเจ้าในอีกเก้าเดือนข้างหน้า!”

เย่ว์หยางคิด เก้าเดือนข้างหน้า หากพลังของเขายังไปไม่ถึงเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 5 เขาจะยังไม่ไปลงชื่อเข้าร่วมกับพันธมิตรปราณก่อกำเนิด

ไม่จำเป็นต้องลงนามเลยนี่ ใครจะมีเวลาทำเรื่องอย่างนั้น?

บนหอทงเทียนชั้นหก มีประมุขนิกายพันปีศาจที่ดูน่ากลัวหาทางต่อสู้กับเขา เหมือนกับพยัคฆ์รอจ้องตะครุบเหยื่อ

อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องที่แตกต่างกัน หากพี่สาวผู้แนะนำลึกลับนั้นสามารถส่งเขาไปลงชื่อในสัญญาได้ … ในตอนนั้น เขาอาจได้เห็นหน้าแท้จริงของจักรพรรดินีราตรีและได้กลิ่นนางเซียนหงส์ฟ้าใกล้ๆ ก็ได้! กลิ่นของนางใช่เป็นกลิ่นสาวพรหมจรรย์จริงๆ หรือ? เขาต้องแน่ใจให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม ถ้าเป็นกลิ่นสาวบริสุทธิ์จริงๆ เขาก็จะปล้ำนางเซียนหงส์ฟ้าด้วยเช่นกัน เป็นความผิดของนางที่ชอบล้อเล่นกับเขาตลอดเวลาที่ผ่านมา

แม้ว่าเขายังปล้ำนางไม่ได้ แต่บางทีนางอาจจะปล้ำเขาในเร็ววันนี้ก็ได้

ช่วงขณะที่เย่ว์หยางเสียเวลากับการจินตนาการของเขา ผู้เฒ่าหนานกงได้ถือโอกาสอำลาคนที่เหลือและเตรียมจะจากไป

องครักษ์เทพสงครามทั้งสองคนเปิดม้วนเทเลพอร์ตออก ก่อนที่พวกนางจะจากไป ทั้งสองนางหันมาทางเย่ว์หยางพร้อมกันโดยบังเอิญ

สีหน้าของพวกนางปรากฏอารมณ์ที่ซับซ้อน

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่านางต้องตื่นตัวกับสีหน้าแบบนี้ในอนาคต เจ้าเด็กนี่มีสาวๆ ข้างตัวมากเกินไปแล้ว ถ้ายังมีสองสาวมังกรเข้ามาร่วมด้วยอีก นางคงไม่มีที่ยืนแน่ ดังนั้นนางคงต้องเตือนเขาไม่ให้เลียนแบบพระบิดาของนางที่สามารถมีชายาได้ถึงสามหรือสี่นาง ถ้าเป็นเพียงสหายของนาง นางก็ยังพอทนได้ แต่นางหวังว่าเขาคงจะไม่สร้างฮาเร็มในอนาคต มิฉะนั้น นางจะสู้ตายกับเขา

“เจ้ายังจะฝันกลางวันอะไรอีก? พวกเขาไปกันแล้ว!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้นิ้วมือนางสะกิดหน้าผากเย่ว์หยางเบาๆ

“ข้ากำลังคิดว่าผู้ชนะประลองสุดยอดร้อยโรงเรียนจะได้รางวัลมากขนาดไหน?..” เมื่อเย่ว์หยางพูดเช่นนี้ ฝูงชนถึงกับสั่นสยองทันที เจ้าเด็กนี่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดไปแล้ว ทำไมยังจะร่วมแข่งประลองสุดยอดร้อยโรงเรียนอีก? แล้วคนอื่นๆ จะต่อกรกับเขาได้อย่างไร? พวกเขามีแต่จะถูกรังแกจนตาย!

“วางใจได้, ข้าได้สมัครชื่อให้เจ้ามานานแล้ว ของเจ้าเอาไว้แข่งแบบเป็นทีม และคนอื่นๆ แข่งรวมกัน …. น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีความสนใจแข่งในตอนนั้น มิฉะนั้นเจ้าจะยังสามารถร่วมในการแข่งประเภทวิทยายุทธหรือไม่ก็ประลองสัตว์อสูร วิธีแบบนี้เจ้าจะเป็นตัวขวางแชมป์ทั้งสามประเภท” เจ้าอ้วนไห่รายงานโดยไม่เสียใจใดๆ เลย เขารู้แล้วว่าเย่ว์หยางมีพลังพอจะเอาชนะการแข่งขันได้ แต่ตอนนั้น เย่ว์หยางไม่สนใจจะเข้าร่วมการแข่งขัน ดังนั้นเขาจึงลงชื่อเย่ว์หยางแทนชื่อเขา

“เด็กน้อย! เจ้าจะไปแข่งจริงๆ หรือ?” แม้แต่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดนั้น

แม้ว่าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าต้องการให้สถาบันฉางชุนเฉิงชนะจริงๆ เขารู้สึกว่ามันจะเป็นการไม่ยุติธรรมจริงๆ หากเย่ว์หยางที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดจะเข้าแข่งขันประลองสุดยอดร้อยโรงเรียน มันเป็นการกลั่นแกล้งกันชัดๆ

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขารังแกเด็กคนอื่นมากเกินไปจนทำให้พวกเขาร้องไห้?

เมื่อเย่ว์หยางได้ยินเช่นนั้น, เขารีบคัดค้านทันที “โธ่..อาจารย์, ข้าไม่ใช่นักเรียนหรือ? นอกจากนี้ข้ายังมีสิทธิ์เข้าแข่งขันประลองสุดยอดร้อยโรงเรียนด้วย อาจารย์ก็รู้ ไม่มีกฎระเบียบห้ามนักสู้ปราณก่อกำเนิดเข้าแข่งขัน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ข้ายังไม่มีพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิด ข้าใช้พลังมากเกินไปเมื่อตอนที่ฆ่าถูเฉิง ตอนนี้ แม้แต่เซี่ยเชียนชิวบุตรของประมุขตระกูลเซี่ยที่เรียกร้องความเป็นธรรม ก็ยังแทบฆ่าข้าได้ทันทีง่ายๆ ข้าต้องเสี่ยงชีวิตของข้าเข้าร่วมการแข่งขันเชียวนะ แล้วท่านจะรังเกียจข้าแทนที่จะสนับสนุนข้าได้อย่างไร?”

ทุกคนกังวลใจจนพูดไม่ออก อย่าว่าแต่เซี่ยเชียนชิวเลย ต่อให้ตระกูลเซี่ยทั้งตระกูลร่วมกัน พวกเขาบางทียังไม่สามารถทำอะไรแม้แต่ปลายนิ้วของเจ้าเด็กนี่ได้

บางทีเขาพูดเรื่องนี้ทั้งหมดเพื่อหาเรื่องสู้กับตระกูลเซี่ยก็ได้

ตอนนี้ ตระกูลเซี่ยเป็นเหมือนสุนัขจรจัด ไม่มีใครต้องการพูดและช่วยเหลือพวกเขา

จะต่อกรกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดน่ะหรือ พวกเขาเบื่อหน่ายชีวิตแล้วหรือ? อย่าว่าแต่คนอื่นๆ เลย แม้แต่นักรบสือจินที่มาช่วยตระกูลเซี่ย ที่เป็นนักรบระดับ 6 และระดับ 7 ก็ยังไปจากตระกูลเซี่ยอย่างเงียบๆ ขีดเส้นแบ่งแยกตัวเองออกมาจากตระกูลเซี่ย

ตระกูลเย่ว์ที่ไม่มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดอาจถูกรังแกได้ง่าย แต่ตระกูลเย่ว์ที่มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดในตอนนี้เป็นเหมือนพยัคฆ์ร้ายที่ล่าเหยื่อมนุษย์ ใครก็ตามที่ต่อต้าน พวกเขาจะถูกสังหารแน่นอน

แม้แต่คนโง่ ก็จะไม่ยอมช่วยตระกูลเซี่ยสู้กับตระกูลเย่ว์

“ข้าผิดไปแล้ว ฮือๆๆ… ข้ามันจิตใจเหมือนหมู ข้าอกตัญญู ข้ามันไม่ใช่คน … ท่านแม่ทัพใหญ่ โปรดคำนึงถึงเวลานั้น เวลาที่ท่านนำเราทุกคนเข้าสู่สมรภูมิ โปรดละเว้นตระกูลเซี่ยและเหลือทางรอดให้เราสายหนึ่ง ข้าขอให้ท่านให้อภัยด้วยเถิด ข้ากราบท่านล่ะ!” จู่ๆ เซี่ยเทาคุกเข่าและร้องไห้อย่างขมขื่น จากนั้นเริ่มตบหน้าตัวเองซ้ายขวาอย่างต่อเนื่อง จนหน้าของเขาที่ถูกตบอย่างต่อเนื่องเริ่มบวมเหมือนหน้าหมู มีเลือดไหลออกจากจมูก เซี่ยเทาคลานไปที่เท้าของผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และโขกศีรษะคำนับไม่หยุด แม้ว่าเขาจะมีสถานะสูงส่งเป็นถึงประมุขตระกูล ก็ยังประพฤติทำนองว่า “ถ้าท่านไม่ยอมยกโทษให้ข้า ข้าจะร้องไห้จนตายต่อหน้าท่าน”

เซี่ยถูและเซี่ยนิ่วส่งสัญญาณให้สมาชิกและนักสู้ของตระกูลเซี่ยทุกคนคุกเข่าลง

ความอดสูที่ต้องคุกเข่าไม่มีอะไรที่น่าสำคัญเมื่อเทียบกับการถูกล้างตระกูล

ด้วยการแสดงออกของนักรบมากมาย แม้ว่าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่จะโหดร้าย เขาคงไม่สั่งให้ทหารทำลายตระกูลเซี่ย ไม่ว่าจะลงโทษพวกเขารุนแรงแค่ไหน ก็ไม่รุนแรงเท่ากับทำลายล้างทั้งตระกูล

ในทางตรงกันข้าม ถ้าพวกเขาต่อต้านยืนกรานจนถึงที่สุด พวกเขาเชื่อว่าเย่ว์หยาง นักสู้ปราณก่อกำเนิดนั้น คงไม่จำเป็นต้องเริ่มโจมตีพวกเขาเอง แต่กลับเป็นนักรบในหมู่ผู้ชมดูจะเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีพวกเขาเอง บางทีพวกเขาอาจถูกกำจัดทั้งตระกูลในระยะเวลาอันสั้นก็ได้.. การกำจัดตระกูลเซี่ยไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับพวกเขาอยู่แล้ว วิธีนี้ พวกเขาก็จะกำจัดคู่แข่งให้น้อยลงไปอีก

“ท่านปู่! ข้าขอปล่อยให้ท่านชำระเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้เลย ข้ารู้สึกว่าท่านน่าจะลงโทษพวกเขาให้หนัก” เย่ว์หยางคว้าตัวผู้เฒ่าชิงซงและผู้เฒ่าเฮย์เฮ่อตั้งใจว่าจะเอาไปทำปุ๋ยดอกไม้ หมุนตัว แล้วจากไป

มารยาทและการวางตัวของเย่ว์หยางครั้งนี้ทำได้เหมาะสมมาก

ในฐานะนักสู้ปราณก่อกำเนิด คำพูดของเขาถูกมองว่าเป็นสิ่งสำคัญ ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่สามารถใช้คำพูดของเขาเป็นข้ออ้าง ตระกูลเซี่ยต้องการจะหนีการลงโทษหรือ? นั่นเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางก็ยังเป็นผู้เยาว์อยู่ดี หากเขาสังหารคนของตระกูลเซี่ยด้วยตนเองต่อหน้าคนหมู่มาก คนรุ่นเก่าจะรู้สึกอึดอัดใจ นอกจากนี้ยังปล่อยให้คนอื่นๆ ได้จดจำด้านมืดของตระกูลเย่ว์ที่จะไม่ยอมเปลี่ยนไปได้ง่ายๆ อีกด้วย ตอนนี้ พอหันกายจากไป เขาแสดงว่า เขาในฐานะนักสู้ปราณก่อกำเนิด จะไม่สนใจจัดการเรื่องง่ายๆ เหล่านี้ ท่าทีเช่นนี้ได้ช่วยคนไว้มากและเพิ่มพูนชื่อเสียงให้เขา ผู้คนมีแต่จะขอบคุณเขาแน่นอน

ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่มองมาที่เย่ว์หยางและพยักหน้าเงียบๆ

เรื่องนี้ ถ้าเป็นเย่ว์ชิวบุตรของเขาเป็นคนรับมือ เขาคงไม่สามารถรับมือด้วยวิธีแบบนี้แน่ เขามีบุคลิกที่เถรตรง เขาจะไม่ยอมเข้าใจและยังไม่ชอบใช้สถานะเพื่อประโยชน์ตนเองอีกด้วย

เสี่ยวซานกลับตรงกันข้าม เขาโดดเด่นมากกว่าบิดาของเขา… จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าผงกหัวให้กันอย่างเงียบงัน แม้แต่ราชันย์ฟ้าบูรพาที่มีลักษณะคล้ายเตียวหุยก็ยังชื่มชม นอกจาก พวกที่ตระหนักถึงเรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าวแล้ว ยังรวมทั้งเสวี่ยเวิ่นเต้าจากตระกูลเสวี่ย, เฟิงเสี่ยวหวินจากตระกูลเฟิงและเหยียนเชียนจ้งจากตระกูลเหยียน

ตระกูลเซี่ย มีเพียงเซี่ยถูที่รู้สึกพอใจเมื่อได้ยินคำพูดของเย่ว์หยาง แทนที่จะรู้สึกขื่นขม

ถ้าเย่ว์หยางจากไปโดยไม่พูดอะไรไว้เลย เซี่ยถูเชื่อว่าเย่ว์หยางจะต้องตามพัวพันตระกูลเซี่ยในอนาคตและกำจัดพวกเขาทั้งตระกูลได้ เซี่ยถูเชื่อจริงๆ ว่าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้นี้คือผู้ที่อำมหิตพอที่จะทำลายพวกเขาจนถึงรากเง่าได้ ตอนนี้เขากลับพูดว่า “ลงโทษพวกเขาให้หนัก” แทน นอกจากเรื่องพิจารณสถานะของตระกูลเซี่ยแล้ว เขายังคงเหลือทางรอดให้พวกเขาสายหนึ่ง เขาให้ตระกูลเย่ว์ได้แสดงน้ำใจและความเมตตากับพวกเขา

ปล่อยเรื่องนี้ให้ให้แม่ทัพเย่ว์พิจารณาถือเป็นความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ของเขาแล้ว

ถ้าขึ้นอยู่กับแม่ทัพเย่ว์ ตระกูลเซี่ยคงจะไม่ถูกกำจัดอย่างแน่นอน เซี่ยถูถอนหายใจด้วยความโล่อกขณะที่เขามองดูเย่ว์หยางถอยออกไป และเขาแสดงความซาบซึ้งอยู่แววตาของเขา

ถ้าเขาเองเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ศัตรูของเขาหนีไปได้ง่ายๆ แน่

นี่อาจเป็นสาเหตุที่ตระกูลเย่ว์สามารถมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่อายุเยาว์ได้ และเป็นเหตุผลที่เขาผู้ฝึกฝนบ่มเพาะมาเป็นเวลาหลายปียังค้างเติ่งเป็นนักสู้ระดับ 7 อยู่

ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ระบุเงื่อนไขข้อแรก ขอให้ทุกคนที่อยู่ในที่นี้เก็บความจริงที่ว่าเย่ว์หยางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดไว้เป็นความลับ ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่รู้ว่าเขาไม่สามารถซ่อนเรื่องนี้ไว้ได้นาน แต่เขาจะพยายามซ่อนความลับนี้ไว้ให้นานเท่าที่จะทำได้ หลานชายผู้มีคุณค่าของเขายังมีหลายเรื่องที่จะต้องทำในทวีปมังกรทะยาน การประกาศพลังอำนาจของเขาต่อสาธารณชนยังไม่ใช่สิ่งที่ดี อย่างน้อยที่สุด ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่คิดว่า เขาควรจะป้องกันไม่ให้เรื่องนี้ประกาศต่อชาวโลกทั่วไป สำหรับคนที่แอบส่งข้อมูลนี้ไปให้คนอื่นๆ เขารู้ว่าไม่สามารถควบคุมเรื่องนี้ได้เต็มร้อย เขาจึงได้แต่ห้ามไม่ให้ทำเช่นนั้น

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆ ไม่อยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเย่ว์เพื่อดูว่าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ลงโทษตระกูลเซี่ยอย่างไร พวกเขากลับรีบตามเย่ว์หยางออกมา

พวกเขาทุกคนอยากรู้อยากเห็นมาก เย่ว์หยางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดขณะอายุน้อยได้อย่างไร?

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset