เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 235 – ตอนที่ 215 ใช้ปัญญาผ่านด่านวิหารคนคู่

===============
เจ้าเมืองโล่วฮัวมาจริงๆ แม้ว่านางจะหลบหน้าเย่ว์หยางตั้งแต่ช่วยแม่สี่กลับมาได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเย่ว์หยางต้องการความช่วยเหลือจากนาง นางก็จะมาโดยไม่ลังเลใจ และสอนทักษะเข้าสู่สภาวะเสมือนตายโดยไม่คิดอะไรเลย

แม้ว่าสาวๆ ทุกคนจะรู้สึกว่าเย่ว์หยางเป็นจอมลามก แต่พวกนางก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขามีพรสวรรค์และทักษะการต่อสู้ในระดับยอดฝีมือ ตอนแรกเย่ว์ปิงสามารถทำความเข้าใจหลักการสภาวะเสมือนตายได้ประมาณหนึ่งในสิบ เย่ว์หยางก็เข้าใจทักษะนี้ได้หมดแล้ว อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางยังต้องการให้เย่ว์ปิงช่วยในการผ่านด่านวิหารคนคู่นี้ ดังนั้น มันจะทำไม่ได้ ถ้าเย่ว์ปิงไม่เข้าใจทั้งหมด เกี่ยวกับเรื่องนี้ เย่ว์หยางลังเลอยู่ทั้งวันก่อนที่จะตัดสินใจบอกสาวๆ เกี่ยวกับทักษะผสานกายของเขา…

แน่นอนว่า เย่ว์หยางไม่ได้บอกว่าเขาสามารถอ่านข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสไว้ในบันทึกของบิดามารดาของเขา เพราะเขามีทักษะญาณทิพย์

เจ้าเด็กนั่นแสดงบทของสหายผู้น่าสงสารแทน โดยบอกว่ามารดาของเขาสอนเขาไว้ตั้งแต่เด็ก

“ผสานกายหรือ?” ปฏิกิริยาแรกขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็คือสงสัยว่าเย่ว์หยางวางแผนฉวยโอกาสเอาเปรียบทุกคน

“ทักษะผสานกายของพี่สามใช้ได้ผลมากจริงๆ พี่สามประกบฝ่ามือกับข้าและเดินปราณถ่ายเทพลังปราณของเขาให้ข้า ทำให้ข้าสามารถเรียกนักรบพฤกษาของข้าได้ทันทีโดยแทบไม่ต้องใช้พลังอะไรเลย” เย่ว์ปิงมักจะสนับสนุนเย่ว์หยางเป็นส่วนใหญ่ และมองไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ผิดปกติ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวมองมาที่เย่ว์หยางเหมือนกับมองพวกวิปริตรักกับน้องสาว ขณะที่เย่ว์หวี่เขินเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม นางแกล้งทำเป็นไม่รู้และเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ถามเย่ว์หยางและเย่ว์ปิงในรายละเอียดวิธีผ่านด่านวิหารวัว (ทอรัส) แทน เย่ว์ปิงก็พาซื่อ นางเล่าทุกรายละเอียดให้พวกนางฟัง ทุกคนเชื่อนาง ดังนั้น หลังจากสนทนากันสั้นๆ ทุกนางจึงตัดสินใจยอมให้เย่ว์หยางใช้ทักษะผสานกายนี้กับพวกนาง

“พวกท่านก็คิดมากเกินไป…” เย่ว์หยางพยายามแสดงว่าเขาไม่ได้ปกปิดอะไรเลย แต่สาวๆ กลับสงสัยเย่ว์หยางมากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของเขา

หลังจากทั้งสามนางรู้สึกว่าปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยางสามารถถ่ายเทเข้ามาในร่างพวกนางจาการผสานกาย พวกนางก็รวมตัวกันปรึกษากันอีกครั้ง

พวกนางไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามันมีประสิทธิผล

มันเป็นประโยชน์ต่อพวกนางแน่นอน และยังทำให้พวกนางได้รับประโยชน์อีกมากมายด้วย

มันก็แค่ว่าพวกนางรู้สึกแปลกที่พลังปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยางถ่ายเทเข้ามาในตัวของพวกนาง เหมือนกับว่าเจ้าเด็กนี่สามารถเห็นพวกนางได้ทั่วทั้งตัว มันน่าเขินอายอยู่บ้าง

เจ้าเมืองโล่วฮัวและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนค่อยรู้สึกดีขึ้น เพราะพวกนางมีใจกับเย่ว์หยางอยู่แล้ว แม้ว่าปากพวกนางจะปฏิเสธ แต่พวกนางก็เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองอยู่แล้ว เย่ว์หวี่ญาติผู้พี่ของเขากลับตรงกันข้าม นางรู้สึกกลัวเล็กน้อย นางอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนกับว่าไม่เหมาะที่นางจะยอมรับหรือปฏิเสธปราณของเย่ว์หยาง การปฏิเสธก็จะเป็นเหตุให้เย่ว์ปิงสงสัยว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง และนางอาจสูญเสียโอกาสพิเศษในการแสวงความก้าวหน้าได้ วิธีลับนี้คือวิธีการที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษนานเป็นหมื่นปี เป็นทักษะที่ทุกคนได้แต่ฝันถึงเท่านั้น จะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับนางหากปฏิเสธมัน

แต่ถ้านางไม่ปฏิเสธมัน ด้วยสถานะของนางที่เป็นญาติผู้พี่ของเขา มันเป็นเรื่องน่าอึดอัดใจมากทีเดียว

ในที่สุดก็มีเพียงเจ้าเมืองโล่วฮัวที่เปิดใจกว้างมากที่สุด “ทุกคน อย่าคิดมากเกินไปเลย ฝึกก็คือฝึก ถ้าหัวใจของเราบริสุทธิ์และซื่อตรง เรื่องนี้จะมีอะไรผิดด้วยเล่า? นี่คือทักษะที่หายสาบสูญมานานถึงหมื่นปี เราต้องไม่พลาดโอกาสเรียนรู้ ที่สำคัญที่สุด เย่ว์หวี่ เจ้าเป็นหมอในหมู่พวกเรา แม้ว่าทักษะการรักษาอาจไม่ได้ใช้บ่อยนักในหอทงเทียนระดับต่ำ แต่เมื่อเราขึ้นไปที่ชั้นสี่หรือสูงกว่านั้น เราจะเจอกับการต่อสู้และสงครามนับครั้งไม่ถ้วน ยังมีสัตว์ประหลาดนับไม่ถ้วนรออยู่ที่นั่น และถ้าไม่มีหมอในหมู่พวกเรา ก็จะเป็นเรื่องเหนื่อยหนักและอันตรายมาก.. ด้วยวิธีผสานกายนี้ เย่ว์หยางจะสามารถขยายขีดความสามารถของเจ้าและเชื่อมร่างพวกเราเข้าด้วยกันอีกด้วย

ด้วยคำพูดของนาง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่ค่อยรู้สึกโล่งใจ

มันไม่ใช่เรื่องแย่อะไรเลย ก็แค่เรื่องพี่สาวและน้องชายร่วมทีมกันต่อสู้ ทำไมนางถึงต้องใส่ใจกับมันมากนักเล่า?

หลังจากตัดสินใจ ทุกคนก็ยอมรับวิธีผสานกายโดยมีสำนึกที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม พวกนางไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป ป้องกันไม่ให้คนอื่นรู้สึกอึดอัดใจ

ก่อนที่เย่ว์หยางจะค้นความลับเรื่องวิธีผสานกายนั้น เจ้าเมืองโล่วฮัวได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่ง เย่ว์หยางเชื่อว่าจดหมายฉบับนั้นเขียนถึงหญิงงามลึกลับผู้ชอบอ่านหนังสือ แต่เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่ยอมให้เขาเห็นจดหมายไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางปฏิเสธเขาทันที ปล่อยให้เย่ว์หยางรู้สึกสงสัยในใจต่อไป

การผสานกายเป็นวิชาที่ลึกซึ้งมาก ยิ่งกว่านั้น ในที่สุดมีการเคลื่อนไหวบางอย่างที่จะทำได้เฉพาะคู่รักหรือสามีภรรยากันถึงจะทำได้ เย่ว์หยางไม่กล้าพูดเรื่องเหล่านั้นในตอนนี้

เขาแค่บอกพวกนางเกี่ยวกับเรื่องพื้นฐาน ที่เห็นได้ชัดที่สุด การผสานกายในระยะเริ่มแรกส่วนใหญ่ แสดงให้เห็นชัดแล้วเมื่อเริ่มกับเย่ว์ปิง

ขณะที่จิตใจของเย่ว์ปิงนั้นบริสุทธิ์ไม่มีความคิดอื่นใด นางสามารถทำใจให้ว่างเปล่าได้ง่ายมาก ในเวลาไม่กี่วินาที เย่ว์หยางก็สามารถควบคุมร่างนางได้ ในบรรดาสาวๆ ทั้งสี่คน นางประสบผลสำเร็จมากที่สุด และผสานกายได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

เจ้าเมืองโล่วฮัวก็ประสบผลค่อนข้างดี หลังจากล้มเหลวสิบกว่าครั้ง ในที่สุดก็ผสานแสงอุษาของนางเข้ากับเย่ว์หยางได้ พลังของนางเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า ทำให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอิจฉาจนเกือบกรี๊ดออกมา สำหรับเย่ว์หวี่ หลังล้มเหลวถึง 30 กว่าครั้ง ในที่สุดนางก็สามารถผสานพลังของนางเข้ากับเย่ว์หยางได้และเรียกวารีบำบัดออกมาใช้ได้มีผลเป็นสองเท่าจากที่เคยมีตามปกติ ทักษะธรรมชาติภูตน้ำพุของนางได้ยกระดับขึ้นด้วย เมื่อมันผสานเข้ากับปราณของเย่ว์หยางได้สำเร็จ

เกลียวเมฆระดับ 2 ของนางได้ยกระดับเป็นพลังภูตน้ำพุ ระดับ 3

ด้วยพลังภูตน้ำพุของนาง นางสามารถรักษาพลังภายในของคนอื่นได้เร็วขึ้นอย่างน้อยก็สามเท่า เวลาที่นางใช้ในการเรียกสัตว์อสูรก็ใช้เวลาสั้นลงอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่เป็นประโยชน์ต่อเย่ว์หยางมากนัก ทั้งนี้เป็นเพราะทักษะที่เย่ว์หยางมีอยู่นั้นไม่ธรรมดาเลย เขาสามารถเรียกเงาปีศาจและทำให้มันอยู่ได้นานถึงสิบวัน ขณะที่เสี่ยวหวินหลีและอสูรอื่นๆ พวกเขามักจะปรากฏตัวเสมอ ไม่มีการจำกัดเวลาที่จะเรียกพวกเขา ประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดของพลังภูตน้ำพุสำหรับเย่ว์หยางก็คือมันทำให้เขาเข้าใจพลังน้ำจากพลังขั้วหยินของเขา

ในบรรดาหญิงสาวทั้งสี่ ที่ย่ำแย่ที่สุดกลับเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน

เนื่องจากทักษะหกรับรู้ของนางมีความอ่อนไหวมาก นางให้ความสำคัญมากและไม่เคยสูญเสียการควบคุมร่างกายตัวเองเลย นางไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการมีพลังปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยางอยู่ภายในร่างกายนาง

หลังจากล้มเหลวมากกว่า 50 ครั้ง พวกเขาก็ทำได้สำเร็จ เย่ว์หยางเหนื่อยมากจนแทบทรุดลงกับพื้น

จากการผสานร่างกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ผลสำเร็จน่ากลัวยิ่งกว่าพลังแสงอุษาของเจ้าเมือโล่วฮัวเสียอีก นางกลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่ไร้เทียมทานในมือของเย่ว์หยาง พลังของอสูรสายเสริมพลังของนางสามารถนำมาใช้กับเย่ว์หยาง ในทางกลับกัน องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็สามารถใช้ทักษะไฟขั้วหยางของเย่ว์หยางได้ พลังวงกลมหยินหยาง, การเทเลพอร์ตและทักษะอื่นๆ

เพียงแค่ประสบผลสำเร็จครั้งแรก องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็ไม่ยอมให้เย่ว์หยางแตะต้องตัวนางอีกต่อไปไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แม้แต่ถูกต้องแขนนางก็ตาม

“ปิงเอ๋อยังคงยอดเยี่ยมที่สุด ข้าทำงานอย่างกะเป็นทาสเพื่ออะไรกันนี่? ไม่ใช่เพื่อที่ว่าพวกท่านจะได้มีความก้าวหน้าหรือ?” เย่ว์หยางก็แอบเอาเปรียบสาวๆ เหล่านี้ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ด้วยการที่พลังปราณก่อกำเนิดของเขาไหลเข้าไปตามเส้นเลือด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำให้พวกนางรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย

“ค่ะ, ค่ะ!” เย่ว์ปิงรู้สึกมีความสุขมากเมื่อพี่ชายนางชมเชย

แม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวก็มักจะตอบโต้เย่ว์หยางทุกอย่างที่เย่ว์หยางกล่าวในเวลาปกติ แต่เมื่อถึงเวลาฝึก พวกนางกลับเชื่อฟังวิธีการที่หยาบและไม่มีเหตุผลของเขาแต่มันก็ได้ผล

แม้แต่เย่ว์หวี่ญาติผู้พี่ของเย่ว์หยาง ก็ยังกล้ำกลืนทนอึดอัดและให้ความร่วมมือในการฝึก

พวกนางตระหนักมานานแล้วว่า พวกนางประสบผลสำเร็จก้าวหน้าที่คุ้มค่าจากที่ต้องฝึกเป็นเดือนด้วยการฝึกกับเย่ว์หยางเพียงวันเดียว

มิน่าเล่าเจ้าเด็กนี่ถึงได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดขณะที่อายุเพียง 20 ปี วิธีลับในการฝึกของเขาลึกซึ้งจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่นักรบธรรมดาจะคิดกันได้ง่ายๆ

การแข่งขันประลองสุดยอดร้อยโรงเรียนจะเริ่มอยู่แล้ว แต่เย่ว์หยางตัดสินใจผ่านด่านวิหารคนคู่ให้ได้ก่อนเข้าร่วมการแข่งขัน ถ้าเขาไม่อาจผ่านด่านวิหารคนคู่ได้ เย่ว์หยางคงรู้สึกเป็นภาระในใจ

แดนดาว หน้าประตูเทเลพอร์ตเข้าวิหารสิบสองนักษัตร

“ระวังตัวด้วยนะ ถ้าเจ้าทำไม่ได้จริงๆ เราจะช่วยคิดหาทางอื่นอีกครั้ง เจ้ายังมีแม่สาวผู้รักการอ่านอีกคนหนึ่งไม่ใช่หรือ? นางมีสมองที่ฉลาด ดังนั้นเราจะลองถามวิธีการกับนางดู” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนให้คำแนะนำที่คาดไม่ถึง แนะนำไม่ให้เย่ว์หยางมุทะลุเกินไป วิหารคนคู่เป็นด่านที่ผ่านได้ยากที่สุด ไม่เคยมีผู้ใดเคยผ่านมาได้นานกว่าหมื่นปีแล้ว ผ่านด่านนั้นไม่ได้ ถือเป็นเรื่องธรรมดา

“เราจะทำให้สำเร็จจนได้ ข้ามีความมั่นใจเช่นนั้น” เย่ว์หยางมีความมั่นใจว่าจะสำเร็จอย่างน้อยแปดส่วน

เขารู้สึกว่าถ้าเขาเดาไม่ผิดจุดสำคัญในการผ่านด่านนี้อยู่กับคำว่า “คนคู่”

คนเพียงคนเดียวไม่สามารถผ่านด่านได้โดยลำพัง ต้องมีคนสองคน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาต้องเป็นคนสองคนที่มีหัวใจเชื่อมถึงกัน คนที่มีใจเชื่อมโยงกับเย่ว์หยางได้มากที่สุดก็คือเย่ว์ปิง แม้ว่าเย่ว์ปิงจะไม่สามารถเดาได้ว่าเย่ว์หยางคิดอะไรอยู่ แต่นางเชื่อฟังพี่ชายนางแต่โดยดี ยิ่งไปกว่านั้นนางยอมให้เย่ว์หยางเข้ามาในดินแดนจิตวิญญาณของนาง และยอมให้เย่ว์หยางสามารถควบคุมร่างของนางและเปลี่ยนเป็นสภาพสองร่างในหนึ่งคน

จุดนี้เป็นจุดใหญ่ในการคลี่คลายปริศนาวิหารคนคู่

เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่ได้พูดอะไร นางกอดเย่ว์หยางด้วยความรู้สึกที่ซาบซึ้งขอบคุณเขา

วันนั้น ที่นี่คือที่ๆ นางพบกับเขาครั้งแรก เวลาผ่านไปเร็วมาก เมื่อพวกเขากลับมาที่นี่อีกครั้ง พวกเขาก็มีสถานะแตกต่างจากตอนนั้นสิ้นเชิง จากคนแปลกหน้าไม่รู้จักกันค่อยๆ กลายเป็นคนรักกัน

เย่ว์หยางยังคงรู้สึกว่าอารมณ์อ่อนโยนพลุ่งพล่านอยู่ในใจของเขา เขาลูบหลังของเจ้าเมืองโล่วฮัวเบาๆ “รอข้ากลับมานะ ข้าจะทำให้สำเร็จจนได้!”

อีกด้านหนึ่งเย่ว์หวี่กอดเย่ว์ปิงน้องสาวของนางไว้ ขณะที่นางเตือนเย่ว์ปิงซ้ำแล้วซ้ำอีกให้ระมัดระวังและตามพี่ชายให้ติดๆ ไว้

พอกลับมาที่วิหารคนคู่ ทุกอย่างยังคงดูเหมือนแต่ก่อน

“ปิงเอ๋อ! หลับตาซะ” เย่ว์หยางจับมือเย่ว์ปิงขณะที่เขาใช้วิชาผสานร่างเพื่อควบคุมร่างของนางให้เข้าสู่สภาวะเสมือนตาย จากนั้น เขาเรียกหนูเบญจธาตุค้นสมบัติที่ไม่มีพลังต่อสู้และพลังเกลียดชังแต่อย่างใดออกมา ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ถูกเงาโจมตี หนูเบญจธาตุค้นสมบัตินี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนเย่ว์หยางที่จะต้องทำให้สำเร็จ

เย่ว์ปิงล้มลงช้าๆ ในอ้อมอกเย่ว์หยางขณะที่ลมหายใจของนางหยุด

หนึ่งนาทีต่อมา เย่ว์หยางโอบกอดเย่ว์ปิงหมอบคลานเข้ามาอยู่ต่อหน้าเงาเหมือนเย่ว์ปิงในวิหารเจมินี่

เงาเหมือนบนสนามต่อสู้ก็ล้มลงบนพื้นเหมือนกัน ขณะที่การเต้นของหัวใจของเย่ว์หยางหยุดไป ความคิดของเขาก็หายไป, เงาของเย่ว์หยางก็หายวับไปด้วย กฎในการผ่านด่านเข้าใจว่าผู้ท้าประลองผ่านด่านตายแล้ว ดังนั้นจึงมีผลกระทบเช่นเดียวกับเงา ทำให้มันหายไป เงาของเย่ว์ปิงก็ยังหายไปพร้อมกับเงาของเย่ว์หยาง

ในที่สุด ก็เหลือแต่เพียงหน้ากากทองรูปคนร้องไห้ครึ่งหนึ่ง ยิ้มครึ่งหนึ่งวางสงบอยู่บนสังเวียนต่อสู้

หนูเบญจธาตุค้นสมบัติร่วมกันลากหน้ากากทองตามคำสั่งของเย่ว์หยางก่อนที่เขาจะเข้าสู่สภาวะเสมือนตาย

ยังมีหนูเบญจธาตุค้นสมบัติเงาอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่เนื่องจากพวกมันไม่ได้รับคำสั่ง พวกมันจึงแค่ยืนอยู่เฉยๆ โดยไม่ขยับ

หลังจากเวลาผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง พวกมันก็กลับมาถึงด้านข้างของเย่ว์หยาง

พวกมันใช้เวลาอีกสิบนาทีก่อนที่จะพวกมันจะสวมหน้ากากลงบนใบหน้าของเย่ว์หยางด้วยความยากลำบาก ในทันใดนั้นประตูที่นำไปสู่วิหารเจมินี่ด้านหลังเปิดออกทันที เงาที่สองของเย่ว์หยางพุ่งออกมาและตรงเข้าหาเย่ว์หยางทันที เงาที่สองมองดูเหมือนเด็กผู้หญิงกำลังยิ้มเป็นขั้วตรงกันข้ามกับเงาแรกที่มองดูเหมือนเป็นผู้ชายที่น่ากลัวสวมหน้ากากทอง นางคือคนคู่อีกครึ่งหนึ่ง หรือเป็นเจมินี่อีกคนหนึ่ง จากที่อาจารย์ย่าของเย่ว์หวี่บันทึกไว้และข้อสังเกตที่เขาหาเจอในวิหารคนคู่ เย่ว์หยางพบว่าเงาแรกคือหนึ่งในคนคู่ที่ดูอำมหิต มันมีลักษณะคล้ายกับเย่ว์หยางยามที่เขาอยู่ในสภาวะคลั่งไล่สังหารทุกคนโดยไม่ลังเลใจเลย

ในทางตรงกันข้าม เงาที่สองเป็นหนึ่งในคนคู่ที่ดูใจดี นางจะหยุดผู้ท้าประลองที่เข้ามายังห้องโถงด้านหลัง แต่นางจะไม่ทำร้ายพวกเขาแน่นอน นอกจากนี้นางยังพยายามจะคว้าหน้ากากของเงาแรกกลับคืนมา

กุญแจดอกแรกไขปริศนาผ่านด่านแรกเพื่อคว้าหน้ากากทองสำเร็จแล้ว

เย่ว์หยางใช้วิธีเข้าสู่สภาวะเสมือนตายแล้วให้หนูเบญจธาตุค้นสมบัติคว้าหน้ากากทองมาก่อน ทันทีที่สวมหน้ากากทอง เงาคนคู่ส่วนที่อำมหิตก็จะไม่ปรากฏอีก ตราบใดที่หน้ากากทองกลับไปที่เวทีต่อสู้นั้นและเย่ว์หยางฟื้นขึ้นมา เงาของคนคู่ที่โหดร้ายนั้นก็จะฟื้นขึ้นมาอีก และมีความแข็งแกร่งพอๆ กับเย่ว์หยางทันที

เงาคนคู่ร่างที่สองที่ใจดีนั้นจะแค่รับผิดชอบป้องกันห้องโถงหลังตามปกติ

อย่างไรก็ตาม เมื่อหน้ากากทองตกไปอยู่ในมือผู้ท้าแข่งขัน เมื่อเงาคนคู่ตัวแรกหายไปแล้ว จากนั้นนางที่ถูกปล่อยให้อยู่โถงด้านหลังก็จะรีบออกมา

กุญแจผ่านด่านส่วนที่สองจะสำเร็จเต็มที่ได้ก็ต้องหยุดเงาคนคู่ที่สองไว้ให้ได้ ปกติเงาคนคู่ที่ใจดีจะมีพลังระดับอสูรชั้นทองระดับที่ 6 ยากที่จะเอาชนะได้อยู่แล้ว แต่การที่มันไม่ทำร้ายผู้เข้าแข่งขัน นั่นคือจุดอ่อนของมัน

เสี่ยวเหวินหลีลอยออกมาจากในร่างของเย่ว์หยาง เธอโยนลูกบอลแสงลงบนร่างของเย่ว์หยาง ช่วยให้เขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน เธอก็รับมือกับการโจมตีของเงาที่สองทันที โซ่ล่องหนของเสี่ยวเหวินหลียิงออกมา ขณะที่เธอควงดาบโค้งคู่ แช่แข็งคู่ต่อสู้ไว้ เมดูซาศิลา, เงือกวายุและนาคาสายฟ้าถูกเรียกออกมาช่วยกันต่อสู้ทั้งหมด เพื่อหยุดเงาคนคู่ที่สองนั้น

ในทางกลับกัน เย่ว์หยางฟื้นขึ้นทันทีและอุ้มร่างเย่ว์ปิงพาเหินเข้าไปในห้องโถงหลังวิหารคนคู่…

ด่านส่วนที่สามสามารถผ่านได้สำเร็จพร้อมกับวางร่างเย่ว์ปิงลง ตราบใดที่ส่วนสุดท้ายผ่านได้สำเร็จ วิหารคนคู่ที่สร้างความผิดหวังให้กับนักรบมากมายมานานหลายปี ก็จะถูกพิชิตลงได้

“ในที่สุดเราจะทำได้สำเร็จ!”

ด่านวิหารคนคู่ที่ไม่มีผู้ใดสามารถผ่านได้มานานหมื่นปีจะถูกพิชิตลงในไม่ช้า หัวใจของเย่ว์หยางเต้นระรัวจนไม่สามารถห้ามความตื่นเต้นของตนเองได้

****************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset