เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 242 – ตอนที่ 222 ขออภัยการจราจรติดขัด

===============
หลังจากแข่งขันสุดยอดนักเรียนผ่านไปไม่กี่วัน เย่ว์ปิงผ่านการแข่งขันได้อย่างสบาย ทั้งนี้เป็นเพราะคู่ต่อสู้ที่นางเผชิญหน้าไม่ค่อยแข็งแกร่งนักและนางไม่จำเป็นต้องเรียกผู้พิทักษ์พฤกษาร้อยปีออกมาก็ยังเอาชนะได้ เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และพี่น้องตระกูลหลี่ก็ประสบความสำเร็จเข้าสู่รอบสุดยอดร้อยนักเรียน ขณะที่เย่ว์หยาง เขาเข้ารอบสุดยอดร้อยนักเรียนได้โดยใช้เงาปีศาจสู้แทนเขา

ปีนี้ ทีมจากสถาบันฉางชุนเฉิงแข็งแกร่งมากจริงๆ สถาบันที่เสื่อมเสียหน้าเพราะพ่ายแพ้ในปีที่แล้ว กลับมีนักเรียนหกคน เข้าสู่รอบร้อยสุดยอดนักเรียนในปีนี้

ด้วยการแสดงความแข็งแกร่งอย่างนี้ สถาบันฉางชุนเฉิงจึงเป็นที่ดึงดูดความสนใจผู้คนได้มาก

นอกจากสามสุดยอดโรงเรียนในทวีปมังกรทะยาน, สถาบันฉางจิง, สถาบันจ้งเซียงและสถาบันหมาป่าเทา สถาบันฉางชุนเฉิงก็ยังเรียกความสนใจของมวลชนในฐานะม้านอกสายตาที่มีพัฒนาการยิ่งใหญ่ที่สุด

ไตตัน เจ้าบอดบ้าเลือดเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ทุกคนเกลียดที่สุด

โดยความคิดเห็นส่วนตัว นักเรียนหลายคนคิดว่าเจ้าไตตันผู้นี้ผิดปกติธรรมดามาก เพราะเขาตาบอดและนั่นเป็นสาเหตุให้เขามีการโจมตีที่ดุดันแน่นอน มีคนเพียงไม่กี่คนที่สามารถบอกได้ว่าไตตันนั้นเป็นร่างเหมือน เป็นอสูรประเภทเงาปีศาจชนิดหนึ่ง

“ข้าตั้งตาคอยที่จะต่อสู้กับนักเรียนไตตันตัวต่อตัวจริงๆ” บุรุษน้ำแข็งเสวี่ยทันหลางดูเหมือนจะรู้ว่าไตตันความจริงก็คือเย่ว์หยางนั่นเอง เขาแทบจะขอให้ได้ต่อสู้กับเย่ว์หยางแทบทุกครั้งที่จับสลาก

“เขาก็แค่มีความสำเร็จเพียงเล็กๆ น้อยๆ ไม่ควรค่าให้ท่านสนใจหรอก” องค์ชายสือจินผู้มีอัตราต่อรองมากที่สุดที่จะชนะเลิศการแข่งขันปรามาสเย่ว์หยาง

“คู่แข่งของข้าน่ะหรือ? ข้าอยากจะสู้กับเซิ่งเชียงหนิวจากสถาบันจ้งเซียงหรือไม่ก็องค์ชายเทียนหลัวในรอบชิงชนะเลิศ นอกจากนี้ ถือเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ หากข้าสามารถต่อสู้กับองค์ชายสือจินได้ ขอโทษด้วยนะ ท่านพูดถึงพูดถึงทูตมังกรชางหลันวี่ใช่ไหมจากนิกายปราสาทแก้วทะเลตะวันออกใช่ไหม? ไม่นะ ข้าจะลืมพวกเขาไปได้อย่างไร? ข้าคิดว่าพวกเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวตลอดชีวิตของข้า สำหรับสามดาวเพชฌฆาต ถ้าพวกเขามีชื่อเสียงแบบนั้นได้ ก็เป็นไปได้ที่พวกเขาก็ต้องมีความสามารถที่ยิ่งใหญ่ ข้าไม่คุ้นเคยกับพวกเขามากนัก แต่ข้าอยากจะลองซ้อมมือกับพวกเขาในการประลองร้อยสุดยอด! ไตตันเหรอ? ใครกัน? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน!” ประมุขน้อยจากนิกายภูเขาหมอกชื่อไป๋หวินเฟย แม้ว่าเขาจะเป็นคนหยิ่ง แต่ไม่มีใครสงสัยความสามารถของเขา ในช่วงเวลาสองเดือน ตั้งแต่เขาออกมาจากภูเขามา เขาเอาชนะคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมานับไม่ถ้วน ที่สร้างชื่อเสียงให้เขามากที่สุดก็คือแสดงฝีมือที่น่าตระหนกโดยหยุดหมัดของเลี่ยฉางเทียนนักสู้ระดับ 6 ขั้นต้นด้วยเพียงนิ้วมือเดียว

พลังที่เลี่ยฉางเทียนปล่อยออกมาเต็มแรงนั้นน่ากลัวมาก ไม่เพียงแต่เขาเคยฆ่าขุนพลปีศาจได้ทันทีเท่านั้น แต่ก่อนหน้านั้นเขายังเคยทำร้ายแม่ทัพปีศาจจนบาดเจ็บด้วยพลังนั้น

อย่างไรก็ตาม เขาถูกไป๋หวินเฟยใช้เพียงนิ้วเดียวก็หยุดเขาได้ เมื่อข่าวที่น่าตระหนกนี้แพร่ไปทั่วโลก ทั่วทั้งทวีปมังกรทะยานก็ตกอยู่ในโกลาหล

ถ้าไป๋หวินเฟยไม่ได้เป็นประมุขน้อยจากนิกายภูเขาหมอก คนทั่วไปก็คงไม่เชื่อ อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นประมุขน้อยจากหนึ่งในสี่นิกายใหญ่ในโลกนี้ ก็ไม่มีเหตุผลที่คนอื่นๆ จะไม่เชื่อข่าวนี้

ภายในสองเดือนที่ออกมาจากภูเขา ไป๋หวินเฟยถูกมองว่าเป็นนักรบหนุ่มที่มีอนาคตมากที่สุดในทวีปมังกรทะยาน

ชื่อนักรบที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่แต่เดิมเป็นของเสวี่ยทันหลางกลับถูกไป๋หวินเฟยแย่งไปได้

ไม่ใช่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่เหยียนพั่วจวินที่ความสามารถรอบด้านก็ยังพ่ายแพ้เจ้าชายสือจินผู้มีชื่อเสียงดังก้องโลก… เจ้าชายสือจินปรากฏตัวขึ้นไม่กี่วันหลังจากไป๋หวินเฟย แต่เขาเอาชนะนักรบได้มากกว่าไป๋หวินเฟยเสียอีก เขาพูดได้ 8 ภาษาและเขียนได้ 6 ภาษา นอกจากนี้เขายังบอกว่าเขามีสัตว์อสูรอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นอสูรสายธาตุจำเพาะ, สายเสริมพลัง, หรือรูปแบบพิเศษ เขาก็มีหมด เขาพูดว่ามีแม้กระทั่งอสูรชั้นทองระดับ 5 ที่น่ากลัวที่สุด องค์ชายสือจินยังคงเป็นอัจฉริยะในเรื่องการรบ เขาคุยว่าเอาชนะสุดยอดเทพขมังธนูในการแข่งขันยิงธนูกันสิบรอบจากหลังม้าและเอาชนะจอมดาบพายุทะเลทรายโดยใช้แปดเพลงดาบของเขา

เขาสังหารโจรภูเขาชาวต้าเซี่ยฉายาว่าสุดยอดธนูเทพกงเวินเคอ โจรที่ว่ากันว่าเป็นมือธนูอันดับหนึ่งในแผ่นดินต้าเซี่ย เขายังคงสู้กับดาบพายุทะเลทราย เป้ยหลี่กั้ว หัวหน้าก๊กหมาป่าในอาณาจักรสือจิน

อย่างก็ตาม มีคนวางตำแหน่งขององค์ชายสือจินไว้ต่ำกว่าประมุขน้อยไป๋หวินเฟย ไม่ใช่เป็นเพราะพวกเขาคิดว่าความแข็งแกร่งของเขาด้อยกว่า พวกเขาแค่คิดว่าไป๋หวินเฟยมีความเป็นยอดฝีมือมากกว่า

เขาหยุดหมัดที่เลี่ยฉางเทียนที่ต่อยเต็มกำลังด้วยเพียงนิ้วเดียว นั่นคือความสามารถที่น่ากลัวเกินไป

พอมีพวกเขาเข้าร่วมประลองสุดยอดร้อยโรงเรียน แม้ว่าสามดาวเพชฌฆาตจะมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ไป๋หวินเฟยและองค์ชายสือจินได้กลายเป็นผู้เข้าแข่งขันที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันตามการคาดการณ์ของคนส่วนใหญ่

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการจับสลากเพื่อเลือกแปดสุดยอด

ไป๋หวินเฟยและองค์ชายสือจิน ได้รับการคาดหมายว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะคว้าแชมป์ ตามมาด้วยเสวี่ยทันหลาง เขาครองความชนะเลิศมาถึงสามสมัย มีความแข็งแกร่งเป็นที่รู้จักกันดี

สำหรับเย่ว์เทียน, เย่ว์เยี่ยน, เซี่ยเชียนเริ่นและคนอื่นๆ ผู้คนทั่วไปไม่คิดว่าพวกเขาจะคว้าตำแหน่งชนะเลิศไปได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาเชื่อว่านักรบรุ่นเยาว์เหล่านี้จะเป็นความท้าท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อให้ไป๋หวินเฟยและองค์ชายสือจินเดินทางสู่ตำแหน่งชนะเลิศ ขณะที่ไตตัน เจ้าเด็กตาบอดที่ไม่ธรรมดาจากสถาบันฉางชุนเฉิง เขาเป็นตัวอะไรกัน? ไม่มีผู้ชมรู้เรื่องเขาเลย เป็นไปได้หรือว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าเลี่ยฉางเทียน นักสู้ระดับ 6 ขั้นต้น? แม้ว่าเขาจะมีความสามารถเหมือนเลี่ยฉางเทียน เขาจะทำอะไรได้? เลี่ยฉางเทียนที่ใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดยังถูกไป๋หวินเฟยใช้เพียงนิ้วมือเดียวก็ยังหยุดเขาได้

กลุ่มนักเรียนที่ชอบซุบซิบนินทาส่วนใหญ่จะถามกับเซิ่งเชียงหนิวที่สวมเกราะทั้งตัว แม้แต่หน้าของนางก็ยังสวมเกราะหมวกบังเอาไว้ ใครคือผู้ที่นางต้องการสู้ด้วยมากที่สุด

เซิ่งเชียงหนิวตอบง่ายๆ ห้วนๆ ว่า “ไตตัน”

“ท่านต้องการสั่งสอนเจ้าเด็กตาบอดผิดธรรมดานั่นให้รู้สำนึก เพราะเจ้าคิดว่าการโจมตีของเขาโหดร้ายเกินไปหรือ?” ใครบางคนไม่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังคำตอบและคำถาม

“เจ้าจะพูดอย่างนั้นก็ได้ ดูเหมือนว่าเขาสมควรถูกทุบตี” เซิ่งเชียงหนิวไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดเห็นของคนอื่นเรื่องไตตัน แต่นางมีความเห็นเป็นของตนเองที่นางไม่อาจพูดออกมาได้

“ไป๋หวินเฟยบอกว่า เขาหวังว่าจะได้สู้กับเจ้าในรอบชิงชนะเลิศ ดูเหมือนว่าเขาสนใจเจ้า และยังแสดงออกต่อสาธารณชนว่าเขารักเจ้ามาหลายครั้งแล้ว เราขอถามได้ไหมว่าท่านมีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร??” ผู้ถามอีกคนหนึ่งอยากจะขุดเรื่องอื้อฉาวเพื่อดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ

“ดูเหมือนว่าข้าต้องทำให้ไป๋หวินเฟยผิดหวังอีกครั้งแล้ว ข้าไม่มีความรู้สึกอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย” เซิ่งเชียงหนิวพูดแบบไม่มีเยื่อใย ปฏิเสธการแสดงออกถึงความรักของไป๋หวินเฟยอย่างไม่ไยดี

คนที่ผิดหวังที่สุดมากจริงๆ ก็คือคนที่ถามคำถามนี้ เพียงแค่ประโยคเดียวของเซิ่งเชียงหนิวกลับไล่ความหวังของพวกกองเชียร์ไปโดยสิ้นเชิง

หลังจากผิดหวังกับคำตอบของนางแล้ว พวกเหยี่ยวข่าวจึงรีบตามหาตัวองค์ชายเทียนหลัวผู้ได้รับการยกย่องจากนักเรียนหญิงว่าหล่อที่สุดในโลก “ขออนุญาตถามหน่อย ใครคือคู่ต่อสู้ที่ท่านอยากสู้ด้วยมากที่สุด? เป็นไปได้ไหมที่จะเป็น หนึ่งในสามดาวเพชฌฆาต, ประมุขน้อยไป๋หวินเฟยหรือองค์ชายสือจิน? ท่านคิดว่าสามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศได้ในที่สุดหรือไม่? ไป๋หวินเฟยและองค์ชายสือจินมักจะพูดว่าพวกเขาไม่อาจเทียบกับท่านได้ในเรื่องความหล่อ ท่านคิดยังไงกับเรื่องนี้?”

องค์ชายเทียนหลัวผู้มีใบหน้าขาวเรียบลื่นประดุจหยกเป็นคนหล่อมากจริงๆ แม้ว่าเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่ง แต่ก็ดูงดงามเหมือนสตรี

คู่นัยน์ตาที่กระจ่างใสดุจดวงแก้ว แทบจะมองทะลุวิญญาณของผู้คนสามารถเปิดเผยความเศร้า ที่ทำให้คนอื่นพลอยรู้สึกเศร้าไปกับเขาด้วย

แม้แต่หญิงสาวที่หยิ่งที่สุดหรือคนที่หยาบคายที่สุดในโลกยังไม่อาจต่อต้านเสน่ห์ของเขาได้ เสียงของเขานุ่มไพเราะเหมือนสายน้ำไหลเซาะหิน แม้ว่าจะเป็นเสียงของบุรุษ มันก็ยังคล้ายกับเสียงของธรรมชาติ ฟังระรื่นหูทำให้คนอื่นรู้สึกเคลิบเคลิ้มตาม หากองค์ชายแห่งเทียนหลัวผู้เพียบพร้อมนี้สามารถกล่าวได้ว่ามีข้อเสียอยู่สักอย่าง ก็มีอยู่เพียงประการเดียว และนั่นก็คือเขาไม่ค่อยยิ้ม

กลุ่มสาวๆ เกือบพันคนอุทิศตนเป็นกองเชียร์ให้เขาต่างร้องและโลดเต้นเชียร์เขากันทั้งนั้น พวกนางหวังว่าพวกนางจะช่วยลดความขื่นขมในดวงตาของเขาได้แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี

ไม่มีพวกนางเลยสักคนที่เข้าใจสาเหตุที่องค์ชายเทียนหลัวนี้เต็มไปด้วยความเศร้า อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครถามเรื่องนั้นได้ เกรงว่าพวกนางจะทำร้ายเขามากยิ่งขึ้น

ไม่มีหญิงสาวในโลกนี้ที่สามารถต่อต้านรอยยิ้มขององค์ชายเทียนหลัวได้ ไม่มีใครสงสัยคำพูดนี้ แม้แต่เย่ว์หยางก็ไม่สงสัย เช้านี้เย่ว์หยางได้เห็นภาพขององค์ชายเทียนหลัวโดยบังเอิญ เมื่อตอนเย่คงอ่านข่าวการแข่งขัน แต่เขาไม่ได้ฉีกหรือเผาหนังสือพิมพ์เหมือนที่เย่คงและเจ้าอ้วนไห่คิดจะทำ แต่กลับกอดภาพไว้ในอ้อมกอดราวกับว่าเป็นของรักที่มีค่ามาก

เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ได้แต่ลอบถอนหายใจ จบกันแล้วพวกเขา แม้แต่เย่ว์หยางก็ยังไม่อาจต้านทานเสน่ห์ขององค์ชายเทียนหลัวได้! ดูเหมือนรสนิยมทางเพศของเขาจะกลับกลายไปเป็นอีกอย่าง

“เจ้าชอบไม้ป่าเดียวกันจริงๆ หรือ?” เจ้าอ้วนไห่สงสัย เย่ว์หยางชอบสาวสวยไม่ใช่หรือ?

“มันขึ้นอยู่กับคน!” เย่ว์หยางตอบอย่างเจ้าเล่ห์

“จริงอ่ะ? เจ้ามันเพี้ยนไปแล้ว..” เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ เหงื่อตกด้วยความสยอง

“พวกเจ้าทำหน้าอย่างนั้นทำไม? ไปตายซะ..ไป! รสนิยมเรื่องความรักของข้ายังเป็นปกติดีที่สุด!” เย่ว์หยางเตะเจ้าอ้วนไห่อย่างหงุดหงิด เย่คงและคนอื่นๆ ค่อยรู้สึกโล่งใจกับเรื่องนี้ทันที พวกเขาคิดว่าถ้าเย่ว์หยางชอบชายด้วยกันจริงๆ เขาคงไม่อาจตัดใจทำร้ายองค์ชายเทียนหลัว บุรุษผู้หล่อเหลาที่สุดได้ ดูเหมือนว่าเขาเพียงแต่ชื่นชมความงดงามแต่ไม่ได้ถึงกับหลงรักเขา

การแข่งขันในวันนี้จะเริ่มขึ้นในตอนเช้า พวกเขาจะต้องไปถึงสถานที่แข่งขันก่อนเวลาเจ็ดโมงเช้า

เจ้าเมืองโล่วฮัวยังคงหลับอยู่บนเตียง แม้จะหลับก็ยังงดงาม แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตื่นขึ้นแต่เช้าไปฝึกดาบ พยายามจะบรรลุขอบเขตวิทยายุทธขั้นใหม่

พวกนางทุกคนรู้ว่าเย่ว์หยางจะชนะได้แน่นอน ซึ่งนั่นก็ดีแล้วแม้ว่าพวกนางจะไม่ตามไปเชียร์เขาก็ตาม เย่ว์หวี่และเย่ว์ปิงกลับตรงกันข้าม พวกนางตื่นแต่เช้าจัดเตรียมอาหารเช้าและช่วยเย่ว์หยางจับสลากประกบคู่

เมื่อเย่ว์หยาง, เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่มาถึงสนามแข่งขัน พวกเขาพบว่าเย่ว์หวี่และเย่ว์ปิงวิ่งเข้ามาหาพวกเขาพลางหอบหายใจเล็กน้อย เหมือนกับว่ามีทหารไล่ตามพวกนางมา เย่ว์หยางรีบพูดปลอบใจให้พวกนางใจเย็น “อย่าตื่นเต้นเกินไปนัก วันนี้ข้าตื่นมาทันเวลาอยู่แล้ว ข้าไม่ได้มาสาย” เย่ว์หวี่สั่นศีรษะ แต่ขณะที่นางจะพูด เย่ว์ปิงรีบพูดตัดหน้านางก่อน “พี่สาม! ไม่ดีแน่ คู่ต่อสู้ของพี่ คู่ต่อสู้ของพี่ในวันนี้ก็คือองค์ชายเทียนหลัว.. ข้าไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะจับสลากได้แม่นขนาดนั้น”

“อ๋า?” เจ้าอ้วนไห่และเย่คงตะลึงค้างทันที เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนั้น พลางคิดในใจว่า อย่างนี้สถานการณ์ไม่ดีแน่ เย่ว์หยางอาจจะใจอ่อนกับองค์ชายเทียนหลัวจริงๆ ก็ได้ ทำไมเขาต้องเผชิญหน้ากับองค์ชายเทียนหลัวแทนที่จะเป็นคนอื่นๆด้วยเล่า?

“จริงเหรอ? นั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีหรือ?” ดูเหมือนเย่ว์หยางจะมีความยินดี

“หมายความว่าไง ที่ว่าดีน่ะ? ตอนนี้ สาวๆ ที่เชียร์องค์ชายเทียนหลัวต่างก็คว้าจับอาวุธไล่ตามเรามาแล้ว พวกนางเตรียมจะฆ่าพี่แล้ว พี่สาม! เพื่อป้องกันไม่ให้พี่ทำร้ายองค์ชายเทียนหลัวอันเป็นที่รัก หญิงสาวพวกนั้นบ้าไปแล้วจริงๆ!” เมื่อเย่ว์ปิงพูดมาอย่างนี้ เจ้าอ้วนไห่และเย่คงยิ่งเหงื่อตกกว่าเดิม พวกเขาเสร็จแน่ๆ องค์ชายเทียนหลัวนั้นมีแฟนคลับเป็นพัน เมื่อพวกแฟนคลับสาวๆ คลั่งก็จะคลั่งตามๆ กัน พลังหมู่ของพวกนางน่ากลัวพอๆ กับแรงวัวสามแสนตัวเสียอีก

“เจ้าล้อข้าเล่นหรือ?!” เย่ว์หยางยังคงตะลึง

จากที่แต่ไกล หญิงสาวนับไม่ถ้วนเงื้อแขนน่ากลัวกำลังพุ่งมาทางด้านพวกเขาเหมือนม้าเป็นพันๆ ตัว

มีพวกนางบางส่วนขี่สัตว์อสูรมาด้วย บางพวกก็บินอยู่ในท้องฟ้า บางพวกก็ถือท่อนไม้ บางพวกถือดาบยักษ์สลักรูปปีศาจ ในช่วงเวลาสั้นๆ ต่อให้พวกองครักษ์เกราะเงินไม่กี่คนอยากจะห้ามพวกนางไว้ ก็มีหวังถูกเหยียบย่ำจนเละเหมือนแมลง

เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ยอมสู้กับปีศาจในแดนปีศาจเป็นร้อยเป็นพันดีกว่าเผชิญหน้ากับแฟนคลับคลั่งไคล้พวกนี้

แม้แต่พี่น้องตระกูลหลี่ที่เป็นคนเงียบๆ สีหน้าเฉยเมยก็ยังลอบปาดเหงื่อในสถานการณ์แบบนี้

เย่ว์หยางตระหนักว่าเขาคงเผชิญชะตากรรมที่น่าสงสารจริงๆ ถ้าไม่เริ่มวิ่งหนีตอนนี้ ทันใดนั้นเขาฉุดมือเย่ว์ปิงและเย่ว์หวี่หมุนตัวและวิ่งหนีทันที ก่อนที่เขาจะหนีไป เขาชี้ไปที่เจ้าอ้วนไห่ตะโกนว่า “จับเลย จับเขา เขาคืออสูรอ้วนลามกแห่งสถาบันฉางชุนเฉิง, นามไตตัน! ทุกคน, ลุยเลย สั่งสอนเขาให้รู้จักรักษากฎเสียบ้าง!”

“เอาจริงหรือนี่? ความสัตย์ซื่อของเราอยู่ตรงไหนกันนี่?” เจ้าอ้วนไห่คร่ำครวญโหยหวน

“ความสัตย์ซื่ออะไรกัน? ไอ้ของอย่างนั้นข้าไม่มีหรอก, ข้ามีแต่ลมไว้ผายให้เจ้า ตอนนี้สถานการณ์ไม่ดีและเจ้าก็เป็นลูกพี่ ถ้าเจ้าไม่ก้าวออกไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญ แล้วเจ้าจะเป็นลูกพี่ที่ดีได้อย่างไร?” เมื่อเย่ว์หยางเห็นเจ้าอ้วนไห่วิ่งตามเขามา และยิ่งกว่านั้น ยังวิ่งเร็วมากเสียด้วย เกือบจะแซงเขาได้อยู่แล้ว เย่ว์หยางเตะขัดขาเจ้าอ้วนไห่ล้มทันทีและฉุดมือเย่ว์ปิงและเย่ว์หวี่วิ่งหนีไปจากที่นั้นต่ออย่างรวดเร็ว

เมื่อเจ้าอ้วนไห่คลานกลับมาด้วยความยากลำบาก เขาก็ตระหนักว่าเขาถูกแฟนคลับสาวนับพันล้อมไว้หมดแล้ว

ยังไม่สายเกินไปที่เขาคิดจะหลบหนี เขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นและถามว่า “คนสวย! อย่างน้อยเห็นแก่หน้าข้าได้ไหม?”

คำตอบที่เขาได้รับก็คือขาของสาวงามย่ำใส่เขาอย่างไม่ปราณี

เมื่อคงและพี่น้องตระกูลหลี่เห็นฉากนี้ พวกเขาหนีไปทันทีด้วยความตกใจกลัว ถ้าพวกเขายังขืนอยู่ต่อไป พวกเขาคงไม่เหลือชีวิตแน่ หลี่เกอถามเย่คงว่า “เย่คง! จะดีไหมถ้าเราวิ่งหนีไปอย่างนี้?”

“อย่างนั้นเจ้าอยากจะอยู่ใช่ไหม?” เย่คงแกล้งเหลือกตา ในสถานการณ์ที่พวกเขามีจำนวนมากกว่าเยอะ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือปกป้องตัวเองและประหยัดพลังของตนเองไว้ สำหรับเจ้าอ้วนไห่ เขาจะตายอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาพยายามช่วยเขา พวกเขาคงมีชะตากรรมที่น่าอนาถไปด้วย หลี่เกอสั่นหัว แต่ก่อนที่เขาจะตอบ หลี่ชิวขัดจังหวะทันที “ไม่นะ, ข้าคิดว่าเราควรคิดหาวิธีเอาศพเจ้าอ้วนไห่กลับมาทีหลังก็ได้ โอไม่..นะ ตอนนี้พวกสาวๆ เหล่านั้นแบ่งกำลังไล่ตามเรามาแล้ว หนีเร็ว!”

เย่ว์หยางพาเย่ว์ปิงและเย่ว์หวี่วิ่งวนอยู่รอบใหญ่ก่อนที่จะแอบเข้าไปในเวทีต่อสู้ได้ในที่สุด

กองเชียร์ขององค์ชายเทียนหลัวนับไม่ถ้วนล้อมเวทีไว้แล้ว มีทั้งหญิงและชาย ดูเหมือนพวกเขาต้องการจะใช้ร่างตนเองปกป้ององค์ชายเทียนหลัวผู้เป็นที่รักของพวกเขาไม่ให้เจ้าเด็กตาบอดไม่ธรรมดาผู้นี้ทำร้ายเขา

“องค์ชายเทียนหลัวหล่อที่สุด เท่ห์ที่สุด ขอองค์ชายเทียนหลัวจงอายุมั่นขวัญยืน! แน่นอนว่าพวกเราเป็นกองเชียร์ขององค์ชายเทียนหลัว เราสามคนพี่น้องตัดสินใจกันเองมาเพื่อปกป้ององค์ชายเทียนหลัว พวกเราทุกคนจะเฝ้าระวังให้เป็นอย่างดี ดูซิว่าเจ้าเด็กตาบอดที่ไม่ธรรมดาผู้นั้นจะกล้าเข้ามาหาที่ตายที่นี่หรือไม่?” เย่ว์หยางผู้หน้าด้านปลอมตัวเป็นหนึ่งในแฟนคลับขององค์ชายเทียนหลัวและเบียดเข้าไปในฝูงคน

แม้ว่าหน้าของเขาจะไม่คล้าย แต่คำพูดของเขาดังและฟังชัด เหมือนกับว่าเขาเป็นหนึ่งในแฟนคลับกองเชียร์จริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังพาพี่น้องสาวทั้งสองคนมาด้วย จึงดูไม่เหมือนว่าเขาเป็นคนเลว

แฟนสาวผู้คลั่งไคล้ที่รวมกลุ่มกันก็ไม่เห็นว่าเขาเป็นตัวปลอม

กลุ่มแฟนคลับสาวมัวแต่วุ่นกับการมองหาเจ้าเด็กตาบอดที่ผิดปกติผู้นั้น ไม่ได้ตระหนักเลยว่าเย่ว์หยางใกล้เข้ามาทุกที จากนั้นเย่ว์หยางกระโจนขึ้นเวทีทันที กรรมการชุดแดงกำลังรออย่างระอารีบโบกมือทันที “นักเรียนคนนี้ ข้ายอมให้เจ้าตะโกนอยู่ข้างล่างเวทีเท่านั้น ทำไมเจ้าถึงต้องพยายามขึ้นเวทีมาด้วยเล่า? กลับลงไป!” จากนั้นกรรมการชุดแดงหันมาทางองค์ชายเทียนหลัวผู้กำลังรออยู่บนเวทีอย่างใจเย็น “องค์ชาย! ท่านพอจะรอต่ออีกสัก 10 นาทีดีไหม? ไม่ต้องรอต่อไปแล้ว เจ้าเด็กตาบอดผิดปกติคงจะไม่มาแน่!”

“เขามาแล้วไม่ใช่หรือ?” องค์ชายเทียนหลัวชี้มาที่เย่ว์หยาง

“อ๋า?” กรรมการชุดแดงยืนตะลึง เขาชี้มาที่เย่ว์หยางและถามอย่างแปลกใจ “เจ้าเป็นเจ้าเด็กตาบอดนั่นใช่ไหม? เอ่อ.. ข้าหมายถึง เจ้าคือไตตันใช่ไหม? เจ้าคือนักเรียนไตตันจริงๆ หรือ? ตาของเจ้า ไม่บอดนี่.. เจ้าคือนักเรียนไตตันจริงๆ หรือ?”

“ถูกต้อง ท่านทายถูก น่าเสียดายที่ข้าไม่มีรางวัลสำหรับคำตอบที่ถูกต้องให้ท่าน” เย่ว์หยางยิ้มร่าเริง

“อา” กลุ่มแฟนคลับข้างล่างเวทีถึงกับคลั่ง

เจ้าเด็กบอดบ้าเลือดนี่ไม่ได้ตาบอดจริงๆ และเขายังหน้าด้านปลอมตัวเป็นหนึ่งในแฟนคลับพิทักษ์องค์ชายเทียนหลัว ถึงกับเบียดฝูงชนขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีได้

จะมีใครในโลกที่หน้าด้านกว่านี้อีกไหม

คำตอบคือ ไม่!

พอเห็นว่าเย่ว์หยางกำลังยิ้ม กลุ่มแฟนคลับสาวๆ ยิ่งโกรธใหญ่ เจ้านี่เห็นเป็นเรื่องตลกหรือ?

ถ้าไม่ใช่เพราะองค์ชายเทียนหลัวห้ามพวกนางไว้ แฟนคลับสาวจำนวนเป็นร้อยคงจะกรูกันขึ้นเวทีจับเย่ว์หยางฉีกให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย องค์ชายเทียนหลัวยกมือห้ามพวกนาง ทำให้พวกนางเงียบทันที เขามองเย่ว์หยางด้วยนัยตาลึกล้ำเหมือนทะเลสาบและพูดด้วยเสียงนุ่มนวลเหมือนลมพัดใบไม้ยามราตรี “เจ้ามาสายนะ”

“ขออภัย การจราจรติดขัด!” เย่ว์หยางตบไหล่ของเขาอย่างสบายๆ แต่ในสายตาของสาวๆ แฟนคลับเห็นว่าเขาน่าตบมากกว่า

*******************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset