เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 345 – ตอนที่ 325 ตำหนักหุ่นและสมบัติลับทั้ง 3

===============
สมบัติแบบไหนกันที่ซ่อนอยู่ในตำหนักหุ่น? ทุกคนสงสัยกันมาก

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นความลับของตระกูลเย่ว์ เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวและคนอื่นได้แต่ข่มความสงสัยและรอคอยเย่ว์หยางอยู่ภายในโลกคัมภีร์อย่างเงียบๆ

เย่ว์หวี่และเย่ว์ปิงยังคงรออยู่เบื้องหลังด้วยความเต็มใจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่ว์ปิง แม้ว่านางต้องการไปด้วยอย่างเห็นได้ชัด แต่นางรู้ว่านางมีแต่จะเป็นภาระให้พี่ชาย หากนางยังอยู่ข้างๆ เขา ไม่มีนางแล้วพี่ชายนางจะเคลื่อนไหวได้ง่ายกว่า วันที่พวกเขาสัญญากับผู้เฒ่าเต่ามังกรใกล้เข้ามาแล้ว แต่ทั้งองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวก็ยังไม่กลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด เย่ว์ปิงไม่กล้าถ่วงเวลาให้พี่ชายนางช้าลง เรื่องที่สาวๆ ขอรั้งรออยู่เบื้องหลัง เย่ว์หยางไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรมาก สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องง่ายแน่ๆ ที่จะสำรวจด้วยตนเองโดยไม่มีเย่ว์ปิงและสาวอื่นอยู่ด้วย ก็แค่อาจจะน่าเบื่อบ้างเล็กน้อย

ปัจจุบันนี้เสวี่ยอู๋เสียและสาวอื่นๆ สามารถเข้าออกโลกในคัมภีร์ได้ด้วยตัวเองแล้ว จึงเป็นเรื่องสะดวกสบายมากกว่าการต่อสู้ด้วยตัวเขาเองตามลำพัง เขามีม้วนเทเลพอร์ตที่ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่มอบให้เขา เย่ว์หยางจึงเทเลพอร์ตเข้าตำหนักหุ่นที่ลึกลับทันที

เมื่อเย่ว์หยางเทเลพอร์ตลงสู่พื้นได้สำเร็จ เขาตระหนักว่าได้มาถึงในสถานที่ซึ่งมืดมิดสนิท ขนาดที่มองไม่เห็นนิ้วมือ

ถ้าเป็นคนอื่น เขาก็คงเป็นเสมือนคนตาบอด

อย่างไรก็ตาม สำหรับเย่ว์หยางผู้ครอบครองทักษะเนตรราตรี กลับไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย

เย่ว์หยางเรียกหนูเบญจธาตุค้นสมบัติออกมาและสั่งให้พวกมันค้นหาเส้นทาง แม้ว่าเย่ว์หยางจะเข้าใจกับดักตามเส้นทางไปสู่ตำหนักหุ่นถึง 80-90% ก็ตาม และว่าเขาไม่รู้เพียงตำแหน่งห้องโถงลับภายใน แต่เย่ว์หยางยังคงมอบงานสำรวจให้หนูเบญจธาตุค้นสมบัติอยู่ดี เขาต้องการค้นดูเผื่อว่ามีสมบัติตามรายทางบ้าง

ตำหนักหุ่นถูกสร้างไว้ใต้ดิน คล้ายกับทางผ่านโบราณอยู่บ้าง ถนนกว้างขวางใหญ่โต

ถนนสายนั้นไม่ได้ถูกคนสร้างขึ้น ความจริงมันเป็นถ้ำแห่งหนึ่ง ภูตอัจฉริยะเย่ว์กงซ่อนตำหนักหุ่นาไว้ภายในถ้ำอย่างแยบยล

เพราะเขามีแผนที่เส้นทางเดินข้างหน้า เย่ว์หยางจงใจเดินผ่านทางเล็กๆ ที่คล้ายเขาวงกตเพื่อหลีกเลี่ยงกลไกกับดักทั้งหมด หลังจากเดินมาได้ชั่วโมงหนึ่ง ในที่สุดก็มาถึงหน้าประตูใหญ่ทางเข้าตำหนักหุ่น

ประตูใหญ่สร้างด้วยเหล็ก สูงสิบเมตร กว้างห้าเมตร

มีสัตว์ประหลาดที่เหมือนหัวประดับผนังอยู่บนประตู นี่ยังคงเป็นหนึ่งกลไกประตูป้องกันตำหนักหุ่น

ถ้าใครก็ตามไม่มีกุญแจและแตะต้องประตูนี้โดยไม่ระมัดระวัง หัวสัตว์ประหลาดจะพ่นไฟออกมา ประตูจะยิงธนูอาบยาพิษใส่ผู้บุกรุกจนตาย ณ ที่นั้น

ถ้าผู้บุกรุกมีอสูรหุ่น ตาของสัตว์ประหลาดและอักษรรูนสวรรค์ที่มีคำว่า “สูญเสียการควบคุม” “สะท้อนกลับ” และ “รื้อ” และคำอื่นๆจะรวมตัวกันก่อรูปเป็นวงเวทอักษรรูน ทำให้ยากที่คนมีความรู้จะบุกรุกหรือถอยหนีได้ เมื่อเย่ว์หยางเห็นเหตุทั้งหมดนี้ เขาได้แต่ถอนหายใจชมเชยการออกแบบของภูตอัจฉริยะเย่ว์กง ท่านผู้นี้สมกับที่เป็นภูตอัจฉริยะจริงๆ เขาน่ากลัวเกินไป เย่ว์หยางไม่เคยคิดว่าเขาจะออกแบบกับดักสำหรับอสูรหุ่นด้วยอักษรรูนสวรรค์ ภูตอัจฉริยะเย่ว์กงเชี่ยวชาญยิ่งกว่าคนที่รู้อักษรรูนแคระและอสูรหุ่นเสียอีก จากการจัดเรียงวงแหวนอักษรรูนสวรรค์เหล่านี้ อย่างน้อยที่สุดภูตอัจฉริยะเย่ว์กงต้องมีความรู้อักษรรูนสวรรค์แน่

เย่ว์หยางรู้เรื่องอักษรรูนสวรรค์ค่อนข้างมาก แต่พอดูการจัดเรียงที่เย่ว์กงใช้ เย่ว์หยางไม่เคยคิดจริงๆ ว่าจะสามารถใช้ด้วยวิธีนั้นได้ อาจกล่าวได้ว่ากระบวนการจัดการแบบนี้ทำให้เย่ว์หยางได้รับความรู้ใหม่และเพิ่มพูนความรู้ให้เย่ว์หยางทันที

เย่ว์หยางไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่เขาก็หลงใหลใคร่เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ จากคนอื่นเพื่อความก้าวหน้าของตนเอง

เย่ว์หยางจดจำการเรียงตัวของวงเวทต้านอสูรหุ่นไว้ในใจส่วนลึกของเขา

เขาเชื่อว่าการจัดเรียงเช่นนี้จะเป็นประโยชน์ในอนาคต

เย่ว์หยางได้รับวงเวทอักษรรูนต่อต้านอสูรหุ่นทั้งที่แค่มาถึงทางเข้าตำหนักหุ่นเท่านั้น ก็ทำให้เขาสุขใจอย่างน่าประหลาด จะมีอะไรรอเขาอยู่ข้างใน? เขาสงสัยเป็นอย่างมาก

เย่ว์หยางไม่สามารถรอได้ เขาต้องการจะเข้าไปดูข้างในจริงๆ

เขาล้วงกุญแจแก้วผลึกอักษรรูนออกมาและค่อยๆ วางไว้ในรูบนศีรษะของสัตว์ประหลาดอย่างระมัดระวัง

แก้วผลึกอักษรรูนและรูในศีรษะของสัตว์ประหลาดรวมเข้าด้วยกันและมีเสียงคลิกดังออกมา หลังจากนั้น ทุกอย่างก็เป็นไปตามกระบวนการตามธรรมชาติ

ขณะที่เย่ว์หยางถ่ายปราณก่อกำเนิดลงไปเล็กน้อย แก้วผลึกอักษรรูนทั้งลูกก็เปล่งแสงสว่างทันที แสงเรืองรองส่องสว่างเห็นทุกอย่างรอบๆ พลังงานของแก้วผลึกอักษรรูนหลั่งไหลออกมาและเปิดกลไกภายในสิ่งประดิษฐ์หัวสัตว์ประหลาด กลไกที่ตาของสัตว์ประหลาดทำงานและมันเปล่งแสงสว่างสีเขียวทันที มีเสียงที่ประตูเหมือนกับว่ากลไกภายในกำลังทำงาน

เป็นเสียงนุ่มนวลมาก แต่ถ้าใครๆ ฟังอย่างระมัดระวัง เขาคงสามารถรู้สึกได้ถึงเสียงที่รุนแรงอยู่ลึกๆ

เย่ว์หยางยื่นมือออกและรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในประตูด้วยปราณก่อกำเนิดของเขา เขาตระหนักว่าถ้าหัวสัตว์ประหลาดตรวจพบว่ากุญแจเป็นของปลอม ไฟเขียวก็จะไม่ทำงาน แต่กลายเป็นไฟแดงแทนซึ่งเป็นสีแห่งความตาย

มันจะพ่นพลังโจมตีคล้ายๆ กับลมหายใจมังกรและกำจัดทุกสิ่งทุกอย่าง

ทันทีที่มันพ่นออกมา ผู้บุกรุกที่ตกเป็นเป้าหมายก็จะพบจุดจบอย่างสยดสยองแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ด้วยกุญแจของแท้ ประตูใหญ่จะเปิดออกช้าๆ โดยไร้เสียง มันดึงตัวกลับเข้าไปในถ้ำ

ประตูเหล็กใหญ่บานนี้หนาหนึ่งเมตรเต็ม ระหว่างประตูมีพื้นที่ ระยะสั้นๆ ซึ่งเชื่อมกับเครื่องกลใต้ดินชนิดต่างๆ เย่ว์หยางเห็นแกนกลที่ทำงานเข้ากันได้ดีเหมาะเจาะแทบไม่เห็นร่องรอย เทคโนโลยีเหนือล้ำกว่าภาพยนตร์ที่เขาเคยดูมาในโลกก่อนหน้านี้อีก เย่ว์หยางอดจะยกย่องชมเชยเย่ว์กงไม่ได้ เขารู้สึกว่าการสร้างประตูโลหะขนาดใหญ่ทำได้ไม่ยาก สิ่งที่ยากก็คือระบบตรวจจับบนประตู เครื่องกลไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะแม่นยำเที่ยงตรงขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่มีทางเทียบกับสมองของมนุษย์ได้ นอกจากนี้มันยังไม่มีความยืดหยุ่น เย่ว์หยางประหลาดใจจริงๆ ถึงวิธีที่ภูตอัจฉริยะสามารถออกแบบให้ประตูเหล็กยักษ์ที่มีระบบรับรู้ไวมากให้ทำงานได้หลังจากผ่านไปหลายร้อยปี

เขาคาดว่าแม้ว่าผ่านไปหลายร้อยปี ประตูนี้ก็ยังทำงานได้ดี จากตรงนี้เองใครๆ ก็อาจเห็นได้ว่าความสามารถของภูตอัจฉริยะยิ่งใหญ่ขนาดไหน

เย่ว์หยางเข้าไปในตำหนักหุ่น

เดินตรงไปตามทางยาว ทันใดนั้นเขาพบหน้าผาสูงชัน

เย่ว์หยางไม่สามารถมองเห็นเบื้องล่างของหน้าผาได้ ไม่มีทางลงไปข้างล่าง แต่ทุกๆ ร้อยเมตร จะมีแท่นที่ลอยเคลื่อนที่ด้วยพลังแม่เหล็ก ลอยไปมาอยู่ นี่คือแท่นลอยชนิดหนึ่งเรียกว่า “สะพานลอย” นักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้จะเข้าไปต้องก้าวลงไปบนรอยเท้าที่แท่นแม่เหล็กลอยเป็นทอดๆ

เย่ว์หยางต้องผ่านแท่นแม่เหล็กลอยตรวจสอบ จากนั้นประตูเข้าตำหนักชั้นในจึงค่อยๆ เปิดขึ้น ถ้ามีผู้ฝ่าฝืนใช้วิธีเหาะหรือใช้อสูรบิน ผู้บุกรุกจะถูกถล่มด้วยกับดักและเครื่องกลไม่หยุดหย่อนจนกว่าจะร่วงลงพื้น เย่ว์หยางผ่อนคลายและก้าวไปยืนบนผิวหินบนแท่นแม่เหล็กเวท ทุกๆ ครั้งที่เขาก้าวเหยียบ ผิวหินบนแท่นแม่เหล็กลอยจะเปล่งแสง แสดงว่าเขาผ่านการตรวจสอบในฐานะเจ้าของตำหนักหุ่นคนใหม่และได้รับอนุญาตให้เดินหน้าต่อ

หลังจากเย่ว์หยางโดดข้ามแท่นแม่เหล็กลอยได้สำเร็จแล้ว มีประตูเหล็กบานใหญ่อีกบานเปิดออกโดยอัตโนมัติ

ภายในมีระเบียงทางเดินยาวสายหนึ่ง

หินผลึกส่องแสงให้แสงสว่างตามทางเดินมาเป็นเวลาหลายร้อยปี

ภายใต้แสงนุ่มนวล มีแนวแถวอสูรจักรกลสองแถวตั้งแต่อสูรระดับต่ำไล่ไปหาระดับสูง และจากระดับต่ำไปหาระดับสูงลึกไปด้านหลัง

พวกที่อยู่ข้างหน้าเป็นอสูรสามัญระดับ 1, อสูรผิวเหล็กชั้นสามัญระดับ 2 หลังจากนั้นก็เป็นหุ่นศิลาและหุ่นยักษ์ศิลา ที่ด้านหลังพวกมันเป็นหมาป่าศึกชั้นทองแดงและเสือดาวศึก, พยัคฆ์ศึกและอินทรีศึก อสูรชั้นเงิน มีหลายแถวมากจนลายตาไปหมด ไม่มีอสูรสงครามที่เย่ว์หยางเคยเห็นมาก่อน แต่ไม่รวมอยู่ในอสูรเก่าเก็บนี้

เดินมุ่งหน้าไปราวๆ สองกิโลเมตร จำนวนอสูรสำหรับต่อสู้ในน้ำ, ภาคพื้นและในอากาศค่อยๆ ลดจำนวนลง ขณะที่จำนวนอสูรทรงมนุษย์หรือหุ่นอสูรค่อยเพิ่มขึ้น

ในทำนองเดียวกัน พวกมันยังคงถูกจัดเรียงลำดับและชั้นจากต่ำไปหาระดับสูง

หุ่นศิลาทรงมนุษย์, มนุษย์เหล็ก, จอมดาบเพชฌฆาต, มือเลื่อยสังหาร, นักล่ากรงเล็บเหล็ก อสูรหุ่นทุกอย่างมีอยู่ตรงนั้น มีกระทั่งหุ่นรบทรงมนุษย์ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน พอเห็นงานสะสมที่สวยงามเช่นนี้ เย่ว์หยางผู้เคยเห็นอสูรมาหลายรูปแบบมาก่อนเริ่มรู้สึกดูจนตาลาย นักรบปฐพี อสูรทองระดับ 5, ขุนพลนักรบปฐพี อสูรทองระดับ 6, แม่ทัพปฐพี อสูรทองระดับ 7 จักรพรรดิปฐพี อสูรทองระดับ 8 เย่ว์หยางมองดูจนน้ำลายแทบหก

ถ้ามิใช่ความจริงที่ว่าหุ่นเหล่านี้ไม่มีแก่นพลัง ดังนั้นจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เย่ว์หยางคงเก็บกวาดไปทั้งหมด

นี่คือผลงานชิ้นโบว์แดงของภูตอัจฉริยะเย่ว์กงหรือ?

ไม่ใช่แน่!

เย่ว์หยางรู้สึกว่าสิ่งของทั้งหมดเหล่านี้เป็นเพียงความรู้ผิวเผินที่ภูตอัจฉริยะเย่ว์คงแสดงให้ดูเท่านั้น

อาจเป็นได้ว่าอสูรหุ่นเหล่านี้ต้องมีข้อผิดพลาดบ้าง ไม่มากก็น้อย แน่นอนว่า แค่เย่ว์หยางใช้ทักษะจักษุญาณทิพย์ก็มองเห็นได้ชัดเจน

ในสายตาของนักรบธรรมดา อสูรหุ่นเหล่านี้สมบูรณ์แบบ ทันใดนั้นเย่ว์หยางคิดบางอย่างในใจขึ้นได้ ทำไมพวกมันจึงถูกจัดเรียงแบบนั้น? อสูรหุ่นเหล่านั้น อาจเป็นได้ว่าเป็นที่พัฒนาทักษะอสูรหุ่นของภูตอัจฉริยะเย่ว์กง?

ในตอนแรก อสูรหุ่นที่เขาสร้างเป็นอสูรระดับสามัญ ฝีมือ การออกแบบ องค์ประกอบและส่วนอื่นๆ ค่อนข้างหยาบ

อย่างไรก็ตาม พร้อมๆ กับกระบวนการสร้างอสูรหุ่น ฝีมือของภูตอัจฉริยะเย่ว์กงได้รับการขัดเกลาก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด ปัญหาและจุดอ่อนในอสูรหุ่นชุดแรกๆ หายไปเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นในแง่งานฝีมือ, การออกแบบ, องค์ประกอบ มีหลักฐานของความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ ยิ่งกว่านั้น ความก้าวหน้าเหล่านี้ยังถูกแยกออกไปเป็นลำดับชั้น จากอสูรหุ่นทรงเดรัจฉานกลายเป็นอสูรหุ่นทรงมนุษย์ มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดดโดยแบ่งเป็นระดับทองแดง, เงินและทอง พัฒนาการของเย่ว์กงมองเห็นได้ชัด และยังไม่ใช่ท้ายที่สุด ภูตอัจฉริยะเย่ว์กงสามารถสร้างจักรพรรดิปฐพี อสูรทองระดับ 8 ได้จริงๆ

ความก้าวหน้าของเย่ว์กง มาถึงเพียงจุดนี้หรือ?

ไม่ใช่แน่!

เย่ว์หยางเดินตรงไปที่จักรพรรดิปฐพี อสูรทองระดับ 8 และนึกถึงคู่มืออสูรหุ่นได้ เย่ว์กงได้บันทึกประเมินไว้มากมาย ส่วนใหญ่เป็นจุดอ่อนของอสูรหุ่น

ตัวอย่างเช่น มีปัญหาการจัดสรรพลังจากแก่นพลังไปยังร่างกายส่วนอื่น ทักษะการต่อสู้ของมันไม่สามารถทำได้ถึงมาตรฐาน ยิ่งกว่านั้น จักรพรรดิปฐพียังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการต่อสู้ในภูมิประเทศต่างๆ จึงทำให้ยากที่จะให้มันแสดงพลังได้เต็มที่ในภูมิประเทศบางแห่ง เย่ว์หยางตกตะลึงเมื่อได้อ่านคู่มือนี้

แค่ภูตอัจฉริยะเย่ว์กงสามารถสร้างหุ่นอสูรทองระดับ 8 ได้ก็เหลือเชื่อพอแล้ว แต่เขายังไม่พอใจอย่างมาก

จากจุดนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่รักความสมบูรณ์แบบแน่นอน

“ข้านึกหาวิธีแก้ปัญหาในการปรับตัวเข้ากับภูมิประเทศชนิดต่างๆ นั่นคืออสูรหุ่นต้องเปลี่ยนร่างได้ ความสามารถในการต่อสู้ได้ของมันทั้งหมดจะยังไม่เพียงพอ อสูรหุ่นร่างมนุษย์ต้องแปลงร่างและเปลี่ยนความสามารถตนเองได้ เปลี่ยนเป็นอสูรชนิดที่สามารถสู้ได้ในน้ำ, บนบก, อากาศ, ทราย, น้ำแข็ง, ไฟและพื้นที่พิเศษชนิดต่างๆ ต้องมีอาวุธที่แม่นยำขึ้นและพลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่ง บางทีข้าอาจดำเนินการผิดวิธีก็ได้ แต่ข้าคิดว่ามันเป็นไปได้ที่จะใช้อักษรรูนสวรรค์สร้างพลังขับเคลื่อน สำหรับมนุษย์ นี่คือสิ่งใหม่ แต่พวกคนแคระในดินแดนรอบนอก นี่อาจเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดค้นแล้วจนเป็นเรื่องธรรมดา หรือเป็นสิ่งที่ใช้กันในครัวเรือน ถ้าข้ามีเวลามากกว่าห้าสิบปี ไม่ สักสิบ ข้าเชื่อว่า ข้าสามารถสร้างหุ่นที่สมบูรณ์แบบนี้ได้ น่าเสียดายที่ข้าเหลือเวลาอยู่อีกไม่มาก!” ภูตอัจฉริยะเย่ว์กง บันทึกข้อวิเคราะห์ของเขาไว้ในสมุดบันทึก

เย่ว์หยางยิ่งตกตะลึงมากขึ้นขณะที่เขาอ่าน เขาถูกเขย่ากระตุ้นจากความคิดบ้าๆ ของเย่ว์กงเข้าให้แล้ว

ภูตอัจฉริยะเย่ว์กงเขียนในที่สุดว่า “การค้นคว้าเรื่องหุ่นสร้างความหลงใหลให้ข้า ยิ่งข้าค้นคว้ามากขึ้น ข้าก็ตระหนักมากยิ่งขึ้นว่า ข้าเข้าใกล้ความลับเรื่องแก่นพลังของอสูรหุ่นที่ถูกปกปิดอยู่ ในปีสุดท้ายของชีวิตข้า ข้าตัดสินใจค้นคว้าหลายอย่างที่จะต้องได้รับการแก้ไขทันที ถ้าทำได้สำเร็จ ข้าจะทิ้งสมบัติลับทั้งสามไว้ให้ลูกหลานของข้า ก่อนที่จะปิดตำหนักหุ่น ข้าหวังว่าทายาทตระกูลเย่ว์ผู้ยอดเยี่ยมจะสามารถเข้ามาถึงตำหนักชั้นในและรับเอาผลการศึกษาของข้าไว้ ถ้า..ถ้าข้าไม่สามารถทำงานได้จบและตายไปก่อน โปรดช่วยค้นคว้างานที่ข้าได้วางรากฐานไว้ต่อไปในนามของข้า..”

สมบัติลับทั้งสาม?

ยังมีสมบัติลับทั้งสามอยู่ภายในตำหนัก?

เย่ว์หยางตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ สมบัติลับทั้งสามเป็นสมบัติแบบไหนกัน?

***************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset