เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 38 – โฉมงาม

===============
ไกลออกไป ได้ยินเสียงอย่างแผ่วเบา

เขาไม่มามัวอาลัยอาวรณ์อะไรอีก เขาสั่งให้โคถึงเงาเก็บชิ้นส่วนแขนปีศาจแล้วหนีไปในความมืดอย่างรวดเร็ว โคถึกเงานำแขนของจ้าวปีศาจที่ยังคงถูกแช่แข็งและวิ่งทิ้งรอยเท้าให้เขาตามไป เพียงชั่วครูก็หนีหายไปในความมืด เย่ว์หยางหันไปดูนางโจรตางามที่นอนไม่ได้สติอย่างสงบบนพื้น

เงาสีขาวทะยานข้ามมาในยามราตรีเร็วกว่าสายฟ้า ปรากฏตัวบนสนามรบ

ที่แท้เป็นหญิงงามคนหนึ่งในชุดชาววัง ใบหน้าของหญิงงามนั้นขาวดุจหิมะคลุมด้วยผ้ามัสลินบาง ผ้ามัสลินนั้นปกปิดรูปหน้านางก็จริง แต่ไม่สามารถซ่อนผิวละเอียดอ่อน ขาวนวลราวหิมะได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาที่ใสกระจ่างฉายแววว่าเป็นคนเจ้าปัญญา ขนตานางงอนยาวดึงดูดสายตาผู้คน

พอเห็นนางโจรตางามนอนอยู่บนพื้นไม่ได้สติ นางร้องออกมาอย่างตกใจ “เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในช่วงที่ข้าไม่อยู่ในระยะสั้นๆ โชคดีที่ นางแค่กระทบทางใจมากไป แต่ไม่เป็นปัญหาหนักมาก” มีเสียงดังใกล้เข้ามาจากความมืดและเสียงฝีเท้านับไม่ถ้วน หญิงงามอยู่ในชุดชาววังเดินชดช้อยเข้ามา ถึงกับขมวดคิ้วสีดำของนาง นางยื่นแขนสีขาวนวลแล้วโบกมือ ใช้นิ้วสีขาวผ่องเรียกคัมภีร์อัญเชิญชั้นทองออกมา

พร้อมกับประกายแสงสีทอง เอลฟ์ปีกฝีเสื้อบินออกมาจากนั้นบินเข้าไปในตัวของคนงามนั้น

ในทันทีนั้น ปีกใหญ่คู่หนึ่งปรากฏอยู่บนหลังนาง

หญิงงามค่อยๆ อุ้มนางโจรตางามที่ไม่ได้สติอย่างแผ่วเบา เพียงนางกระพือปีก ก็เหินบินขึ้นไปนอากาศ มองดูเหมือนเซียนอมตะผู้สืบเชื้อสายมาจากเทพสูงสุดบินกลับสรวงสวรรค์ หลังจากนางบินจากไปไกล เย่ว์หยางที่ซ่อนตัวเงียบในความมืดแทบกลั้นลมหายใจ ค่อยๆ โผล่ออกมา ได้ยินเสียงฝีเท้าสับสนใกล้เข้ามา เขาหันไปรอบๆ และเลือกก้าวไปทางทิศตรงกันข้ามกับที่สตรีงามเพิ่งไป เขาจากมาโดยเร็ว เหมือนจิ้งจอกปราดเปรียวลัดเลาะไปในความมืดอีกครั้ง

ทันทีที่เย่ว์หยางจากไป บุรุษวัยกลางคนที่มีกลิ่นอายดุจราชสีห์รีบเร่งเข้ามาในพื้นที่ต่อสู้จนฝุ่นกระจาย

พอเห็นอาคารป่าบันเทิงพังทลายมอดไหม้ในกองเพลิง เขาโกรธมากจนเริ่มกู่ร้องออกไป

พื้นที่ต่อสู้ยุ่งเหยิงไปหมด

ร่องลึกที่น่ากลัวเหลือเป็นรอยไว้บนพื้นดิน รอยผ่ากินพื้นที่กว้าง 100 เมตร ยังมีไฟที่ลุกโพลงเป็นจุดๆ ศพบางศพถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน ขณะที่บางศพยังคงมีเศษกระโหลกและแขนขากระจาย ไม่มีสัญลักษณ์ของชีวิตเหลืออยู่เลย แม้แต่หัวหน้ารักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งที่สุด ก็เพิ่งหมดลมหายใจเฮือกสุดท้ายไปแล้ว

นัยตาของบุรุษผู้ทรงพลังขมขื่นอย่างเห็นชัด เขาช่วยอะไรไม่ได้ จึงได้แต่แผดเสียงคำรามไปบนท้องฟ้า “น่าแค้นใจนัก ข้าโกรธจริงๆ”

นักรบ 2-3 คนเร่งรีบตามมาทันเขา เมื่อพวกเขาเห็นที่เกิดเหตุต่อหน้า พวกเขากลัวมากจนเข่าอ่อน

“พวกเจ้ายังจะรออะไร? ไปหาคนรอดชีวิตสิ หาเบาะแสที่มีประโยชน์ให้ดี ข้าต้องการรู้ว่าผู้ใดเป็นคนทำเรื่องนี้ เดี๋ยวนี้” เขาดึงดาบเล่มหนาออกมา ดาบทองจากหลังของเขาและเริ่มกวัดแกว่งไปมาอย่างเดือดดาล จนพื้นดินถูกฟัน

“จอมยุทธ์ดาบทอง, เหตุการณ์ตรงนี้…” คนที่ดูเหมือนขโมยพบรอยที่น่าสงสัยใกล้หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย

“เสียหั่ว? วังที่หกหรือ?” บุรุษกลางคนผู้ยังโกรธอยู่พบว่าก่อนที่หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเขาตาย เขาได้ใช้เลือดเขียนข้อความเหล่านี้บนหินใกล้เขา หลังจากตรวจสอบอย่างระมัดระวัง เขาก็แค่เข้าใจเนื้อความอักษรเลือด 4 คำ หลังจากคนชื่อ “จอมยุทธ์ดาบทอง” ตรวจสอบอักษรเสร็จ สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที ความโกรธที่ยากระงับยิ่งเพิ่มขึ้นอีก เขาทุบกำปั้นตะโกนว่า “ข้าไม่สนว่ามันเป็นใคร ข้าต้องหาตัวมันมาล้างแค้น”

“มีพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ตรงนี้ เหมือนกับว่าหลงเหลือจากแนวป้องกันจากคัมภีร์อัญเชิญ บางทีมีนักรบผู้ใช้คัมภีร์อัญเชิญยังคงมีชีวิต…” บริวารอีกคนพูดขึ้นมา

“หาเขาให้เจอ ตั้งเงินรางวัลด้วย เรา ชาวป่าบันเทิงจะใช้ความพยายามและทรัพยากรทั้งหมดเพื่อสอบสวนหาความจริงของเรื่องนี้ ข้าไม่ยอมให้เจ้าคนนับถือปีศาจเพ่นพ่านในอาณาจักรต้าเซี่ยตามใจชอบแน่นอน ข้าไม่ยอมรับไอ้ขยะที่ใช้เลือดเนื้อคนของเรามาบูชายัญแน่” จอมยุทธ์ดาบทองคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวไม่หยุด

ลานบ้านของเย่ว์หยาง

หญิงงามมีคนใช้คอยประคอง พาเด็กหญิงเดินมาเคาะประตูห้องเย่ว์หยางด้วยสีหน้าตื่นตระหนกเคร่งเครียด

โดยไม่คำนึงถึงว่าเย่ว์หยางยังอยู่ในชุดนอน นางรีบถลันเข้ามาและจูงเด็กหญิงเข้าไปหาเขา “ซานเอ๋อ เมืองไป๋ฉือเกิดเรื่องวุ่นแล้ว สงสัยว่าโจรจากภูเขาดำเข้าปล้นเมือง ลุงหนานเพิ่งกลับมาหลังจากทราบสถานการณ์ เห็นได้ชัดว่าทิศตะวันออกกลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว รีบจากไปพร้อมกับชวงเอ๋อ เร็วเข้า, เร็ว” เด็กหญิง เย่ว์ชวงร้องไห้ด้วยความกลัวและไม่ยอมจากมารดาไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พอเธอเห็นเย่ว์หยาง เธอก็โดดเข้ากอดเย่ว์หยางและร้องไห้ฟ้องเขา “ท่านแม่ตีข้า! พี่สาม, ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ท่านแม่ยังตีข้า, ข้าเจ็บ..แง..”

“ชวงเอ๋อ เป็นเด็กดีนะ, อย่าร้องไห้, อย่าร้อง!”

เห็นสีหน้าของหญิงงามแล้ว เย่ว์หยางบอกได้เลยว่านางเข้าใจผิด

นางคิดว่าด้านตะวันออกของเมืองไป๋ฉือถูกโจรภูเขาดำบุก เพื่อป้องกันธิดาของนางก่อน นางถึงได้รีบมาพบเย่ว์หยางเพื่อให้เขาพาเด็กหญิงออกจากเมือง หลบหนีไปก่อนที่โจรแห่งเขาดำจะเริ่มสร้างความโกลาหล

แม่สี่เป็นแม่ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ

นางไม่คิดถึงความปลอดภัยของตัวนางเอง มุ่งมั่นแต่จะปกป้องบุตรและธิดาของนางเท่านั้น

ความอบอุ่นจากหัวใจเย่ว์หยางไหลพล่านไปทั่วร่าง จนเขารู้สึกเหมือนมีก้อนจุกในลำคอจนพูดไม่ออกในที่สุด

หลังจากหายใจลึกสงบอารมณ์ที่พลุกพล่านแล้ว เย่ว์หยางตบหลังเด็กหญิงเบาๆและยิ้มปลอบโยนหญิงงาม “ท่านแม่ อย่าห่วงเลย ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลถึงโจรภูเขาดำเลย แม้ว่าโจรภูเขาดำมาทางนี้จริง ข้าจะปกป้องท่านกับชวงเอ๋อได้แน่ ท่านแม่ เชื่อข้าเถอะ ไม่มีโจร มีแต่แค่นักรบจากป่าบันเทิงแพ้ในการต่อสู้ ข้าเพิ่งสังเกตการณ์ที่เกิดเหตุจากหลังคา นอกจากไฟไหม้บ้านรุนแรงไม่กี่หลังแล้ว ไม่มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น”

“โจรภูเขาดำไม่ได้มาจริงๆ หรือ?” ได้ฟังดังนั้น สีหน้าของหญิงงามผ่อนคลายลงทันที แม้ว่านางยังคงดูเคลือบแคลงอยู่

“ไม่มาจริงๆ โจรภูเขาดำก็คือกองกำลังส่วนตัวของเมืองไป๋ฉือ พวกเขาไม่มีทางมาบุกพวกเรา” เขาอธิบายอย่างอดทน

“ตอนนี้ ข้ากลัวมากจริงๆ” ภาระหนักอกของหญิงงามดูเหมือนจะได้รับการปลดไปแล้ว ขณะที่นางเอามือทาบอก บรรเทาความกลัวไปได้บางส่วน นางกลัวมากว่า อย่างน้อยตอนนี้นางต้องการเวลาให้จิตใจสงบลง พวกคนใช้ที่อยู่ข้างหลังนางตะโกนด้วยความยินดีและคลายใจเมื่อพวกเขาได้ยินเย่ว์หยางพูดว่าไม่ใช่โจรภูเขาด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวไม่ลังเลใจเลย

ในอาณาจักรต้าเซี่ย มีภูเขาและพื้นที่อันตรายหลายแห่ง พวกโจรภูเขาดำเปลี่ยนภูเขาฮวงเหย่อให้เป็นที่มั่นแล้วเที่ยวปล้นหมู่บ้านใกล้เคียง

ขณะที่ชาติยังอ่อนแอเกินไป มีบางที่ยังควบคุมได้ไม่ดี ด้วยการสนับสนุนจากภายนอกมีการสนับสนุนให้มีการสอดแนม ผู้ปกครองบางที่ได้สมรู้ร่วมคิดกับโจร ดังนั้น แม้ว่าโจรภูเขาดำจะมีชื่อเสียงอื้อฉาวและทางอาณาจักรพยายามปราบปรามพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า พวกมันยิ่งเติบโตมาก ดุร้ายมากในหลายปีที่ผ่านมา นอกจากเมืองที่มีกำแพงเมืองป้องกันตนเอง หมู่บ้านธรรมดาต้องจ่ายภาษีให้โจรเพื่อความอยู่รอด ถ้าพวกเขาไม่ทำ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะโดนสังหารทั้งหมู่บ้าน โดยปกติแล้ว กลุ่มโจรชั่วที่ทรงอำนาจจะยึดเมืองเล็กๆ และครอบครองไว้ราว 1-2 เดือน เมื่อกองทัพอาณาจักรผ่านมา พวกมันจะยกเลิกการควบคุมและหนีไป

เมืองแห่งหนึ่งถูกโจรภูเขาดำปิดล้อม โดยทั่วไปจะถูกทำลาย การปฏิบัติตามปกติพวกมันจะสังหารทุกคนเป็นเวลา 1 วัน และใช้พวกเขาเล่นสนุกต่อไปอีก 3 วัน

ชาวบ้านที่ดูน่าเกลียดจะถูกประหารต่อหน้าสาธารณะ ขณะที่คนที่ดูสาวสวยจะถูกข่มขืนหรือถูกขายเป็นนางคณิกา

ดังนั้น หญิงสาวจากครอบครัวที่มีชื่อเสียงจะมียาพรหมจรรย์ ทันทีที่พวกนางสิ้นหวังในสถานการณ์ เพื่อปกป้องพรหมจรรย์ของพวกนาง พวกนางจะกินยาพรหมจรรย์ จากนั้นพวกนางจะจบชีวิตด้วยยาพิษโดยไม่ถูกพวกโจรเหล่านั้นทำให้มัวหมอง

ในกระเป๋าใบเล็กของหญิงงามก็มียาพรหมจรรย์อยู่เม็ดหนึ่ง มีสีเขียวมรกตขนาดเล็ก เย่ว์หยางเกรงว่านางจะพยายามฆ่าตัวตาย ดังนั้น เขาจึงรีบพยายามสยบข่าวลือว่าโจรเขาดำบุกหมู่บ้าน

หลังจากเย่ว์หยางพยายามอย่างหนักเพื่อรับรองกับนาง ในที่สุดหญิงงามสงบใจลงได้บ้าง

หญิงงามพาเด็กหญิงที่ยังร้องไห้ไปนอนและเข้าไปนั่งในห้องเย่ว์หยางตลอดคืน จนกระทั่งลุงหนานผู้ออกไปติดตามสถานการณ์หลายครั้ง มายืนยันว่าโจรภูเขาดำไม่ได้บุกเมือง พอเกือบรุ่งสางนางจึงกลับไปนอนในห้องของนาง หลังจากผ่านเรื่องตกใจ หญิงงามไม่อาจหลับได้สนิทอยู่หลายวัน นางหวาดกลัวแม้ในเวลากลางวัน กลัวว่าโจรภูเขาดำจะมาทำร้ายพวกนาง

แม้ว่านางไม่ได้พูดออกมาดังๆ เย่ว์หยางสามารถเห็นได้อย่างเร็ว แม่สี่บางทีคงพบเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจมาก่อน

เมื่อเย่ว์หยงเห็นหน้างดงามของนางแสดงความอ่อนแอ เขาได้แต่ทำใจ

วันต่อมา ลุงหนานคนใช้ชรามารายงานด้วยความยินดีอย่างยิ่งว่า “นายหญิง คุณชาย มีข่าวดีแล้ว โจรภูเขาดำจากภูเขาดำ ทำให้นักสู้โกรธ และได้ถูกทำลายภายในคืนเดียว กลุ่มโจรทั้งหมดถูกกำจัดแล้ว”

เป็นไปตามคาด ความวิตกกังวลของหญิงงาม ไม่ต้องการยาใดๆ มาแก้ วงหน้าขาวนวลของนางกลับมายิ้มได้ตามปกติ

เจ้าเมืองไป๋ฉือมีนิสัยมักโกรธ อย่างไรก็ตาม เขาควบคุมได้ มันมีความคับข้องใจที่พูดไม่ได้ เขาไม่สามารถหาคนผิดมารับโทษเพื่อแก้แค้นได้

ถ้าเย่ว์ปิงยังคงฝึกการอัญเชิญกับเย่ว์หยางที่้บ้าน นางคงพบว่าต้นดอกหนามของเย่ว์หยางกลายเป็นสัตว์อสูรชั้นเงิน “ต้นดอกหนามหน้ากากมารพ่นพิษ”

แม้ว่าโจรภูเขาดำจะไม่มีนักรบพิเศษใดอยู่ แต่ก็มีจำนวนมาก หลังจากต้นดอกหนามพ่นพิษกินคนครบ 100 สำเร็จ มันผ่านระดับชั้นทองแดงพัฒนาไปเป็นชั้นเงิน มีเพียงสิ่งเดียวที่เย่ว์หยางผิดหวังก็คือไม่มีนักสู้ระดับวีรบุรุษระดับ 3 รวมอยู่ในกลุ่มโจรภูเขาดำ มิฉะนั้นตอนนี้ต้นดอกหนามบางทีพัฒนาไปเป็นต้นดอกหนามทองชั้นสูง

หลังจากกินคนไป 100 คน ต้นดอกหนามก็อยู่ไม่ไกลจากระดับทอง

เย่ว์หยางฝึกทุกวัน วันแล้ววันเล่า และหลายวันมานี้พื้นที่สงบเหมือนเมื่อก่อน

ผ่านไปอีก 3 วัน หญิงงามพาเด็กหญิงออกไปเล่นที่ลานบ้านที่เย่ว์หยางใช้ฝึกอย่างสบายใจ นางโบกจดหมายในมือพลางพูดว่า “ซานเอ๋อ ปิงเอ๋อส่งจดหมายมา ข้ากังวลว่าพวกป่าบันเทิงจะยุ่งเกี่ยวกับจดหมาย ข้าไม่ได้คิดว่าเราจะสามารถตอบจดหมายปิงเอ๋อได้เร็วนัก”

นางเปิดจดหมายออกอ่านอย่างตื่นเต้น

สิ่งที่ไม่มีใครได้ทันคาดคิด เมื่อนางอ่านจดหมาย รอยยิ้มนางหายไปทันที กลับแทนที่ด้วยความกังวล

“มีอะไรหรือ? มีเรื่องเกิดขึ้นกับน้องเจ็ดหรือ?” เย่ว์หยางเตือนเป็นไปได้ว่าเย่ว์ปิงตกอยู่ในอันตรายแม้เมื่อนางฝึกอยู่ที่ชั้น 1 หอทงเทียน? เขารีบวางเด็กหญิงลงพูดว่า “แม่สี่, จะให้ข้าไปพาปิงเอ๋อกลับไหม?”

*************************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset