เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 40 – ฮุยไท่หลาง

===============
เย่ว์หยางซ้อมหมาป่าเล็บเหล็กอย่างหนักจนกระทั่งมันกระอักเลือด เขาถึงได้ผ่อนหายใจ เขาตระหนักว่ามันมีความเข้มแข็งอดทนมาก ไม่เพียงแต่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ปรากฏว่ามันยินดีที่จะถูกทุบตี ดูเหมือนจะเป็นหมาป่าจอมเพี้ยนที่มีนิสัยอยากโดนซ้อม เย่ว์หยางช่วยไม่ได้ แต่มึนงงอยู่ชั่วขณะ

เขาหยุดและก้มลงตรวจหาเหตุผล

หลังจากใช้ปราณก่อกำเนิดตรวจสอบอย่างละเอียด ในที่สุดเย่ว์หยางก็ตระหนักว่าร่างของหมาป่าเล็บเหล็ก ไม่ธรรมดา

หมาป่าเล็บเหล็กโดยทั่วไปเป็นสัตว์อสูรธาตุดิน อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวนี้กลับไม่ใช่ มันมีร่างแปลกประกอบด้วยธาตุไฟ โลหะและความมืด

ในทางทฤษฎีพื้นฐานทางชีวภาพ อสูรระดับต่ำมีคุณสมบัติหลายอย่างหรือที่ขัดแย้งกันก็จะอยู่ไม่ได้ ถ้ามันมีธาตุมากกว่า 2 อย่าง พวกมันน่าจะเป็นร่างแปลงระดับสูงได้ ยกตัวอย่างเช่น ไคเมราไฟ- น้ำแข็ง อย่างไรก็ตาม ไคเมราไฟ-น้ำแข็งอย่างน้อยต้องเป็นสัตว์อสูรชั้นทองแดงระดับ 8 เทียบกับหมาป่าเล็บเหล็กระดับ 2, ชิเมราคือประสบการณ์ที่ไม่อาจเอื้อมถึงได้ และหมาป่าเล็บเหล็กธรรมดาระดับ 2 มีธาตุแตกต่างกันถึง 3 อย่างในตัว นี่นับว่าแปลกมาก

เย่ว์หยางตระหนักว่า เป็นเพราะหมาป่าเล็บเหล็กที่แปลกตัวนี้มีคุณสมบัติไฟและความมืด จึงมีระดับความต้านทานพลังปีศาจที่ไหลออกมาจากแขนของจ้าวปีศาจได้

ขณะที่มันมีคุณสมบัติโลหะ ร่างของมันแข็งแกร่งพอที่จะทนต่อการถูกซ้อม เหมือนกับแมลงสาบหมาป่าที่ไม่มีวันตาย

แน่นอนว่า เหตุผลที่การซ้อมของเย่ว์หยางสร้างความรู้สึกสบายไม่ใช่เพราะภูมิต้านทานของมัน แต่เป็นเพราะการจู่โจมของเย่ว์หยางใช้ปราณก่อกำเนิดกับมัน หมาป่าเล็บเหล็กมาที่นี่เพื่อดูดกลืนพลังปีศาจและดื่มเลือดปีศาจ มันทรมานเจ็บปวดแสนสาหัสจากพลังปีศาจชั่วช้าฮาซิน บังเอิญโชคดี เย่ว์หยางซ้อมมันทำให้มันบรรเทาปวดลงได้บ้าง ยิ่งเย่ว์หยางซ้อมมันหนักแค่ไหน พลังปีศาจในร่างมันก็ยิ่งบริสุทธิ์ขึ้น นั่นคือสาเหตุที่หมาป่าเล็บเหล็กสบายยิ่งขึ้นที่โดนซ้อมแต่ละครั้ง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดก็คือแม้เย่ว์หยางจะลงมือหนักขนาดที่เจ้าหมาป่าเล็บเหล็กอวัยวะภายในแหลกและกระดูกหักยับ แต่พลังปีศาจที่มันได้ดูดกลืนไว้จะคืนสภาพให้ร่างกายมันทีละนิดๆ จนกลายเป็นเลือดเนื้อสมบูรณ์ จากสภาพร่างกายที่เกือบระเบิดเพราะมีพลังปีศาจอัดแน่นภายในไม่สามารถระบายออกได้ แต่พลังงานปีศาจนั้นกลับกลายเป็นประโยชน์ขณะที่เย่ว์หยางทุบตีมัน

อาจกล่าวได้ว่า การที่เย่ว์หยางลงมือทำร้ายมันเหมือนกับเป็นพิธีต่ออายุให้ร่างหมาป่าเล็บเหล็กมากกว่า

การลงมือทุบตีของเขากำลังช่วยให้หมาป่าเล็บเหล็กถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง

เย่ว์หยางพบปัญหานี้ทันทีเมื่อเขาเฝ้าสังเกต และโกรธจนเกินบรรยาย เขายกหินก้อนใหญ่ขึ้นหมาย เตรียมจะทุ่มใส่หมาป่าเล็บเหล็กให้มันตายทั้งเป็น เขาต้องการให้มันรู้รสชาติของการโดนบดก่อนตาย

“อะฮู้วววว..”

แววตาหวาดกลัวปรากฏอยู่ในตาของหมาป่าเล็บเหล็ก เย่ว์หยางรู้สึกสะกิดใจที่เห็นมันเพ่งมอง

หมาป่าตัวนี้ถูกฝูงของมันทอดทิ้งจึงต้องเที่ยวไปในโลกตามลำพัง มันช่างคล้ายคลึงกับกรณีของเขา เพียงแต่มันไม่มีใครให้พึ่งพา เขายังโชคดีกว่ามัน ที่มีหญิงงาม มีน้องสาวตัวน้อยและมีคนอื่นอยู่ข้างๆ หลังจากถูกส่งข้ามมิติและใช้สถานะของเจ้าเด็กที่น่าสงสารแล้ว เขาก็รับเอาสิ่งที่เจ้าเด็กผู้น่าสงสารมีไว้ทั้งหมด หญิงงามก็ปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นบุตรชายแท้ๆ แม้เขาจะไม่ใช่ซานเอ๋อตัวจริง แต่ในความเป็นจริงเขายอมรับความรักที่หญิงงามและครอบครัวนางมีต่อเจ้าเด็กผู้น่าสงสาร

เอาก้อนหินทุ่มใส่เจ้าหมาป่าเล็บเหล็กนี้ให้ตาย ไม่มีประโยชน์อะไรต่อเขาเลย

ทำไมเขาไม่ใช้มันทดลองดูเล่า?

ถ้าเขาใช้เลือดของจ้าวปีศาจและพลังงานปีศาจเพื่อแปลงสภาพความแข็งแกร่งของสัตว์อสูร อย่างนั้นเขาคงใช้หลักการเดียวกันสร้างสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งขึ้นได้ไม่ใช่หรือ?

เย่ว์หยางโยนหินก้อนใหญ่ในมือออกไปและไตร่ตรองอย่างใจเย็นชั่วครู่ จากนั้นเขาก็ขุดแขนของจ้าวปีศาจฮาซินออกมาและถ่ายเทพลังงานปีศาจทั้งหมดจากแขนเข้าไปในร่างของหมาป่าเล็บเหล็ก กระบวนการนี้ง่ายกว่าดูดกลืนพลังงานปีศาจผ่านอากาศมากนัก ประการแรก เป็นเพราะการส่งต่อทางกายภาพทำได้ง่ายกว่า ประการที่สอง เพราะพลังงานปีศาจของจ้าวปีศาจฮาซินจะถูกดูดไปยังเนื้อหนังที่ัยังมีชีวิตอยู่ หมาป่าเล็บเหล็กที่ยังมีชีวิตจึงเป็นภาชนะอย่างดีสำหรับเก็บพลังงานปีศาจ ด้วยการผลักดันโดยปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยาง พลังงานปีศาจก็ถ่ายเทไปที่ร่างของหมาป่าเล็บเหล็กทันที ประการที่สาม หมาป่าเล็บเหล็กบาดเจ็บไปทั้งตัว ดังนั้นร่างของมันต้องการพลังงานในการฟื้นตัว ถึงจะเป็นพลังงานปีศาจก็ตาม มันก็ยังเป็นพลังงานที่ช่วยให้ฟื้นตัว

พลังจากแขนของจ้าวปีศาจฮาซินมีมากมายก็จริง แต่ไม่สะอาด บรรดาส่วนต่างๆ ของแขนที่ต่างกัน พลังงานปีศาจไม่ใช่สิ่งที่ต้นดอกหนามต้องการ

แต่ต้นดอกหนามสามารถดูดซับทักษะปีศาจของแขนปีศาจได้เต็มที่ ตัวอย่างเช่น ทักษะไฟนรกและเลือดกรด ทักษะทั้งหมดนี้ถือเป็นลักษณะที่ดีสำหรับการแปลงเป็นอสูรร่างมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะเลือดกรด มันจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับสร้างอสูรรูปมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ

อย่างไรก็ตาม พลังงานปีศาจในอีกด้านหนึ่ง จะเปลี่ยนสัตว์อสูรให้มีสภาพน่าเกลียด น่ากลัว

เย่ว์หยางไม่ต้องการนางปีศาจดอกหนาม ที่เขาเฝ้าบำรุงอย่างระมัดระวังต้องกลายเป็นอสูรที่น่าเกลียดไปในที่สุด ดังนั้น แน่นอนที่สุดว่าเขาไม่ต้องการให้มันดูดซับพลังงานปีศาจเอาไว้

ท้องของสุนัขป่าเล็บเหล็กโป่งกลมเหมือนกับลูกโป่ง คล้ายกับว่ามันจะระเบิดเมื่อใดก็ได้ ร่างของมันบวมอืดไปทั้งตัว ตาของมันถลนจนล้นจากเบ้า ร่างของมันอัดแน่นไปด้วยพลังงานปีศาจ จนเกือบจะดูเหมือน “ลูกโป่งสุนัขป่า”

บางทีมันคงเจ็บปวดจนบรรยายไม่ได้ แต่เย่ว์หยางวุ่นเกินกว่าจะให้ความสนใจมัน

เขาผลักพลังงานปีศาจทั้งหมดไปไว้ในตัวหมาป่าเล็บเหล็ก จากนั้นผลักแขนของเจ้าปีศาจฮาซินมาจ่อที่ปากมหึมาของต้นดอกหนาม

ต้นดอกหนามทองไม่ยอมกลืนแขนภายในคำเดียวเหมือนกับที่เคยกินอาหารครั้งก่อนๆ แต่กลับดูดแขนเข้าไปในปากมัน ค่อยๆ แทะเล็มแล้วกลืน ย่อยอย่างช้าจริงๆ เย่ว์หยางคิดว่าบางทีมันคงไม่สามารถย่อยแขนได้ทันทีที่มันกลืนลงไปทั้งหมด ต้นดอกหนามอาจระเบิดดังบึ้มจนกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหากว่ามันกลืนกินรวดเดียว เย่ว์หยางกลัวว่าต้นดอกหนามจะระเบิด ดังนั้นเขาจึงใช้ปราณก่อกำเนิดช่วยซอยช่วยเฉือน เพื่อช่วยให้มันย่อยง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม ก้านของต้นดอกหนามทองก็ยังติดไฟนรกจนทำให้มีอาการเจ็บปวดรุนแรงต่อต้นดอกหนาม กิ่งก้านของมันยังคงสั่นไหวไปทั้งหมด

อีกด้านหนึ่ง เย่ว์หยางไม่ได้สนใจหมาป่ากรงเล็บเหล็กที่กลิ้งเป็นลูกบอลอยู่ตรงแทบเท้าเขา

นี้ถือว่าเป็นการทดลองอย่างหนึ่ง จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากว่าหมาป่าเล็บเหล็กตาย

ถ้ากระบวนการย่อยของต้นดอกหนามเป็นไปราบรื่นและเย่ว์หยางพอใจ เขาคงจะเตะหมาป่าเล็บเหล็กอย่างหนักหน่วงสักที ไม่ว่ายังไงก็ตาม การลงมือทุบตีของเขาเป็นเรื่องที่ดีต่อหมาป่าเล็บเหล็ก ซึ่งมันก็ค้นหาอย่างสิ้นหวัง อย่างไรก็ตาม การย่อยของต้นดอกหนามไม่ค่อยราบรื่นด้วยดีนัก เย่ว์หยางไม่พอใจที่เห็นอย่างนั้น มันสำรอกแขนที่กลืนลงไปแล้วออกมาไม่สามารถจะทนต่อกระบวนการย่อยต่อไปได้ จำเป็นต้องใช้ปราณก่อกำเนิดของเขาช่วยซอยช่วยย่อย เมื่อเย่ว์หยางไม่พอใจ เขาก็ยังคงเตะหมาป่าเล็บเหล็กระบายอารมณ์โกรธในใจเขา ไม่ว่ายังไงก็ตาม การทำเขาทำต่อต้นดอกหนามและหมาป่าเล็บเหล็กตรงกันข้ามราวกับฟ้าและดิน ฝ่ายหนึ่งได้รับการเอาอกเอาใจใช้ปราณก่อกำเนิดช่วย และอารักขาดูแลอย่างดี ขณะที่อีกฝ่ายโดนซ้อมและสบถใส่จนถึงที่สุด

เป็นกระบวนการที่ใช้เวลาทั้งวันก่อนที่ต้นดอกหนามทองจะสามารถกลืนแขนของจ้าวปีศาจฮาซินได้ทั้งหมด

แน่นอนว่า นี่เป็นเพียงก้าวแรกในกระบวนการย่อยของมัน เย่ว์หยางคิดว่า คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือนสำหรับต้นดอกหนามทองถึงจะย่อยแขนของจ้าวปีศาจฮาซินได้ทั้งหมด เพื่อการวิวัฒนาการเป็นอสูรรูปมนุษย์ที่งดงาม “นางปีศาจดอกหนาม” บางทีอย่างน้อยอาจต้องใช้เวลา 3 เดือน

ตรงกันข้ามกับ หมาป่าเล็บเหล็กที่เปลี่ยนรูปได้เร็วมาก

ตอนนี้ แม้ว่าเย่ว์หยางได้กระทืบหมาป่าเล็บเหล็กไปถึง 8 ครั้งแล้ว ด้วยการกระทืบของเขาทำให้กะโหลกของมันแตกถึง 3 ครั้ง คอหัก 2 ครั้ง ทุบหลัง 5 ครั้ง บดขาของมัน 9 ครั้ง แต่มันก็ยังหายจนเกือบเต็มที่ ถ้าเย่ว์หยางไม่เห็นด้วยตัวเอง เขาคงไม่เชื่อว่าเจ้าหมาป่าเล็บเหล็กโดนทุบตีจนตายนับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั่งอวัยวะภายในทั้งหมดแหลกราญ จนมันกระอักเลือดออกมา แต่มันก็ยังมีชีวิตอยู่

ไม่ใช่แค่หมาป่าเล็บเหล็กฟื้นคืนสภาพเต็มที่ มันยังเปลี่ยนแปลงรูปผิดไปจากเดิมมากมาย

แค่เพียงวันเดียว มันเปลี่ยนแปลงจากหมาป่ากรงเล็บเหล็ก ระดับ 2 ขั้นธรรมดา ไปเป็นหมาป่าปีศาจหลังเหล็ก ชั้นทองแดง ระดับ 3

ความเร็วในวิวัฒนาการดังกล่าวอาจเป็นตัวแรกและน่ามหัศจรรย์ที่สุดในประวัติเผ่าพันธุ์สุนัขป่าก็ได้ พลังของหมาป่าปีศาจหลังเหล็ก ระดับ 3 ชั้นทองแดงเกือบเทียบเท่าจ้าวหมาป่าเล็บเล็บเหล็ก ระดับ 4

อสูรประเภทสุนัขป่า มีคุณลักษณะ “หัวเป็นทองแดง ขาเป็นเหล็ก และเอวเป็นเหมือนเต้าหู้” ถ้าเอวเต้าหู้ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่สุดของมันสามารถพัฒนาไปเป็นเอวเหล็กได้ ความสามารถในการต่อสู้ของมันจะเพิ่มขึ้นมาได้อย่างน้อย 10 เท่า ยิ่งไปกว่านั้น หมาป่าตัวนี้วิวัฒนาการด้วยความช่วยเหลือจากพลังงานปีศาจของจ้าวปีศาจ ความสามารถสู้ของมันมีมากหลายเท่า ดังนั้นมันน่าจะสู้กับจ้าวสุนัขป่าเล็บเหล็กระดับ 4 ได้อย่างสบาย

เย่ว์หยางตระหนักว่าเจ้าหมาป่าแมลงสาบนี้ ต้องการโดนทุบตีกระทั่งเกิดการวิวัฒนาการ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพลังงานปีศาจในร่างของมันยังไม่ได้ถูกใช้เลย พลังงานปีศาจที่เข้าไปอยู่ในร่างมันยังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งเต็มที่ ในไม่ช้าเจ้าสุนัขป่าแมลงสาบนี้ จะไม่มีทางถูกฆ่าหลังจากโดนทุบตีไปหลายครั้ง บางทีอาจจะยกยกระดับเป็นอสูรระดับ 4 ชั้นทองแดง หรือแม้แต่ระดับ 5 ชั้นทองแดงก็ได้

หลังจากสังเกตอย่างใกล้ชิด เย่ว์หยางก็ตระหนักว่าปราณก่อกำเนิดของเขามีส่วนในวิวัฒนาการของหมาป่าอย่างน่าอัศจรรย์

หากไม่ได้ปราณก่อกำเนิดของเขา เจ้าสุนัขป่าแมลงสาบคงร่างระเบิดตายไปแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น พลังงานปีศาจคงจะไม่เข้ากันได้ดีกับร่างกายมันได้ง่ายๆ แน่ พอเตะหมาป่าด้วยพลังปราณก่อกำเนิดของเขาก็เท่ากับทำให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายใน ช่วยให้มันได้ถือกำเนิดใหม่ มิฉะนั้น มันก็เป็นแค่หมาป่าเล็บเหล็กธรรมดา ไม่ว่าจะมีพลังมากแค่ไหนก็ตาม มันไม่สามารถย่อยพลังงานปีศาจของจ้าวปีศาจฮาซินมาเป็นของตัวได้ เย่ว์หยางรู้สึกได้ทันทีว่า เจ้าหมาป่าแมลงสาบที่ดิ้นรนไม่ยอมตายก็คล้ายกับตัวเขาในบางแง่

แม้ว่า มันโชคร้ายอยู่บ้าง แต่มันก็โชคดีมากกว่า

จะมีที่แตกต่างกันก็คือ เขาไม่จำเป็นต้องโดนซ้อมเพื่อให้ประสบความสำเร็จ แต่มันจำเป็นต้องโดนทุบตีอย่างดุเดือดเพื่อวิวัฒนาการอย่างช้าๆ

หลังจากต้นดอกหนามทองกลืนแขนของจ้าวปีศาจหมดแล้ว เย่ว์หยางรีบเอามันกลับไปไว้ในคัมภีร์อัญเชิญอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้มันค่อยๆ ย่อยแขนอยู่ข้างใน แล้ววิวัฒนาการไปเป็นปีศาจดอกหนามแสนสวยอย่างช้าๆ ตอนนี้ดอกหนามนั้นอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องกังวลถึงมันอีกต่อไป

เวลานี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไปหอทงเทียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วนำเย่ว์ปิงกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย เพื่อช่วยให้หญิงงามจิตใจสงบ

เย่ว์หยางสาวเท้าไปข้างหน้าต่อ แต่แล้วก็ตระหนักได้ว่าเจ้าหมาป่าปีศาจหลังเหล็ก ที่ยังไม่ตายหลังจากโดนทุบตีอย่างหนักกำลังตามเขามา เย่ว์หยางจึงเตะมันอย่างแรงจนกระเด็นไป แรงเตะของเขาทำให้มันกระเด็นไปไกลและมีเสียงบึ้มตามมา แต่มันรีบพลิกตัวกลับแล้วตามมาข้างหลังเขา ทั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการที่เขาอารมณ์เสียเลย

ยิ่งไปกว่านั้น มันยังรู้วิธีประจบเย่ว์หยาง ปกติมันตามเย่ว์หยางมาโดยไม่ได้ทำอะไร แต่พอถึงเวลากิน มันจะไปจับสัตว์เล็กๆ เช่นกระต่าย แล้วเอามาให้เย่ว์หยางเหมือนเป็นบรรณาการ แต่แม้ว่าเย่ว์หยางจะย่างกระต่ายที่มันเอามาให้ ความคิดเขาที่มีต่อมันก็ไม่เปลี่ยนไปเลย เหตุผลง่ายๆ สิ่งที่คล้ายกันย่อมผลักไสกันและกัน หมาป่าเป็นตัวผู้ และมันชอบทำหน้าขอร้องให้กระหน่ำมันอีก ดังนั้นเขาจึงไม่เพิ่มความรู้สึกที่ดีต่อมัน

หมาป่ายังตามติดเย่ว์หยางเป็นเวลา 2 วัน 2 คืน หลังจากพยายามทุกวิธีเขาคงได้คิด เย่ว์หยางไม่สามารถไล่เจ้าหมาป่าแมลงสาบให้หนีไปได้ ดังนั้น เขาคงได้แต่ยอมให้มันตามมาด้วย ในที่สุด เขาจึงแสดงความปรานีกับมันและตั้งชื่อมันว่าฮุยไท่หลาง

เกี่ยวกับการทำสัญญา เย่ว์หยางจะไม่มีทางทำสัญญากับหมาป่าปีศาจหลังเหล็กตัวผู้นี้แน่

แค่เพียงหลังจากมาถึงที่ตั้งกองกำลังเมืองไป๋ฉือ เย่ว์หยางถึงได้รู้ว่าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับสัตว์อสูรที่ไม่ได้ทำสัญญา เขาโกรธจัดขณะเตะเจ้าหมาป่าแรงๆ “ฮุยไท่หลาง! เจ้าลูกหมา ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาด้วย แต่เจ้าก็ยังตื๊อตามมา ตอนนี้เจ้ากำลังทำให้ข้าเสียเงินโดยไม่ได้อะไร”

เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบแทบจะร้องไห้เมื่อเห็นอย่างนั้น “อย่าตี, อย่าตีมันอีกเลย.. นี่มันหมาป่าปีศาจ หลังเหล็ก ชั้นทองแดง ระดับ 3 ข้าอยู่ที่สถานีนี้มาหลายปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นสัตว์อสูรชั้นทองแดงที่เชื่องอย่างนี้ ไปตีมันอย่างนั้น ทำเอาข้าหัวใจจะวาย ถ้าเจ้าจ่ายไม่ได้จริงๆ ข้าช่วยเจ้าจ่ายให้ก็ได้ เจ้าจะยอมไหม?”

******************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset