เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 442 – ราชาเฮยอวี้ปรากฏ

ตอนที่ 442 ราชาเฮยอวี้ปรากฏ

ถ้าเย่ว์ชิวยังคงมีชีวิตอยู่ ก็นับเป็นข่าวดีของตระกูลเย่ว์

อย่างไรก็ตาม สำหรับเย่ว์หยางผู้มาจากโลกอื่น คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

แน่นอนว่า โอกาสที่เย่ว์ชิวจะรอดอยู่ได้มีเพียงน้อยนิด ถ้าเขายังคงมีชีวิตอยู่ ในช่วงสิบปีมานี้ เขาไปที่ไหน? แม้ยามที่ตระกูลเย่ว์อยู่ในสภาพใกล้ล่มสลายที่สุด ต้องการคนที่สุด เขากลับไม่ปรากฏตัว ดังนั้นเย่ว์หยางเชื่อว่าเย่ว์ชิวบิดาของสหายผู้น่าสงสารคงมีโอกาสน้อยที่ยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจ ทำไมคนจากหุบเขาเจี๋ยเถาถึงเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าเย่ว์ชิวไม่ได้ตายในสงคราม?

หลังจากออกจากหุบเขาเจี๋ยเถา เย่ว์หยางไปสอดส่องตรวจดูอยู่สองสามที่ ที่เหล่านั้นทั้งหมด เย่ว์ชิวเคยใช้เป็นที่พำนักชั่วคราว เขาใช้เวลาหมดไปทั้งวัน แต่ไม่ได้รับข้อมูลเพิ่มแต่อย่างใด

ที่สำคัญคือ เวลาผ่านถึงมาสิบปีแล้ว หลายอย่างที่เหลืออยู่อาจจะเหมือนเดิม แต่คนกลับไม่ใช่

เย่ว์หยางคิดว่า ร่องรอยเย่ว์ชิวอาจจะเหลืออยู่บ้างในหุบเขาเจี๋ยเถา แต่กลับไม่พบเห็นในที่ใดเลย

เป็นแค่เพียงเขตพื้นที่หุบเขาเจี๋ยเถาที่เพิ่งก่อการลุกฮือ คนที่นั่นเกลียดและตื่นตัวต่อคนต่างถิ่น ต่อให้ร่องรอยเย่ว์ชิวจะเหลืออยู่ที่นั่นจริง แต่การหาให้พบในระยะเวลาอันสั้นนั้นเป็นไปไม่ได้เลย

“ไม่เป็นไร ข้าจะมาจัดการเรื่องนี้ทีหลังก็ได้” เย่ว์หยางตัดสินใจยกเลิกในตอนนี้ก่อนและกลับไปยังหอทงเทียนชั้นที่สาม เขาสนทนากับขุนพลของอาณาจักรต้าเซี่ยผู้รักษาการณ์อยู่ที่นั่นเล็กน้อย เขาพบว่ากองกำลังนรกดำอยู่ในสภาพเหมือนกับสงบก่อนพายุจะมา ไม่ว่าจะเป็นทวีปมังกรทะยานหรือหอทงเทียน ยังไม่มีการโต้ตอบ บางทีการจู่โจมทำลายฐานทัพลับทำให้กองกำลังนรกดำประสบความสูญเสียอย่างรุนแรง ก่อนที่พวกเขาจะมั่นใจว่าชนะแน่ พวกเขาจะไม่เริ่มก่อกวนแน่นอน นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ในทางตรงกันข้าม พวกเขาจะสร้างความแข็งแกร่งอย่างช้าๆ และรอโอกาสที่ดีที่สุดแล้วจึงเริ่มการโจมตี

ถ้าพวกเขายังไม่เริ่มสงครามก็ยังนับว่าไม่เป็นไร

ทันทีที่สงครามเริ่มอย่างเป็นทางการ ทั้งกองกำลังนรกดำหรือทั้งอาณาจักรต้าเซี่ยจะต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ในที่สุด

เย่ว์หยางไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงกิจการทางทหารได้ และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่จุดแข็งของเขา พอเห็นว่าสงครามยังไม่เริ่มในตอนนี้ เย่ว์หยางตัดสินใจไปยังสถานที่ลับที่มารดาของนางพญากระหายเลือดบินหายไป เขาต้องการไปดูว่ามีความลับเช่นใดซ่อนอยู่

บางที นางพญากระหายเลือดอาจยกระดับได้เนื่องจากเรื่องนี้

ก่อนหน้านี้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของเขายังไม่เพียงพอ จึงเป็นเรื่องอันตรายมากหากเขาจะไปที่นั่น แต่ตอนนี้เขาไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้ว

หลังจากเรียกนางพญากระหายเลือดออกมา ทั้งสองก็ทะยานขึ้นไปในอากาศเคียงบ่าเคียงไหล่กัน

หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงกับความลำบากในการเดินทางผ่านภูเขาหลายลูกแม่น้ำหลายสาย ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงสถานที่ซึ่งมารดาของนางพญากระหายเลือดบอกว่าเป็นที่ลับ นั่นเป็นรอยแยกของหุบเขา เนื่องจากเคยเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด เกิดแนวรอยแยกยาวอย่างน้อยสิบกิโลเมตร กว้างไม่น้อยกว่า 2-3 ร้อยเมตร แม้แต่ส่วนที่แคบที่สุดก็แค่พอให้คนๆ เพียงคนเดียวเบียดตัวผ่านไปได้เท่านั้น

รอยแยกของหุบเขาไม่ใช่จุดหมายปลายทาง

มารดาของนางพญากระหายเลือดพบสถานที่ลับนี้เพราะเมื่อนางมาสำรวจรอยแตกแยกของภูเขา นางได้รู้ว่ารอยแตกของหุบเขามีรอยแยกเปิดอย่างคาดไม่ถึง วงเวทเทเลพอร์ตลับเปิดออกมา

หลังจากค้นหาอยู่ครึ่งชั่วโมง เย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดก็พบวงเวทเทเลพอร์ตขนาดยักษ์ในที่สุด

แน่นอนว่านี่คือวงเวทเทเลพอร์ตโบราณที่ถูกทิ้ง มันถูกฝังลึกอยู่ใต้ดิน เนื่องจากเกิดเหตุหลายอย่างเช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด จึงโผล่ออกมาอีกครั้ง แล้ววงเวทเทเลพอร์ตนี้จะพาไปถึงที่ใดกัน?

และอะไรคือความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้น?

หลังจากมารดาของนางพญากระหายเลือดบินขึ้นไปแล้ว นางทิ้งคำเตือนถึงอันตรายไว้ทันที

แน่นอนว่านางไม่อาจค้นพบความลับได้ทั้งหมด แต่ได้รับประโยชน์ไปจำนวนหนึ่งเสียมากกว่า อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าเพียงพอให้นางบินขึ้นไปหอทงเทียนชั้นสี่หรืออาจเป็นระดับชั้นที่สูงกว่า สิ่งที่ประหลาดที่สุดก็คือว่า เย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดหานางไม่พบ แม้แต่ที่ชั้นห้าและชั้นหก ก็ไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องเลย

มารดาของนางพญากระหายเลือดบินไปที่ไหน?

ขณะนั้น นางได้รับสมบัติชนิดใด ถึงยอมให้นางทำลายม่านพลังพื้นที่และบินไปในระดับต่างๆ ได้อย่างอิสระ?

ความลับทั้งหมดอยู่อีกฟากหนึ่งของวงเวทเทเลพอร์ต

เย่ว์หยางใช้ผลึกเวทจำนวนมากเพื่อให้วงเวทเทเลพอร์ตซึ่งเสียหายจากแผ่นดินไหวทำงานอีกครั้งหนึ่ง ถ้าเขาไม่ได้เรียนรู้ความรู้เรื่องวงเวทเทเลพอร์ตจากอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า เขาคงทำอะไรไม่ได้ทั้งวงเวทเทเลพอร์ตนี้อยู่ข้างหน้าเขา หลังจากมารดาของนางพญากระหายเลือดได้เข้าไปแล้ว หลายปีผ่านไป ในรอยแยกในหุบเขานี้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ทำให้วงเวทเทเลพอร์ตเสียหายมากขึ้น แม้หลังจากที่เย่ว์หยางซ่อมวงเวทเทเลพอร์แล้วก็ตาม เขาก็ยังกังวลว่าจะมีปัญหา เย่ว์หยางจับมือของนางพญากระหายเลือดไว้ และพยายามเปิดการใช้งานวงเวทเทเลพอร์ต

“ครืนนนนนน!”

วงเวทเทเลพอร์ตเริ่มสั่นมีเสียงครางแปลกๆ หลังจากผลึกเวทถูกใส่ลงไป

แสงสีขาวจำนวนมากพุ่งขึ้นมา

พลังงานลำแสงพุ่งทะลุพื้นตรงที่พวกเขายืนอยู่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

การกระตุ้นวงเวทเทเลพอร์ตเป็นเหตุให้แผ่นไหวอีกครั้ง พื้นทั้งหมดไหวไม่หยุด ทำให้หินร่วงลงมา ก้อนหินบนพื้นแตกร้าวอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตา รอยแตกเหมือนกับใยแมงมุมแพร่กระจายไปทุกที่

ในระยะห่างออกไปประมาณ 2-3 กิโลเมตรภูเขาไฟ 2-3 แห่งเริ่มสั่นสะเทือน ควันดำและไอน้ำพุ่งออกเหมือนกับว่าจะมีการปะทุรอบใหม่

เย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดถูกเทเลพอร์ตไปทันที

การเทเลพอร์ตทำได้สำเร็จ แต่วงเวทเทเลพอร์ตไม่สามารถทนต่อความเสียหายได้ มันระเบิดและถูกทำลายไป อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการทำลายตัวของวงเวทเทเลพอร์ต จึงไม่มีพลังงานถูกส่งเข้าเปลือกโลกอีกต่อไป สภาพแผ่นดินไหวค่อยๆ หยุดลง และภูเขาไฟค่อยๆ สงบลงเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในท้องฟ้า ยังมีร่องรอยควันดำ นี่เป็นเพียงหลักฐานเดียวที่แสดงว่าเย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดเคยมาที่นี่ก่อน

การเทเลพอร์ตทำได้รวดเร็วมาก ในชั่วพริบตา เย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดก็มาถึงในสภาพแวดล้อมแห่งใหม่

นี่คือเกาะที่ลอยอยู่ในท้องฟ้า

มีขนาดใหญ่โตมหึมากว่าป้อมสายฟ้าในหอทงเทียนชั้นที่หกเสียอีก เมื่อเย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์ดู เขาไม่สามารถมองเห็นขอบเขตที่สุดอีกด้านหนึ่ง แต่วงเวทเทเลพอร์ตนั้น เขาสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าอยู่ห่างออกไปราว 2-3 กิโลเมตร มีขอบเขตด้านหนึ่ง ขอบกลมยื่นห่างออกไปจนสุดสายตา

เย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดเดินไปที่ขอบเกาะและชะโงกดู

ในไม่ช้าพวกเขาก็ทราบได้ว่าไม่สามารถมองเห็นที่สุด ลึกเสียจนพวกเขามองไม่เห็นพื้น บางทีอาจไม่มีพื้นเลยก็ได้

พอแหงนหน้ามอง พวกเขาสามารถเห็นอาคารหักพังจำนวนหนึ่ง ต้นไม้สีเขียวอ่อนสูงเหมือนหอคอยยืนต้นอยู่บนผาที่อันตราย

หอทงเทียนชั้นที่สามก็ยังมีเกาะลอยฟ้า มีเกาะลอยฟ้าอยู่แน่ แต่ไม่เคยเห็นใหญ่เท่าเกาะนี้ แม้แต่ในหอทงเทียนชั้นที่หกก็ไม่มีเกาะใหญ่ขนาดนี้ ป้อมสายฟ้าก็ยังไม่อาจเทียบกับเกาะนี้ได้ ยิ่งกว่านั้นป้อมสายฟ้าไม่ได้ลอยอยู่ในอากาศเบาบาง

เหมือนกับมีพลังชนิดหนึ่งทำให้เกาะขนาดมหึมาลอยอยู่ในท้องฟ้าได้หรือ?

สถานที่นี้อยู่ที่ใดกัน?

อาจไม่ใช่ชั้นสามหอทงเทียน แรงโน้มถ่วงที่นี่มากกว่าชั้นหกหอทงเทียนเสียอีก ยิ่งกว่านั้นชั้นที่สาม สี่ ห้า หรือแม้แต่ชั้นที่หกหอทงเทียนไม่เคยพบเกาะลอยฟ้าใหญ่ขนาดนี้ ชั้นหกหอทงเทียนอาจมีที่ลับซึ่งยังมิได้ถูกเผย เหมือนอย่างวังเบญจธาตุ อย่างไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่ผู้คนไม่สามารถค้นพบเกาะลอยฟ้าใหญ่โตขนาดนั้น

เย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดบินลงมา หลังจากบินลงมาประมาณสิบกิโลเมตร พวกเขาก็ยังไปไม่ถึงพื้นเบื้องล่าง

จนกระทั่งเกือบร้อยกิโลเมตร พื้นที่จึงเริ่มเล็กลง

ในที่สุด เบื้องล่างดูเหมือนจะเรียวเล็กลง

เมื่อมองดูอีกครา กลับไม่ใช่พื้นดิน แต่เป็นท้องฟ้าไม่มีที่สิ้นสุด

“โอว, คุณพระช่วย หรือว่าสถานที่นี้จะเป็นเมืองลอยฟ้าในตำนาน?” เย่ว์หยางเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ในอดีตผ่านความรู้ของมารดาสหายผู้น่าสงสาร เขารู้ว่ามีเมืองลอยฟ้าขนาดมหึมาตั้งอยู่ในแดนสวรรค์ เป็นเมืองขนาดมหึมา ผู้คนเป็นล้านสามารถอยู่ได้โดยไม่รู้สึกแออัด นิกายหรือเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังอำนาจปกครองเกาะลอยฟ้ายักษ์ดังกล่าว พวกเขาจะนำคนในตระกูล หรือศิษย์ในนิกายไปสร้างเมืองลอยฟ้าที่เป็นของพวกเขา อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องแดนสวรรค์เลย เกาะลอยฟ้าใหญ่ขนาดนั้นจะมาได้อย่างไร?

นี่คือแดนสวรรค์งั้นหรือ?

เป็นไปไม่ได้ แดนสวรรค์คงไม่อาจเข้าไปได้ง่ายๆ

บางทีนี่คือเกาะลอยฟ้าจากแดนสวรรค์และมันร่วงลงมาที่นี่ ปัญหาก็คือใครมีพลังมากพอทำให้มันร่วงลงมา

จากระยะที่ไกล เขามองขึ้นไปที่เกาะลอยฟ้า เย่ว์หยางตระหนักได้ว่าเขาไม่เคยตื่นตะลึงมาก่อนในชีวิต

มันใหญ่โตมโหฬารมาก

เทียบกันแล้ว มนุษย์กลายเป็นเล็กระจ้อยร่อยไม่สำคัญ

การรู้สึกได้เป็นประจักษ์พยานเห็นเกาะลอยฟ้านี้เป็นยังไง? ก็เหมือนกับเห็นกุ่ยเจี้ยนโฉว และแดนปีศาจและอาจเป็นเหวสิ้นหวังถูกดึงขึ้นมาจากพื้นและลอยอยู่ในอากาศ บางทีอาจเป็นไปได้มากกว่า

เย่ว์หยางพบว่าไม่มีมนุษย์อยู่เลย แต่สัตว์อสูรยังมีอยู่บ้าง และเป็นประเภทต่างจากภายนอกสิ้นเชิง

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือระดับของพวกมัน เกือบทั้งหมดเป็นอสูรระดับทองหรือสูงกว่า ยกเว้นแต่ลูกสัตว์อสูรที่ยังเป็นระดับทองแดงหรือระดับเงิน จำนวนของสัตว์อสูรที่นี่มีไม่มาก แต่พวกมันโดยทั่วไปจะกลัวคน ทันทีที่พวกมันเห็นเย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดบินเข้าใกล้ พวกมันก็หนีไปไกลๆ ทันที มีอาคารน้อย เย่ว์หยางตระหนักว่านอกจากความจริงที่ว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นี่ ทุกอย่างก็ปรากฏเห็นอยู่ มีกระทะ มีเตียงเหมือนห้องในเมืองตามปกติ เป็นเหมือนกับว่าเพิ่งมีคนจากไปวันวาน อาคารที่นี่ดูแตกต่างจากในทวีปมังกรทะยาน ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกบ้าน จะมีความสวยงามมาก พร้อมกับเครื่องประดับหรูหรามากสีสัน ไม่ว่าจะดูเป็นอย่างๆ หรือดูรวมกัน ก็เต็มไปด้วยสัมผัสทางศิลปะ

ตัวอักษรที่ปรากฏเป็นตัวอักษรรูนภาษารูนสวรรค์มีอยู่ทุกที่

ครืน….

จากระยะไกลๆ เสียงดังสั่นสะเทือน หลังจากเสียงดังสามครั้งเป็นจังหวะ

เย่ว์หยางรีบให้นางพญากระหายเลือดกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์และเขากลั้นลมหายใจไว้ เขาเลียนแบบสิ่งไม่มีชีวิตโดยใช้อินทรีศึกระดับเงินที่สร้างโดยเย่ว์กงเป็นแบบ เขาไปตามทางที่เกิดเสียงสั่นสะเทือน

เขาเดินไปได้ไม่กี่กิโลเมตรและผ่านตรงเข้าไปในป่า

ที่ชายป่า เย่ว์หยางหยุดไม่แสดงตัว ในการควบคุมจากระยะไกล 2-3 กิโลเมตร ยืนอยู่ในวังขนาดมหึมา

เป็นภาพที่แพรวพราว ผสมกันระหว่างทองและหยกที่มีรัศมีสว่างไสว

พอเห็นสถานที่นี้ เย่ว์หยางคิดว่า แม้ว่าจะมีผู้ใช้คำบรรยายในโลกนี้ เขาก็ยังไม่สามารถบรรยายถึงลักษณะที่สวยงามสง่านี้ได้ เทียบสิ่งก่อสร้างนี้กับวังหลวงของจุนอู๋โหย่ว ก็ดูเหมือนเป็นบ้านกระดาษไปเลย วังของอาณาจักรเทียนหลัวที่สวยงามที่สุดในทวีปมังกรทะยาน แต่เมื่อเทียบกับสถานที่นี้ ก็ยังสวยด้อยกว่า งามไม่ได้ถึงหนึ่งในสิบด้วยซ้ำ

สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางตะลึงที่สุดก็คือวังขนาดมหึมานี้ มีม่านพลังสีทองปกป้องอยู่

มันดูเหมือนกับม่านพลังปกป้องของคัมภีร์อัญเชิญ อย่างไรก็ตามมันคงอยู่นิรันดร์ ไม่มีขีดจำกัดเรื่องเวลา มันใหญ่มหึมาเพียงพอคลุมพื้นที่จัตุรัส 2-3 กิโลเมตร… ช่างน่าตกใจมาก เย่ว์หยางจ้องนัยน์ตาเบิกกว้างถึงกับแลบลิ้นออกมา เขาแทบไม่เชื่อตาตนเอง

เทียบกับมิติลวงของจักรพรรดินีราตรีแล้ว ม่านพลังที่นี่ใหญ่กว่าเป็นร้อยเท่า

ในท้องฟ้า มีจุดดำเล็กมาก

จุดดำนั้นปลดปล่อยกลิ่นอายที่ขัดขวางโลกทั้งสิ้น มันถืออาวุธชั้นศักดิ์สิทธิ์รูปร่างคล้ายค้อนซึ่งเต็มไปด้วยประกายแสงงดงาม จุดดำนั้นใช้ค้อนจู่โจมใส่ม่านพลังครั้งแล้วครั้งเล่า

อาวุธชั้นศักดิ์สิทธิ์รูปร่างคล้ายค้อนฟาดใส่ม่านปกป้องทำให้เกิดแรงลมปั่นป่วนกระแทกลงพื้น

ทุกครั้งที่หวดใส่จะทำให้เกิดเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น เสียงสะเทือนประหนึ่งจะทำให้โลกสั่นสะท้านไปด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้ผลโดยสิ้นเชิง

ม่านพลังไม่ได้เคลื่อนหายไปแม้แต่นิ้วเดียว หลังจากฟาดถล่มเป็นเวลานาน ก็ไม่พบร่องรอยจุดอ่อนใดๆ

เมื่อใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจดูเย่ว์หยางมองเห็นจุดดำได้ จากนั้นเขารีบถอนกลับด้วยความกลัวและซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ กลัวว่าอีกฝ่ายจะมองเห็นเขา

โอวพระเจ้า จุดดำเล็กๆ นั่นที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญกลับเป็นขุนพลเทพของจักรพรรดิอวี้เมื่อหกพันปีที่แล้ว วันนี้เขาคือราชาเฮยอวี้

ทำไมราชาเฮยอวี้มาปรากฏตัวที่นี่?

ดูเหมือนเขาต้องการทำลายม่านพลังและเข้าไปในวังนี้ อย่างนั้นความลับอะไรซ่อนอยู่ในวังนี้?

 

*****************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset