เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 53 – ตัดสินใจแล้ว, โกหกเถอะ

===============
สำหรับเย่ว์หยางแล้ว แผนที่ขุมทรัพย์เก็บไว้ในกระเป๋าเขาปลอดภัยที่สุด

เขาค่อนข้างพอใจกับรางวัลครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ได้รับกระดิ่งทอง, อักขระบอดและแผนที่ขุมสมบัติลับเท่านั้น แต่เขายังได้ยกระดับทักษะญาณทิพย์อีกด้วย นี่ความจริงเป็นเรื่องที่ทำให้เขาสุขใจที่สุด ต้องทราบว่าเย่ว์หยางมีความทะเยอทะยานสูงจึงต้องการยกระดับทักษะญาณทิพย์ เพื่อเขาจะได้มองทะลุเสื้อผ้า ทำให้มันง่ายสำหรับเขาเวลาดูสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในเสื้อผ้าสาวๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา มีสิ่งเดียวที่ทำให้เขาปวดใจนิดหน่อยก็คือเขาใช้ทองไปถึง 15 เหรียญเพื่อรับเอาแผนที่สมบัติลับ มันเปลืองเงินในประเป๋ามากไปหน่อย นี่จะเป็นสาเหตุให้คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้ร่ำรวยก่อนหน้านี้ต้องยากจนลงเล็กน้อย

พอก้าวออกมาที่เวทีต่อสู้ เย่ว์หยางเห็นว่าฮุยไท่หลางกำลังกลิ้งอยู่บนพื้น ดูเหมือนมันจะเจ็บปวดมาก

เป็นไปได้ว่าเจ้าหมาตัวนี้หาเรื่องกับซากงูจริงๆ มันพยายามระบายความโกรธจากการโดนงูกลืนลงไป

พอเขาสังเกตเพิ่มขึ้นหน่อยกลับกลายเป็นว่าไม่ใช่เรื่องนั้น พลังงานปีศาจในตัวของฮุยไท่หลางเริ่มหลอมรวมดีขึ้นจากการได้ต่อสู้ บวกกับเนื้อหางของไคเมรา สัตว์อสูรทองระดับ 6 ได้ช่วยพัฒนาและยกระดับให้มัน

มันยกระดับขึ้นเป็นสัตว์อสูรชั้นทองแดงระดับ 4 จากเดิมที่เป็นหมาป่าปีศาจหลังเหล็กชั้นทองแดง ระดับ 3

แน่นอน การเพิ่มระดับคราวนี้ไม่ใช่สาเหตุทำให้มันเจ็บปวด

เย่ว์หยางเห็นว่า ฮุยไท่หลางดูเหมือนมันจะสำลักอะไรบางอย่าง เขาคิดว่ากระดูกงูที่มันกินลงไปคงจะติดคอ พออ้าปากฮุ่ยไทหลางตรวจดู เขาเห็นแก้วผลึกสีเขียวขนาดใหญ่กว่ากำปั้นติดอยู่ที่คอของมัน

มันคือผลึกปีศาจหรือเปล่า?

มันมาจากไหนกัน?

เย่ว์หยางเห็นรูบนหน้าผากของงูที่เกิดจากฝีมือฮุยไท่หลาง แล้วเขาก็ตระหนักถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เขาถีบเจ้าหมาโลภมากด้วยความโกรธ

“ฮุยไท่หลาง! แกมันบ้าจริงๆ มันไม่ง่ายสำหรับข้านะกว่าจะเอาชนะเจ้างูร้ายนี้ได้ แล้วแกยังกล้าขโมยผลึกปีศาจของข้าหรือ? นี่มันเป็นครั้งแรกของข้านะที่ได้ผลึกปีศาจในฐานะของมีค่า แกแทนที่จะเห็นมันแล้ว ดันไม่บอกอะไรเลย มันน่าจะปล่อยให้ติดคอตายไปเลย” ด้วยพลังเตะของเย่ว์หยาง มันปลิวไปมากกว่า 10 เมตรแล้วหล่นลงพื้นดังตุ้บ อย่างไรก็ตาม แรงเตะช่วยมันไว้ ทำให้ผลึกเขียวกระเด็นออกมาจากคอของมัน หลังจากเกือบตาย ฮุยไท่หลางไม่กล้ามีความคิดใดๆ กับผลึกปีศาจงูต่อไปอีก มันรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้น คาบผลึกปีศาจงูนำกลับมาให้เย่ว์หยางพลางกระดิกหางไปด้วย พอเห็นว่ามีน้ำลายติดอยู่บนผลึกนิดหน่อย มันรีบเช็ดทำความสะอาด จากนั้นก็จ้องดูเจ้านายอย่างจริงใจ ท่าทางดูซื่อสัตย์เหมือนจะฟ้องว่า “ข้าแค่ต้องการชิมดูว่ามันคืออะไรเท่านั้น”

ขณะที่ฮุยไท่หลางกังวลมาก เย่ว์หยางทั้งขำทั้งขุ่นเคือง

ถ้าเขาออกมาช้าสัก 10 นาที เขาคาดว่าเจ้าคู่หูตัวนี้จะเป็นสัตว์อสูรตัวแรกที่โชคร้ายโดนแก้วผลึกปีศาจติดคอตายเพราะความโลภ โดยที่ยังไม่ทันได้ฉลองที่มันได้ยกระดับก่อนที่จะตายอย่างอนาถ

นับว่ายังโชคดีอยู่ ถ้าเขาพยายามตรวจสอบแผนที่สมบัติลับในห้องโถงก่อน เจ้าฮุยไท่หลางคงตายไปแล้ว

เอาชนะสัตว์ประหลาดได้แล้ว และสมบัติเขาก็ได้มาแล้ว เย่ว์หยางเตรียมจะออกไปอย่างสุขใจ ทันใดนั้นเขาก็ตบหน้าผากตัวเอง อา..เราต้องการหลักฐานพิสูจน์ความสำเร็จก่อน

เย่ว์หยางข้ามไปที่มุมเวทีต่อสู้และเดินตรงไปที่ประตูลับที่เปิดออกหลังจากไคเมราจากไปแล้ว เมื่อเขาเข้าไปในห้องก็พบว่าห้องสามารถเปิดได้ในเวลาที่จำกัด เย่ว์หยางตระหนักว่าเขาใช้เวลาในห้องโถงขวานานเกินไปแล้ว และเวลาเหลือไม่มากก่อนประตูลับจะปิดลง ดังนั้นเขาต้องรีบจัดการ

ไฟที่ส่องอยู่ภายในห้องลับอุ่นและชัดเจนมาก แต่ก็ไม่ทำแสบตา

ข้างหน้า มีรูปปั้นเทพนารีที่ดูเหมือนมีชีวิต หนึ่งในนั้นถือตะกร้าชุบทองสวยงามซึ่งมีลูกบอลสีขาวเปล่งแสงอบอุ่นอยู่ 2-3 ลูก อีกรูปหนึ่งถูกปิดตาไว้ มือซ้ายของนางทาบอยู่ที่หัวใจ มือขวาถือตาชั่งทอง

เย่ว์หยางหยิบบัตรแก้วของเขาออกมาและวางไว้บนตาชั่งข้างหนึ่ง ไม่มีการสนองตอบใดๆ ดังนั้นเขาจึงวางไว้อีกข้างหนึ่ง

หลังจากวางบัตรแก้วไว้ด้านซ้ายของตาชั่งทองแล้ว มันก็เปล่งแสงสีรุ้งออกมาทันที

ลูกบอลสีขาวในตะกร้าชุบทองสว่างขึ้นทันที และส่องแสงตรงไปที่โคเงาและฮุยไท่หลาง แสงที่ฉายลงไปที่โคเงาจะใหญ่กว่าที่ฉายไปที่ฮุยไท่หลาง เมื่อโคเงาและฮุยไท่หลางอาบแสงสีขาว ลูกบอลสีขาวในตะกร้าชุบทองก็มืดลง ในที่สุด ก็กลายเป็นแก้วผลึกกลมที่ใช้พลังงานไปทั้งหมดแล้ว เย่ว์หยางยื่นมือออกไปด้วยความอยากได้แก้วผลึกเหล่านี้ทั้งหมด แต่พลังของกฎคุ้มกันไม่ยอมให้เขาทำเช่นนั้น และเมื่อเขาใช้เรี่ยวแรงตนเองทั้งหมด เขาก็ยังไม่สามารถขยับแก้วผลึกได้

มีเวลาอย่างจำกัด ถ้าประตูลับปิด ใครจะรู้ว่าผลอะไรจะตามมา

ขณะที่เย่ว์หยางไม่ต้องการถูกขังอยู่ในห้องลับนี้ไปทั้งชีวิต เขายื่นมือไปหยิบบัตรแก้วและหันกลับออกมาทันที

เพียงเมื่อเขากลับไปที่ประตูเทเลพอร์ตที่ส่งเขามาที่นี่ ทำให้เย่ว์หยางถอนหายเฮือก เขารู้สึกว่าเมื่อเขามาท้าสู้ตอนนี้ การเตรียมพร้อมทางจิตใจของเขาไม่มากพอ ในตอนเริ่มแรก เขามาท้าทายด้วยอารมณ์ประมาณว่า “ลองเล่นก่อน แล้วดูสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งจบลงด้วยอันตรายรอบด้าน

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านท้าทายอย่างโง่ๆ และน่ากลัวครั้งนี้แล้ว เขายังคงได้รับประสบการณ์มากมาย ถ้าเขาท้าแข่งอีก เขาคาดว่าเขาจะผ่านมันได้ง่าย

พอมองผลงานและคะแนนสะสมในบัตรแก้วแล้ว เย่ว์หยางถึงกับยิ้มออก

วิหาร 12 นักษัตรถือเป็นความท้าทายที่ยากที่สุดและผิดปกติที่สุด มันยากพอจะทำให้คนถึงกับคุมอารมณ์ไม่ได้ แต่หลังจากผ่านการแข่งขันได้สำเร็จ คะแนนที่ได้รับยังคงสูงมาก เย่ว์หยางเคยเห็นบัตรทองแดงของเย่คง หลี่เชียและพี่น้องตระกูลหลี่ คะแนนทั้งหมดที่พวกเขาได้สะสมจนถึงตอนนี้ ยังน้อยกว่าที่เขาได้ในระหว่างท้าสู้เพียงครั้งเดียว สำหรับรางวัลที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันล่ะ? แสงสีขาวนั้นคืออะไร? เย่ว์หยางเรียกคัมภีร์ของเขาออกมา และดูทักษะอื่นๆ ของโคเงาทันที มันไม่เปลี่ยนไปเลย มีคุณลักษณะเพิ่มขึ้นมาอย่างหนึ่ง “ปัญญาต่ำ” ซึ่งมันทำให้เขาสุขใจมากที่คิดว่าเป็นความฝัน

ในโลกของสัตว์อสูรจำนวนมากนี้ อะไรคือทักษะที่ยกระดับได้ยากที่สุด?

ไม่ต้องสงสัยเลย มันคือปัญญา

ทำไมทักษะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ของสัตว์อสูรจึงถูกประเมินไว้อย่างสูง? เหตุผลก็คือทักษะแปลงเป็นรูปมนุษย์ได้ทำให้สัตว์อสูรได้รับปัญญาที่สามารถพัฒนาต่อได้ ทำไมสัตว์อสูรบางพวกไม่อ่อนแอ พวกมันแข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรอื่นๆ ในระดับเดียวกัน คนก็ยังประเมินพวกมันไว้ในระดับต่ำ เรียกพวกมันว่าสัตว์อสูรทึ่ม? เหตุผลก็คือพวกมันโง่ ขณะที่มันไม่มีปัญญา

ปัญญายังคงเป็นเกณฑ์การประเมินความสามารถของสัตว์อสูรเพื่อวิวัฒนาการ เมื่อปัญญาของมันสูง ศักยภาพในการวิวัฒนาการของมันก็สูงตามไปด้วย มันจะพัฒนาได้เร็วกว่า ทักษะจากการพัฒนาของมันก็ได้เพิ่มมากขึ้นด้วย

ความแตกต่างใหญ่ที่สุดระหว่างสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์กับอสูรธรรมดาก็คือระดับปัญญาของอสูรศักดิ์สิทธิ์จะมีสูง ขณะที่สัตว์อสูรธรรมดาไม่มีปัญญา

อีกนัยหนึ่งก็เปรียบเหมือนความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับลิงนั่นเอง

โคเงาเดิมทีนั้นไม่มีปัญญา นางแค่รู้แต่วิธีขวิดศัตรูแบบโง่ๆ พอแข่งขันชนะที่วิหารราศีเมษ ผู้คุมกฎให้รางวัลนางโดยยกระดับปัญญาให้ แน่นอน นี่ทำให้เย่ว์หยางมีความสุขมาก พอมีปัญญา ก็จะทำให้นางเข้าใจคำสั่งของเขาได้ง่ายขึ้น ความสามารถในการทำความเข้าใจของนางทำได้ดีขึ้น และง่ายที่จะทำให้ความคิดตรงกัน ด้วยปัญญานี้ เขาจะสามารถสอนทักษะสู้อย่างง่ายๆ ให้นางได้

“เก็บสมบัติทั้งหมด ในที่สุด จะยอมให้คนอื่นเห็นไม่ได้” เย่ว์หยางไม่สนใจคนอื่น แต่เขากลัวว่าสตรีงามชุดไหม เจ้าสำนักแห่งเมืองโล่วฮัวจะเห็นมัน

ยอดฝีมือเมืองโล่วฮัวผู้นี้ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงอันตราย แม้ว่านางจะไม่อันตรายขนาดหญิงงามอกโตที่เขาพบที่ค่ายฉางอู่ก็ตาม แต่สตรีคนนี้ไม่ใช่คนที่ใครจะรับมือได้ง่าย

นางก็ยังคือยอดฝีมือของเมือง

คนระดับยอดฝีมือและเจ้าเมืองในแผ่นดินมังกรทะยานที่ซึ่งเหยื่อก็ยังแข็งแกร่ง โลกที่นักสู้ได้รับการยอมรับนับถือ ตำแหน่งเหล่านี้ถือครองโดยนักสู้ชั้นผู้แก่กล้าระดับ 6

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ยอดฝีมือแห่งโล่วฮัวผู้สวมชุดไหมนี้ อย่างน้อยเป็นนักสู้ชั้นผู้แก่กล้าระดับ 6 ในทั้งทวีปมังกรทะยาน นางเป็นบุคคลผู้โดดเด่น เมื่อเย่ว์หยางไม่มีสมบัติใดๆ อยู่กับตัว แน่นอนว่าไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้หลังจากเขาได้รับสมบัติแล้ว เขาต้องระวัง เขาไม่ต้องการให้นางเห็นพลังที่แท้จริงของเขาจากผลงานหาสมบัติหลังจากที่เขาก้าวออกมา

หลังจากเทเลพอร์ตออกมา เย่ว์หยางไม่เห็นสตรีชุดไหม จอมยุทธเมืองโล่วฮัว แต่เขาเห็นเย่คงและคนอื่นๆ กำลังมองมาที่เขาเหมือนกับว่าพวกเขาเห็นปาฏิหาริย์แห่งสวรรค์

“ท่านยังไม่ตายหรือ?” เย่คงถามอย่างโง่ๆ

“อย่าล้อเล่นน่า!” เย่ว์หยางแค่นเสียง อย่างอารมณ์ไม่ดี

“ท่านไม่ตายจริงๆ หรือ? นี่เป็น เป็นไปได้อย่างไร?” หัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองอ้าปากค้างที่ไคเมรา 3 หัวอยู่ข้างใน

“…” เย่ว์หยางพูดไม่ออก และเขารู้สึกว่าปฏิกิริยาของคนพวกนี้ไร้สาระ ด้วยความอยากรู้ เขาจึงย้อนถามพวกเขา “ทำไมกันล่ะ คนตั้งมากมายก็เข้าไปท้าประลองนี่ แต่พอข้าเข้าไป ข้าจะต้องตายงั้นหรือ?

“เป็นเพราะเมื่อผู้ท้าประลองที่เป็นนักสู้ระดับ 5 ยังไม่มีแม้แต่คนเดียวที่รอดชีวิตกลับมาหลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมง ท่านเป็นคนแรก ไม่ใช่สิ ผิดแล้ว ท่านยังแค่ระดับ 1 ชั้นเริ่มต้นฝึก ไม่ใช่ชั้นยอดฝีมือ ระดับ 5 บอกเราหน่อยได้ไหม ท่านอยู่ในนั้นนานถึง 3 ชั่วโมง ท่านทำอะไรอยู่? หรือว่าคุยกับไคเมรา 3 หัวจนเพลิน?” หัวหน้าผู้คุ้มกันเกราะทองกระตุ้นเขาจนอยากจะเอาหัวโขกกำแพง เพราะเมื่อเขาท้าประลอง บันทึกของเขาเมื่อชั่วโมงครึ่งก่อนนั้น เขาถอนออกไปแล้ว ตามปกติมันก็เหมือนกับว่าเขาถูกล็อตเตอรีแล้วเอาไปอวดคนอื่นๆ บ่อยๆ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าสถิติของเขาจะถูกทำลายได้ง่ายๆ โดยนักสู้ระดับเริ่มต้น

“ก็ได้, ท่านทำอะไรอยู่ข้างใน?” ทุกคนอยากรู้เต็มที่ และมุงอยู่รอบเย่ว์หยาง

“อ่า….” พอเห็นสีหน้าของคนที่รุมล้อมเขา เย่ว์หยางตัดสินใจโกหกคำโตพวกเขาทันที

**********************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset