เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 517 – พวกอ่อนแอไม่มีสิทธิ์

ตอนที่ 517 พวกอ่อนแอไม่มีสิทธิ์

ราชาเฮยอวี้ยินดีอย่างยิ่งที่เขาสามารถยั่วยุให้ฝ่ายตรงข้ามต้องการฆ่าเย่ว์หยางให้ได้

เขา, จักรพรรดิฟ้าและพวกที่เหลือถอยออกไปเพื่อที่ว่าการต่อสู้จะได้เริ่มขึ้น

การเคลื่อนไหวครั้งนี้เท่ากับเป็นการบ่งบอกโดยอ้อมว่าตัดสินใจมอบให้ฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนนักสู้ปราณก่อกำเนิดสามสิบคนให้เป็นคะแนน แม้พวกเขาจะรู้ว่าราชาเฮยอวี้คงไม่ปกป้องพวกเขา แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งที่เป็นมนุษย์และมิใช่มนุษย์ก็รู้สึกหงุดหงิดเมื่อพวกเขาได้เห็นเช่นนั้น

ความรู้สึกถูกทอดทิ้งทำให้เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก พวกเขากลับให้กลุ่มของพวกเขาเองต้องตายเนื่องมาจากเขาไม่สามารถป้องกันฝ่ายตรงข้ามได้

ราชาเฮยอวี้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าคนเดียว แต่เขากลับไม่เอ่ยปากพูดอะไรสักคำ…

เขายังไม่อาจเทียบได้กับคุณชายสามตระกูลเย่ว์ที่รับคำท้าทายเอาไว้

“มาช่วยกันต่อต้านศัตรูด้วยกันเถอะ!” ราชันย์ปีศาจใต้ขบริมฝีปากและตัดสินใจร่วมมือกับเย่ว์หยาง นางไม่สามารถทนเห็นเขาสู้เพียงลำพัง แม้ว่านั่นจะหมายถึงนางต้องถูกศัตรูที่แข็งแกร่งสังหารก็ตาม

“เอาเถอะน่า, ข้าคนเดียวก็พอแล้ว” เย่ว์หยางโบกมือบอกปัดความปรารถนาดีของราชันย์ปีศาจใต้

เย่ว์หยางรู้ดีว่าเขาสามารถทำได้ดีกว่าเมื่อสู้เดี่ยว

ราชันย์ปีศาจใต้ไม่ชอบเขาเลย ถ้านางตกเป็นเป้าหมายสำคัญของฝ่ายตรงข้าม ชีวิตนางจะตกอยู่ในอันตราย แม้นางจะมีเจตนาที่ดี แต่เขาจะต้องระวังความปลอดภัยของนางทำให้ไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงได้ นี่จะกลายเป็นเรื่องอันตรายในการรบ มีศัตรูแข็งแกร่งหกคนอยู่ต่อหน้าพวกเขา แม้แต่ราชาเฮยอวี้ก็อาจฉวยโอกาสลงมือทำร้าย เย่ว์หยางรู้สึกว่า ถ้าเขาไม่แสดงความสามารถของเขาออกไป อย่างศัตรูก็จะคิดว่าพวกเขาเป็นแค่พวกขี้แพ้

ผู้เฒ่าหนานกงต้องการจะพูดในตอนแรก แต่เย่ว์หยางส่งเสียงบอกเขาอย่างสุภาพ

จากนั้นผู้เฒ่าหนานกงจึงพยักหน้าเรียกราชันย์ปีศาจใต้ เพื่อให้นางปล่อยเย่ว์หยาง

ราชันย์ปีศาจใต้ตาแดงเล็กน้อยขณะที่นางสูดหายใจลึก นางข่มใจระงับอาการตื่นเต้น ขณะนางลดเสียง “ข้าจะยอมเชื่อฟังเจ้าในตอนนี้ แต่เจ้าห้ามผิดคำพูด เจ้าต้องรอดกลับมา..”

เวิ่งจินจากเผ่ามนุษย์กระดูกหัวเราะชั่วร้าย “ขอโทษที่ขัดจังหวะ แต่ข้าขอบอกเจ้าที่เป็นคู่รักกันได้เลยว่า ไม่มีมนุษย์ที่รอดชีวิตจากการโจมตีของข้าไปได้ นอกจากหวงฉวนที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งมีพลังมากกว่าข้านิดหน่อยแล้ว ก็ไม่มีใครอื่น ไม่ใช่แม้กระทั่งเฝินเทียนแห่งเผ่ามนุษยเพลิง หรือหวิ่นซิงจากเผ่ามนุษย์โลหะ ก็ไม่สามารถเอาชนะข้าได้ ข้าเป็นอมตะไม่มีทางตาย ร่างของข้าทำมาจากกระดูกเทพที่ไม่มีทางถูกทำร้ายได้ และวิญญาณปีศาจของข้าทำให้ข้ามีภูมิคุ้มกันจากพลังโจมตีทุกอย่าง อุบายของพวกมนุษย์ทำอะไรข้าไม่ได้ เหอะ เหอะ เหอะ”

ขณะที่เขากำลังพูด ร่างของเขาเริ่มเปลี่ยนรูป

ไม่มีคลื่นระเบิดใดๆ ถูกปล่อยออกมาจากการเพิ่มระดับพลังเหมือนกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดชาวมนุษย์ ดูเหมือนว่าพลังงานทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในร่างของเขา

กระดูกในร่างของเวิ่งจินค่อยๆ ปรากฏออกมา และกลายเป็นเกราะกระดูกที่ไม่เหมือนใคร

เกราะกระดูกและพลังงานของเขาผสานกันได้อย่างลงตัว นี่เป็นทั้งเกราะและร่างของเวิ่งจิน ส่วนภายในเกราะของเขาว่างเปล่า ไม่มีกระทั่งผลึกปีศาจหรือเม็ดพลังซึ่งเป็นแหล่งพลังงานภายใน

แม้ว่าเวิ่งจินที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าจะมีความหยิ่งยโสมากก็ตาม แต่เขาไม่ประมาทคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอของเขา

นอกเหนือจากโครงกระดูกของเขาที่เปลี่ยนเป็นเกราะ เขายังเรียกหัวกะโหลกห้าหัวลอยวนอยู่รอบตัวเขาคอยปกป้อง หัวกะโหลกนี้เป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ประกอบไปด้วยกะโหลกดำ, กะโหลกพิษ, กะโหลกเพลิง, กะโหลกน้ำและกะโหลกโลหะ ทั้งหมดลอยอิสระอยู่รอบตัวเวิ่งจินสามารถโจมตีและป้องกันตามความประสงค์ของเขาได้

เย่ว์หยางปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับห้าไว้ต่อหน้าเวิ่งจิน

พลังของเขาตอนนี้เทียบเท่ากับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ

สำหรับคู่ต่อสู้ที่เป็นมนุษย์ผู้เยาว์แต่ห้าวหาญ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องตื่นตัว แม้แต่หวงฉวนที่สงบนิ่งที่สุดก็ยังขมวดคิ้ว

สายตาของราชาเฮยอวี้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเย่ว์หยางสามารถปลดปล่อยพลังของเขาได้อีก

จักรพรรดิฟ้าหัวใจเต้นแรง

มิน่าเล่าจักรพรรดิสมุทรก้วนหลานถึงได้ตายในเงื้อมมือเขา เย่ว์หยางบรรลุพลังปราณก่อกำเนิดระดับสิบมานานแล้ว แม้ว่าก้วนหลานจะอยู่ในจุดสูงสุดพลังปราณก่อกำเนิดระดับสิบ แต่เขาไม่สามารถต้านทานการร่วมโจมตีของเย่ว์หยางกับอันซีได้ โชคดีที่เขากำลังจะตายในไม่ช้านี้ ถ้าเขามีชีวิตรอดไปจากที่นี่ได้ อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็นราชาเฮยอวี้ก็อาจถูกเย่ว์หยางฆ่าได้ จักรพรรดิฟ้าได้รับยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว เนื่องจากเขาได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบหลังจากฝึกฝนมาพันปี แล้วเย่ว์หยางฝึกฝนมาอย่างไร?

อาจเป็นได้ว่าช่องว่าระหว่างเขากับเย่ว์หยางใหญ่หลวงจริงๆหรือ?

ทุกคนตื่นเต้น ไม่ใช่แต่เพียงพลังของเย่ว์หยางที่ปลดปล่อยออกมาเท่านั้น แต่ยังคงเป็นระดับของเขาด้วย

เย่ว์หยางเพียงปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับห้า ก็เทียบเท่าพลังปราณก่อกำเนิดระดับสิบของคนอื่น แล้วจะเป็นยังไงถ้าเขาปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดได้ถึงระดับสิบ? อย่างนั้นใครจะเอาชนะเขาได้?

“บัวเพลิงฟ้าพิโรธ…” เมื่อเย่ว์หยางปลดปล่อยพลังของตน เขาไม่ปล่อยคลื่นพลังน่ากลัวเช่นกับที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดคนอื่นทำ ทั้งนี้เพราะว่านี่คือตัวแทนของคนอ่อนแอ และเนื่องจากเขาปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับห้าอยู่แล้ว จึงทำให้เขาควบคุมคลื่นระเบิดของพลังได้ดีขึ้น

พลังงานมากมายมหาศาลกลายเป็นดอกบัวเพลิงภายใต้การควบคุมของเย่ว์หยาง

กลีบบัวเต็มอยู่ทั่วท้องฟ้า

ร่างของเย่ว์หยางเหมือนกับมีเส้นแบ่งเขตแดน ร่างซีกซ้ายเป็นแดนไฟนรกซึ่งมีความร้อนแรงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และร่างซีกขวาเป็นแดนนรกน้ำแข็งเย็นจัดจนแม้แต่หยดน้ำก็แข็งตัว เมื่อเย่ว์หยางยกมือ สายฟ้าม่วงส่งเสียงแตกเปรี๊ยะอยู่บนนิ้วของเขา มันเคลื่อนลงมาเหมือนกับงูพันรอบตัวเย่ว์หยาง จากนั้นมันแปรสภาพอีกครั้งกลายเป็นบอลสายฟ้าคลุมศีรษะของเย่ว์หยาง เมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้นถึงกับหลั่งเหงื่อไม่หยุด ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์แข็งแกร่งเพียงใดกันแน่ แค่การควบคุมพลังของเขาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว

เฝินเทียนจากเผ่ามนุษย์ไฟมั่นใจในเรื่องการควบคุมไฟของตน เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้อ่อนแอกว่าอีกฝ่าย

แต่เขารู้ว่ามันยากมากเป็นสิบเท่าที่จะควบคุมไฟและน้ำแข็งพร้อมกันในเวลาเดียวกัน

ยิ่งกว่านั้น ในฐานะที่เป็นมนุษย์หนุ่มน้อย คุณชายสามตระกูลเย่ว์ไม่เพียงแต่ควบคุมน้ำแข็งกับไฟเท่านั้น แต่ยังควบคุมสายฟ้าได้อีกด้วย ระดับของความยากสร้างความตกตะลึงให้กับเฝินเทียนที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า เขาสงสัยในใจว่าเย่ว์หยางเป็นมนุษย์จริงหรือเปล่า

“ฮ่าห์!” เย่ว์หยางรวบรวมบอลสายฟ้าจนมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ กลายเป็นอาวุธสายฟ้าม่วง

เขาแปรสภาพสายฟ้าได้จริงๆ หรือนี่?

ทุกคนพูดไม่ออก

แม้แต่ไตตันโบราณที่มีพรสวรรค์ทางด้านควบคุมพลังไฟฟ้าและสายฟ้าตั้งแต่เกิดก็ยังมาถึงระดับนี้ไม่ได้ง่ายๆ

“ดีมาก น่าพอใจยิ่งนักที่ได้ฆ่านักสู้ปราณก่อกำเนิดชาวมนุษย์เช่นนั้น” โดยไม่รอให้เย่ว์หยางขว้างอาวุธสายฟ้าม่วงใส่เขา เวิ่งจินพุ่งเข้าหาเย่ว์หยาง ขณะที่มือกระดูกของเขายืดขยาย นิ้วมือกระดูกนิ้วหนึ่งยาวหนึ่งเมตรแทงใส่ร่างของเย่ว์หยาง

เย่ว์หยางเงื้ออาวุธสายฟ้าแปลงรูป และด้วยการเสริมพลังจากบัวเพลิงฟ้าพิโรธและบุปผาเยือกแข็ง เขาฟันอาวุธสายฟ้าใส่ศัตรูด้วยท่าดาบแรก ผ่าปฐพี

ดาบผ่าปฐพี!

เหมือนกับมีมือยักษ์กดทับลงทั่วลานแก้วผลึก พลังของบัวเพลิงฟ้าพิโรธอยู่ในระดับสูงสุด แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปดอย่างพยัคฆ์ตะวันออกจ้านหู่และเขี้ยวเหนือเป่ยเหลียวหยาที่อยู่ห่างออกไปพันเมตรก็ยังหายใจไม่ออก

ในท้องฟ้า มีดน้ำแข็งเพลิงขนาดยาวเกินกว่าสองสามร้อยเมตรเกิดจากการรวมพลังหยางของบัวเพลิงฟ้าพิโรธและพลังหยินจากพลังบุปผาเยือกแข็ง ภายใต้คลื่นพลังระลอกแล้วระลอกเล่าของเย่ว์หยางฟันใส่ร่างของเวิ่งจินอย่างแรง แม้ว่าเวิ่งจินจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า แต่ภายใต้พลังโจมตีที่หนักหน่วงนี้ เขาต้องเรียกกระดูกมือของเขากลับมา เปลี่ยนจากรุกโจมตีมาเป็นฝ่ายตั้งรับ พลังบนกระดูกมือเปลี่ยนเป็นเกราะกระดูก ขณะที่เกราะกระดูกปกคลุมไปด้วยพลังของเขา เขาต้านรับท่าดาบผ่าปฐพีของเย่ว์หยางโดยตรง

ดาบที่ทรงพลังฟันใส่จนเกิดรอยแยกที่พื้นแก้วผลึกยาวร้อยเมตร และตัดแบ่งออกเป็นสองด้าน

แต่กระดูกมือที่เวิ่งจินใช้ป้องกันไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย”

“เป็นไปได้หรือว่านี่อาจเป็นกระดูกเทพจริงๆ?” ผู้เฒ่าหนานกงถอนหายใจทันที ไม่ใช่เพราะพลังโจมตีของเย่ว์หยางทรงพลังไม่พอ แต่เพราะร่างของเวิ่งจินผิดธรรมดาเกินไป แม้ว่าโครงกระดูกของเวิ่งจินจะไม่ใช่กระดูกเทพก็ตาม แต่ก็คงไม่ห่างเท่าใดนัก มันไม่มีทางถูกทำลายได้

“อีกครั้ง!” เย่ว์หยางไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ขณะที่เขาใช้ท่าที่สองโจมตีต่อจากท่าแรก

เย่ว์หยางลงมือช้าลง คนรอบๆ คิดว่าเวิ่งจินมีโอกาสโจมตีเย่ว์หยางมากมาย แต่เวิ่งจินระมัดระวังแจไม่เริ่มโจมตีแต่อย่างใด เขามุ่งเน้นการตั้งรับ เขาไม่ได้เรียบกระดูกมือกลับมา แต่เรียกกะโหลกทั้งซึ่งเป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์มาป้องกันศีรษะของเขา

แต่ยังคงช้าเกินไป…. อาวุธแปลงสายฟ้าสีม่วงในมือของเขาฟันวาบใส่ศีรษะของเวิ่งจิน

กะโหลกศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าที่ควบคุมตามความประสงค์ของเวิ่งจินไม่สามารถป้องกันการโจมตีของเย่ว์หยางได้ทัน

ในฐานะที่เป็นสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า เวิ่งจินถึงกับจมลงไปในพื้นหนึ่งเมตรจากแรงฟันของเย่ว์หยาง

เกราะกระดูกของเวิ่งจินทำท่าว่าจะหลุดออกภายใต้พลังโจมตีของสายฟ้าม่วงที่น่ากลัว ยิ่งกว่านั้น กะโหลกที่แข็งแกร่งทนทานของเวิ่งจินที่สร้างมาจากกระดูกเทพก็มีรอยขีดสีขาวอยู่บนนั้น ดวงตาของพวกนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าแทบถลนออกจากเบ้า เนื่องจากพวกเขาแทบไม่อยากเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น กะโหลกของเวิ่งจินขึ้นชื่อในเรื่องแข็งแรงทนทานทั่วทั้งแดนสวรรค์ แต่ตอนนี้กลับได้รับบาดเจ็บภายใต้แรงฟันของเด็กมนุษย์ผู้ที่ยังไม่ได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า

แม้ว่าเวิ่งจินจะได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอจะพิสูจน์ได้ว่าเวิ่งจินไม่ได้ไร้เทียมทาน

และยังคงพิสูจน์ว่าพลังโจมตีของเย่ว์หยางใช้ได้ผล

การต่อสู้ระหว่างนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่งเป็นเหมือนกับเด็กสู้กับผู้ใหญ่ ใครจะคิดกันว่าผู้ใหญ่กลับเป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บจริงๆ

“จงพินาศไปซะ” เวิ่งจินโกรธจัด เขารู้สึกอับอายที่โดนเล่นงานอยู่ต่อหน้าคนคุ้นเคยหลายคน

เขาประทับฝ่ามือใส่หน้าอกของเย่ว์หยางด้วยความเร็วคาดไม่ถึง

เขาปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดฟ้าทันที ขณะที่เขาตั้งใจจะสังหารเจ้าเด็กมนุษย์โอหังด้วยฝ่ามือเดียว ในทันทีที่เวิ่งจินทิ้งการตั้งรับเปลี่ยนเป็นเน้นรุกโจมตี เย่ว์หยางไม่ได้ถอย กลับรุกซ้ำอีกครั้ง เขาประสานมือด้วยกันและใช้ท่าดาบที่สาม – จ้าววารีและภูผา!

ทั้งสองฝ่ายต่างฟาดฟันใส่พร้อมกัน

ร่างของเวิ่งจินสั่นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บมาก

แม้เลือดพ่นออกจากปากของเย่ว์หยาง แต่เขายังไม่หยุดโจมตี เขากระโจนขึ้นไปในอากาศและลอยตัวเหนือหัวของเวิ่งจิน จากนั้นยืมพลังจากการโจมตีของเวิ่งจิน เย่ว์หยางคว้าเลือดที่พ่นออกมาเมื่อตอนที่เวิ่งจินโจมตีใส่จนกระทบกระเทือนอวัยวะภายในของเขา และเปลี่ยนเลือดของเขาเป็นมีดและฟันใส่ตรงรอยขีดข่วนสีขาวอีกครั้ง

นี่คือท่าดาบที่สี่ – พลิกจักรวาล

ท่าที่สี่ทรงพลังรุนแรงมากกว่าท่าที่สามถึงสิบเท่า ผนวกปราณไร้ลักษณ์และพลังที่โจมตีด้วยความโกรธของเวิ่งจิน เขาฟันใส่รอยขีดขาวบนศีรษะของเวิ่งจินได้อย่างแม่นยำอีกครั้ง

“เลว…มาก..” เวิ่งจินไม่เคยนึกฝันเลยว่าเย่ว์หยางจะสู้ด้วยได้ยากมาก ไม่เพียงแต่ไม่สามารถฆ่าเย่ว์หยางได้เท่านั้น เขายังต้องสู้จนมาถึงจุดนี้ ทำให้เขาโกรธครั้งแล้วครั้งเล่า เวิ่งจินฟาดมือกระดูกของเขาอย่างบ้าคลั่งพยายามจะทำให้เย่ว์หยางกระเด็นออกไป เขาไม่ต้องรบกวนขอความช่วยเหลือจากสหายร่วมกลุ่มของเขา ขณะที่เขาดึงกะโหลกของเขาลงมาถือไว้ในมือกระดูก และใช้มืออีกข้างหนึ่งรักษารอยแตกบางๆ ที่ตอนบนของกะโหลกของเขา

นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนทำให้กระดูกเทพเกิดรอยแตก

แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่ถือว่าเป็นความอัปยศอย่างที่สุดในชีวิตของเวิ่งจิน

“เจ้ามนุษย์ชาวมังกรทะยานบัดซบ วันนี้ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้!” เวิ่งจินตระหนักว่ารอยแตกบนศีรษะของเขาไม่สามารถรักษาให้หายได้ การโจมตีของเย่ว์หยางส่งผลให้เกิดความเสียหายถาวร เหตุนี้จึงทำให้เวิ่งจินโกรธยิ่งขึ้นไปอีก

เขาหันหัวกลับไปและพุ่งเข้าหาเย่ว์หยางอย่างบ้าคลั่ง ภายใต้สายตาตกตะลึงของทุกคน ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางไม่ถอยเท่านั้น เขายังรับการโจมตีของเวิ่งจิน

ด้วยพลังปัจจุบันของเขา คงเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ที่เขาจะสู้กับเวิ่งจินด้วยพลังเช่นนั้น เขาเป็นเหมือนตั๊กแตนที่พยายามหยุดรถศึก

ไม่มีใครรู้เหตุผลที่พลังโจมตีของเย่ว์หยางสามารถสร้างความเสียหายให้กับศีรษะของเวิ่งจินซ้ำยังเป็นความเสียหายแบบถาวร

มีหลายอย่างที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นมากเกินไป ไม่มีเรื่องไหนที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดาเลย เมื่อมองดูการต่อสู้ระหว่างเวิ่งจินกับเย่ว์หยางแล้ว ราชันย์ปีศาจใต้ที่ก่อนนั้นยังรู้สึกกังวลใจก็เริ่มสบายใจ ตอนนี้นางเปี่ยมไปด้วยความหวัง หวังว่าเย่ว์หยางจะสร้างปาฏิหาริย์ได้

ด้วยบอลพลังทำลายล้างที่อยู่ในระหว่างมือกระดูกของเวิ่งจิน เขาพุ่งเข้าหาศีรษะของเย่ว์หยาง

เขาเตรียมระเบิดศีรษะของเย่ว์หยางเพื่อแก้แค้นให้ตัวแค้น เนื่องจากเย่ว์หยางสร้างความบาดเจ็บให้กับกะโหลกของเขาอย่างถาวร

ประกายแสงสายรุ้งวาบผ่าน

ปีศาจอสรพิษน้อยปรากฏตัวที่ด้านหลังของเย่ว์หยาง เธอลืมตากว้างขณะจ้องมือกระดูกของเวิ่งจินที่กำลังแกว่ง ทุกคนเห็นว่ามือของเวิ่งจินที่แต่เดิมเคลื่อนไหวรวดเร็วกลับหยุดนิ่ง

แม้ว่าเขาจะฟื้นความสามารถและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่เพียงหนึ่งวินาทีที่เขาตะลึงก็เพียงพอให้เย่ว์หยางโจมตีเขาได้เกินสิบครั้งแล้ว

อักษรรูนเรืองแสงกำลังส่องสว่างจากมือของเย่ว์หยาง ขณะที่วงจักรล้างโลกปรากฏ

วงจักรล้างโลกฟันลงที่แผลบนศีรษะของเวิ่งจินอย่างแรง ง้าวยาวที่สร้างจากเพลิงอมฤตแทงใส่นัยน์ตาของเวิ่งจิงส่งผลให้กะโหลกของเขาหลุดออกจากคอ ในท้องฟ้านางพญากระหายเลือดตวัดแส้ทัณฑ์ทรมานของนางใส่ ส่งผลให้ศีรษะของเวิ่งจินกระแทกลงพื้น ที่บนพื้นโคเงาอาหมันหวดใส่กะโหลกเหมือนนางกำลังหวดลูกเบสบอลส่งผลให้หัวกะโหลกกระเด็นไปพันเมตร

อีกด้านหนึ่ง นางพญาดอกหนามมงกุฏทองตวัดมีดคมกริบซึ่งเป็นร่างแปลงของอสูรทองน้อยทงเทียนฟันใส่เวิ่งจินที่สูญเสียหัวกะโหลกสุดแรงของนาง

ปฏิกิริยาแรกของเวิ่งจินผู้ต้องการจะหลบหนีให้พ้นจากทักษะแฝงเร้นพันธนาการ ไม่ใช่ต้องการโจมตีเย่ว์หยางอีก แต่ต้องการหนี

เขาต้องยอมสละร่างส่วนหนึ่ง ดูเหมือนว่ากระดูกสันหลังของเขา เย่ว์หยางใช้มือขวาคว้าไว้ได้แล้วและกำลังใช้เพลิงอมฤตเผาผลาญ

เกราะกระดูกทั้งหมดของเวิ่งจินแยกกระจายพุ่งสู่ฟ้า และจากนั้นกลับมารวมกับศีรษะของเขา เมื่อเขากลับประกอบร่างอยู่ในสภาพเดิมของเวิ่งจินอีกครั้ง… แต่ทุกคนสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าเขาอยู่ในสภาพอนาถขนาดไหน ตาขวาของเขาถูกเผาไหม้และมีขนาดใหญ่กว่าตาซ้ายถึงสองเท่า เพลิงอมฤตเผาผลาญจนเกิดหลุมขนาดใหญ่โดยตรง ทั้งที่เขายังประกาศตัวเองอยู่ว่าไม่มีพลังใดสามารถทำร้ายเขา กระดูกเทพเจ้าได้ โชคดีที่เย่ว์หยางมีเวลาไม่พอจะเผาเขา ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงจะเหลือแต่ชื่อ

มีหลุมเล็กบนกะโหลกของเขาด้วยเช่นกัน

นี่เป็นเกิดจากวงจักรล้างโลก

“สารเลว, โกหกชัดๆ เขาเป็นคนที่ได้รับเลือก เป็นเขาแน่นอน ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่โดนไล่ต้อนจนอยู่ในสภาพนั้นแน่” เวิ่งจินด่าอีกห้าคน “พวกเจ้าไม่ช่วยข้าในเมื่อข้าถูกลอบทำร้ายอย่างหนัก พวกเจ้ายังเป็นสหายศึกของข้าหรือเปล่า?”

“คนอ่อนแอไม่มีสิทธิ์! ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เจ้าโดนเล่นงาน ถ้าเจ้าอ่อนแอ” มนุษย์โลหะเหลวยังคงพูดในเรื่องเดิม

“ให้ตายเถอะวะ!” เวิ่งจินโกรธ

เขารู้ว่าเขาแข็งแกร่งกว่าเย่ว์หยาง ถ้าเขาต่อสู้สุดกำลังและสู้จนถึงที่สุด เขาคาดว่าเขาจะยังชนะอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาทำเช่นนี้ เขาอาจบาดเจ็บหนักจนถูกคนอื่นฆ่าได้ง่ายๆ

ต่อสู้หนักแทบตาย เพื่อประโยชน์คนอื่นเป็นเรื่องที่เขาต้องการให้เกิดน้อยที่สุด

เวิ่งจินมาที่นี่เพื่อชิงสมบัติศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่มาจบชีวิต

ยิ่งกว่านั้น อสูรของเย่ว์หยางและวิชาต่อสู้ของเขาก็น่าประทับใจเช่นกัน ทั้งวงจักรล้างโลกและเพลิงอมฤตของเขาก็สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้เขาอย่างหนัก

เขากลัวคนบ้าอย่างเย่ว์หยางจริงๆ

เจ้าเด็กนี่ มันบ้าแน่ๆ!

“ข้าจะไม่สู้กับเขาก่อนศึกสุดท้ายแน่ วงจักรล้างโลกน่ากลัวอย่างแท้จริง และเขายังมีเพลิงอมฤตอีกด้วย ข้ายอมให้เฝินเทียนเผาข้าทั้งวันดีกว่ายอมให้เพลิงอมฤตแตะต้องข้าแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ใช่เรื่องสนุกจริงๆ” มนุษย์สมิงสามตายักไหล่และให้เกียรติต่อเพลิงอมฤตของเย่ว์หยาง

“เพลิงอมฤตทำให้ข้าอิจฉาจริงๆ” เฝินเทียนจากเผ่ามนุษย์เพลิงไม่ได้กระพริบตาเลยนับตั้งแต่เพลิงอมฤตปรากฏขึ้น เขากระทืบเท้าอย่างเกลียดชังจนทำให้ลานแก้วผลึกสั่นสะเทือน “แม้ว่าข้าจะอิจฉา แต่ข้าก็ไม่คิดอะไร ข้าไม่อาจครอบครองมันได้ เพราะมันไม่ใช่ของข้า”

เขารู้ตัวดีพอ จึงพูดออกไปเช่นนั้น

เพลิงอมฤตไม่มีใครใช้กำลังลักเอาไปได้แน่นอน มันเป็นของคุณชายสามตระกูลเย่ว์ ดังนั้นเฝิงเทียนจึงทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะอิจฉาเพียงไหนก็ตาม

“พูดอะไรบ้างสิ หวงฉวน” มนุษย์ไซบอร์กตัดสินใจให้หวงฉวนที่กำลังหลับตาพูดสรุป

“ปล่อยเรื่องนี้ไว้ก่อน ถ้าเขาเป็นผู้ที่ได้รับเลือก เขาก็มีสิทธิ์เข้าร่วมการต่อสู้รอบสุดท้าย สงครามโบราณอนุญาตให้เราแข่งขันกันเพื่อให้ฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าเดินหน้าต่อไป ฝ่ายที่อ่อนแอก็ถูกกำจัด อย่างไรก็ตาม ก่อนจะถึงการต่อสู้รอบสุดท้าย ข้าจะไม่ฆ่าคู่แข่งคนใดที่จะเป็นประโยชน์ในการรบ ก่อนจะกลายเป็นคู่แข่ง เราต้องเป็นพันธมิตรกันก่อน เพราะสิ่งที่เราจะเผชิญก็คือเพชฌฆาตโบราณ ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายอาจเป็นข้า อาจเป็นคุณชายสามตระกูลเย่ว์ หรือใครๆ ที่อยู่ตรงนี้ก็ได้ ดังนั้นก่อนที่ข้าจะตัดสินใจยกเลิกคำร้องขอก่อนหน้านี้ของข้า ถ้าเรายังจะสู้กันต่อไป พวกเราก็จะไม่ได้รับประโยชน์ไม่มีใครสามารถหลบหนีการไล่ล่าของเพชรฆาตโบราณได้พ้น” หวงฉวนมองดูเย่ว์หยางในที่สุด “น่าเสียดายที่เจ้ายังไม่เติบโตแข็งแกร่งเต็มที่ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดของข้า พยายามมีชีวิตรอดให้ได้ล่ะ หวังว่าข้าจะได้สู้กับวงจักรล้างโลกและเพลิงอมฤตของเจ้าในศึกสุดท้าย!”

เย่ว์หยางถอนหายใจโล่งอก เขาเองก็หนีได้อย่างลำบาก

เขาเองใช้พลังไปเกือบทั้งหมด ยังใช้แม้แต่วงจักรล้างโลก, เพลิงอมฤตและปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ที่ซ่อนเอาไว้เสมอเพื่อทำให้เวิ่งจินถอยชั่วคราว

ในสงครามโบราณนี้ ถ้าเขาไม่ยกระดับให้เร็วเพียงพอ ต่อให้เขาไม่ถูกหวงฉวนและพวกที่เหลือฆ่า เขาก็คงถูกเพชฌฆาตโบราณหรือไม่ก็ราชาเฮยอวี้ผู้ต้องการฆ่าเขาอยู่ตลอดฆ่าตาย ตอนนี้เขาตกอยู่ในอันตรายจริงๆ

แน่นอนว่า เย่ว์หยางยังมีข้อสงสัยลับๆ

ถ้าไม่มีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งหลายคน เย่ว์หยางจะทุ่มเทพลังทุกอย่างหากเย่ว์หยางเผชิญหน้ากับเวิ่งจิน แม้ว่าราชาเฮยอวี้จะอยู่ด้วยก็ตาม

ก่อนที่การสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายบนสังเวียนโบราณจะเริ่มขึ้น เย่ว์หยางไม่สามารถเปิดเผยพลังทั้งหมดของเขาได้ เนื่องจากเมื่อเย่ว์หยางยังเก็บพลังไว้ จะทำให้ราชาเฮยอวี้ไม่กล้าตัดสินใจเร่งลงมือ เพราะแม้แต่ราชาเฮยอวี้ ก็ไม่สามารถค้นพบว่าเย่ว์หยางมีพลังอยู่ระดับใด พวกเขาสงสัยว่าเย่ว์หยางคงเป็นระดับสุดยอดปราณก่อกำเนิดไปแล้ว แต่แกล้งทำเป็นอ่อนแอ เมื่อมองเห็นเขาไล่ทุบเวิ่งจินอย่างง่ายดาย พวกเขารู้ว่าเขายังไม่ได้แสดงพลังอย่างอื่นเต็มที่

“พวกเจ้าทั้งสามร่วมในการต่อสู้ด้วยเช่นกัน” หวงฉวนพูดกับจักรพรรดิใต้พิภพ ผู้เฒ่าหนานกงและราชันย์ปีศาจใต้

หลังจากที่เย่ว์หยางแสดงฝีมือที่น่าประทับใจ หวงฉวนและนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าที่เหลือก็ไม่กล้าดูถูกคนรอบตัวเย่ว์หยางอีกเลย สำหรับพวกเขาแม้ว่ากลุ่มของพวกเขาจะดูอ่อนแอ แต่ก็ครอบครองพลังลับที่ยิ่งใหญ่ซึ่งไม่อาจเห็นกันได้ง่ายๆ

แม้ว่าจะไม่มีใครที่มีพลังระดับเย่ว์หยาง, จักรพรรดิใต้พิภพ, ผู้เฒ่าหนานกงและราชันย์ปีศาจใต้ก็ยังได้รับการยอมรับจากกลุ่มอื่น

ราชาเฮยอวี้รู้สึกผิดหวังที่สุดในบรรดาคนพวกนั้น

แต่เขาต้องสู้ฝืนใจอย่างหนัก ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงสีหน้าอาการผิดหวังออกมา

เย่ว์หยางต้องตาย แต่ราชาเฮยอวี้ยังไม่พบโอกาสที่ดีที่สุด เย่ว์หยางยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามเขา แต่ก็คิดเหมือนกัน เนื่องจากเขาตัดสินใจกำจัดราชาเฮยอวี้ในสังเวียนมรณะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าใครเร็วกว่า คนนั้นก็ได้โอกาสฆ่าอีกฝ่ายหนึ่ง

 

**************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset