เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 60 – คนชั่วต้องถูกคนชั่วกำจัด

===============
การปรากฏตัวอย่างกระทันหันของเย่ว์หยาง ทำให้ทุกคนตกตะลึง

ใคร เจ้านี่เป็นใครกัน?

เฉินถู่หาวไม่รู้จักเย่ว์หยางแม้แต่น้อย แต่เขาถูกอานุภาพสยบขวัญจนเกิดความหวาดหวั่น และยังจับซวีเสียนไว้ด้วย เฉินถู่หหาวถามอย่างกังวลด้วยเสียงเบาว่า “เขาเป็นใคร?”

2 พี่น้องตระกูลหลินตัวสั่นเมื่อพวกเขาเห็นสภาพที่น่าอนาถของซวีเสียนที่ศีรษะแตกและหลั่งเลือดสดๆอยู่ หนึ่งในพวกเขาล้วงมือลงไปกระเป๋า เตรียมใช้ม้วนเวทย้ายที่พร้อมที่จะหลบหนีทุกเมื่อ อีกคนมีสีหน้าประหลาดใจปรากฏบนใบหน้า ได้แต่ตะโกนซ้ำๆ ว่า “นี่เป็นไปไม่ได้, ไม่, นี่เป็นไปไม่ได้!”

“ใคร, เขาเป็นใคร?” เฉินถู่หาวรู้สึกว่าชีพจรเต้นเร็วและเหงื่อเย็นยะเยียบหลั่งออกในมือเขา กล้ามเนื้อทุกส่วนของเขาตึงเครียด

เขารู้จักระดับความแข็งแกร่งของซวีเซียนว่าอยู่ระดับไหน

แม้ว่าอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของซวีเสียน อสูรฟันผีตาปีศาจเป็นอสูรอัญเชิญประเภทรบไม่ใช่อสูรประเภทเสริมพลัง แต่หลังจากที่มันทำสัญญาแล้ว มันช่วยให้โครงสร้างร่างกายดั้งเดิมของซวีเสียนมีความก้าวหน้าขึ้นทีละน้อยๆ ยิ่งกว่านั้น ซวีเสียนยังเป็นนักสู้ชั้นวีรบุรุษระดับ 3 ขั้นเริ่มต้น มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากๆ เขาไม่ใช่คนอ่อนแอขนาดที่ถูกคนตัวเท่าลูกไก่จับตัวและทุ่มลงพื้นเหมือนกับปาไข่ไก่อย่างนั้นได้

เผชิญหน้ากับคนที่กำลังโกรธเกรี้ยวผู้นี้ ดูแล้วความแข็งแกร่งของเขาอย่างน้อยต้องมากกว่าซวีเสียน 3 เท่า และความเร็วของเขาอย่างน้อยก็เร็วกว่า 2 เท่า

มิฉะนั้น เขาคงไม่สามารถจับซวีเสียนทุ่มจนบาดเจ็บหนักโดยไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้

“แฮ่….”

อสูรฟันผีตาปีศาจลอยขึ้นไปกลางอากาศเห็นนายของมันถูกทำร้าย และเหาะขึ้นไปอย่างดุร้าย มันอ้าปากเผยให้เห็นฟันแถวคม เตรียมกัดเย่ว์หยางที่เพิ่งอุ้มเย่ว์ปิงไว้

เย่ว์หยางกวาดขาเตะออก และก่อนที่อสูรฟันผีตาปีศาจจะเข้ามาใกล้ มันปิดเปลือกตาเพื่อป้องกันตัวเอง เขาทำลายนัยตาขนาดยักษ์ของมัน

พอเขาหมุนตัวอีกครั้ง ใช้ขาขวาหวดไปที่บริเวณหัวของอสูรฟันผีตาปีศาจจนหมุนติ้วเป็นลูกข่าง

อสูรฟันผีตาปีศาจล้มลงบนพื้นพร้อมกับเสียงดังเป๊ง และก่อนที่มันจะได้โต้ตอบ เย่ว์หยางกระทืบลงมาด้วยพลังปานฟ้าผ่า กระบวนการนี้กินเวลาเพียง 3 วินาที อสูรฟันผีตาปีศาจถูกเย่ว์หยางมนุษย์ที่มีชีวิตย่ำจนเละเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน ในความเป็นจริงเย่ว์หยางเพิ่งกลับออกมา หลังจากเข้าไปในพื้นที่แดนดาว นึกไม่ถึงเลยว่าเขาเข้าไปในวิหารราศีเมษหรือในวงกตหินดำ เขาไม่มีโอกาสได้สู้เลย ทำได้แค่ดูเสี่ยวเหวินหลี ฮุยไท่หลางและโคเงาสู้ พอกลับมาสมาคมนักสู้ในพื้นที่นอกเขตแดนดาว เขาเห็นเย่ว์ปิงถูกคนอื่นรังแก เหตุนี้จึงได้จุดประกายความโกรธของเขา

หลังจากไม่สามารถแสดงฝีมือเองถึง 2-3 วัน ในที่สุดก็ได้ระบายอารมณ์ตัวเองเอาชนะผู้คนจนสาแก่ใจ

แม้ว่าพวกเขาไม่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเย่ว์หยางทำร้ายซวีเสียนจนบาดเจ็บได้อย่างไร แต่ทุกคนเห็นเย่ว์หยางฆ่าอสูรฟันผีตาปีศาจได้ชัดเจน จึงพากันตกตะลึงกันทั้งหมด

นี่ นี่กลายเป็นพื้นที่ฆ่าไปแล้ว

อุ้มคนอยู่หนึ่งคน เขายังสามารถใช้แค่ 2 เท้าทำลายอสูรฟันผีตาปีศาจระดับ 2 ได้ พลังของบุรุษผู้นี้ไปถึงระดับใดกันแน่

หรือว่าคนผู้นี้อัญเชิญสัตว์อสูรออกมาแล้ว เป็นไปได้ว่าอาจเป็นอสูรสายเสริมพลังที่แข็งแกร่งที่สุด แมมมอธ?

เย่ว์หยางใช้พลังปราณก่อกำเนิดของเขาตรวจสอบเย่ว์ปิงและพบว่านางยังปลอดภัย เพียงแต่นางฝืนใช้เรี่ยวแรงและพลังภายในมากเกินไป ดังนั้นนางจึงหมดสติ

อย่างไรก็ตาม ไฟที่เผาไหม้ในใจของเขายังคงคุกรุ่นอยู่ เขายังคงโกรธมาก

บุรุษตัวโต 2-3 คนรุมทำร้ายสตรีตัวเล็กๆ ทำร้ายนางจนหมดสติล้มลงกับพื้น แล้วยังจะทำกร่างเหยียบหน้าอกนาง ถ้าคนประเภทนี้ไม่ถูกฆ่าตาย โลกนี้ยังจะมีความเป็นธรรมอีกหรือ?

พอเย่ว์หยางเตรียมจะลงมือฆ่า ฮุยไท่หลางและเย่คงที่ยังมีเลือดโทรมกาย ก็วิ่งมาถึงจนได้ พอเห็นซวีเสียนหลั่งเลือดนองบนพื้น เขาตกใจแทบสิ้นสติ จากนั้นรีบกระโจนเข้าไปจับขาเย่ว์หยางไว้ รีบร้องเตือนสติเขาว่า “เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งวู่วาม ในหอทงเทียนชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สอง ท่านจะฆ่าใครไม่ได้เด็ดขาด สำหรับฆาตกรทุกคน จะถูกตัดสิทธิ์ห้ามไม่ให้เข้าหอทงเทียนเป็นเวลา 10 ปี ถ้าท่านต้องการฆ่าพวกเขา ยังจะมีโอกาสอีกครั้งในอนาคต ตราบใดที่ท่านไปถึงชั้นที่สาม ตราบนั้นท่านค่อยฆ่าตามความพอใจก็ได้ แต่ตอนนี้..หอทงเทียนคือสถานที่ซึ่งยอมรับนับถือผู้แข็งแกร่ง ตราบใดที่ท่านแข็งแกร่งพอ ท่านจะทำอะไรตามต้องการก็ได้ ทันทีที่ท่านได้รับ “กระบี่อาญาสิทธิ์” บนชั้นสาม ท่านสามารถกำจัดพวกเขาได้เหมือนกำจัดขยะ แต่ในเวลานี้ ท่านไม่จำเป็นต้องมาเสียอนาคตเพราะแมลงเล็กน้อยพวกนี้”

“อ๋า?” เย่ว์หยางไม่รู้จริงๆ ว่า หอทงเทียนมีกฎระเบียบเหล่านี้ ที่ไม่อนุญาตให้มนุษย์ฆ่ากันและกัน

“ท่านจะฆ่าคนไม่ได้! ถ้าท่านฆ่าแม้แต่คนเดียว ท่านจะต้องถูกขับออกจากหอทงเทียนทันที ท่านไม่อาจล้างแค้นคนที่รั้งอยู่ด้วย ใจเย็นๆ ท่านต้องสงบใจไว้ พวกเขาใช้กติกาสู้ 3 ต่อ 3 ใช้การวนต่อสู้เพื่อเอาชนะเย่ว์ปิง ดังนั้นเราก็จะใช้กฎการต่อสู้ 3 ต่อ 3 ตอบโต้พวกเขา เนื่องจากพวกเขาเป็นคนท้าทายก่อน พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ เราจะใช้กฎการต่อสู้ 3 ต่อ 3 จัดการเรื่องนี้” เย่คงกลัวว่าเย่ว์หยางจะย่ำซวีเสียนจนกระโหลกแตก ขณะที่เขายึดขาของเย่ว์หยางไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“ข้าฆ่าพวกมันไม่ได้ใช่ไหม?” เย่ว์หยางจ้องเขาอย่างเย็นชา

ถ้าเขาไม่สามารถฆ่าได้ แล้วเขาจะสั่งสอนพวกมันได้หรือ?

หลังจากจัดการพวกสวะเหล่านี้ด้วยตัวเขาเอง หักซี่โครงพวกมันทีละคน บิดกล้ามเนื้อพวกมัน ทำลายความสามารถในการเสพสังวาสของพวกมัน เปลี่ยนพวกมันให้เป็นขันทีจนไม่อาจให้กำเนิดบุตร ไม่อาจแสวงหาความตาย อย่างนี้ก็ยังดีกว่าฆ่าพวกมันไม่ใช่หรือ?

ฆ่าคนก็มีหลายวิธี หนึ่งในวิธีนั้นก็คือ ฆ่าทันที

อีกวิธีหนึ่งก็คือทรมานให้ตาย

เมื่อเทียบกับการทรมานพวกมันให้ตาย การฆ่าพวกมันให้ตายทันที ถือว่าเป็นการให้ความกรุณาพวกมัน

เขาไม่จำเป็นต้องฆ่า แต่ทำให้พวกมันตายอย่างเจ็บปวดและทำให้พวกมันตายประหลาดที่สุดเท่าที่จะทำได้

“อะไรกัน? เขาคือเจ้าสวะนั่นหรือ? เย่ว์เยี่ยนบอกข้าไปคนละเรื่องเลยนี่ หรือว่าเจ้าจำผิดคน” เมื่อเฉินถู่หาวได้ยินคนตระกูลหลินทั้งสองบอกว่าเย่ว์หยางคือคุณชายสามผู้ไร้ประโยชน์ที่สุดในตระกูล เขาถึงกับเบิกตากว้างยิ่งกว่าโคมไฟ เขาไม่เคยฝันว่าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ที่ใครๆ เรียกกันว่าคนไม่มีอะไรดีมาตั้งแต่เกิดจะเป็นเหมือนราชสีห์เหี้ยม พยัคฆ์ห้าวไปได้

“จากที่ดูรูปลักษณ์ของเขา เป็นเขาแน่ๆ แต่เมื่อก่อนนี้เขาไม่ได้น่ากลัวมาก…” สองพี่น้องตระกูลหลินตัวสั่น ราวกับว่าพวกเขาเป็นคนป่วยที่ถูกความเย็นกัดกร่อนอยู่ในหิมะ

“อ้อ..มันเป็นอย่างนี้นี่เอง” ความสามารถในการฟังของเย่ว์หยางน่าตระหนก ทันทีที่เขาได้ยินคำพูดของเฉินถู่หาว เขานึกออกทันทีว่าเย่ว์เยี่ยนไม่อยู่ที่นี่ พอคิดสถานการณ์อย่างใจเย็น ถ้าเย่ว์เยี่ยนญาติของเย่ว์ปิงอยู่ใกล้ๆ เมื่อนางถูกรังแกและเขาไม่ยอมช่วยนาง คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปล่อยให้ขึ้นอยู่กับเย่ว์เยี่ยน

เย่ว์เยี่ยนไม่อยู่แถวนี้ เย่ว์หยางไม่กังวลว่าจะมีคนเห็นว่าเขาไม่ใช่คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ตัวจริง

เมื่อเขาเห็นว่าเด็กหนุ่มพวกนี้สวมเครื่องแบบ มีสีหน้าขาวเผือดกันทั้งหมด เย่ว์หยางยิ้มเหี้ยมเกรียมกล่าวว่า “ใครว่าข้าจะฆ่าพวกเขาทั้งหมดเล่า? เย่คง! ท่านไม่รู้หรือว่าข้าเป็นผู้สนับสนุนวิธีสันติอย่างเคร่งครัด? แล้วข้าจะไปฆ่าคนได้อย่างไร, ข้าใจดีจะตายไป ใจดีกว่าอาซิ้มวัย 60 ที่ถือศีลกินเจเคร่งครัดเสียอีก คนอย่างข้ารักทุกชีวิตรอบๆ ตัวแล้วข้าไปฆ่าคนได้อย่างไร? เข้าใจผิดกันแล้ว เจ้าก็เข้าใจผิดข้า ข้าก็เป็นคนใจดีคนหนึ่งนะ”

ขณะที่นักท่องโลกข้ามมิติพูดอย่างนี้ เขาเหยียบซวีเสียนที่เกือบจะสิ้นลมปราณอยู่แล้ว หนึ่งเท้า สองเท้า เย่ว์หยางย่ำกระทั่งเลือดเขาพุ่งออกมา

ชั่วพริบตา แขนขาทั้งสี่ของซวีเสียนก็ถูกหักอย่างไร้ความปราณีขณะที่เย่ว์หยางย่ำลงไป

ทหารรับจ้างที่อยู่รอบๆ พวกเขารู้สึกกางเกงของตนเองเปียกแล้วยามเมื่อได้ยินเสียงกระดูกหักตอนที่เย่ว์หยางย่ำซวีเสียน บุรุษผู้นี้ใจดีที่ไหนกัน? เขาเหมือนปีศาจ ไม่สิ เขาน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ เพราะปีศาจคงไม่เรียกตัวเองว่าใจดีแน่

เฉินถู่หาวไม่สนใจว่าซวีเสียนจะอยู่หรือตาย ในสายตาเขา ซวีเสียนเป็นแค่สุนัขรับใช้เท่านั้น ดีที่สุดคือปล่อยให้สวะตระกูลเย่ว์ฆ่าเขา จากนั้นเขาก็จะโดนขับออกจากหอทงเทียน ถ้าเขาไม่สามารถเข้ามาฝึกฝนภายใน 10 ปี ไม่ว่าเขาจะเป็นสวะจริงหรือสวะปลอม เขาก็จะกลายเป็นคนไม่เกี่ยวข้องด้วย ตอนนี้เขาสังเกตว่ามีหมาป่าปีศาจแปลกๆ เพิ่มขึ้นมา

พอมองเห็นมันแล้ว อย่างน้อยน่าจะเป็นชั้นทองแดงระดับ 3 …. หมาป่าปีศาจหลังเหล็กระดับ 3 หรือ? ไม่.. มันเป็นชั้นทองแดงระดับ 4

อย่างไรก็ตาม มันแปลกที่ มันเป็นสัตว์อสูรที่ไม่ได้ทำสัญญา แต่เป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้ทำสัญญา เป็นไปได้ว่าเจ้าสวะตระกูลเย่ว์ผู้นี้ไม่สามารถทำสัญญากับมันได้ เพราะมันแข็งแกร่งเกินไปหรือ?

ถ้าเขาใช้ม้วนเวทพันธสัญญาของเขาเองเพื่อทำสัญญากับมัน เป็นไปได้ว่าจะไม่เป็นการเพิ่มประสบการณ์พลังอำนาจอย่างมาก เหมือนกับเสือติดปีกงั้นหรือ?

เฉินถู่หาวตอนแรกก็กลัวลักษณะของฮุยไท่หลาง แต่พอมองดีๆ ยิ่งขึ้น ฮุยไท่หลางไม่ใช่อสูรที่ทำสัญญากับเย่ว์หยาง เขาแอบยินดีอยู่ในใจ

เป็นไปตามคาด ตระกูลเย่ว์ยังมีขยะที่ไม่สามารถทำสัญญากับหมาป่าปีศาจหลังเหล็กชั้นทองแดงระดับ 4 ที่เป็นสัตว์อสูรชั้นดี นี่คือโอกาสที่สวรรค์ประทานมาให้แล้ว เฉินถู่หาวหัวเราะอย่างเยือกเย็น เขาแสดงสีหน้าว่าโกรธ “เจ้าเป็นใคร? ซวีเสียนมีความตั้งใจที่ดีและช่วยเย่ว์ปิงกำจัดทาสที่ไร้ความสามารถของนาง เจ้าไม่เพียงแต่ไม่ขอบคุณ กลับทำร้ายเขาจนเกินเลยไปด้วยหรือ? เจ้าคุณเนรคุณที่เอาแต่บ้าเลือดโหดร้าย เจ้าเป็นใครกัน?”

“…” เมื่อพวกทหารรับจ้างได้ยินเช่นนี้ แทบไม่มีใครยกนิ้วชมเชยเฉินถู่หาวเลย ยกหางตัวเองโดยไม่มีความรู้สึกละอายได้ถึงขนาดนี้ คงไม่มีที่ใดยกย่องเขาแน่

“สายตาใครที่เห็นว่าข้าเนรคุณ? ใครกันที่เห็นว่าข้าโหดร้าย กระหายเลือด? ข้าทำสิ่งโหดร้ายหรือ? ข้าแค่ต้องการเชิญสหายรักอย่างเขาให้กินก๋วยเตี๋ยวกระดูกบดด้วยเท้า มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่ ดูสิ เขาพอใจมากแค่ไหนตอนกินมัน อย่างนี้ข้ายังโหดเกินไปหรือ?” เย่ว์หยางย่ำท้องของซวีเสียนที่ยังหมดสติต่อไป กระดูกของเขาถูกเหยียบจนมีเสียงแปลกๆ มีเลือดไหลออกจากปากและจมูกของซวีเสียนมาก และดูเหมือนเขาอาจตายได้ทุกวินาที

“เบาๆ เบาๆ เถอะ” เย่คงเอาหินบดยาที่ถูกที่สุดจากคู่หูเขาและบดไว้ก่อนที่ช่วยกระจายยาที่มีประกายสีขาวไปตามรอยแตกบนร่างกายซวีเสียน

ของเหล่านี้คือสิ่งที่เขาซื้อไว้ก่อนที่เขาจะผ่านเข้าหุบเขายู่หลง และเขาไม่เต็มใจที่จะใช้มันในเวลานี้เลย

เขาไม่ได้คาดคิดเลยจริงๆ เลยว่าหินยานี้จะต้องเอามาใช้กับเจ้าบัดซบที่เย่ว์หยางต้องการฉีกมันเป็นชิ้นๆ แล้วโยนให้สุนัขกิน เย่คงกลัวจริงๆ ว่าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์จะย่ำซวีเสียนจนตาย เพราะทันทีที่ซวีเสียนตาย คุณชายจะถูกขับออกจากหอทงเทียน พอถึงจุดนั้น ไม่เพียงแต่เขาจะถูกจำกัดไม่ให้เข้าหอทงเทียน 10 ปีเท่านั้น แต่ยังต้องทิ้งเย่ว์ปิงที่ยังหมดสติไว้ด้วย

มันขึ้นอยู่กับตัวเขาเองและน้องสาวที่ยังบาดเจ็บ พวกเขาจะพาเย่ว์ปิงออกไปอย่างปลอดภัยได้อย่างไร?

นั่นคือเหตุผลที่ ไม่ว่าอย่างไร ซวีเสียนก็ตายไม่ได้

ความจริงสิ่งที่เย่คงไม่รู้ก็คือ เย่ว์หยางควบคุมพลังเท้าของเขาไว้อย่างแม่นยำ เขาสามารถทำให้ซวีเสียนกระดูกหัก และทำให้กล้ามเนื้อเขาบาดเจ็บ แต่ไม่มีการทำร้ายใดๆ ที่คุกคามชีวิตของเขา ถ้าซวีเสียต้องการตาย มันไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเย่ว์หยางไม่อนุญาต ถึงอยากตายก็เป็นไปไม่ได้

พวกทหารรับจ้างที่ยืนอยู่ข้างๆ พอเห็นบุรุษอำมหิตพูดดุร้ายน่ากลัว แม้เขาจะเอาแต่ใจแต่ก็เป็นคนจริง

คนเลวต้องการจัดการคนเลวด้วยตัวเอง พวกนักเรียนจอมกร่างเหล่านี้ได้พบปีศาจน้อยนี่ ถือเป็นความซวยของมันเองจริงๆ

“เย่คง, ช่วยข้าดูเย่ว์ปิงด้วย เนื่องจากสหายเหล่านี้มีความสุขกันดีทุกคน ข้าจะเชื้อเชิญพวกเขามากินกับข้า ฮุยไท่หลาง แกรออยู่ตรงนั้น อีกเดี๋ยวข้าจะให้กระดูกติดเนื้อของพวกมันให้แกได้กิน” เย่ว์หยางวางเย่ว์ปิงลงอย่างระวัง ปล่อยนางให้เย่คงกับฮุยไท่หลางดูแล จากนั้นเดินตรงไปข้างหน้าโดยเร็ว เขาไม่สนว่าใครจะอยู่ต่อหน้าเขา อีกอย่างพวกมันกระตุ้นโทสะเขา ถ้าเขาไม่ฆ่าพวกมันทันที อย่างนั้นเขาจะบังคับให้พวกมันทุกข์ทรมานเสียบ้าง มิฉะนั้น เขาก็คงถูกมองว่าเป็นคนไม่มีอะไรดีที่ใครๆ สามารถรังแกได้

“แผลบ” โดยที่เย่ว์หยางไม่ได้สั่ง ฮุยไท่ลางเริ่มเลียเลือดสดบนพื้น ถ้าเย่คงไม่กลัวว่ามันจะกินซวีเสียนจนถูกเย่ว์หยางตำหนิ เย่คงคงจะไม่ห้ามฮุยไท่หลางไม่ให้มันเคลื่อนไหว มันดูเหมือนเตรียมจะกินต้นขาของซวีเสียนแล้ว

“เตรียมสู้ สู้เป็นกลุ่ม รวมตัวผู้ร่วมประลอง” ถ้าเป็นการสู้เดี่ยว เฉินถู่หาวคงไม่มีความมั่นใจเพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้น ท่าทีสง่างามของคนที่ไม่มีอะไรดีจากตระกูลเย่ว์คุกคามเกินไป แตกต่างจากที่เขาได้ยินมาจากข่าวลือ รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากตัวเขา เหมือนกับของปีศาจและขู่ขวัญผู้คนได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นการสู้เป็นกลุ่ม การรุมจู่โจมเย่ว์หยางจากรอบด้านด้วยคนที่เหลืออีก 7 คนเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป

ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเหี้ยมหาญแค่ไหน เขาจะต่อสู้กับสัตว์อสูรนับสิบตัวได้อย่างไร?

มีเพียงอย่างเดียวก็คือ หมาป่าปีศาจหลังเหล็กที่เกี่ยวข้องกันเล็กน้อย แต่เนื่องจากมันเป็นสัตว์อสูรที่ยังไม่ได้ทำสัญญา ตราบใดที่มันเข้าร่วมต่อสู้ เฉินถู่หาวจะหาโอกาสใช้ม้วนเวทพันธสัญญาปราบมัน และบังคับให้มันกลายเป็นสัตว์อสูรที่ทำสัญญา พอถึงจุดนั้นเขา..

“บึ้ม บึ้ม บึ้ม บึ้ม!”

ขณะที่เฉินถู่หาวคิดเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยความภูมิใจตัวเอง ก็เกิดเสียงดังสนั่น

พอเขาเงยหน้า เขาเห็นว่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคนถูกคนที่ไม่มีอะไรดีของตระกูลเย่ว์โค่นจนหมอบกับพื้นทุกคน ก่อนที่พวกเขาจะได้มีโอกาสอัญเชิญสัตว์อสูรออกมา ทุกคนมีฟันหัก เลือดกลบปาก แม้แต่พี่น้องตระกูลหลินที่อัญเชิญได้เร็วที่สุด ก็ทำได้เพียงหยิบแก้วผลึกอัญเชิญออกมาก่อนที่จะถูกน็อคลงกับพื้น

เย่ว์หยางยกเท้าขึ้นสูง ภายใต้สายตาสิ้นหวังของพี่น้องตระกูลหลิน เย่ว์หยางย่ำเท้าลงไปจนแขนพวกเขาหักอย่างไร้ความปราณี

“ดูสิ ข้าดีกับพวกเจ้าแค่ไหน ข้ากลัวว่าพวกเจ้าจะไม่พอใจแค่ได้กินเค้ก 5 นิ้วและขนมปังหัวใจบด ดังนั้นข้าก็เลยเชิญพวกเจ้าให้กินก๋วยเตี๋ยวกระดูกบด พวกเจ้าเห็นไหมว่าข้าเป็นเพื่อนที่ใจกว้างแค่ไหน? พวกเจ้าจะไปหาเพื่อนดีเลิศอย่างข้าได้จากที่ไหน? โอ๊ะ! ข้าขอโทษด้วย ที่ต้องขอให้พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้สักครู่ ขณะที่ข้าขอไปทักทาย… เฉินถู่ใช่ไหม? งั้นท่านก็คือพี่เฉินถู่ ข้าได้ยินชื่อเสียงต่างๆ ของพี่เฉินถู่มานานแล้ว ข้าชื่นชมท่าทีที่ “เรียกใช้หญิงบริการแต่ไม่จ่ายเงิน” ของพี่เฉินถู่จริงๆ นั่นเป็นวิถีของวีรบุรุษจริงๆ ในฐานะที่เป็นต้นแบบที่ข้าต้องการเรียนรู้ด้วย พี่เฉินถู่! ข้าได้ยินว่าคนประเภทที่มีเหล้าอยู่ในสายเลือดและสมอง จะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ข้าสงสัยว่าเจ้าเคยลองมาก่อนหรือเปล่า? มาเถอะ มาเถอะ ข้าขอเชิญให้เจ้ามาดื่มกับข้าสักแก้ว วาสนานำเราให้มาพบกันที่นี่ ถือว่าเราคุ้นเคยตั้งแต่แรกพบ วันนี้ไม่เมา ไม่ต้องกลับบ้าน” เย่ว์หยางยิ้มให้อย่างจริงใจ

ถ้าใครแค่เห็นรอยยิ้มของเย่ว์หยางที่อบอุ่นเหมือนพระอาทิตย์ยามเช้า พวกเขาคงคิดว่าเขาเป็นเพื่อนที่มีหัวใจอบอุ่นที่น่าใกล้ชิดด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาได้เห็นเลือดที่หยดอยู่บนพื้น ความผิดปกติโดยรอบ และเด็กนักเรียนระดับสูงที่เจ็บปวดปางตายอยู่ ทุกคนคงจะรู้สึกหนาวสั่น และหนาวยิ่งขึ้น

แน่นอน ยังคงมีความรู้สึกตื่นเต้นกระปรี้กระเปร่าอย่างมาก…

คนเลวก็ต้องให้คนเลวอีกคนหนึ่งจัดการ พวกเด็กนักเรียนที่ดื้อด้านและไม่รู้จักความอายก็พบกับความซวยจนได้

**************************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset