เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 80 – มือกระบี่หญิงชาววัง

===============
ทั้งที่หัวมันถูกกัด มังกรกระดูกตะกุยกรงเล็บมันอย่างดุเดือด มันพยายามบินแล้วเอาหัวโหม่งพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อสูรทองตัวน้อยโดนมังกรกระดูกใช้พลังรุนแรงของมันบดกระแทกจนร่างของมันยุบบิดเบี้ยว แต่มันกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อย่างรวดเร็ว ไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม มันเกาะติดอยู่บนหัวมังกรกระดูกเหมือนหนอน คอยกัดแทะจนเปิดกะโหลกของมังกรกระดูกได้ แล้วมันก็บีบตัวเล็กๆ ของมันลงไปในรูในหัวกะโหลกที่มันเจาะไว้ จากนั้นมันก็สูบพลังของผลึกมังกรปีศาจอย่างเมามัน

มังกรกระดูกเซเหมือนกับว่ามันกำลังเมา

เมื่อมันบินขึ้นไปถึงกลางอากาศก็กลับตกลงมาอีก

ขณะที่เดิน มันก็เซไปเซมา

มันไม่สามารถใช้กรงเล็บตะกุยใส่อสูรทองได้ ตรงกันข้าม กลับปล่อยให้อสูรทองดูดพลังของมันมากยิ่งขึ้น

เย่ว์หยางวิ่งเข้าไปที่นั่น แต่ไม่สามารถเข้าไปใกล้มันได้

ทันใดนั้น มังกรกระดูกดูเหมือนจะสูญเสียพลังค้ำจุนมัน และร่างทั้งร่างที่สร้างขึ้นจากกระดูกคลอนแคลนทันที กระดูกสันหลังแตกหัก ปีกของมันหายไปพร้อมกับควันสีดำ กระดูกของมันแตกหักเป็นเสี่ยงๆ และเล็บบนกรงเล็บมันหลุดร่วงลงพื้น ในที่สุดก็เหลือแต่เพียงกะโหลกมังกรขนาดใหญ่ แล้วมันก็ตกลงพื้นดังตุ้บ เมื่อเย่ว์หยางใช้แรงมือดึงอสูรทองออกมาจากตรงนั้น หัวมังกรระเบิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง ลูกบอลแสงสีดำถูกยิงตรงมาที่เย่ว์หยางราวกับดาวตก เมื่อเย่ว์หยางต้องการใช้ปราณกระบี่ชั้นก่อกำเนิดเพื่อทำลายมัน เขาพบว่าลูกบอลสีดำเลี้ยวกะทันหัน และบินตรงไปที่วัตถุสีแดงในมือของเขาราวกับดาวตก

ไอสีดำกำลังลอยขยายตัวขึ้นมา จนวัตถุกลมสีแดงแปลกค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำแล้วค่อยๆ เปลี่ยนรูปทรง

ขณะที่เย่ว์หยางสังเกตดู วัตถุสีแดงที่ดูเหมือนพระจันทร์เต็มดวงๆ เล็กในตอนแรก ได้เปลี่ยนรูปไปเป็นดาบจันทร์เสี้ยวที่ได้รับความเสียหาย มีลูกบอลสีม่วงติดเพิ่มอยู่ในนั้น

ตรงส่วนของดาบที่เสียหายจะถูกเสริมให้เต็มด้วยปราณเวทอัดแน่นของมังกรกระดูก

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีลูกกลมสีดำสัณฐานคล้ายกะโหลกฝังตัวอยู่ที่ด้ามจับของดาบจันทร์เสี้ยว

ดาบจันทร์เสี้ยวเล่มใหม่นี้มีสีเหมือนถูกหมึกสีม่วงย้อมจนดูลึกลับ ที่พื้นผิวมีเส้นเลือดไขว้ไปมาดูซับซ้อน มีลูกกลมฝังอยู่บนใบมีด 2 ลูก นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าลักษณะแปลกประหลาดของเส้นเลือดนี่เองทำให้เย่ว์หยางเข้าใจผิด เขาคิดว่าดาบจันทร์เสี้ยวนี้มีชีวิต เขาจึงใช้ทักษะญาณทิพย์ตรวจสอบดู เย่ว์หยางพบว่าลูกบอลไฟสีม่วงมีพลังมากที่สุด คือแก่นภายในของอสูรจ้าวอัคคีนั่นเอง เพื่อปกป้องแก่นชั้นในไม่ให้ถูกทำลาย มันจึงแนบตัวเองเข้ากับดาบและซ่อมดาบขึ้นใหม่

ลูกกลมดำที่มีลักษณะคล้ายกะโหลกเป็นส่วนของแก้วมังกรปีศาจที่อยู่ในหัวของมังกรกระดูก

เพื่อเอาชีวิตรอด มังกรกระดูกใช้วิธีแนบตัวกับดาบจันทร์เสี้ยว โดยยอมสละร่างมังกรกระดูกดั้งเดิมของมัน

ความจริงถ้ามังกรกระดูกไม่ได้หลบหนีอย่างรวดเร็ว อสูรทองอาจสูบพลังมันจนเหือดแห้งในอีกไม่นานก็ได้

เย่ว์หยางเตะมันจนปลิวอีก

ตอนนี้ดาบจันทร์เสี้ยวหักได้หลอมรวมกับแก่นของจ้าวอัคคีและแก้วของมังกรกระดูก มันกลายเป็นดาบวิเศษที่มีชีวิตแล้ว ที่เป็นอย่างนี้เพราะแก่นภายในของอสูรจ้าวอัคคีและแก้วมังกรปีศาจของมังกรกระดูกได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก และพวกมันต้องการพลังในการฟื้นตัว เย่ว์หยางคิดว่าพวกมันดูดซึมพลังงานได้มากกว่า และคุณภาพจะสูงกว่าดาบวิเศษทั่วไป แม้ว่าตอนนี้ดาบจันทร์เสี้ยวที่หักนี้จะสร้างและพัฒนาด้วยพลังทหารปีศาจ แต่มันก็เป็นระดับชั้นเงิน เย่ว์หยางคิดว่าถ้าแก่นหลอมละลายของอสูรจ้าวอัคคีและผลึกมังกรปีศาจของมังกรกระดูกดูดซึมพลังได้มากพอและกลับคืนไปอยู่ในสภาพเริ่มต้นของพวกมัน หากเพิ่มแก่นของอสูรที่แข็งแกร่งอื่นลงไปในดาบนี้ อย่างนั้นดาบนี้อาจกลายเป็นดาบเวทฮุยจิน ชั้นทองหรือระดับสูงกว่าก็ได้ไม่ใช่เหรอ?

แม้ว่าคุณภาพของดาบวิเศษที่ได้รับมาจะเปลี่ยนไปหลังจากที่จากที่หลอมรวมกันโดยต่างกันเพียงระดับเดียว แต่มันยังแข็งกว่าดาบดั้งเดิมของเย่ว์หยางถึง 10 เท่า

พอทดสอบความคมของดาบวิเศษเบาๆ ดาบไข่ดั้งเดิมบนหลังของเย่ว์หยางเป็นของที่แข็งมาก ยังถูกตัดเป็นชิ้นได้อย่างง่ายดายเหมือนใช้มีดร้อนตัดเนยแข็ง ด้วยการเปรียบเทียบแบบนี้ เย่ว์หยางสามารถเห็นพลังที่แท้จริงของดาบวิเศษนี้ โดยทั่วไปแล้วมันเหมือนกับดาบมังกรหยกของอีกโลกหนึ่ง

“แม้ว่าในตอนนี้คุณภาพของวัตถุนี้ยังคงค่อนข้างต่ำ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นรางวัลการต่อสู้ที่ได้รับการเปลี่ยนรูปแบบแล้ว ข้าจะใช้เจ้านี่ในฐานะอาวุธประจำตัวชั่วคราวก่อน”

หลังจากพิจารณา 3 วินาที เย่ว์หยางตั้งชื่อดาบวิเศษนี้ว่า “ฮุยจิน (ขี้เถ้า)” คงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าชื่อนี้เย่ว์หยางค่อนข้างจะตั้งเอาดื้อๆ

ดาบวิเศษฮุยจินนี้เล็กกว่าดาบไข่ดั้งเดิมอยู่มาก แม้ว่าส่วนที่แตกหักจะได้รับการฟื้นฟูแล้วก็ตาม ก็ยังเล็กกว่าดาบดั้งเดิมถึงหนึ่งในสามหรือกว่านั้น ถ้าเย่ว์หยางซื้อเข็มขัดโลหะสักเส้นหนึ่ง เขาจะสามารถห้อยดาบฮุยจินไว้กับเอวได้ อย่างไรก็ตาม ดาบไข่ที่เหลือก็หมดปัญหาไปด้วย มันเป็นดาบที่ใหญ่มาก และยาวเกินไป ได้แต่เพียงแขวนไว้ข้างหลังเท่านั้น

หลังจากเอาชนะศัตรูแข็งแกร่งได้ คัมภีร์ทองแดงชั้นกลางของเขาจะได้รับการปรับระดับอีกครั้ง

บางที่แทบจะไม่มีคนอย่างเย่ว์หยางในทวีปมังกรทะยานทั้งหมดที่เพิ่มระดับคัมภีร์อัญเชิญในการต่อสู้ใหญ่ครั้งเดียว…

อย่างไรก็ตาม หลังจากอัญเชิญคัมภีร์เพื่อเพิ่มอันดับ หน้าว่างเปล่าที่เย่ว์หยางต้องการกลับไม่ปรากฏให้เห็น

เย่ว์หยางเคยได้ยินอี้หนานเผยความลับนี้มาก่อน เมื่อคัมภีร์อัญเชิญของบางคนปรับเพิ่มอันดับ พวกเขาจะได้รับหน้าว่างเพิ่มซึ่งเอาไว้ใส่รายการเครื่องมือได้ พลังวิญญาณหรือพลังภายในของทุกคนแตกต่างกัน และปริมาณของเครื่องมือที่จะเก็บก็ยังแตกต่างกันด้วย โดยปกติจะมีไม่มากไปกว่า 5 ชนิด และความจุของหน้าก็ยังเล็กมากอีกด้วย มันเหมาะสมที่จะใช้เก็บเครื่องมือขนาดเล็กเท่านั้น

เย่ว์หยางน้ำลายหกเพราะหวังจะได้หน้าเปล่าสำหรับเก็บของเพิ่มขึ้น แต่เขากลับไม่ได้อะไรเลย

ต้องรับรู้ไว้ว่ามีวงแหวนมิติต่างๆสำหรับเก็บของในทวีปมังกรทะยาน แต่นั่นเป็นสมบัติระดับยอดปราชญ์ เป็นของที่หาได้ยากอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิแห่งอาณาจักรต้าเซี่ยยังไม่กล้าหวังจะได้รับมันเลย

หน้าเปล่ายังไม่ปรากฏ แต่รหัสภาษาโบราณได้เพิ่มทักษะพิเศษที่สองให้กับเงาปีศาจ อสูรผู้พิทักษ์เดิมของเย่ว์หยาง ก็คือ “การสร้างใหม่”

[การสร้างใหม่] หลังจากชิงร่างอสูรมาได้แล้วในฐานะที่เป็นร่างใหม่ มันสามารถดูดกลืนร่างกายและพลังงานที่เหมือนกันของสัตว์อสูรเพื่อสร้างร่างของมันเอง เป้าหมายจะต้องมีชีวิต ระดับความสำเร็จจะเกี่ยวข้องกับพลังของเป้าหมาย

ในเวลานั้น เย่ว์หยางไม่สามารถจับต้นชนปลายเรื่องการใช้ทักษะสร้างใหม่ได้ มันเป็นทักษะที่ใช้เปลี่ยนแปลงลักษณะของร่างกายหรือไม่?

โคเงาใช้วิธีต่อสู้ได้แบบทื่อๆ ดิบๆ ไม่จำเป็นต้องมีท่าสวย ดูเหมือนว่ามีค่าอยู่บ้างที่จะบูรณะร่างของนางขึ้นใหม่

แน่นอนว่า เย่ว์หยางไม่คัดค้านอยู่แล้ว ถ้าจะทำให้โคเงาน่ารักน่าดูยิ่งขึ้น

ขุนพลปีศาจที่หมดสติทั้ง 2 ตนคือขุนปีศาจหนอนและขุนพลปีศาจมีปีกถูกป้อนเป็นอาหารต้นดอกหนามทอง กลายเป็นปุ๋ยที่มีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับมัน เย่ว์หยางคาดว่า แม้ว่าต้นดอกหนามทองยังย่อยแขนของจ้าวปีศาจฮาซินไม่เสร็จ แต่มันจะเพิ่มระดับได้และกลายเป็นนางปีศาจดอกหนามภายใน 3 วัน ด้วยขุนพลปีศาจระดับ 5 และเหนือกว่าถึง 4 ตนในฐานะปุ๋ยชั้นดี มันคงจะยากสำหรับต้นดอกหนามที่จะไม่เปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการ ต่อให้มันไม่ต้องการก็ตาม เรื่องเดียวที่เย่ว์หยางไม่สามารถจินตนาการได้ คือนางปีศาจดอกหนามจะเติบโตเป็นรูปเหมือนมนุษย์แบบไหน? คงจะไม่อัปลักษณ์แบบโคเงากระมัง?

เสี่ยวเหวินหลียังคงคุ้นกับที่เก่าของเธอ เธอเปลี่ยนเป็นรุ้งและลอยเข้าไปพักอยู่ในตัวของเย่ว์หยาง

อย่างไรก็ตาม เจ้าอสูรทองไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อมันตระหนักว่าเย่ว์หยางไม่ยอมให้มันกัดฮุยจินไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มันเปลี่ยนไปเป็นปลอกข้อมืออีกครั้ง

บางที คงเป็นเพราะพลังของแก้วมังกรปีศาจที่มันดูดซึมจากมังกรกระดูกหรืออะไรอื่น แต่เจ้าอสูรทองได้พัฒนาความสามารถขนานใหญ่ในครั้งนี้ ก่อนนี้ เมื่ออสูรทองเปลี่ยนเป็นปลอกข้อมือ มันดูงดงามและเต็มไปด้วยพลังงาน เป็นไปได้ที่จะแยกแยะว่ามันไม่ใช่ของธรรมดาด้วยการดูเพียงครั้งเดียว ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นปลอกข้อมือธรรมดาอย่างสิ้นเชิง คล้ายกับปลอกข้อมือของทหารรับจ้างทั่วไป ถ้าเย่ว์หยางไม่เห็นสิ่งนี้กับตาตัวเอง แม้แต่เขาก็ยังไม่กล้าเชื่อเลยว่ามันคืออสูรทอง

เย่ว์หยางใช้ม้วนเทเลพอร์ตและกลับไปที่สมาคมนักรบขณะที่หอบเอาไฮดราน้อยกลับไปด้วย

ขณะที่เขาผ่านศึกใหญ่มาและเนื้อตัวเปียกโชกจากพายุฝนตั้งแต่หัวถึงเท้า เขาเดินแบกลูกไฮดราซึ่งตัวใหญ่กว่าลูกวัว จึงดูเป็นภาพที่สดุดตาอย่างมาก

ทหารรับจ้างบางส่วนตอนแรกสงสัยว่าคงเป็นคงมนุษย์กบเทเลพอร์ตกลับมา แต่พอพวกเขามองดูใกล้ๆ ก็พากันชี้ลูกไฮดราแล้วร้องลั่นว่า “นี่.. นี่..อะไร?”

“แมวไงเล่า” เย่ว์หยางโกหกหน้าตาเฉย

“……” ทหารรับจ้างทุกคนได้ยินแบบนั้น พากันล้มระเนระนาด

ใครบ้างไม่รู้จักไฮดรา?

ถ้าเจ้าตัวนี้คือแมว อย่างนั้นช้างแมมม็อธก็คงเป็นแค่หนูตัวหนึ่ง

เย่ว์หยางไม่ต้องการสนใจพวกขี้เกียจเหล่านี้ ที่ทั้งวันเอาแต่นั่งดื่มเบียร์และคุยกันอยู่หน้าสมาคมนักรบ เขาแบกลูกไฮดราวิ่งไปด้วยความเร็วระดับอันตราย ตรงเข้าไปที่โรงเตี๊ยมนักรบ เข้าไปในบ้านประมูลและมองหาหัวหน้าทหารรับจ้างกลุ่มพายุสลาตัน เตรียมเริ่มต้นการแลกเปลี่ยนระหว่างกันและส่วนอื่นๆ โดยใช้ลูกไฮดราเป็นเงื่อนไข

หัวหน้ากลุ่มพายุสลาตันเป็นบุรุษอายุราว 25 หรือ 26 ปี ตามช่วงเวลาวัยรุ่นของคนในทวีปมังกรทะยาน พวกเขาเหลือเวลาไม่มาก เขาเป็นคนหนุ่มที่เพิ่งเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่ยังดูคล้ายคนวัยรุ่นราว 17-18 ความจริงบุรุษชาวทวีปมังกรทะยานแต่งงานตอนอายุ 30 ซึ่งก็ยังถือว่าเป็นการแต่งงานช่วงวัยต้น บุรุษหลายคนที่มาจากครอบครัวทั่วไปจะแต่งงานตอนอายุราวๆ 35-36 หรือแม้กระทั่งอายุ 40 ก็มี เพียงแต่สตรีจะแต่งงานเร็วกว่า ใบหน้าของหัวหน้ากลุ่มพายุสลาตันนี้ดูอ่อนเยาว์มาก แต่เขาจงใจไว้เคราจนเต็มหน้าเพื่อให้ดูห้าวหาญและเป็นผู้ใหญ่ แม้แต่ท่าทางและการพูดของเขายังถูกล้อเลียนว่าเหมือนคนอายุ 30-40 เมื่อเย่ว์หยางมองดูเขา ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าคนผู้นี้เหมือนกับเด็กที่วางตัวเป็นผู้ใหญ่

แน่นอนว่า วิธีที่คนอื่นจะวางตัวเช่นไร ไม่เกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว คงจะเป็นเรื่องดีที่ตราบใดเขาสามารถแลกเปลี่ยนผลแห่งภูมิปัญญาและกิ่งแห่งพฤกษาชีวิตมาได้

“ข้าเสียใจด้วย แต่ข้าให้ผลแห่งภูมิปัญหาแก่คนอื่นไปแล้ว ดังนั้น ข้าคงได้แต่ใช้กิ่งแห่งพฤกษาชีวิตทำการแลกเปลี่ยน ถ้าเจ้ารู้สึกว่าไม่เหมาะสม เพิ่มอีก 300 เหรียญทองทำการแลกเปลี่ยนเป็นอย่างไร?” หัวหน้าทีมชื่อเฟิงลุ่ย จริงๆแล้วเขาชอบลูกไฮดราที่เย่ว์หยางนำกลับมา แต่เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยต่อเงื่อนไขที่เย่ว์หยางจะนำเสนอ

“ข้าจะต้องการเงินไปทำอะไรเล่า?” เย่ว์หยางหงุดหงิด

หลังจากเสี่ยงชีวิตจับลูกไฮดรามาได้ ผลแห่งภูมิปัญญาก็หายไปแล้ว

ที่จริงเย่ว์หยางก็ขาดเงินจริงๆ หลังจากจ่ายเงินซื้อม้วนเทเลพอร์ตและไข่อสูรให้เย่คงและคนอื่น เขาใช้จ่ายเงินสะสมและรางวัลทองร้อยเหรียญหมดแล้ว

แต่ เมื่อเทียบกับผลแห่งภูมิปัญญาซึ่งมีราคาหลายพันเหรียญทอง ชดเชยเพิ่มให้อีก 300 เหรียญทองเป็นเรื่องตลกมาก

แม้ว่าเขาจะไม่มีทอง เย่ว์หยางค่อยๆ สะสมได้ แต่ผลแห่งภูมิปัญญาหามาได้ยาก และเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เงินซื้อมา ถ้านักรบพฤกษาของเย่ว์ปิงได้ผลแห่งภูมิปัญญาและกิ่งแห่งพฤกษาชีวิต เขาเชื่อว่าความแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า ถ้าได้หัวใจต้นโอ๊คเพิ่มอีก อย่างนั้นมันอาจสามารถยกระดับจากชั้นทองแดงระดับ 3 ไปเป็นชั้นทองแดงระดับ 5 ไม่ใช่แค่นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสัตว์อสูรก็คือสติปัญญา

ดังนั้น ผลแห่งภูมิปัญญานี้ต้องได้มา ไม่ว่าทำอย่างไรก็ตาม

มันต้องเป็นหนึ่งในเงื่อนไขของการแลกเปลี่ยน

“พี่! ไฮดราตัวนี้มันน่าเกลียดจริงๆ ถ้าเราไม่ใช้มันยังจะดีกว่า เพื่อนร่วมชั้นเรียนของข้าซื้อไข่กระต่ายบินมาใบหนึ่ง ถ้ามันฟักแล้ว หลังจากกระต่ายบินตัวน้อยน่ารักได้กินใบของกิ่งแห่งพฤกษาชีวิตก็อาจวิวัฒนาการได้ ข้าว่าอย่าไปแลกเลย” เด็กผู้หญิงวัยรุ่นที่อายุมากกว่าเย่ว์ปิงไม่มากนัก ยืนอยู่ข้างหลังเขา พูดดึงความสนใจของพี่ชายนาง

“ไม่เอาน่า, อย่าก่อเรื่องนักเลย” เมื่อหัวหน้าทีมเฟิงลุ่ยได้ยินคำพูดนาง เส้นสีดำปรากฏบนหน้าผากของเขา ไม่ยอมแลกไฮดรา แต่ใช้ใบของกิ่งแห่งพฤกษาชีวิตเลี้ยงกระต่ายบินที่ไม่มีทักษะต่อสู้เลยน่ะหรือ?

มีบุรุษตัวใหญ่น่าเกรงขามที่มาพร้อมกันยืนอยู่ข้างนาง บางทีเขาคงเป็นผู้คุ้มกันกลุ่มของเฟิงรุ่ย

เขาพยายามหว่านล้อมเย่ว์หยาง พูดว่า “สหาย เราให้ผลแห่งภูมิปัญญาแก่คนอื่นไปแล้ว ไม่ว่าจะทำอย่างไร เราก็เอากลับคืนมาไม่ได้ จากสิ่งที่ข้าเห็น เราไม่ควรยกเลิกการแลกเปลี่ยน ตอนนี้เรามีเงินไม่มากพอที่จะทำการแลกเปลี่ยน แต่เราขอเป็นลูกหนี้เจ้าไว้ก่อนก็ได้ เมื่อเราได้ผลแห่งภูมิปัญญาอื่นในครั้งต่อไป เราจะให้เจ้า แน่นอนว่า เราสามารถให้ทองเจ้าได้ ถ้าเจ้าต้องการ เราสามารถจ่ายให้เจ้าไม่น้อยกว่า 2 พันเหรียญทอง แต่นี่ต้องรอจนกว่าจะสิ้นปี เนื่องจากเรามีเงินไม่มากชั่วคราว ถ้าเจ้ายินดี เราสามารถลงชื่อในสัญญาอย่างเป็นทางการที่สมาคมนักรบได้”

“ท่านเอาผลแห่งภูมิปัญญาให้ใครหรือ?” หลังจากเย่ว์หยางรู้ว่าเขาไม่อาจได้ผลแห่งภูมิปัญญา เขาเริ่มมีความคิดนอกลู่นอกทางจะขโมยสมบัติคนอื่น

“มันถูกมอบให้กับข้า เจ้าจะทำอะไรกับมัน? เจ้าต้องการมันหรือ?”

มาถึงตรงนี้ มือกระบี่หญิงประจำวังหลวง ผู้อยู่ในชุดเกราะปิดทั้งตัวมีกระบี่เล่มใหญ่อยู่ที่หลังของนางส่งเสียงกระทบกับเกราะยามที่นางปรากฏตัวขึ้น

หัวหน้าเฟิงลุ่ยที่ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ยังกลายเป็นหวาดหวั่นขนาดที่จะกระแอม ก็ยังไม่กล้าส่งเสียง

เย่ว์หยางไม่เข้าใจว่าสตรีนางนี้เป็นใคร? นางวางมาดเต็มที่ได้อย่างไร? หรือว่านางจะเป็นองค์หญิงจากราชตระกูล?

********************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset