เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 89 – กรีดร้องสะท้านขวัญ

===============
โคเงาบุกจู่โจมใส่สี่ขุนพลปีศาจ ใจของนางไม่ได้กลัวหรือระวังตัวแม้แต่น้อย ผลกระทบจากภายนอกทำอะไรนางไม่ได้

เย่ว์หยางอยู่ภายในโล่แสงของเขา ใช้ใจของเขาสื่อสารกับนางอย่างใจเย็น เป็นครั้งแรกที่เขาพยายามใช้ทักษะวิทยายุทธโดยผ่านร่างของโคเงา แน่นอนว่าเขาไม่สามารถทำให้นางปล่อยทักษะปราณก่อกำเนิดได้ แต่เย่ว์หยางก็ยังไม่ได้ใช้ทักษะปราณก่อกำเนิดกับหม่าเหลียงแต่อย่างใด เขามีความเชื่อมันว่าสามารถฆ่าหม่าเหลียงได้ด้วยการลงมือรวดเดียวได้ ต้องทำความเข้าใจว่า หม่าเหลียงเป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญชั้นทอง และยังไม่รู้จำนวนของมังกรบินที่เขามีอยู่ แม้ว่ามังกรบินของเขาตายทั้งหมด เขาก็ยังใช้ม้วนเทเลพอร์ตหนีไปได้ ถ้าจะฆ่าแม่ทัพปีศาจที่เป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญให้ได้ พวกเขาต้องสู้กันในสมรภูมิมรณะ จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้

จะฆ่าหม่าเหลียงให้ได้ เขาต้องรอโอกาสเมื่อหม่าเหลียงออกมาจากโล่แสงของเขา

นอกจากปราณชั้นก่อกำเนิดแล้ว วิชาทวนตระกูลเย่ว์ที่เย่ว์หยางพยายามให้โคเงาใช้ตามให้ได้ นางไม่สามารถใช้มันได้เลย

ด้วยความยากลำบาก วิทยายุทธเพียงอย่างเดียวที่เย่ว์หยางสามารถควบคุมโคเงาให้ใช้จู่โจมได้ก็คือวิชาดาบหัวตัด ซึ่งเป็นวิชาที่แย่ที่สุดในโลกคล้ายๆ กับเทคนิคค้อนทุบหิน

อย่างไรก็ตาม เทียบกับพลังโจมตีของโคเงาเมื่อก่อนหน้านี้ ถือว่านางได้รับการปรับปรุงก้าวหน้าอย่างมากแล้ว อย่างน้อยที่สุด นางก็ไม่ได้เชื่องช้า ควงอาวุธด้วยแขนทั้งสองลุยเข้าหาศัตรูเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้นางอยู่ภายใต้การควบคุมของเย่ว์หยาง นางคิดก่อนว่าจะเดินหน้าหรือถอย มักจะมีแบบแผนกลยุทธ วิธีที่นางเหวี่ยงแขนตอนนี้จะแตกต่างไปจากเดิมแล้ว นางใช้พลังแขนในปริมาณที่เหมาะสมแม้ว่าท่วงท่าของนางจะเป็นวิชาที่แย่ที่สุด “เทคนิคค้อนทุบหิน” นางก็ยังใช้ออกด้วยพลังที่เหมาะสมซึ่งก็ยังแข็งแรงกว่าคนธรรมดา 100 เท่า

พอเผชิญหน้ากับผู้ที่มีความสามารถและไม่กลัวตาย สี่ขุนพลปีศาจจำต้องยอมรับชะตากรรมของพวกเขาต่อสู้กับโคเงา แต่กับความคาดหวังของพวกเขาทั้งหมด อสูรที่ไม่สามารถเอาชนะได้ยังสามารถใช้ได้กระทั่งวิทยายุทธ

สี่ขุนพลปีศาจสู้จนกระทั่งพวกเขาอ่อนแรงลง

ขณะที่พวกเขาไม่ทันระวังตัว ขุนพลปีศาจตนหนึ่งก็ล้มลงกับพื้นภายใต้การจู่โจมของโคเงา

ขุนพลปีศาจที่ตัวสูงมีความว่องไวที่สุดและมีความเร็วที่สุด เขาใช้กระบี่ของเขาแทงไปที่อกของโคเงาทำลายหัวใจของนาง

ในความคิดของเขา โคเงาเป็นอสูรรูปมนุษย์ ดังนั้นนางอาจถูกฆ่าได้หากถูกทำร้ายที่จุดสำคัญ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจริงๆ แล้วนางคือเงาปีศาจ นางเพียงแต่เปลี่ยนไปหลังจากที่ร่างของนางถูกชิง ทั้งร่างและชีวิตของนางไม่เหลือจุดอ่อนของสัตว์อสูรตามปกติ

ยิ่งไปกว่านั้น โคเงาจัดว่าเป็นอสูรพิทักษ์ของเขา แม้ว่าร่างของนางถูกทำลายสิ้นเชิง นางก็ยังไม่เป็นไร ถ้าพลังของนางถูกใช้จนหมด นางก็แค่กลับเข้าไปพักในคัมภีร์

เว้นเสียแต่เย่ว์หยางตาย นางจะไม่มีทางตายจริงๆ

เมื่อขุนพลปีศาจตัวผอมสูงใช้กระบี่ของเขาแทงหัวใจของโคเงาได้สำเร็จ เขาบิดกระบี่อย่างโหดเหี้ยม ตั้งใจจะขยี้หัวใจของโคเงาให้แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ยิ้มที่โหดเหี้ยมปรากฏบนใบหน้าของมัน

อย่างไรก็ตาม ยิ้มของเขาก็ชะงักค้างทันทีหลังจากที่ปรากฏได้ไม่นาน

ทั้งนี้เป็นเพราะเขาเห็นโคเงาที่มีหัวใจถูกกระบี่แทงและบิดจนแหลกเป็นชิ้นยังดูเหมือนไม่เป็นอะไร นางยื่นมือขนาดยักษ์ออกมาคว้าไหล่ของเขาเหมือนใช้คีมเหล็กจับ ต่อมานางใช้มือีกข้างกระแทกใส่ที่ข้อศอกขุนพลปีศาจผอมสูงอย่างรุนแรง ขุนพลปีศาจต้องการจะดิ้นรนให้หลุด แหกปากร้องอย่างน่าสงสารขณะที่แขนข้างหนึ่งปวกเปียกไม่มีแรง ภายใต้การโหมโจมตีจากขุนพลปีศาจที่เหลือ โคเงาไม่สนใจอาการบาดเจ็บผิวเผินของนาง และยกขุนพลปีศาจผอมสูงขึ้นมาแทน ขณะที่ก้มลงดู นางส่ายศีรษะแล้วใช้หน้าผากนางโขกใส่หน้าผากของขุนพลปีศาจนั้นอย่างแรง

เสียงกระแทกกันดังน่ากลัวและขุนพลปีศาจทั้งสามได้ยินเสียงกะโหลกเพื่อนของพวกมันแตก

ในหนังสือทักษะ “เทคนิคค้อนทุบหิน” ที่ซื้อขายกันราคา 10 เหรียญทองแดง ไม่มีเทคนิคที่เรียกว่า หัวโขก

เย่ว์หยางประยุกต์เทคนิคค้อนทุบหินเพียงเล็กน้อย โดยใช้หัวโคต่างค้อนแทน ผลของการต่อสู้นับว่าไม่เลว

แม้ว่าเทคนิคค้อนทุบหินจะไม่มีทักษะหัวโขกก็ตาม ก็ยังมีหนึ่งในรูปแบบการฟาดที่รุนแรง เทคนิคเบื้องต้นก็คือดึงหัวค้อนออกมาให้ห่างเท่าที่ทำได้ แล้วใช้แรงกระแทกไปที่หัวฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรง

เย่ว์หยางตัดสินใจประยุกต์ใช้นิดหน่อย เขาให้โคเงาจับตัวขุนพลปีศาจที่ผอมโย่ง แล้วเงื้อไปข้างหลังให้มากที่สุดเหมือนเงื้อค้อน จากนั้นฟาดลงกับพื้นอย่างรุนแรง ลำดับต่อไปก็เป็นเรื่องง่าย เย่ว์หยางปล่อยการควบคุมจิตใจโคเงา ให้นางได้ใช้ความสามารถของตนเอง โคเงายังเข้าบดขยี้ที่หัวของขุนพลปีศาจผอมสูงจนแหลก แล้วโดดขึ้นไปย่ำบนตัวเขา นางใช้กีบเท้าย่ำไปบนตัวขุนพลปีศาจพลางถือโอกาสฝึกทักษะ “บดทำลายหิน”ไปด้วย

เวลานี้ ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางเท่านั้น แม้แต่สามขุนพลปีศาจ หรือว่าใครก็ตาม คิดว่าเหมือนกันว่าขุนพลปีศาจตนนี้ ไม่รอดแล้ว

หลังจากได้ความฉลาดเพิ่มมาอีกนิดหน่อย โคเงาดูเหมือนจะมีทักษะใช้อาวุธเพิ่มขึ้นมาบ้างแล้ว

แต่นางยังคงไม่สามารถจำแนกได้ว่าของเช่นไรใช้เป็นอาวุธได้ นางคว้าศพของขุนพลปีศาจสูงโย่งหวดกระหน่ำใส่ขุนพลปีศาจอีก 3 นายที่ยืนหน้าซีดเหมือนคนตาย ขุนพลปีศาจทั้งสามต่างหลบถอยด้วยความกลัว ซากของขุนพลปีศาจสูงโย่งถูกฟาดไปมาจนถึงขนาดที่ครึ่งหนึ่งของศพขาดวิ่นไม่มีชิ้นดีจึงถูกโยนทิ้งไป

สามขุนพลปีศาจเห็นอนาคตของตนเองแล้วถึงกับหนาวสะท้าน

พวกสัตว์อสูรที่พวกเขาเรียกออกมาไม่มีผลอะไรต่อโคเงาเลย ไม่ว่าจะเป็นผีเสื้อปีศาจอ่อนแอ หนอนเจาะกระดูหรือแม้แต่มดแดงคลั่ง พวกมันไร้ประโยชน์ยามเผชิญกับโคเงา, เมื่อแมงมุมพ่นใย, แมงมุมพ่นข่ายที่ขุนพลปีศาจทั้งสามคิดว่าพวกมันสามารถยับยั้งโคเงาได้ แต่ใครจะรู้ว่าโคเงาสามารถพ่นไฟทางลมหายใจได้? ตาข่าย ใยแมงมุมถูกเผาหมด แมงมุมยักษ์ที่อุ้ยอ้ายไม่สามารถหลบหนีได้ทัน มันร้องโหยหวนขณะถูกเนตรประหารคร่าชีวิตของมัน

วันนี้ เย่ว์หยางอารมณ์ค่อนข้างดี โคเงาใช้พลังเนตรประหารในการรบวันนี้ถึง 2 ครั้ง อารมณ์ของเขาจึงดีเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม นี่คือจุดเริ่มต้นฝันร้ายของขุนพลปีศาจทั้งสาม

แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าการจู่โจมลักษณะนี้จะทำให้ฆ่าศัตรูได้ในทันที โอกาสประสบความสำเร็จต่ำมาก พวกเขาก็ยังไม่กล้าพูดอย่างมั่นใจว่า พวกเขาจะไม่ใช่คนโชคร้าย

อีกด้านหนึ่ง เจ้าเมืองโล่วฮัวได้รวบรวมพลังโจมตีของนางเสร็จแล้ว เตรียมพร้อมปล่อยแสงทำลายล้างกองทัพปีศาจให้เป็นจุลอีก

ขณะที่แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมา ก็ฆ่าปีศาจเขายาวไป 10 ตัว แม้แต่นางปีศาจดาบสังหารไม่สามารถหลบได้ทันเวลาและมังกรบินเงินก็โดนแสงทำลายเต็มทำลายเต็มที่จนร่างพวกมันถูกทำลาย พวกมันล้มลงกับพื้นทันทีร้องโหยหวนอย่างทรมาน

หม่าเหลียงเดือดดาลโกรธจัดเพราะสถานการณ์ต่อสู้พลิกผัน ทำไมเขาต้องมาเจอเจ้าเมืองโล่วฮัว ศัตรูแข็งแกร่งขนาดนี้ไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์แบบนี้เลย

เขาอัญเชิญมังกรบินตัวหนึ่งซึ่งใหญ่กว่ามังกรบินธรรมดาถึงหลายเท่า มังกรบินเขางอน เข้าต้องการใช้มังกรบินเขางอนกินโคเงาทันที แต่พอเห็นว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวรวบรวมพลังของนางอีกครั้ง เขาสั่งให้มังกรบินเขางอนและมังกรบินกัดกร่อนเข้าโจมตีเจ้าเมืองโล่วฮัว พยายามไม่ให้นางได้ใช้พลังที่น่ากลัวของจิ้งจอกหกหาง เขารู้ว่าทันทีที่จิ้งจอกหกหางกลายร่าง พลังรบของเจ้าเมืองโล่วฮัวผู้นี้จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าด้วยความช่วยเหลือของจิ้งจอกหกหาง

ถ้าเขาปล่อยให้นางสะสมพลังแสงทำลายล้างสำหรับโจมตีอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะใช้โล่ต้านทานไว้ได้ แต่มังกรบินของเขาและบริวารบางทีจะพากันตายทั้งหมด

“รีบฆ่าเขาซะ, ไม่ต้องสนใจนางโคเงา อสูรชนิดนี้ไม่กลัวตาย แต่มีเวลาอัญเชิญที่จำกัด ยิ่งไปกว่านั้น มันใช้พลังวิญญาณเปลืองมาก ตราบใดที่พวกเจ้าทำลายโล่แสง และทำลายพลังจิตที่แข็งแกร่งของเขาได้ โคเงาจะหายไปเองในที่สุด ไม่มีโคเงา เขาก็ไม่มีค่าให้พูดถึง” หม่าเหลียงตะโกนลั่น

“เอาเลยสิ, มามะ, มาฆ่าข้าให้ไวเลย ข้ารอต่อไปไหวแล้ว” เย่ว์หยางเชื้อเชิญพวกเขาอย่างเต็มใจ

โคเงามีเวลาที่จำกัดอย่างแน่นอน และกำหนดเวลาก็น้อยกว่า 10 วันที่นางเคยอยู่ได้มาก่อนนิดหน่อย บางทีนางน่าจะอยู่ได้สัก 5-6 วัน นับแต่เวลาที่นางถูกเรียกออกมาได้อย่างไม่มีปัญหา ถ้าหม่าเหลียงรู้เรื่องการโกงกำหนดเวลาอย่างนี้ เขาอาจโกรธจนกระอักเลือดตายไปเลยก็ได้

หม่าเหลียงต้องการสั่งให้มังกรบินเขางอนบินไปจับโคเงากินจริงๆ เพื่อจบการต่อสู้ด้านเย่ว์หยาง

ทว่า เขายังกังวลว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวจะถือโอกาสปล่อยแสงทำลายล้างที่สามารถสังหารมังกรบินที่เป็นกำลังรบของเขาทั้งหมด

ในสายตาของเขา โจรน้อยเย่ว์หยางเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญชั้นทองแดง ไม่มีทางเทียบได้กับเจ้าเมืองโล่วฮัวต่อให้นางใช้เพียงมือเดียว และต่อให้เขามี 10 คนก็ตาม ดังนั้น เขาจึงสั่งให้ขุนพลปีศาจทั้ง 3 ฆ่าโจรน้อยผู้นี้ เป้าหมายหลักของการต่อสู้ก็คือ จะโค่นเจ้าเมืองโล่วฮัวได้อย่างไรต่างหาก ส่วนนางพญากระหายเลือด แม้นางจะยังไม่ตาย บางทีนางคงยังไม่สามารถกลับเข้ามาสู้ต่อได้ทันที

แม้ว่าเขาจะหงุดหงิดที่ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสามไร้ความสามารถ หม่าเหลียงยังคงต้องการให้พวกเขาทำงานต่อให้จบเดี๋ยวนี้

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเข้าใจชัดว่า ไม่ใช่เป็นเพราะบริวารของเขาไร้ประโยชน์ แต่เป็นเพราะพวกเขาผ่านศึกใหญ่มาก่อนหน้านั้น ถ้าอสูรอัญเชิญของพวกเขาไม่ได้ถูกนางปีศาจดาบสังหารฆ่าตายในการต่อสู้ก่อนหน้านั้น กำลังรบของเขาคงไม่ย่ำแย่ขนาดนี้

“พวกเจ้าค่อยๆ ฟันโล่ไปพลางก่อนนะ ข้าจะงีบสักครู่, อย่าลืมปลุกข้าด้วย เมื่อพวกเจ้าทำลายโล่เข้ามาได้” เย่ว์หยางพูดอย่างไม่ใยดี ขณะที่ขุนพลปีศาจทั้งสามพยายามฝ่าโล่แสงเข้ามา เย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องเข้าใจหัวใจธรรมชาติสำหรับเรื่องนี้ แม้ว่าด้วยความแข็งแกร่งที่เขาได้รับจากการบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิด เขาไม่ได้รับผลกระทบจากการจู่โจมโล่แสงของเขา การจู่โจมแบบนี้อาจใช้ได้กับนักสู้ธรรมดาก็ได้ แต่มันใช้ไม่ได้กับเย่ว์หยาง

เขาย้ายหินมาวางบนพื้น จากนั้นล้มตัวลงนอนใช้หินหนุนต่างหมอนหลับอย่างสบายอารมณ์ เขาประสานมือไว้หลังศีรษะขณะที่พาดขาไว้บนหินอีกก้อนแล้วกระดิกขาอย่างสบายใจ

แน่นอนว่าเขาทำอย่างนี้แต่เพียงลักษณะภายนอกเท่านั้น จุดมุ่งหมายหลักคือสร้างความสับสนและดึงความสนใจของศัตรูมาที่เขา

เย่ว์หยางมุ่งความสนใจไปที่การควบคุมโคเงาให้เคลื่อนเข้าหานางปีศาจดาบสังหารที่บาดเจ็บหนักจากแสงทำลายล้าง เย่ว์หยางไม่รู้ว่าแก้วผลึกปีศาจของนางปีศาจนี้จะเป็นประโยชน์ต่อโคเงาไหม? แต่ถ้ามันใช้ได้จริงๆ อย่างนั้นโคเงาอาเพิ่มระดับความสามารถก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีทักษะสร้างใหม่ที่เขาไม่เคยลองใช้มาก่อน นางปีศาจดาบสังหารนี้ก็มีหัวเป็นโค ดังนั้นอาจจะอยู่ในประเภทวัวก็ได้

อย่างน้อยนางก็เหมือนกับโคมากว่าหอยทากหรือด้วงเขายาว นางดูเหมือนนางพญาปีศาจวัวนิดหน่อย

ทันใดนั้น เจ้าเมืองโล่วฮัวยิงบอลแสงชนิดเดียวกับแสงทำลายล้าง มันระเบิดตรงเข้าหามังกรบินกัดกร่อนโดยตรง ส่งผลให้มันกลายเป็นเป็นมังกรย่างไปในทันที

ทันทีที่ดาวข่มตาย จิ้งจอกหิมะสามหาง กลายร่างทันที

ร่างของมันใหญ่กว่าร่างปกติถึง 10 เท่า

หางทั้ง 6 ของมันสั่นเล็กน้อยขณะที่จิ้งจอก 6 หางปล่อยกลิ่นหอมออกไป มันส่งละอองน้ำหอมสีขาวตรงไปที่มังกรเขางอน ร่างมหึมาของมังกรบินเขางอนร่วงฟาดลงกับเสียงดังสนั่น มันไม่เหลือเรี่ยวแรงบินกลับไปในอากาศ ดังนั้นมันจึงทำได้แต่เพียงสู้กับจิ้งจอก 6 หางอยู่บนพื้น ขณะที่ร่างของจิ้งจอก 6 หางแม้จะตัวใหญ่ แต่มันว่องไวมาก หางทั้ง 6 ของมันเป็นเหมือนแส้หวดใส่มังกรบินเขางอนอย่างไม่ปราณี ทำให้มันร้องอย่างเจ็บปวด หน้าของหม่าเหลียงเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ ขณะที่เขาเลิกสนใจเย่ว์หยาง เขาเรียกมังกรบินปีกเพลิงซึ่งตัวเล็กกว่ามังกรอื่นๆ และสั่งให้มันช่วยมังกรบินเขางอนจู่โจมจิ้งจอก 6 หาง

แม้ว่าการต่อสู้ทางด้านหม่าเหลียงกับเจ้าเมืองโล่วฮัวจะทวีความรุนแรงและดุเดือด แต่เย่ว์หยางกลับพักผ่อนอย่างสบายอารมณ์

เขาควบคุมให้โคเงาเข้าไปย่ำมังกรบินเงินที่ยังมีชีวิตก่อน แล้วจึงลากร่างของนางปีศาจดาบสังหารที่ถูกแสงทำลายล้างทำลายร่างไปครึ่งหนึ่งกลับมาด้วย

ขุนพลปีศาจทั้ง 3 ไม่เข้าใจว่าทำไมเย่ว์หยางถึงได้ทำอย่างนั้น แต่ก็ตกใจรีบถอยออกมาอย่างเร็ว เย่ว์หยางรีบลุกขึ้น ไม่ได้แสดงความเมตตาใดๆ ต่อนางปีศาจดาบสังหารที่กำลังดิ้นรนขณะถูกลากเข้ามาเลย เขาใช้ทักษะโซ่ล่องหนของเสี่ยวเหวินหลีตรึงมันไว้กับพื้น ก่อนที่จะใช้มีดทองแทงอก เมื่อถูกมีดทองฆ่ามังกรแทงทะลุ ต่อให้เป็นนางปีศาจดาบสังหาร อสูรทองแดงระดับ 7 ก็ไม่สามารถรับการโจมตีได้ มันล้มลงตายอยู่บนพื้น

“พวกมันกำลังทำบ้าอะไรกันนี่?” หม่าเหลียงที่ยังอยู่ในการต่อสู้อย่างดุเดือดเหลือบไปเห็นบริวารของเขาทั้ง 3 กำลังจ้องดูโจรน้อยเหมือนไอ้งั่งแทนที่จะเข้าไปโจมตีเขา หม่าเหลียงเดือดดาลทันที เขาโกรธจนควันแทบออกจากหู

เขาสามารถเข้าใจการกระทำของพวกเขาได้ว่าโจรน้อยซ่อนตัวอยู่หลังโล่แสงของเขา แต่โจรน้อยก็เดินออกมาจากโล่แสงตั้งหลายเมตร แล้วทำไม่ลูกน้องของเขาถึงไม่จู่โจมทำร้ายเขา?

เขาไม่มีเวลาสังเกตว่าโล่ของเย่ว์หยางยังคงอยู่ แม้ว่าเขาจะเดินออกมาห่างจากโล่ของเขาก็ตาม

ในทำนองเดียวกัน เจ้าเมืองโล่วฮัวยังคงไม่สามารถทำอะไรได้หลายอย่างและเตือนถึงสถานการณ์การต่อสู้ของเย่ว์หยางได้ นางหลับตาเข้าสมาธิ เตรียมรวบรวมพลังจิตวิญญาณใส่ลูกบอลแสงทำลายล้างต่อไป นางสามารถได้ยินเสียงของเย่ว์หยาง ดังนั้นนางจึงรู้แก่ใจดีว่าเย่ว์หยางปลอดภัย นางคิดอยู่เสมอว่าเย่ว์หยางคงหลบซ่อนอยู่หลังโล่แสงคอยเยาะเย้ยศัตรูของเขา นางไม่รู้เลยว่าเขาได้ชัยชนะไปแล้ว

พอได้ยินหม่าเหลียงแผดเสียงอย่างเดือดดาล ขุนพลปีศาจทั้ง 3 กลัวมากจนถึงกับตัวสั่น พวกเขารีบเดินหน้าโจมตีทันที เป้าหมายคือเย่ว์หยางแทนที่จะเป็นนางโคเงา

ตราบใดที่พวกเขาฆ่าโจรน้อยตัวประหลาดนี่ได้ การต่อสู้ของพวกเขาจะจบลง

ขณะที่พวกเขาวาดฝันถึงชัยของตน แสงสีทองฉายออกมาจากภายในโล่ นางพญากระหายเลือด ที่หมดสติไปหลังจากทรมานจากอาการบาดเจ็บหนัก ค่อยๆ ลืมตาสีฟ้าอมม่วงกระจ่างของนาง จากนั้นนางจึงเปล่งเสียงกรีดร้องโหยหวนเศร้าสร้อยอย่างเต็มแรง

ทันใดนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเมืองโล่วฮัว, หม่าเหลียง หรือจิ้งจอก 6 หางและมังกรบินเขางอนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ เหมือนกับว่าทุกคนทุกตัวถูกสายฟ้าฟาดจนตัวแข็งล้มลงกับพื้น

ขุนพลปีศาจทั้ง 3 ที่อยู่ใกล้เสียงกรีดร้องที่สุดเริ่มมีเลือดออกมาจากตา, จมูก, ปาก, และหู พวกเขาล้มลงทีละคนๆ

เย่ว์หยางแปลกใจที่พบว่า แม้เขาจะได้ยินเสียงกรีดร้อง แต่เขาไม่จำเป็นต้องใช้ปราณก่อกำเนิดของเขาป้องกันหูตัวเอง เขาไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงกรีดร้องแต่อย่างใด

พอเขาเงยหน้า ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าโล่แสงของหม่าเหลียงหายไปแล้ว เย่ว์หยางไม่สนใจ 3 ขุนพลปีศาจข้างหน้าเขาผู้ถูกฆ่าแทบจะทันที เขาพุ่งไปหาหม่าเหลียงที่หมดสติอยู่ ดาบวิเศษฮุยจินในมือของเขามีเปลวไฟและควันออกมา มันถูกลากเป็นสายแสงยาวขณะที่เขาแทงไปที่หัวใจของหม่าเหลียงอย่างไม่ปราณี 3 ผู้นำปีศาจผู้โดดเด่นหรือ? แม่ทัพปีศาจเหรอ? ตราบใดที่เจ้าไม่มีโล่แสงคอยป้องกัน เจ้าก็คงเป็นได้แค่สวะ

************************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset