เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 006 การชี้แนะ

การชี้แนะ

 

“ พวกเจ้าคิดจะลงมือหรือ “ เยี่ยจงเอ่ยพร้อมกับสำรวจคนเหล่านี้อยู่รอบหนึ่ง ใบหน้าให้ความรู้สึกเหมือนดั่งยิ้มไม่ยิ้มอยู่

 

“ อ่า ทำไมถึงคิดว่าพวกเราจะลงมือเล่า ดูเหมือนนายน้อยเยี่ยจะฝึกยุทธ์ได้สำเร็จแล้วแต่กลับเลือกทักษะยุทธ์ระดับต่ำนี้มันก็กระไรอยู่ พอข้าน้อยเห็นเช่นนั้นจึงคิดว่าข้าและท่านก็ยังถือว่าเป็นพี่น้องในตระกูลเดียวกัน ก็คงต้องช่วยท่านชี้แนะสักเล็กน้อย อย่างนี้ดีหรือไม่ “ เยี่ยหยู่กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่แปลกประหลาด

 

“ ชี้แนะหรือ “ เยี่ยจงพยักหน้าพร้อมกับกล่าวต่อ “ ข้าชอบที่วิธีพูดของเจ้านะ ถ้าอย่างนั้นชี้แนะสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน “

 

พอพูดจบ ผู้คนรอบข้างก็หันมามองดู เยี่ยจงยังคงไม่สนใจเดินออกจากหอฝึกทักษะยุทธ์ มาหยุดตรงด้านหน้าหอ ที่เป็นที่ว่างพร้อมกับยิ้มออกมา จากนั้นจึงหันหน้ากลับไปกล่าว “ เข้ามา “

 

“ เยี่ย …. เยี่ยจงสมองมันไม่ปกติแล้วหรือไง “ นักเรียนที่หอฝึกทักษะยุทธ์ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน อีกทั้งยังขยี้ตาดูว่าใช่เยี่ยจงหรือไม่ เพราะว่ากิริยาที่แสดงออกมานั้นช่างไม่เหมือนเยี่ยจงคนก่อนเลย ตามปกติแล้วจะพยายามหาวิธีหนีเอาตัวรอด เหตุใดถึงอาจหาญกล้าที่จะต่อกรกับเยี่ยหยู่ได้ละ ต้องทราบว่าเยี่ยหยู่นั้นเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ไม่กี่คนที่ฝึกยุทธ์พลังลมปราณจนถึงขั้นก่อเกิดขั้นที่สอง ถึงจะเป็นคนตระกูลเดียวกันก็ตามที หากนำมาเทียบกับขยะของตระกูลนั้นยังถือว่าห่างชั้นกันอยู่มาก มีหรือที่เขาจะสามารถเป็นคู่มือให้เยี่ยหยู่ได้

 

การตอบรับของเยี่ยจงในครั้งนี้ ถึงกับทำให้เยี่ยหยู่ถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ แม้กระทั่งใบหน้าในนี้ก็ยังอยู่ในลักษณะปั่นยากอีกด้วย การที่พวกเขามาในวันนี้นั้นความจริงแล้ว มาเพื่อที่จะเตะตูดเยี่ยจงครานึงเท่านั้น ยิ่งอยากเห็นเยี่ยจงอยู่ในสภาพคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาตามปกติ แต่ไม่ใช่อยากจะเห็นดังที่เป็นอยู่ตอนนี้

 

“ วันนี้เจ้าไม่ได้เตรียมอ้อนวอนพวกข้าหรอกหรือ “ เยี่ยหยู่กล่าวพร้อมหัวเราะที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “ ถ้าหากมีต้องลงมือกันจริงๆละก็ ก็อย่าโทษข้าที่ไม่ได้ออมมือให้ละกัน นายน้อยเยี่ย “

 

“ พวกเจ้าตกลงจะลงมือหรือไม่ลงมือ “ เยี่ยจงขมวดคิ้วด้วยอาการหงุดหงิด เจ้าพวกเด็กน้อยเหล่านี้ทำไมวาจาเหลวไหลมากมายได้ถึงขนาดนี้ พร้อมกล่าวต่อ “ หากเจ้าไม่กล้าพอ ก็เข้ามาพร้อมกันเลยละกัน “

 

“ไม่กล้าพอ ……. “

 

เยี่ยหยู่และพวกรวมสามคนได้พูด “ ชิร์ “ ออกมาพร้อมกัน จากนั้นก็หัวเราะพร้อมกับส่งสายตาให้กัน การที่สถานะต่างกันตั้งแต่เกิด ระหว่าง ญาติและคุณชายนั้น พวกเขานั้นไม่รู้สึกพอใจอยู่แล้ว แต่ทว่าเมื่อก่อนนั้นที่ต้องเกรงใจเยี่ยจงก็เพราะสถานะภายในตระกูล ส่วนมากไม่พอใจต่อหน้าก็เพียงกล่าวอยู่ลับหลัง แต่ตอนนี้นั้นทั้งสถาการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว ทั้งการท้าทายที่แสดงออกมา เยี่ยจงคงต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้น …..

 

“ ลงมือ “

 

คำพูดพอออกมาจากปากเยี่ยหยู่ จากนั้นทั่วทั้งร่างกายก็มีเสียงแปลกประหลาดดังออกมา กล้ามเนื้อเริ่มใหญ่ขึ้น แข็งราวกับเหล็ก อีกทั้งยังเงาวาวสุกใส นี้คือความสามารถเฉพาะของผู้ที่ฝึกกำลังภายในจนถึงขั้นก่อเกิดขั้นที่สอง “ พลังการเสริมพลังกล้ามเนื้อ ”

 

เวลาผ่านไปไม่นาน เยี่ยหยู่ใช้เท้าดีดตัวแรงๆคราเดียว ทั่วทั้งตัวก็พุ่งเข้าไปหาเยี่ยจงในทันที ที่ด้านหลังของเขา พักพวกอีกสองคนที่เป็นคนของบ้านตระกูลเยี่ยด้วยกันก็พุ่งตามเข้ามา การขยับตัวของทั้งสามคนนั้นถือว่าสอดคล้องกันดีทีเดียว

 

รอบข้างนั้นเกิดเสียงร้องต่างๆมากมายเบาๆ ไม่คิดว่าการจะจัดการคนอย่างเยี่ยจงนั้น จำเป็นต้องใช้คนทั้งสามคนที่มีความโดดเด่นเป็นลำดับต้นๆของหมู่บ้านฝึกยุทธ์สายรุ้งมาจัดการด้วยหรือ

 

เยี่ยจงจ้องไปยังเด็กเหลือขอทั้งสาม ยิ้มบริเวณมุมปาก ตนเองนั้นยังต้องการเป้าฝึกซ้อมอีกหลายคนอยู่ หลังจากที่ระดับกำลังภายในถึงขั้นก่อเกิดขั้นที่สามแล้วนั้น ตนเองนั้นมีความแข็งแกร่งแค่ไหนกัน

 

“ เปรี้ยง — — “

 

ก่อนที่ฝ่ามือของเยี่ยหยู่จะมาถึง มีแรงลมจากด้านหลังคอยหนุนเสริม เพื่อเพิ่มความคมของฝ่ามือประดุจดาบเล่มหนึ่ง

 

แรงลมที่หนุนฝ่ามืออยู่ในตอนนี้กำลังมุ่งเข้าที่หน้าอกของเยี่ยจง เยี่ยจงถอยหลังหลังไปครึ่งก้าวพร้อมกับรับฝ่ามือ ร่างกายของเยี่ยจงนั้นไม่ขยับเลยซักนิด เหมือนกับว่ามิได้กระทบถูกหน้าอกเยี่ยจง

 

“ อะไรกัน “

 

ตอนนี้คนที่ดูอยู่รอบข้างต่างแสดงอาการตกใจ ใครจะทราบว่า เจ้าขยะแห่งบ้านตระกูลเยี่ยที่เลื่องลือไปทั่วนั้น จะมีดีอยู่หลายส่วนเช่นกัน

 

จากนั้นร่างกายของเยี่ยจงก็ขยับออกมา ก้าวไปด้านหลังพร้อมกับมุ่งไปยังบุคคลที่อยู่ด้านหลังทั้งสอง จากนั้นยกกระบี่ขึ้นมา

 

“ เช่ง — — “

 

ปลายกระบี่ที่ชี้ไปนั้น ได้แทงไปยังหน้าอกคนทางด้านซ้าย รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดได้เข้าสู่ร่างกายจนคิ้วขมวดเข้าหากัน จากนั้นเยี่ยจงก็ตวัดเท้าขวา จนทำให้อีกฝ่ายล้มลงไปนั่งกองกับพื้น จากนั้นใช้ฝ่ามือเข้าประทับใบหน้าของอีกคนหนึ่ง คนๆนี้โดนกระแทกล้มราวกับลอยอยู่บนอากาศก็มิปาน หลังจากที่ล้มลงในปากมีฟันร่วงออกมาอยู่หลายซี่ ทั้งสองคนนี้มีพลังลมปราณอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นแรกแล้ว แต่พอประมือกับเยี่ยจงนั้น เปรียบเสมือนผู้ใหญ่กำลังรังแกเด็กก็มิปาน

 

เหตุการณ์นี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว บริเวณโดยรอบมีสายตาที่นับไม่ถ้วนกำลังตกตะลึง เจ้าขยะเยี่ยจงเพียงใช้แค่สองกระบวนท่า ก็สามารถจัดการยอดฝีมือรุ่นใหม่ของบ้านตระกูลเยี่ยโดยที่ไร้ทางต่อกรได้

 

เวลาผ่านไปจนกระทั่งนักเรียนรอบข้างได้สติกลับมา ต่างจ้องมองไปที่เยี่ยจงกันตาเป็นมัน ต่างเริ่มคิดแบบเดียวกันว่า จากที่ลือกันว่าเยี่ยจงนั้นเป็นโรคกำลังภายในทั้งหกเส้นไม่ไหลเวียน มีหรือที่จะสามารถเอาชัยจากผู้ฝึกยุทธ์ของลมปราณขั้นก่อเกิดขั้นแรกทั้งสองคนได้ในคราเดียว เกรงว่าเยี่ยจงนั้นอย่างน้อยคงมีกำลังภายในอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่สองแล้ว

 

เวลาผ่านไปไม่นาน ผู้คนยังคงจ้องมองอย่างไม่ละสายตา ในหมู่พวกเขาต่างก็ไม่มีผู้ใดที่มีกำลังภายในอยู่ในระดับนี้

 

“ เยี่ยจง “

 

เสียงตะโกนได้ดังมาจากด้านหลัง เยี่ยหยู่นั้นได้หันกลับมาพุ่งตรงไปยังเยี่ยจง ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความเกียจชัง ความจริงตามแผนการที่เขาวางไว้นั้น แค่ฝ่ามือเดียวก็ควรที่จะให้เจ้าขยะเยี่ยจงลอยได้แล้ว เขานั้นคิดไม่ถึงว่า เยี่ยจงจะมีความสามารถเช่นนี้

 

“ ฝ่ามือแหวกอากาศ “

 

สายตาของเยี่ยหยู่นั้นทอประกายคมกล้า จนในที่สุดเขาก็ใช้ทักษะยุทธ์เข้าโจมตี ในวันนี้ เขาไม่ต้องการที่จะพ่ายแพ้ให้แก่เยี่ยจง

 

ทันใดนั้น ขณะที่มีเสียงแหวกอากาศดังออกมา เยี่ยหยู่ได้เพิ่มความเร็วของฝ่ามือจนถึงขีดสุด ตามด้วยมือขวาที่ประกบเข้ามา จนเห็นเป็นประกายสีเขียวส่องประกาย

 

ผู้คนรอบข้างต่างตกใจจนร้องโอ๊ยออกคำหนึ่ง อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่ายกที่สอง เยี่ยหยู่นั้นได้งัดวิชาก้นหีบออกมาใช้แล้ว

 

ทันใดนั้นเยี่ยจงนั้นก็ได้เงยหน้าขึ้นมา มองไปที่เยี่ยหยู่ที่กำลังตรงเข้ามา มือขวาของเขากำที่กระบี่ ไม่มีการบ่งบอกว่าจะหลบหลีกหรือป้องกันเลย เพียงแต่ชี้กระบี่ไปข้างหน้า

 

“ กระบี่มิหวนคืน “

 

เสียงขานชื่อกระบวนท่าเพียงเบาๆ แต่ทว่าความเร็วของกระบี่นั้นเร็วประดุจสายลม คำรามก้องออกมา

 

“ ชิ้ง — — “

 

หนึ่งกระบี่หนึ่งฝ่ามือได้กระแทกเข้าด้วยกันอย่างแรงจนหมอกควันปกคลุม หลังจาก ฝุ่นควันได้คลายลง ก็พบว่าหน้าตาของเยี่ยหยู่แดงราวกับลูกท้อ จากนั้นร่างกายก็มีอาการสั่นเทา ก้าวถอยหลังอย่างยากลำบาก จากนั้นร่างกายทรุดลงนั่งบนพื้นลงในที่สุด

 

เพียงแค่กระบวนท่าเดียว ก็มีความแตกต่างกันถึงขนาดนี้

 

“ เป็นไปได้ยังไง “ เยี่ยหยู่ได้ก้มศีรษะไปมองที่พื้นพร้อมพูดออกมา ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น ตนเองนั้นได้พ่ายให้กับขยะ ในสายตาของตนนั้นมันไม่ใช่ยิ่งกว่าขยะอีกหรอกหรือ แล้วตนเองควรเป็นอะไร เป็นไม่ได้แม้กระทั่งขยะ

 

“ เป็นไปไม่ได้ “

 

“ เยี่ยหยู่กับพวกทั้งสองคนแพ้แล้ว “

 

“ นั้นใช่เจ้าขยะเยี่ยจงจริงหรือ “

 

นักเรียนที่ดูการประลองอยู่นั้นต่างส่งเสียงตกใจออกมาไม่ขาดสาย ทุกๆคนต่างมีอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มันอยู่นอกเหนือความเป็นจริงจนเกินไป บุคคลที่อยู่ตรงหน้ากับเยี่ยจงเมื่อหลายวันก่อน ช่างแตกต่างกันราวกับเป็นคนละคน

 

ขณะนั้นเอง ผู้เฒ่าที่หอฝึกทักษะได้ยืนมองการประลองอยู่ด้านหน้าทางเข้าหอ สายตาสาดประกายคมกล้า สายตาของผู้เฒ่านั้นแตกต่างจากสายตาของเหล่านักเรียน เพราะฉะนั้นเขาจึงพอจะเดาได้ว่าเด็กน้อยเบื้องหน้านั้นน่าจะมีกำลังภายในอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่สาม —- ขั้นเปลี่ยนผลัดโลหิต แล้ว แต่ทว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องรอง ในตอนที่เด็กน้อยนั้นลงมือ การออกกระบวนท่านั้นช่างเรียบง่าย แต่ก็เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน ราวกับว่ามีการฝึกฝนนับร้อยนับพันครั้งก็มิปาน แม้กระทั่งท่านผู้เฒ่าเองก็ยังไม่สามารถออกกระบวนท่าได้อย่างเยี่ยจง

 

“ นี้จะต้องมีบุคคลอย่างผู้เฒ่าประหลาดที่สอนออกมาก็เป็นได้ “ ผู้เฒ่านั้นได้กล่าวออกมาราวกับต้องการหาสาเหตุกลนัย พอคิดไปคิดมา เขาได้มองไปที่เยี่ยจงและได้มองลึกเข้าไป

 

เยี่ยจงขี้เกียจที่จะสนใจคนรอบข้างที่ยังอยู่ในอาการตกใจ เขานั้นได้เสียเวลาในที่นี้มามากจนเกินพอแล้ว จึงเดินจากมาโดยไม่สนใจใคร

 

หลังจากที่ได้ทดสอบสมรรถภาพของตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เยี่ยจงรู้สึกว่า ตนเองนั้นสมควรที่จะออกไปจากเมืองเจียงโจวนี้แล้ว นั้นก็เพราะว่าการที่จะฝึกฝนลมปราณโบราณนั้นไม่ได้ใช้ทรัพยากรอย่างหินวิญญาณอีกแล้ว ตามความทรงจำของเยี่ยจงนั้น เขาจำได้ว่าทางตอนใต้ของรัฐนี้ เล่าลือว่ามีสิ่งที่เขาต้องการที่ใช้ในการฝึกอยู่ อย่าง โอสถทิพย์ที่สกัดจากรากไม้วิญญาณม่วงนั้นเอง

 

สิ่งที่สำคัญต่อเยี่ยจงในเวลานี้นั้นคือการฝึกยุทธ์ หากเทียบกับเรื่องอื่นๆแล้วละก็ ก็เป็นได้เพียงแค่ลมในอากาศเท่านั้น

 

หลังจากที่ตัดสินใจที่จะจากไปนั้น เยี่ยจงกำลังเตรียมตัวที่จะกลับไปที่พักของเขาเพื่อที่จะเก็บสัมภาระ

 

ในตอนที่จวนจะถึงที่พักแล้วนั้น เยี่ยจงได้ขมวดคิ้วขึ้นมา เขาสัมผัสได้ถึงรังสีฆ่าฟัน รังสีฆ่าฟันชนิดนี้นั้นเป็นครั้งแรกที่สัมผัสได้ ตั้งแต่ที่เขากลับชาติมาเกิด

 

“ มาจนได้สินะ บ้านตระกูลเยี่ย บ้านตระกูลซู หรือว่าจะเป็นคนอื่น “

 

เขาสัมผัสบางอย่างได้ในที่สุด ทว่าเยี่ยจงก็ยังแสดงปฏิกิริยาใดๆ ยังคงเดินอย่างไม่รีบไม่ร้อนมุ่งไปยังที่พักของตน

 

“ ท่านคือนายน้อยเยี่ยสินะ “

 

ในตอนที่เยี่ยจงกำลังจะเดินเข้าสู่ลานบ้านนั้นเอง ทันใดนั้นมีชายสองคนสวมชุดคลุมเดินออกมาจากมุมกำแพง คนหนึ่งอยู่ด้านหน้า คนหนึ่งอยู่ด้านหลัง ประจวบประกบปิดเส้นทางหลบหนีพอดี บุรุษทั้งสองคนนั้นคงจะเป็นบุคคลที่แผ่รังสีการฆ่าฟันออกมาเมื่อสักครู่นั้นเอง พวกเขาคงรอเยี่ยจงกลับมานานอยู่เหมือนกัน ……………………

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset