เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 024 เทือกเขาชิงเสียน

เทือกเขาชิงเสียน

 

วันต่อมา

 

ในช่วงเวลายามเช้าผ่านพ้นไปไม่นาน ท่ามกลางเขตชิงซานก็ได้มีข่าวลือแพร่สะพัด กล่าวว่าเหล่าคนของตระกูลซ่ง โดยมีแก่นนำคือซ่งเซ้าเฉิง ได้เดินทางออกจากเขตชิงซานตั้งแต่มืดค่ำ รีบเร่งมุ่งไปทางตอนใต้ของเขตชิงซานหรือก็คือเทือกเขาชิงเสียน ( เทือกเขาเขียวขจีลี้ลับ )

 

เทือกเขาชิงเสียนคือเทือกเขาอันดับแรกของเส้นแบ่งกั้นระหว่างรัฐต้าโจวและหนานเจียง มีเส้นทางที่กว้างขวางยาวติดกันนับพันลี้ อีกทั้งอารามก่อฟ้าที่ล้ำลือกันนั้น หรือพูดอีกอย่างก็คืออยู่ท่ามกลางเทือกเขาชิงเสียนนั้นเอง

 

เขตชิงซานนั้น เป็นเพียงแค่หนทางเข้าสู่เทือกเขาชิงเสียน

 

นอกจากพื้นที่ส่วนนอกของอารามก่อฟ้าที่ล้ำลือ จุดศูนย์กลางเขาชิงเสียน ที่เล่าขานกันว่ามียาวิเศษเติบโตอยู่นับไม่ถ้วน แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีสัตว์อสูรมากมายบริเวณด้านในเทือกเขา อันตรายมากมายนานัปการ ปกติจะมีเหล่านักสู้รวมกลุ่มกันเข้าสู่เทือกเขาชิงเสียนจะได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตไปแล้วหลายราย แต่ว่าในวันนี้ มีกลุ่มคนมากมายได้มุ่งหน้าสู่เทือกเขาชิงซานอย่างไม่ขาดสาย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว หากว่าตนเองเดินทางช้าแม้เพียงนิดเดียวแล้วละก็ ถ้าอย่างนั้นสมบัติแห่งอารามก่อฟ้าก็เหมือนตกอยู่ในมือของผู้อื่นก็มิปาน

 

เยี่ยจงและซูหยี่ทั้งสองยืนอยู่บนบริเวณกำแพงเมือง มองไปยังเบื้องหน้า หลังจากที่ทั้งสองมองเสร็จแล้วก็ส่ายหัวอย่างพร้อมเพรียง เยี่ยจงพอจะเดาเหตุการณ์ของฉากเบื้องหน้าได้ตั้งแต่แรก ดังนั้นจึงแค่ถอนหายใจ แต่ซูหยี่นั้นเอาแต่กัดฟันไปมา เรื่องราวได้เกิดขึ้นถึงขั้นนี้แล้ว ความยากของภารกิจสำนักนี้ มันมากเกินกว่าที่คาดคิดไว้มาก

 

“ พวกเราก็รีบไปกันเถอะ ตอนนี้มีคนมากมายในมือต่างก็มีแผนที่ ถ้าหากยังชักช้าอยู่ละก็ คงไม่เหลืออะไรให้พวกเราแล้วละ “ หลังจากที่ซูหยี่กัดฟัน ใบหน้าได้ค่อยๆเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นขึ้นมาหลายส่วน จากนั้นก็กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา

 

เงียบอยู่ชั่วครู่ ในเมื่อเยี่ยจงก็ไม่มีความเห็นเป็นอื่น ได้เพียงแค่พยักหน้าตอบรับ

 

หลังจากนั้น ทั้งสองก็ได้กระโดดลงจากกำแพงเมือง แต่ก็มิได้มุ่งเข้าไปยังท่ามกลางเหล่าฝูงชน เพียงแต่มุ่งหน้าเหินสู่ฝั่งรอยต่อบริเวณเทือกเขาชิงเสียนด้วยความรวดเร็ว

 

ระหว่างทาง ความจริงกลุ่มคนในฝูงชนต่างก็มุ่งเดินทางเข้าสู่เทือกเข้าชิงเสียนเช่นเดียวกัน ถึงแม้จะเดินแตกกระจายเป็นกลุ่มๆอยู่มากมาย แต่ความจริงก็เป็นล้วนแล้วผู้มีฝีมือมากมายที่มีความสนใจต่ออารามก่อฟ้าเหมือนกัน ทว่าหากเทียบกับอาณาบริเวณของเทือกเขาชิงเสียน ด้านจำนวนคนมากมายเหล่านี้ก็ยังไม่นับว่าเป็นอย่างไร

 

“ ซวบ —— ”

 

หลังจากที่รีบเร่งเดินทางถึงครึ่งวันเพื่อเข้าสู่เทือกเขาชิงเสียน ทางด้านหน้าบริเวณเทือกเขา ในตอนนี้จะพบเห็นว่ามีฝูงชนอัดแน่นราวๆพันคน

 

“ ตรงนี้ควรจะเป็นเส้นทางสู่การเข้าอารามก่อฟ้าสิ เกิดอะไรขึ้นกัน “ ซูหยี่ขมวดคิ้ว มองไปทางด้านหน้าแล้วเอ่ยปากออกมา

 

“ ไปดูกันเถอะ “ ใบหน้าเยี่ยจงมิได้เปลี่ยนแปลงไปมากมายนัก เพียงแค่โบกมือไปมา จากนั้นร่างของทั้งสองก็เหินเข้าไปอย่างรวดเร็วแต่ก็มิได้เข้าสู่ท่ามกลางผู้คน เพียงแค่มุ่งไปทางด้านหน้าเพียงอย่างเดียว

 

บริเวณทางด้านหน้า ตรงทางเข้าเทือกเขาชิงเสียนได้ถูกปิดล้อมไปด้วยคนกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งบริเวณด้านข้างของทางด้านหน้ายังเป็นหน้าผาของภูเขา ในตอนนี้ มีกลุ่มคนสวมชุดนักบู้สีดำเกาะกลุ่มรวมกัน เหล่ากลุ่มคนน่าจะมีประมาณเกือบร้อยคน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะแค่เจตนายืนอยู่ตรงนั้น แต่ก็เห็นได้ชัดมาก ว่าถ้าหากต้องการที่จะเข้าสู่เทือกเขาชิงเสียน ยังไงก็ต้องผ่านด่านนี้ของพวกเขา

 

“ นี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน “ เยี่ยจงมองไปบริเวณทางด้านหน้า ขมวดคิ้วไปมา กลุ่มคนเหล่านี้ได้ปล่อยกลิ่นอายบางอย่างจนทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจ เป็นที่ชัดเจนว่า ไม่ใช่ผู้ที่มีฝีมือธรรมดาอย่างแน่นอน

 

“ นี้คงมิใช่ยอดฝีมือแห่งรัฐต้าโจวของพวกเราหรอกนะ หรืออาจจะเป็นผู้ที่มาจากบริเวณใกล้เคียงของรัฐต้าโจวกัน “ หลังจากที่ซูหยี่กวาดสายตามองสำรวจกลุ่มคนบริเวณด้านหน้ารอบหนึ่ง ก็ได้เอ่ยปากกล่าวอย่างนักแน่นอยู่หลายส่วน

 

หลังจากนิ่งเงียบ สายตาของเยี่ยจงก็จ้องมองไปทางด้านนั้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหนักแน่น คนเหล่านี้แม้จะมาจากที่อื่นนอกเหนือจากรัฐต้าโจว แต่ถ้าหากมีความกล้าที่จะทำเรื่องเช่นนี้แล้วละก็ งั้นก็เป็นอะไรที่อธิบายได้ว่าง่ายๆ ว่าพวกเขานั้นคงมีไพ่ตายไว้ในมืออยู่เช่นกัน

 

“ เหอะ ทุกท่าน “ ท่ามกลางกลุ่มคนที่สวมชุดดำ ทันใดนั้นชายหนุ่มผอมแห้งก้าวไปออกมา จากนั้นกวาดสายตาสำรวจรอบหนึ่งด้วยความเย้ยหยันมองไปกลุ่มคนนับพันคนทางด้านหน้า จากนั้นก็กล่าวดังๆ “ วันนี้ที่พวกเรามาปิดทางเข้า ก็ไม่ใช่ไม่มีเป้าหมาย เพียงแต่ว่าท่านผู้นำตระกูลของพวกเราเพียงต้องการที่จะรวบรวมแผนที่อารามซักสิบชิ้นเพื่อนำไปศึกษาดู อีกทั้งในเวลานี้พวกเราก็ไม่รู้ว่าจะไปหาจากที่ใดได้ ดังนั้น จึงทำได้เพียงสร้างความลำบากให้ทุกท่านแล้ว “

 

“ ขอเพียงทุกท่านมอบแผนที่ทางเข้าอารามสิบชิ้น เช่นนั้นพวกเราก็จะหลีกทางให้เอง แต่ถ้าหากว่าไม่ส่งมอบออกมาแล้วละก็ เกรงว่า ทุกคนคงจะต้องถูกรั้งไว้อยู่ในที่แห่งนี้ด้วยกันแล้วละ “

 

จากนั้นชายหนุ่มก็แสดงอาการยิ้มเยาะชอบใจออกมา รอบด้านในตอนนี้ต่างมีการส่งเสียงไม่พอใจออกมา

 

“ พวกเจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร ? ถึงกล้ามาบังอาจมาปิดทางเช่นนี้ ? “

 

“ พวกเรามีคนมากมายถึงเพียงนี้ เพียงถมน้ำลายคนละทีก็สามารถทำให้พวกเจ้าจมน้ำตายได้แล้ว อยากได้แผนที่ทางเข้าอารามสิบชิ้น พวกเจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครกัน ? “

 

“ ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ “

 

เสียงไม่พอใจถูกล่าวออกมาอย่างไม่ขาดสาย ทว่า ก็ทำได้แค่ส่งเสียงออกมา ในกลุ่มคนเกือบพันคน ความจริงมีทั้งเหล่ายอดฝีมือต่างๆและเหล่าตระกูลมากมาย ในเวลานี้ ยังไม่มีผู้ใดคิดจะออกหน้า ความจริงทุกคนล้วนแล้วแต่คิดไว้ว่าจะออมแรงเพื่อที่จะเข้าไปแย่งชิงสมบัติในอารามก่อฟ้า อีกทั้ง กลุ่มคนเหล่านี้ที่มีแผนที่อยู่ ก็ไม่ใช่มีอย่างมากมาย ดูเหมือนว่าคนมากมายเหล่านี้ ต่างก็ไม่อยากที่จะเสียแรงเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย

 

“ เหอะ หากว่าผู้ใดมีข้อคิดเห็นแล้วละก็ โปรดเดินออกมาทางด้านหน้า พวกเราตระกูลเหร่ย(雷家 อัสนี)แห่งรัฐเหร่ยเทียน(雷天王朝) จะทำให้ผู้นั้นรู้ซึ้งถึงจุดยืนของพวกเราเอง “ ชายหนุ่มผอมแห้งแสดงสีหน้ายิ้มแย้มออกมา ทว่าในระหว่างที่เขาค่อยๆมองสำรวจอยู่นั้น ก็ยังไม่เห็นผู้ใดที่มีความกล้าก้าวออกมา

 

“ รัฐเหร่ยเทียน “ หลังจากได้ยินนามนี้แล้ว เยี่ยจงก็นึกขึ้นได้ รัฐเหร่ยเทียนหวังเป็นรัฐที่อยู่ใกล้เคียงกับรัฐต้าโจวอีกทั้งยังถือว่ามีความแข็งแกร่งอยู่มากด้วยเช่นกัน ความจริงแล้วอาจจะแข็งแกร่งกว่ารัฐต้าโจวแล้วก็เป็นได้ ทั้งยังเป็นตระกูลเหร่ยแห่งรัฐเหร่ยเทียน ที่เป็นเหมือนดั่งหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่แห่งรัฐต้าโจวเช่นเดียวกัน ความแข็งแกร่งนั้นมิได้ด้อยกว่าเลยแม้แต่น้อย

 

“ ตอนนี้พวกเราจะเอายังไงดี ? “ ซูหยี่กวาดตาสำรวจไปรอบบริเวณ พบว่าเหล่าผู้คนเกือบพันคนดูเหมือนจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วกล่าว

 

“ ยังมีทางเข้าอื่นที่จะเข้าไปยังเทือกเขาชิงเสียนได้อีกหรือไม่ ? “ เยี่ยจงเอ่ยปากถาม

 

“ มันก็มีอยู่หรอก แต่ว่าต้องอ้อมไปรอบหนึ่งแล้วละก็ อย่างน้อยคงต้องเสียเวลาอีกราวๆครึ่งเดือนได้ อีกทั้งไม่แน่ว่าพอไปถึงสมบัติคงถูกผู้อื่นเก็บกวาดไปจนไม่เหลืออย่างแน่นอน “ ซูหยี่ถอนหายใจแล้วตอบ

 

“ ถ้าอย่างนั้นก็เหลือเพียงแค่เส้นทางนี้สินะ “ สายตาของเยี่ยจงพอดีมองสำรวจไปยังกลุ่มคนชุดดำที่มีราวๆเกือบร้อยคน จากนั้นก็ยิ้มออกมา

 

“ น้องเล็กเยี่ยจง เจ้าคงมิได้เตรียมตัวที่จะทำบางอย่างหรอกนะ ? “ ดูจากรอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยจง ซูหยี่ก็พอจะเดาได้จากลักษณะนิสัยของเยี่ยจง นิสัยของเขาเช่นนี้ คงไม่หยี่ระความน่ารำคาญเบื้องหน้า คงจะต้องไปเบิกทางด้านหน้าแล้วละ

 

“ ไปกันเถอะ “ เยี่ยจงหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นก็ปลดชุดคลุมดำบนร่างโยนออกไป ค่อยๆก้าวไปทางด้านหน้า ความจริงที่ปกปิดฐานะนั้น ก็เพื่อที่จะแอบสืบหาข้อมูล ตอนนี้เพื่อที่จะเข้าสู่เทือกเขาชิงเสียนอย่างเปิดเผย ในเมื่อมิมีความจำเป็นที่จะต้องปกปิดฐานะแล้ว หากนับจากลักษณะนิสัยของเยี่ยจง คงไม่อยากที่จะเสียเวลากับความยุ่งยากเพียงเล็กน้อย ถ้าไม่ไปเบิกทางก็คงรอคอยหาโอกาสแทน ยังไงซะยอดฝีมือที่แท้จริง เส้นทางเบื้องหน้าก็ต้องให้ตนเองเปิดเอง

 

หลังจากพบเห็นการกระทำของเยี่ยจง ซูหยี่ก็ได้แต่ถอนหายใจ ปลดผ้าคลุมดำโยนออกมาไปจากร่าง ก้าวตามออกไปทางด้านหลัง

 

เวลาผ่านไปครู่เดียว สายตาของรอบบริเวณต่างมองไปยังร่างของเยี่ยจงและซูหยี่ทั้งสองคน ในเวลาต่อมา ในกลุ่มคนนับพันคน มีคนไม่น้อยที่จดจำซูหยี่และเยี่ยจงทั้งสองได้

 

“ นี้มิใช่เจ้าเด็กน้อยทั้งสองที่ลงมือเก็บกวาดบริเวณด้านหน้าประตูเมืองเมื่อวันก่อนหรอกหรือ ? “

 

“ นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้ก็ยังเป็นเด็กน้อยทั้งสอง พวกเขาที่แท้มาจากที่ใดกัน ? “ มีผู้คนไม่น้อยที่พยายามคาดเดา หากเป็นยอดฝีมือและตระกูลต่างๆ แน่นอนว่าคงมิอาจจะชุบเลี้ยงบุคคลเช่นนี้ออกมาได้ ถ้าเป็นยอดฝีมือธรรมดาพบเจอกลุ่มคนชุดดำทางด้านหน้าเกือบร้อยคนแล้วละก็ กว่าครึ่งคงรู้สึกคันที่หนังศีรษะอยู่บ้าง คงมิมีความกล้าที่จะเดินออกไปเบื้องหน้าหรอก

 

“ เหอะ เหอะ ดีมาก “ ชายหนุ่มผอมแห้งมองไปยังเยี่ยจง สายตาทอประกายวูบวาบ สายตาที่มองไปของเขาก็ยังมองไม่ออกว่าเยี่ยจงต้องการที่จะทำอันใด แต่ก็ไม่คิดมากความ เขาเป็นยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า “ สหายผู้นี้นับว่าฉลาดไม่เบา รู้ว่าหากยืดยื้อต่อไปคงไม่ส่งผลดีอันใด เพียงส่งมอบแผนที่ทางเข้าอารามออกมา พวกเจ้าก็จะสามารถผ่านเข้าไปได้ “

 

เยี่ยจงหยุดเท้าห่างจากชายหนุ่มผอมแห่งไม่ถึงสิบก้าว เขาเงยหน้ามองไปยังนัยน์ตาของชายหนุ่มผอมแห้ง จากนั้นก็กวาดตาสำรวจไปยังด้านกลุ่มคนชุดดำทางด้านหลัง แม้จะไม่รู้ว่า กลุ่มคนชุดดำทางด้านหลังนั้นมีความแข็งแกร่งถึงระดับใด ทว่า หลังจากที่มองไปยังนัยน์ตาของชายหนุ่มผอมแห้งนั้นก็ทราบได้ว่าเขามีกำลังภายในอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่ ส่วนกลุ่มคนที่เหลือเกือบร้อยคนนั้น ส่วนมากต่างก็อยู่ในระดับขั้นก่อเกิดขั้นที่สาม จากที่ดูโดยคร่าวๆ ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมแล้ว ถ้าหากมิใช่พบเจอบุคคลที่เป็นยอดฝีมือที่แท้จริงแล้วละก็ การเดินไปเดินมาภายในพื้นที่บริเวณเทือกเขาชิงเสียนก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาอันใด

 

หลังจากมองสำรวจอยู่รอบหนึ่ง เยี่ยจงก็หยุดสายตาไปยังชายหนุ่มผอมแห้ง กล่าวอย่างตั้งอกตั้งใจ “ อยากได้แผนที่ทางเข้าอาราม ก็ไปเอากับกลุ่มคนทางด้านหลังละกัน ตอนนี้อย่ามาขวางทางเดินของข้า คนระดับอย่างพวกเจ้า ไม่นับว่าคณามือข้าหรอก “

 

“ เหอะ —— ”

 

ชายหนุ่มผอมแห้งส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเงียบงัน คนชุดดำทางด้านหลังของเขาต่างก็แสยะยิ้มออกมาอย่างเยียบเย็น ในสายตาของพวกเขา การกระทำของเยี่ยจงก็เป็นเหมือนดังเรื่องตลกขบขัน พวกเขามองออกอย่างทะลุปรุโปร่งถึงพลังฝีมือของเยี่ยจง พลังฝีมือในขั้นก่อเกิดขั้นที่สามยังมิอาจเป็นไรได้ แต่ว่าหญิงสาวทางด้านหลังของเขานั้นคงสามารถสร้างความน่ารำคาญได้อยู่บ้าง แต่ว่าในสายตาของพวกเขา ก็ยังไม่นับเป็นอะไรได้มากนัก หากมิใช่มีความมั่นใจจริง พวกเขาก็คงไม่กระทำเรื่องราวเช่นนี้

 

“ เจ้าหนู พวกข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ส่งมอบแผนที่ทางเข้าอารามออกมา เช่นนั้นเจ้ายังถือว่ามีโอกาสในการมีชีวิตต่อไป ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วละก็ พวกข้าจะถือโอกาสเชือดไก่ให้ลิงดู “ ชายหนุ่มผอมแห้งยิ้มกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น หลังจากกล่าวจบ เขาก็กล่าวเท้าออกไป บนร่างปกคลุมไปด้วยรังสีฆ่าฟัน

 

หลังจากที่เขาเคลื่อนไหว กลุ่มคนชุดดำทางด้านหลังต่างก็ชักดาบกระบี่ออกมาในเวลาเดียวกัน สายตานั้นเต็มไปด้วยความต้องการฆ่าฟัน เป็นที่ชัดเจนว่า ไม่ต้องรอให้มีคำสั่งใดๆ พวกเขาก็เตรียมพร้อมที่จะลงมือแล้ว

 

พบลักษณะของพวกเขาที่เตรียมเปี่ยมไปด้วยรังสีฆ่าฟัน เยี่ยจงก็ถอนหายใจคำหนึ่ง ตะโกนดังออกไป “ ศิษย์พี่ซูหยี่ เจ้าคนนี้สามารถสร้างความน่ารำคาญได้อยู่หลายส่วน ท่านก็ยื้อเขาก่อนละกัน หลังจากจัดการเจ้าพวกขยะทางด้านหลังเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับมาเก็บกวาดเขาเอง “

 

หลังจากกล่าวจบ เยี่ยจงก็พลิกมือคราหนึ่ง กระบี่เงินสีเขียวยาวด้ามหนึ่งก็ได้ออกมายังบริเวณใจกลางฝ่ามือ หลังจากที่ร่างของเขาเคลื่อนไหว ก็บรรลุถึงบริเวณที่ของกลุ่มคนชุดดำนับร้อยอยู่ อีกทั้งชายหนุ่มผอมแห้งนั้น มิได้อยู่สายตาของเขาด้วยซ้ำ

 

“ หาที่ตาย “

 

ชายหนุ่มผอมแห้งร้องออกมาด้วยความดุดัน พลังฝีมือของเขานั้น เป็นอะไรที่ถือว่าไม่ง่ายที่จะต่อกร ยิ่งไม่ต้องนับว่าเจ้าเด็กน้อยนั้นไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ทันทีที่เขาก้าวเท้าออกไป กรงเล็บในมือก็กวาดไปทางด้านหน้า ก่อเกิดสายลมคมกล้ามุ่งไปทางบริเวณลำคอของเยี่ยจง

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset