เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 045 สวรรค์เก้าชั้นและประตูก่อฟ้า

ตอนที่ 045 สวรรค์เก้าชั้นและประตูก่อฟ้า

 

ท่ามกลางสถานที่ที่อัดแน่นไปด้วยแรงกดดันอันแข็งแกร่งเช่นนี้ เยี่ยจงจ้องมองลงไปไปด้วยใบหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม เซียงฉียวี่และพวกทั้งรวมสามคนต่างก็แสดงสีหน้าอันประหลาดพิกล

 

เห็นได้ชัดว่า หลังจากที่ผ่านพ้นไปแล้วสองครั้ง เซียงฉียวี่และโหยวซือหลิงทั้งสองคนต่างก็ตัดสินใจที่จะถอนตัวแล้ว ในพลังฝีมือของพวกนางนี้ การที่ก้าวมาจนถึงขั้นนี้ได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว การที่จะถอนตัวในเวลานี้ ก็มิอาจมีใครว่ากล่าวพวกนางได้ แต่ว่าเป้าหมายของชวีเซวียนที่มายังศาลาสดับแห่งนี้ ก็เพื่อที่จะนำเอาป้ายก่อฟ้า หากว่าเยี่ยจงคาดเดาได้ไม่ผิดแล้วละก็ นางมีความต้องการที่จะขึ้นไปปีนสวรรค์เก้าชั้นด้วยเช่นกัน เข้าสู่ประตูก่อฟ้า แย่งชิงคัมภีร์อารามก่อฟ้าในตำนาน

 

หลังจากที่เงียบงันเช่นนี้อยู่ครู่หนึ่ง ชวีเซวียนก็ค่อยเงยศีรษะขึ้นมามองไปทางเยี่ยจง จากนั้นก็หันกลับไปมองและกล่าวกับเซียงฉียวี่และโหยวซือหลิง ด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ ฉียวี่ ซือหลิง เรื่องราวต่อจากนี้ก็ให้ข้าจัดการคนเดียวก็พอแล้ว พวกเจ้าทั้งสองนำสิ่งของกลับไปก่อน ไม่จำเป็นที่จะต้องมารับอันตรายแทนข้าแล้วละ “

 

“ ไม่ได้ หากให้เจ้าไปคนเดียวแล้วละก็ พวกเราไม่วางใจ อีกทั้งในสถานที่เช่นนี้ ต่อให้เป็นเหล่าศิษย์พี่ของลัทธิแห่งดวงดาวของพวกเราก็ใช่ว่าจะสามารถเป็นที่พึ่งพิงได้ ในมือเจ้ายังมีสมบัติล้ำค่าอยู่ ไม่แน่ว่าจะแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นดึงดูดผู้คนเข้ามาแย่งชิง ดังนั้น ยังไงพวกเราทั้งสองคนก็จะไปพร้อมกับเจ้า ตายก็ตายไปด้วยกัน “ จากนั้นเซียงฉียวี่และโหยวซือหลิงสบตากัน ต่างก็กล่าวออกมาโดยพร้อมเพรียงด้วยสีหน้าที่จริงจัง

 

“ พวกเจ้าอย่าได้ทำเช่นนี้ พวกเจ้าตามข้าไปแล้ว ข้าไม่อาจมั่นใจในความปลอดภัยของพวกเจ้าได้นะ “ ชวีเซวียนขมวดคิ้วไปมาแล้วกล่าว “ พวกเจ้าไม่ว่าจะยังไงก็ฟังข้าเถอะ ดีไหม ? “

 

“ อิอิ แม่นางน้อย เจ้ามาจนถึงขั้นนี้แล้วยังจะสะบัดพวกเราทิ้งอีกหรอ เกรงว่าจะไม่ง่ายดายเช่นนั้นหรอก ข้ามิใช่ว่าได้ครอบครองศาสตราวุธระดับกลางถึงสองชิ้นหรอกหรือ ? มีของพวกนี้ พวกเราก็มิต้องไปเกรงกลัวเจ้าเด็กน้อยเหล่านั้นแล้ว เชอะเชอะ …… “ เซียงฉียวี่ยกมือไปจับที่บริเวณส่วนเอวอันอ้อนแอ้นของซวีเซวียน หัวเราะคิกคักออกมาแล้วกล่าว เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าซวีเซวียนจะกล่าวออกมาเช่นไร เซียงฉียวี่และโหยวซือหลิงสองสาวก็มิอาจเตรียมพร้อมที่จากไปในเวลานี้ได้

 

หลังจากที่มองดูสามสาวเบื้องหน้าแล้ว เยี่ยจงก็อดไม่ได้ที่จะโบกมือสะบัดอยู่ด้านหน้าจมูก พวกนางทำเช่นนี้ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ดูให้ตนเองดูเหมือนกับคนเลวก็มิปาน

 

หลังจากที่ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง เยี่ยจงก็หัวเราะคิดออกมาด้วยเสียงหนึ่งแล้วกล่าว “ เอาละ พวกเจ้าทั้งสามไม่ต้องเกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมาแล้ว ข้าพอที่จะพาพวกเจ้าทั้งสามไปยังส่วนลึกได้อยู่ เพียงแต่ว่า หากต้องเข้าไปแก่งแย่งภายในสวรรค์เก้าชั้น ก็ต้องดูที่ตัวของพวกเจ้าเองแล้วละ ในข้อนี้ข้าไม่อาจที่จะสามารถช่วยพวกเจ้าได้ อีกทั้งยัง หากว่าในตอนแย่งชิงล้มเหลวแล้วละก็ ก็ต้องรีบถอนตัวเลยนะ ส่วนเหตุผลพวกเจ้าก็คงจะเข้าใจดี เหล่าผู้คนที่จะมุ่งหน้าสู่อารามก่อฟ้าในตำนานไป ใช่ว่าจะสามารถพูดดีดีด้วยได้ซักคน “

 

หลังจากเงียบงัน โหยวซือหลิงก็มองไปที่เยี่ยจงด้วยสายตาอันแปลกพิศดาน พอเวลาผ่านไปซักพักก็ค่อยพยักหน้าอยู่หลายครา เห็นได้ชัดว่า หากมีเยี่ยจงอยู่ข้างกาย พวกนางก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าเยี่ยจงนั้นถือว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดาสามัญ

 

จากที่ฟังเยี่ยจงกล่าวมานั้น เซียงฉียวี่ก็ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ ดวงตาทอเป็นประกายเจ้าเล่ย์ออกมาคราหนึ่ง เมื่อเยี่ยจงพบเห็นก็อดไม่ได้ที่จะต้องถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง ถึงแม้ว่าเมื่อครู่จะเห็นได้ชัดว่าพวกนางนั้นกำลังแสดงละครกัน แต่ว่าในเมื่อเรื่องราวดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ตนเองก็คงมิอาจที่จะมองดูอย่างเฉยๆให้พวกนางไปตายอย่างช่วยไม่ได้ได้ ?

 

“ ถ้าหากไม่มีคำถามอะไรอีกแล้วละก็ พวกเราก็ต้องวางแผนการกันแล้ว นั้นเพราะว่าศาลาสดับฟัง พวกเราได้เสียเวลาในที่แห่งนี้มามากพอแล้ว หากว่ายังชักช้าอีกละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะพลาดโอกาสในการเข้าไปแย่งชิงภายในอารามก่อฟ้าในตำนานได้ “ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอีกหนึ่งครั้ง เยี่ยจงก็ค่อยโบกมือไปมา จากนั้นก็เดินออกมากจากศาลาสดับฟัง

 

ต่อมาคนทั้งสี่ก็มิได้เสียเวลามากมายนัก ทั้งยังเตรียมตัวและจดจำเส้นทางตามแผนที่เข้าอาราม ทำให้สามารถเพื่อความรวดเร็วในการเดินทางได้มากยิ่งขึ้น เหินบินมุ่งหน้าไปยังบริเวณทางเข้าของสวรรค์เก้าชั้นไป

 

ในระหว่างทางนั้นเอง ถึงแม้จะได้ยินเสียงดาบกระบี่เป็นครั้งคราว อีกทั้งยังมีเสียงดังของการต่อสู้ ทว่าทั้งสี่ก็เหมือนราวกับมิได้ยินอันใด อีกทั้งตลอดการเดินทางยังไม่มีการหยุดพัก ในตอนนี้ ก็ได้พลิกแผนที่เข้าอารามออกมาก็เป้าหมาย จากนั้นคำนวณคาดเดาเวลาที่จะต้องใช้อยู่ราวครึ่งวันในการเดินทาง ในที่สุดทั่วทั้งสี่ทิศที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าก็ได้หายสาบสูญไป อีกทั้งทั่วทั้งสี่ทิศที่เคยปรากฏอารามขนาดใหญ่เป็นครั้งคราว ก็มิอาจพบเห็นได้อีกต่อไป

 

จากนั้น บริเวณทางด้านที่อันไกลโพ้น ก็จะพบกับลานกว้างขนาดใหญ่สีขาวแห่งหนึ่ง บริเวณใจกลางของลานกว้างนั้น ได้มีอาคารขนาดใหญ่ที่ถูกบดบังไปด้วยเมฆ แต่ทว่าในส่วนกลางของอาคารขนาดใหญ่แห่งนี้นั้นทำให้ผู้คนมิอาจจะเห็นได้อย่างชัดเจนนัก นั้นก็เพราะมีประตูหยกขาวที่กั้นอยู่ระหว่างกลางค่อยปิดบังไว้อยู่ ผู้คนต่างก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน

 

อีกทั้งบริเวณทางด้านหน้านั้น ก็ได้มีบันไดหินเก้าขั้นยื่นออกมา บันไดหินที่ยื่นออกมานั้นได้ใช้วัสดุที่เหมือนกับประตูหยกขาวที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้า เป็นดั่งฉากที่ดูลี้ลับและตระการตาเป็นอย่างที่สุด

 

เห็นได้ชัดว่า อาคารขนาดใหญ่ที่ถูกเมฆบดบังแห่งนี้ น่าจะเป็นสถานที่สำคัญที่สุดของเขตอารามก่อฟ้า สถานที่ตามตำนาน อีกทั้งยังมีประตูหยกเขานั้น น่าจะเป็นประตูก่อฟ้า อีกทั้งบันไดหินเก้าขั้นนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นสวรรค์เก้าชั้น

 

ในตอนนี้ บริเวณด้านหน้าลานกว้างขนาดใหญ่ของสวรรค์เก้าชั้น ก็ได้ปรากฏเงาร่างของผู้คนจำนวนมาก

 

เงาร่างของคนเหล่านี้บนร่างแต่ละคนต่างอัดแน่นไปด้วยพลังลมปราณ เพียงแค่ยืนอยู่ด้านนั้น บนร่างต่างก็ค่อยๆกระจายพลังอันแข็งแกร่งออกมาจนถึงขีดสุด อีกทั้งการรวมตัวกันของเหล่ายอดฝีมือมากมาย เป็นดั่งความแข็งแกร่งที่สามารถพลิกฟ้าดินได้เลย

 

ในที่แห่งนี้ เป็นดั่งจุดรวมพลของเหล่ายอดฝีมือ

 

เยี่ยจงและคณะรวมสี่คงเริ่มลดความเร็วลง จากนั้นเยี่ยจงก็มองไปยังบริเวณทางด้าน นัยน์ตาอดไม่ได้ที่จะแสดงถึงความตกใจออกมาหลายส่วน คิดไม่ถึงว่า มือเท้าของเจ้าพวกเด็กน้อยเหล่านี้ยังถือว่ารวดเร็วเสียจริง เห็นได้ชัดว่า เหล่าผู้ที่ทราบเรื่องราวตามตำนาน สวรรค์เก้าชั้น ประตูก่อฟ้า สมควรมีไม่น้อย

 

ในตอนที่เยี่ยจงและคณะทั้งสี่คนได้มาถึงก็พบเห็นคนกลึ่มหนึ่งอยู่ทางด้านบริเวณของหัวมุมมุมหนึ่ง เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที ก็เพราะว่าเขาตรวจสอบพบว่า มีรังสีการฆ่าฟันแผ่ออกมาสายหนึ่งได้มุ่งเป้าที่ยังเขา

 

ความรู้สึกขนลุกชันของรังสีการฆ่าฟันเช่นนี้ เยี่ยจงมองไปโดยรอบ จากนั้นก็พบว่าในบริเวณไม่ไกลมากนัก มีการรวมกลุ่มกันคนประมาณสิบคนในตอนนี้ อีกทั้งบนร่างกายของคนเหล่านี้ต่างก็สวมชุดฝึกยุทธ์สีดำทมิฬ อีกทั้งบริเวณที่อยู่ด้านหน้าสุดนั้น ก็คือม่อฝานที่กำลังบีบนวดบอลกระดูกสองชิ้นอยู่นั้นเอง

 

เยี่ยจงพบว่าในตอนนี้นัยน์ตาของม่อฝานหลงได้ปรากฏความน่ากลัวและตกใจในเวลาเดียวกันเหมือนกับพบเห็นความผิดพลาดในเวลานี้ เขาได้แต่เพียงหัวเราะเสียงดังออกมา ดูเหมือนว่า ศัตรูมักจะอยู่ในทางคับแคบ

 

จากที่พบเห็นรอยยิ้มของเยี่ยจง นัยน์ตาของม่อฝานหลงผู้นี้ก็ได้ปรากฏถึงความรังเกียจออกมา ถึงแม้เข้าจะคิดไม่ถึง ในการวางแผนของเขา เยี่ยจงไม่สมควรที่จะมีชีวิตแล้วมายังในที่แห่งนี้ได้ แต่ว่าข้อนี้ก็บอกเขาได้ว่า อะไรก็ไม่สำคัญ สิ่งที่เขาต้องทำ ก็คือฆ่าเยี่ยจงในที่แห่งนี้ก็สิ้นเรื่อง

 

วินาทีต่อมา ม่อฝานหลงก็ได้ก้าวออกมา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ทั้งยังสะท้อนอยู่ภายในลานกว้างแห่งนี้ขึ้นมา “ เยี่ยจง เจ้าในเมื่อยังไม่ตาย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย แต่ทว่า ครั้งที่แล้วที่ทำให้เจ้าหลบหนีไปได้ ในครั้งนี้ ข้าจะเลาะกระดูกบนร่างของเจ้าออกมาบีบนวดให้จงได้ “

 

เห็นได้ชัดว่า หลังจากที่ผ่านเรื่องราวก่อนหน้านี้ในวันนั้น ม่อฝานหลงก็ถือว่าเข้าใจในสถานะของเยี่ยจงมากขึ้น

 

เสียงที่ดังออกมาพร้อมกับม่อฝานหลง มีผู้คนไม่น้อยจากทั่วทั้งสี่ทิศได้มองไปทางเยี่ยจงในเวลาเดียวกัน กล่าวได้ว่า งูเจ้าถิ่นแห่งเขาชิงซานแห่งนี้เช่นม่อฝานหลง ความจริงแล้วชื่อเสียงนั้นก็ขจรขจาย หลายวันมานี้ เรื่องราวที่เยี่ยจงได้กระทำก็ได้ถูกเผยแพร่ออกมา ดังนั้น ในตอนนี้มีผู้คนไม่น้อยที่เคยได้ยินชื่อเสียงของเยี่ยจงเช่นเดียวกัน

 

ในตอนนี้ ฟังจากที่ม่อฝานหลงต้องการที่จัดการเยี่ยจง ก็ได้มีผู้คนไม่น้อยที่นัยน์ตาทอประกายลึกซึ้งออกมาสายหนึ่ง คนหนึ่งเป็นถึงหัวงูเจ้าถิ่นแห้งเขาชิงซาน อีกคนเป็นมังกรหลับของลัทธิแห่งดวงดาว ในเมื่อมังกรหลับมาเหยียบพื้นทื่ของงูเจ้าถิ่น แต่ว่า ความขัดแย้งในครั้งนี้ยังไงก็ต้องมีวันที่สิ้นสุด เป็นสิ่งที่ผู้คนต่างก็ตั้งตารอคอย

 

หลังจากนั้น ในตอนนี้เยี่ยจงถือว่ามีชื่อเสียงอยู่หลายส่วนภายในอารามก่อฟ้าแห่งนี้ แต่ก็คงไม่มีผู้ใดคาดคิด ว่าเขาจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสามารถต่อกรกับม่อฝานหลงได้

 

ในตอนี้เยี่ยจงได้จ้องมองไปที่ร่างที่เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันของม่อฝานหลง เขาหัวเราะออกมา แล้วกล่าวเสียงดังกังวาน “ ก่อนหน้านี้เจ้าได้ใช้ให้เจ้าพวกขยะหลายคนมาตายภายใต้น้ำมือข้า ในครั้งนี้คงคิดจะลงมือด้วยตนเอง เจ้าไม่กลัวว่ามาได้แต่กลับมิได้หรอกหรือ ? “

 

นัยน์ตาของม่อฝานหลงทอประกายพิศดานออกมาหลายส่วน ความจริงเขาคิดไว้ว่า ลูกคนของตนเองเหล่านั้นและผู้อาวุโสตระกูลม่อน่าจะหลงกลเจ้าเด็กน้อยผู้นี้เท่านั้น แต่ว่าก็คิดไม่ถึงว่า จะถูกเขาฆ่าตายในที่สุด ในตอนนี้ นัยน์ตาของม่อฝานหลงได้ทอประกายเครียดแค้นอยู่หลายส่วน ทว่าในวินาทีต่อมา เขาก็หัวเราะด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆก้าวเดินออกมา

 

เขาเห็นได้ชัดว่าพลังฝีมือของเยี่ยจงมีการพัฒนาขึ้น แต่ว่าในสายตาของเขา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะเป็นไร ไม่ว่าเจ้าเด็กน้อยก่อนหน้านี้จะประสบพบพานอะไรมาก็ตาม ขอเพียงแค่เขาสามารถสังหารได้ในตอนนี้ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

 

หลังจากที่มองดูม่อฝานหลงกำลังก้าวเข้ามา วินาทีนั้น พลังภายในก็ได้ค่อยๆปะทุออกมาจนขีดสุด ทำให้พลังวิญญาณฟ้าดินทั้งสี่ทิศเกิดความเคลื่อนไหวอย่างช้าๆขึ้นมา

 

“ พลังขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้า (ทงหยงชี) “

 

เห็นได้ชัดว่า ม่อฝานหลงยังไม่ทราบว่า เยี่ยจงนั้นมองออกถึงพลังฝีมือที่แท้จริงของเขาว่าอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่หก (ซุยกู่ชี) ดังนั้นในตอนนี้เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เปิดเผยพลังฝีมือออกมาให้ได้ผู้อื่นทราบ และเตรียมที่จะใช้เพียงพลังฝีมือกในระดับขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้าในการเก็บกวาดเยี่ยจง

 

“ พลังขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้า “

 

แต่ละคนที่ติดตามอยู่ด้านหลังเยี่ยจงเช่นเซียงฉียวี่ต่างก็สีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย แม้พวกนางจะไม่ทราบว่าเหตุใดเยี่ยจงและงูเจ้าถิ่นแห่งเขตชิงซานมีปัญหาอะไรกันอยู่ แต่ว่าไม่ว่าจะอย่างไร พวกนางในตอนนี้ก็มิอาจที่จะทอดทิ้งเยี่ยจงไปได้

 

“ เยี่ยจง พวกเราลงมือด้วยกัน ยังต้องเกรงกลัวเขา “ เซียงฉียวี่กัดฟันแน่นกล่าวออกม

 

เยี่ยจงมองไปที่สีหน้าเอาจริงเอาจังของเซียงฉียวี่แล้ว ภายในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ที่แล้วมาตนเองออกหน้าลงมือช่วยพวกนางนับว่าคุ้มค่า อย่างน้อยพวกนางทั้งสามก็ไม่ทอดทิ้งตนเองแล้วหลบหนี

 

จากนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เยี่ยจงค่อยกล่าวออกมาเบาๆ “ พวกเจ้าสามคนก็ดูให้ดีก็แล้วกัน ก็แค่คนอ่อนแออย่างม่อฝานหลงเพียงคนเดียวแค่นี้ เขายังไม่สามารถที่จะทำอะไรข้าได้หรอก ในครั้งนี้ถือว่าข้าให้ของขวัญชิ้นใหญ่ก็แล้วกัน เด็กน้อยผู้นี้อย่างน้อยก็ยังเป็นหนึ่งในชั้นแนวหน้าในการเข้าไปแย่งชิงในอารามก่อฟ้าในตำนาน ข้าก็ช่วยพวกเจ้าจัดการในที่แห่งนี้ก็แล้วกัน พวกเจ้าอย่าได้ลืมกล่าวขอบคุณข้าซะละ “

 

หลังจากกล่าวจบ เยี่ยจงก็ค่อยๆก้าวเดินออกไป นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยความเยียบเย็นสายหนึ่ง เมื่อครั้งที่แล้วในตอนที่ปะมือกับเจ้าเด็กน้อยผู้นี้ ตนเองถึงแม้จะเอาเปรียบไปเล็กน้อย แต่ว่าเมื่อเผชิญหน้ายังถือว่ามิใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่ทว่าในครั้งนี้ ผลลัพท์ที่ออกมาถือว่ายากที่จะกล่าวออกมาได้

.

.

.

.

.

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset