เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 067 ครอบครองทักษะยุทธ์

ตอนที่ 067 ครอบครองทักษะยุทธ์

 

หลังจากที่สิ้นเสียงของเหยียนเฮ้าแล้ว ท่ามกลางสายตามากมายที่มองมาด้วยความแปลกใจหลายส่วนจนรู้สึกคันตรงบริเวณบนบริเวณหนังศีรษะ ที่ตรงนั้น ที่บนฟ้าแขวนไว้ด้วยดาวเป็นชั้นๆ ให้ความแปลกประหลาดชัดเจนอย่างที่สุด และหากนับตามความหมายในคำพูดของเหยียนเฮ้าแล้ว ทักษะยุทธ์ชั้นสามแห่งนี้ทั้งมวล ก็คงจะอยู่ทางด้านบน ? ทักษะยุทธ์ของชิ้นนี้ มิใช่สมควรที่จะบันทึกไว้ในม้วนคัมภีร์หรอกหรือ ? เหตุใดถึงได้ไปอยู่บริเวณเหนือศีรษะไปได้ ?

 

” ชี่ ชี่ ชี่ ”

 

ในช่วงเวลาที่ทั้งห้าคนยังอยู่ในอาการสับสนอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงแรงลมลู่ดังออกมา หลังจากนั้นก็พบว่าบนท้องฟ้าได้มีดวงดาวอยู่เป็นชั้นร่วงลงมา กลายเป็นดาวตกสายหนึ่งส่องสว่างไปทางด้านบริเวณคนอย่างเยี่ยจงอยู่ทางด้านนั้นเอง

 

” เกิดขึ้นได้อย่างไร ” คนทั้งห้าสะดุ้งในเวลาเดียวกัน และมองไปบริเวณทางด้านหลัง สีหน้าบ่งบอกถึงความเครียดที่ปกคลุมอยู่เต็มใบหน้า

 

” เหอะ ”

 

เหยียนเฮ้าได้โบกสะบัดมือออกมาในทันใดอยู่คราหนึ่ง และจากนั้นสายตาทุกคู่ที่จ้องมองก็ตกอยู่ในความตะลึงลาน ที่แท้ก็ได้คว้าจับกลุ่มแสงสว่างได้มากลุ่มหนึ่ง

 

แสงสว่างแย่งกันสาดเป็นประกายไม่ขาดสาย และจากนั้นบริเวณใจกลางมือของเหยียนเฮ้า ก็แปรเปลี่ยนเป็นม้วนคัมภีร์สีขาวเงินม้วนหนึ่ง ด้านบนของม้วนคัมภีร์ ได้ส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับ

 

” ทักษะยุทธ์ ? ”

 

เมื่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า บุคคลเช่นเยี่ยจงยังต้องวอกแวกอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นค่อยมีปฏิกิริยากลับมา หรือว่าทักษะยุทธ์ในตำหนักทักษะยุทธ์ชั้นสามแห่งนี้ หรือจะพึ่งพาการเก็บรักษาเช่นนี้กัน ?

 

หากว่าเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ เพียงแค่จดจ่อม้วนคัมภีร์ของทักษะยุทธ์ก็จะทราบได้ถึงนามของทักษะได้เอง การมีอยู่อันน่าหวาดกลัวของทักษะยุทธ์บนชั้นสามนี้ สมควรที่จะอยู่ในระดับชั้นวิญญาณแล้วละ

 

มรดกของลัทธิแห่งดวงดาว ช่างน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง

 

“ ที่แท้สถานที่แห่งนี้ก็เป็นเช่นนี้นี้เอง “ ซูหยี่ที่ใบหน้ายังแสดงถึงความแปลกใจก็ได้พยักหน้าไปมา หลังจากนั้นก็เอ่ยปากกล่าวเสียงแผ่วเบา ชัดเจนว่าต่อให้เป็นนางเอง ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาเช่นเดียวกัน

 

“ ซวบ “

 

“ ในเมื่อพวกเจ้าทราบถึงการนำสมบัติออกไปแล้ว เช่นนั้นก็พยายามเข้าละ “ เหยียนเฮ้าปล่อยทักษะยุทธ์ที่อยู่กลางฝ่ามือออกมา และจากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา แล้วก็หันกายจากไปยังห้องโถงใหญ่แห่งนี้ และในช่วงที่เขากำลังจากไป บริเวณทางเข้าของห้องโถงใหญ่ก็ได้ค่อยๆปิดลง

 

ห้าคนหนึ่งคณะจ้องมองดู ในตอนนี้ต่างก็รวมตัวกันอยู่กึ่งกลางอากาศในเวลาเดียวกัน เหล่ากลุ่มชั้นดาวเต็มท้องฟ้านี้ ในตอนนี้ได้มีพลังดึงดูดผู้คนได้จนน่าตกใจ

 

“ ซวบ ซวบ ซวบ “

 

ทว่าพลังยุทธ์เพียงแค่นี้ ดวงดาวแต่ละชั้นบนท้องฟ้าเคลื่อนที่อย่างช้าๆนับไม่ถ้วนราวกับกำลังจัดขบวนอยู่ก็มิปาน ดำเนินแปรเปลี่ยนท้องฟ้ากลายเป็นฝนดาวตก ไหลเวียนแผ่พุ่งจากภายในห้องโถงใหญ่ มุ่งสู่บริเวณทางด้านล่างลงไป

 

พบว่าฉากเบื้องหน้า นัยน์ตาของเยี่ยจงก็ได้ปกคลุมไปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็ถีบออกไปเพียงเล็กน้อย ร่างกายก็พุ่งขึ้นไปบนฟ้าทันที และจากนั้นก็ใช้มือขวาคว้าออก ในระหว่างที่กำลังลงสู่พื้น บนมือก็ได้มีม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ติดมือมาด้วย

 

จากที่ได้กวาดตาดูคราหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ เยี่ยจงก็ได้หรี่ตาคราหนึ่ง “ ชั้นวิญญาณระดับล่างทักษะเสริมพลังกาย ย่างก้าวภูติพราย “

 

เห็นได้ชัดว่าทักษะยุทธ์ชนิดนี้มีความเป็นเฉพาะตัวอย่างมาก หากสามารถฝึกฝนได้สำเร็จแล้วละก็ สามารถที่จะทำให้ความเร็วของผู้คนเปลี่ยนเป็นเร็วยิ่งขึ้น และเป็นประเภททักษะยุทธ์ที่พบพานได้น้อยอย่างที่สุด คิดไม่ถึงว่าจะมีสิ่งเหล่านี้อยู่ภายในตำหนักทักษะยุทธ์ชั้นสามแห่งนี้

 

เยี่ยจงถือได้ว่ามีความสนใจต่อวัตถุนี้อย่างมาก ต่อมาก็มีความคิดต้องการที่จะเก็บเกี่ยววัตถุนี้เอาไว้

 

“ ศิษย์น้องเล็กเยี่ยจง การเข้ามาในครั้งนี้ จะสามารถนำทักษะยุทธ์ออกไปได้เพียงม้วนเดียวเท่านั้น “ เห็นได้ชัดว่าซูหยี่เห็นเขาไม่ค่อยที่จะเข้าใจ ต่อมาก็ได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่งแล้วกล่าว

 

หลังจากเงียบงัน จากนั้นเยี่ยจงก็ครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นก็แบมือออกคราหนึ่ง ปล่อยทักษะยุทธ์ชิ้นนี้ออกไปจากมือ เมื่อยังอยู่ในอาณาเขตการตรวจสอบในสายตาของเหยียนเฮ้า เขาก็หยุดยั้งไม่บังอาญที่จะตัดสินใจอย่างอื่น ยังคงช่วงชิงม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ที่ดีกว่านี้ด้วยตนเองต่อไป

 

“ ลงมือร่วมกันเถอะ “

 

เยี่ยจงก็มิได้กล่าวอันใดมากความอีกต่อไป และได้เคลื่อนไหวร่างกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้หายวาบไป และในครั้งนี้ก็พบว่าการเคลื่อนไหวของเยี่ยจง คนประเภทเช่นเซาซิงแต่ละคนก็ได้มีปฏิกิริยากลับมา หายวับออกไปทั้งร่าง ลอยออกไปปลดเหล่าดวงดาวที่ส่องสว่างอยู่เต็มท้องฟ้า

 

ในเวลานี้ ท่ามกลางทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ก็ได้มีเงาที่ส่องประกายเป็นระยิบระยับ ร่างกายเยี่ยงเยี่ยจงก็ได้ทอเป็นประกายออกมาราวกับภูติพรายก็มิปาน แสงสว่างที่ได้ไล่ตามอยู่ในระยะทางที่ใกล้กับตนเอง แต่ว่าหลังจากที่ค้นพบว่าแสงสว่างของสมบัติชิ้นนี้มิได้มีความเข้ากันได้กับตนเอง พวกเขาก็ทำได้แค่ปล่อยมันไป และจากนั้นก็ไปค้นหาลงมือต่อแสงสว่างอื่น

 

“ เหอะ เหอะ ทักษะยุทธ์โจมตีระดับกลางงั้นหรือ ? “ ท่ามกลางพื้นที่ว่างเปล่าในห้องโถงใหญ่ ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงหัวเราะดังออกมาสายหนึ่ง และจากนั้นบุคคลเช่นเยี่ยจงก็ได้หันศีรษะกลับไปมอง ก็พบกับเฉิงเสวียนในตอนนี้ได้คว้าจับไปที่ม้วนคัมภีร์สีขาวม้วนหนึ่ง นัยน์ตาปกคลุมไปด้วยความดีใจ

 

เพียงแต่ว่า ทันทีที่นัยน์ตาของเฉิงเสวียนกำลังปกคลุมไปด้วยความดีใจ ม้วนคัมภีร์สีขาวนั้นก็ได้แข็งขืนใช้พลังที่มีโต้กลับไปสายหนึ่งออกมา จนทำให้เฉิงเสวียนต้องคลายมือออกมา และจากนั้นก็แปรเป็นแสงสว่างสาดส่องสายหนึ่ง หายวาบออกไป

 

เมื่อพบว่าเหยื่อที่อยู่ในมือได้ลอยออกไป เฉิงเสวียนก็เกิดความสับสนขึ้น สีหน้าที่แข็งขืนได้เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขึ้นมาเต็มสิบส่วน

 

ทว่า วัตถุชิ้นนี้ก็ได้หลุดลอยไปจากมือแล้ว เช่นนั้นคิดที่จะต้องการค้นหาแสงสว่างอื่นอันลี้ลับอีกครั้งออกไปอีกคราแล้วละก็ คงมีความยากที่ไม่น้อยเลย

 

“ เริ่มน่าสนใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว “ เยี่ยจงจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า นัยน์ตาค่อยๆหรี่แล้วหรี่อีก “ดูเหมือนด้านในของตำหนักทักษะยุทธ์แห่งนี้ ทักษะยุทธ์ระดับล่างจะเอาได้ง่าย ทักษะยุทธ์ระดับกลาง ก็ถือได้ว่าไม่ใช่เอามาได้โดยง่าย ทว่า เช่นนี้ก็น่าสนใจดี “

 

หลังจากที่สิ้นเสียงพูด เยี่ยจงก็จ้องมองไปยังนภาคล้อยส่องสว่างที่กำลังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนทำให้มีหลายส่วนที่รู้สึกประหลาดใจ เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อครู่ม้วนคัมภีร์ที่เฉิงเสวียนได้มานั้นไม่เหมือนกับม้วนคัมภีร์อื่นเลยโดยสิ้นเชิง อย่างน้อยด้านในก็ไม่มีการเคลื่อนไหวตอบสนองสะท้อนกลับได้อย่างแข็งแกร่งเช่นนี้

 

ดังนั้น ตอนนี้เยี่ยจงยังคงมิได้ลงมือช่วงชิงม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ต่อไปแต่อย่างไร และปล่อยให้ร่างกายร่วงลงสู่บริเวณบนพื้น เงยหน้าจ้องมองไปอย่างจริงจังไปทางด้านแสงสว่างที่สาดส่องอยู่เบื้องบนท้องฟ้า

 

หลังจากทันทีที่ได้จดจ้องมองไปยังแสงสว่างกลุ่มหนึ่งแล้ว เยี่ยจงก็เพียงพอที่จะสามารถคาดเดาออกมาได้ แสงสว่างเหล่านี้ได้แบ่งกลุ่มเป็นใหญ่เล็ก เพียงแต่ว่าหากนับตามลักษณะแล้ว ขนาดเล็กจะมีอยู่จำนวนมาก เทียบกับตัวที่มีขนาดใหญ่แล้วถือได้ว่าจำนวนที่น้อยอยู่มาก หากว่าไม่สามารถที่จะแบ่งแยกแล้วละก็ จะต้องแยกไม่ออกอย่างแน่นอน

 

หากนับตามการแบ่งเป็นสัดส่วนของเยี่ยจงแล้วละก็ ท่ามกลางแสงสว่างอันน้อยนิดเหล่านี้ สมควรที่จะเป็นทักษะยุทธ์ระดับกลางโดยทั้งสิ้นก็เป็นได้ ?

 

หากภายในลัทธิแห่งดวงดาว มีทักษะยุทธ์เช่นนี้แล้ว สมควรที่จะต้องมีระดับที่สูงที่สุดรวมอยู่ด้วย

 

“ ชี่ ชี่ ชี่ “

 

ในช่วงเวลาที่เยี่ยจงกำลังครุ่นคิดอยู่ บุคคลอื่นต่างก็ไม่หยุดยั้งที่ที่จะลงมือ ช่วงชิงทักษะยุทธ์ต่อไป เพียงแต่ว่า ต่อให้เป็นเช่นตอนนี้ก็ตาม พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะเสาะหาสมบัติชั้นดีได้แต่อย่างไร

 

“ ซวบ “

 

ทว่า ในช่วงเวลาทันใดนั้นเอง เยี่ยจงที่มิได้เคลื่อนไหวตลอดมาก็ได้เคลื่อนไหวคราหนึ่ง และจากนั้นร่างกายก็หายออกไปในทันที สายตาที่มองไปเยี่ยงบุคคลเช่นเฉิงเสวียนก็ยังต้องปรากฏความสงสัย เพียงฝ่ามือเดียวก็คว้าไปทางด้านแสงสว่างสีแดงเพลิงกลุ่มหนึ่ง

 

“ เปรี้ยง “

 

ในทันทีที่ฝ่ามือของเยี่ยจงคว้าไปทางด้านบน ความรู้สึกอันแข็งแกร่งชนิดหนึ่งก็ได้สะท้อนพลังออกมาในทันที ทว่าเขาก็ได้เตรียมกันมาตั้งแต่แรกแล้ว บริเวณใจกลางฝ่ามือ ได้ปกคลุมไปด้วยพลังกระบี่ตราประทับชั้นที่สี่ อยู่ในทั้งฝ่ามือของเขา จากนั้นเข้าปะทะกับพลังของม้วนคัมภีร์สีแดงม้วนนั้น

 

“ ตูม “

 

เสียงแหลมเล็กดังหลุดลอยออกมา และหลังจากนั้นม้วนคัมภีร์ก็เกิดอาการสั่นเทาขึ้น พลังในการสวนกลับเช่นนั้นก็ได้เลือนหายไป

 

บุคคลเช่นซูหยี่และเซาซิงที่กำลังมองดูอยู่ ก็ได้หยุดลงที่ข้างกายของเยี่ยจงในเวลาเดียวกัน ม้วนคัมภีร์ชนิดนี้เมื่ออยู่ภายในห้องโถงใหญ่แห่งนี้ ก็ถือได้ว่ายากที่จะพบพานได้สักครา คนเยี่ยงเยี่ยจง กลับสามารถที่จะจัดการเหตุการณ์เบื้องหน้าลงได้ แล้วจะมีอันใดที่ทำไม่ได้กัน ?

 

ในตอนนั้นเอง การจ้องมองของบุคคลเยี่ยงเซาซิง มีได้เปลี่ยนเป็นงุนงงขึ้นมา

 

เยี่ยจงก็มิได้แสดงอาการอันใดออกมามากนัก เขาเพียงแค่คลายมือที่กำอยู่ออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ในช่วงเวลาที่กวาดสายตามองดู สีหน้าก็มีการเคลื่อนไหวคราหนึ่ง

 

“ ไม่เลว ที่แท้ก็ถือได้ว่าเป็นของดี “

 

“ ทักษะยุทธ์โจมตีระดับกลาง เพลิงชั้นที่เก้า “ ซูหยี่ยังคงจดจำได้อย่างขึ้นใจ หลังจากที่ได้กวาดสายตามองสำรวจคราหนึ่ง ก็ได้แสดงอาการตื่นตกใจเอ่ยปากกล่าวออกมา “ ศิษย์น้องเล็กช่างมีดวงที่ไม่เลวเลย สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในทักษะยุทธ์ประจำสำนักเพียงไม่กี่ชิ้นของพวกเราเท่านั้น เจ้าสามารถที่จะครอบครอง ถือได้ว่าดวงของเจ้าช่างดีเสียเหลือเกิน “

 

“ ศิษย์พี่หญิงชอบหรือ เช่นนั้นก็ให้ท่านดีกว่า “ เยี่ยจงเงียบงัน จากนั้นก็ยื่นม้วนคัมภีร์ให้แก่ซูหยี่

 

ซูหยี่ลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยื่นมือออกไปรับไว้อย่างรวดเร็ว แล้วก็ยิ้มแล้วยิ้มอีกกล่าวออกมา “ เจ้าจะให้สิ่งของชิ้นนี้แก่ให้ศิษย์พี่หญิงข้าจริงๆหรือ “

 

หลังจากเงียบงัน เยี่ยจงก็หยักไหล่ไปมา แม้ว่าเขาจะไม่เคยได้ตรวจสอบทักษะยุทธ์ชนิดนี้ ทว่าเพียงแค่เห็นชื่อของมันแล้ว เขาก็รู้สึกได้ว่าเจ้าสิ่งนี้และตนเองมีความที่ไม่ค่อยจะเข้ากันได้ ต้องทราบว่า ในครั้งนี้ที่เข้ามาเยี่ยจงต้องการที่จะเสาะหาทักษะยุทธ์ที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด แต่มิใช่เลือกโดยไม่คิด

 

พบว่าเมื่อเยี่ยจงเป็นเช่นนี้ ซูหยี่ก็ยิ้มระริกระรี้เก็บสิ่งของลงไป สมบัติชิเนนี้นางถือได้ว่าชื่นชอบเป็นอย่างมาก

 

หนึ่งขบวนของเซาซิงทั้งหมดสามคนจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า ทั้งกลุ่มต่างก็ไร้คำจะกล่าว พวกเขาทั้งสามคิดต้องการที่จะเอาทักษะยุทธ์ในระดับกลางก็ยังมิอาจที่จะทำได้ เยี่ยจงผู้นี้ถือได้ว่าดียิ่ง หลังจากที่ได้มาครอบครองแล้ว กลับนำไปให้ผู้อื่น “

 

“ ศิษย์น้องเยี่ยจง เจ้าเพียงแต่หาคัมภีร์ยุทธ์ชุดหนึ่งให้ศิษย์พี่หญิงซูหยี่ของเจ้า ไม่หาให้ศิษย์พี่หญิงเช่นข้าท่านนี้ซักชุดด้วยหรือ ? “ เซาซิงยิ้มแล้วกล่าวออกมาอย่างมีเสน่ห์ไปทางเยี่ยจง

 

“ ในส่วนนี้ ดูเหมือนพวกเราก็มิได้คุ้นเคยกันเลยนะ ? “ เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา หญิงสาวนางนี้เหตุใดหนังหน้าถึงได้หนาถึงเพียงนี้ ต่างก็พึ่งจะพบกันเพียงครั้งแรก ?

 

“ นี้ …… “ สีหน้าของเซาซิงได้ปรากฏร่องรอยสีแดงออกมาเล็กน้อย เป็นครั้งแรก ที่นางค้นพบว่าความสามารถของตนไร้ผล ไม่สามารถใช้งานออกมาได้ ความจริงตามที่นางมอง ขอเพียงตนเองเอ่ยปากออกมา ศิษย์น้องเล็กผู้นี้สมควรที่จะย้ายก้นกุลีกุจอจัดการให้ตนเองจึงจะถูกต้อง

 

“ ปุ ชิ้ง “

 

ทันใดนั้นซูหยี่ก็ได้หัวเราะร่าออกมาเสียงดัง หัวเราะตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ว่าแล้วจะเป็นไรไป นางถือได้ว่ามีความเข้าใจและทราบว่าศิษย์น้องเล็กผู้นี้ของตนเองกระทำเรื่องราวก็เป็นดั่งเช่นนี้ ตนเองที่สามารถควบคุมผู้อื่นได้ ความจริงแล้วเขาแทบจะไม่ได้มองอยู่ในสายตาแต่อย่างไร เซาซิงผู้นี้ต้องทราบว่า เมื่อครู่ถ้าเยี่ยจงต้องการจัดการกับความคิดการกระทำของนางแล้วละก็ ไม่ทราบว่าต้องกระอักโลหิตออกมาถึงกี่ครา

 

“ ศิษย์น้องหญิงเซาซิง ทักษะยุทธ์ถือเป็นสิ่งที่ผูกมัดกับดวงชะตา แข็งขืนมิได้หรอก “ กวนเยื่ยนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังเซาซิงเอ่ยปากกล่าวเสียงเบา เห็นได้ชัดว่าเขามองออกว่าใบหน้าของเซาซิงเริ่มที่จะรั้งไว้ไม่อยู่แล้ว

 

“ เชอะ ท่านก็กล่าวได้มิผิด บางคนก็ดวงดี สามารถได้รับม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ถึงหนึ่งม้วน ทว่าข้าก็ไม่เชื่อหรอกว่าดวงของเขาจะถึงกลับพลิกฟ้าได้ มาลองก็อีกรอบ “

 

เซาซิงร้องเชอะอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง จากนั้นก็จดจ้องขึ้นไปมองยังแสงสว่างที่อยู่เต็มท้องฟ้า และจากนั้นร่างกายก็วาบหายออกไปในทันที ตอนนี้ซูหยี่ก็ได้ม้วนคัมภีร์ระดับกลางมาอยู่ในมือม้วนหนึ่งแล้ว นางไม่ว่าจะอย่างไร ก็ต้องได้ม้วนคัมภีร์ในระดับเดียวกันให้จงได้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ คงต้องถูกซูหยี่เปรียบเทียบจนจมดินก็เป็นได้

 

ในขณะนั้นเอง เซาซิงก็ไม่เพียงแต่เกียจชังซูหยี่ แม้แต่เยี่ยจงเองก็ยังถูกเกียจชังด้วยเช่นกัน

 

ทว่าเยี่ยจงในตอนนี้ก็มิได้มีอารมณ์ที่จะสนใจความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของนาง เขาเพียงแต่จ้องมองไปทางด้านท้องฟ้าทอประกายอย่างช้าๆ เตรียมตัวที่จะลงมือ

.

.

.

.

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset