เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 069 เรื่องน่ารำคาญเล็กน้อย

ตอนที่ 069 เรื่องน่ารำคาญเล็กน้อย

 

“ ดีละ ตอนนี้พวกเราจะไปไหนกันดี ? “ ซูหยี่มองไปทางด้านเยี่ยจงที่กำลังยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์สายหนึ่ง จึงค่อยเอ่ยปากถามออกมา

 

“ ไปตำหนักโอสถกันก่อนละกัน ? ข้ายังต้องไปแลกเปลี่ยนโอสถอีกเล็กน้อย ค่อยไปหาหวังโม่ เจ้าเด็กน้อยผู้นั้นสมควรที่จะหาสถานที่พักเท้าได้แล้วละ “ เยี่ยจงตอบ

 

“ ตำหนักโอสถ ก็ดี เจ้าตามข้ามา เช่นนั้นข้าก็จะเป็นคนดีจนถึงที่สุดก็แล้วกัน “

 

ระหว่างที่พูดคุย ซูหยี่ก็ได้โบมาคราหนึ่งแล้วก็นำพาเยี่ยจงมุ่งไปบริเวณทางด้านอีกฟากฝั่งของลานกว้างเขาดาราอย่างรวดเร็วปานสายลมก็มิปาน และหลังจากที่มาถึงยังลานกว้างของเขาดารา ร่างของทั้งสองก็ได้เหินเข้าไปยังตำหนักโอสถอย่างรวดเร็ว

 

ภายในตำหนักโอสถ โอสถของแต่อย่างแต่ละชนิดในตอนนี้ก็ได้ถูกเก็บไว้ในถุงที่เต็มไปน้ำราวกับกลุ่มหยดน้ำก็มิปาน ลอยอยู่เต็มท่ามกลางบนอากาศ เคลื่อนไหวเวียนว่ายไม่หยุดหย่อน และภายในถุงน้ำนี้ โดยส่วนมากแล้วจะมีแผ่นหยกอยู่แผ่นหนึ่ง บ่งบอกถึงราคาโอสถชิ้นนั้น

 

“ โอ้ หากเจ้าชมชอบถึงขั้นนี้แล้ว ก็ตรงไปทางด้านจุดแลกเปลี่ยนเพื่อไปแลกเปลี่ยนก็ก็เพียงพอแล้ว “ ซูหยี่กล่าว

 

เยี่ยจงพยักหน้าไปมา มองสำรวจไปทางด้านหลังที่มีโอสถอยู่กลุ่มหนึ่งอยู่ทางด้านบนอยู่รอบหนึ่ง จากนั้นก็ต้องแลบลิ้นออกมา ความจริงเขารู้สึกว่าสี่หมื่นสะสมวิญญาณในมือของตนนั้นถือได้ว่าไม่น้อยแล้ว แต่ว่าเมื่อดูในตอนนี้แล้วละก็ กลับสังเกตเห็นว่า สี่หมื่นสะสมวิญญาณนี้แท้จริงแล้วไม่เพียงพอที่จะไปทำอันใดได้เลย โอสถที่ปรากฏอยู่ในที่แห่งนี้ อย่างธรรมดาก็ยังต้องขึ้นหลักพันสะสมวิญญาณถึงจะสามารถแลกเปลี่ยนได้ ก็ไม่ทราบว่าลัทธิแห่งดวงดาวนี้ได้นำโอสถมากมายเช่นนี้มาจากที่ใด

 

“ โอสถเหล่านี้ส่วนหนึ่งได้มาจากการทำภารกิจสำนัก ช่วงเวลาที่ศิษย์มากมายที่ออกไปฝึกฝน อาจจะบังเอิญพบพานโอสถเหล่านี้ ก็จะนำมาขายให้กับภายในสำนัก จากนั้นก็แลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของที่พวกเขาต้องการ วันคืนอันเหน็ดเหนื่อยที่ผ่านมา แน่นอนว่าก็ต้องมีจำนวนมากมายเช่นนี้ “ ราวกับมองออกถึงความสงสัยของเยี่ยจง ซูหยี่ก็ได้กล่าวอธิบายออกมา

 

หลังจากเงียบงัน เยี่ยจงก็พยักหน้าอยู่หลายครา ดูเหมือนว่าต่อให้คนผู้นี้มีพลังฝีมือน่าเกรงขามกว่านี้ แต่ว่า กับเรื่องราวเหล่านี้ แน่นอนว่ามิอาจเทียบได้กับของตกทอดและฝีมือของทั้งสำนักหนึ่งได้เลย อย่างน้อยหากต้องการให้เยี่ยจงได้เก็บเกี่ยวโอสถให้ได้มากเช่นนี้ ไม่ทราบว่าจะต้องใช้เวลามากน้อยเพียงใด

 

หลังจากที่ได้มองดูภายในกลางตำหนัก เยี่ยจงในที่สุดก็พบก็สิ่งที่ตนเองต้องการ ก้านไม้วิญญาณม่วง

 

เพียงแต่ว่าเมื่อในช่วงเวลาที่กวาดมองเข้าไปแล้ว เยี่ยจงก็ทำได้แต่เพียงกรอกตาไปมา ก้านไม้วิญญาณม่วงชิ้นนี้น่าจะมีอายุอยู่รอบของห้าร้อยปี ไม่ว่าจะเป็นผลของยาหรือฤทธิ์ของยา เทียบไม่ได้กับก้านที่ตนบังเอิญพบเจอก่อนหน้านี้อยู่มากโขอยู่ แต่ว่าตอนนี้ ของชิ้นนี้มีราคาตั้งไว้อยู่ที่แปดพันสะสมวิญญาณ

 

เมื่อเยี่ยจงได้ทราบถึงมาตรฐานของสะสมวิญญาณเช่นนี้แล้ว ทว่าก็ได้ทำให้ตกใจแทบกระโดดขึ้นมาคราหนึ่ง ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ที่ให้หวังโม่นำสองพันห้าร้อยสะสมวิญญาณมายังลัทธิแห่งดวงดาว แท้จริงแล้วก็ไม่อาจที่จะกระทำเรื่องราวอันใดได้เลย

 

ถึงแม้ว่าราคาจะจัดได้ว่าทำให้ผู้คนตกใจได้ หลังจากทีได้ขบฟันขยี้เหงือกแล้ว เยี่ยจงก็ได้นำก้านไม้วิญญาณม่วงชิ้นนี้เก็บไว้ หลังจากนั้นก็ยังคงเสาะหาต่อ แล้วก็ได้พบกับอีกก้านไม้วิญญาณม่วงอีกก้านหนึ่งที่มีอายุอยู่เพียงแค่รอบร้อยปี ก้านนี้จัดได้ว่าอยู่ในราคาที่ต่ำอยู่ ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นก็ยังต้องการถึงสี่พันห้าร้อยสะสมวิญญาณ

 

จากนั้นก็เอาก้านไม้วิญญาณม่วงทั้งสองชิ้น เยี่ยจงใบหน้าดำมืดเดินไปจนถึงจุดแลกเปลี่ยน จากนั้นก็นำป้ายสะสมวิญญาณออกมา

 

ตรงจุดแลกเปลี่ยนนี้ได้ยืนไว้ด้วยสาวน้อยที่มีรอยยิ้มหวานฉ่ำผู้หนึ่ง นางกวาดตาออกไปมองที่ป้ายสะสมวิญญาณของเยี่ยจงคราหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา “ เจ้าก็คือศิษย์น้องเยี่ยจงละมั่ง ? มีคำสั่งของลัทธิลงมาก่อนหน้านี้ ถ้าเจ้ามีความต้องการที่จะแลกเปลี่ยนสิ่งของจะได้รับส่วนลดราคาจนเหลือในราคาแปดส่วน ดังนั้นสิ่งของสองชิ้นนี้ต้องการเพียงหนึ่งหมื่นสะสมวิญญาณ “

 

ระหว่างที่พูดคุย สาวน้อยก็ยื่นมือออกรับป้ายสะสมวิญญาณของเยี่ยจง จากนั้นเยี่ยจงก็ได้จ้องมองไปด้วยอาการเจ็บช้ำในใจ แล้วก็ส่งมอบป้ายสะสมวิญญาณคืนแก่เยี่ยจง

 

หากมิใช่เยี่ยจงให้ความสำคัญกับสะสมวิญญาณเหล่านี้ และแม้แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่า การฝึกฝนวิชายุทธ์กระบี่หกสุสานจะต้องผลาญเงินถึงขนาดนี้ เมื่อมองดูตอนนี้แล้วละก็ ยังดีที่ตนเองยังได้ครอบครองวิชายุทธ์ก่อฟ้ามา ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ทรัพยากรที่ต้องใช้หลังจากที่ฝึกฝนถึงขั้นก่อเกิดขั้นที่เจ็ดแล้ว แม้แต่จะคิดตนเองยังไม่กล้าคิดเลย

 

แต่ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ การทะลวงขึ้นสู่ระดับขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้ายังต้องใช้โอสถจนทำให้ผู้คนตกใจได้ถึงเช่นนี้ ไม่ทราบว่าขั้นที่หกและขั้นที่เจ็ดนั้น พอถึงเวลายังต้องผลาญเงินทองถึงขั้นใดกัน

 

หลังจากนั้นกระเป๋าเงินของตนเองคงต้องว่างเปล่า เยี่ยจงถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง

 

หลังจากที่ได้ออกมากจากตำหนักโอสถมาพร้อมกับซูหยี่ เยี่ยจงก็ยืนบิดขี้เกียจคราหนึ่ง เรื่องที่ตนเองต้องทำก็กระทำได้ถือว่าวุ่นวายไม่เป็นชิ้นดีเลย ต่อจากนี้สมควรที่จะต้องเตรียมใจไว้ให้ดีในการฝึกปรือแล้ว

 

“ ใช่แล้ว ศิษย์พี่หญิงซูหยี่ ข้าไม่ค่อยคุ้นเคยกับลัทธิแห่งดวงดาวแห่งนี้ ข้าต้องการเสาะหาหวังโม่แล้วละก็ สมควรรไปหาเขาที่ใดดี ? “ เยี่ยจงคิดแล้วคิดอีกจากนั้นก็เอ่ยปากถาม

 

“ หวังโม่หรือ “ หลังจากที่ซูหยี่เกิดอาการลังเล จึงเริ่มที่จะกล่าวต่อ “ พวกเราศิษย์ลัทธิแห่งดวงดาว น่าจะไม่น่าไปอาศัยอยู่ภายในเมืองหมื่นดารา เพียงแต่ว่าเขาเป็นศิษย์สายนอก อีกทั้งในมือยังมีเพียงสองพันห้าร้อยสะสมวิญญาณ คาดว่าอาจจะไปอยู่ที่เช่าบ้านพักอื่นที่ใดซักแห่งละมั่ง สถานที่แห่งนั้นเป็นบ้านพักที่มีพลังวิญญาณของฟ้าดินปกคลุมไปทั่วอย่างมากมาย อีกทั้งค่าเช่าในยังแค่ห้าร้อยสะสมวิญญาณต่อหนึ่งเดือน ถ้าก่อนหน้าเจ้ามอบหมายให้เขาไปเสาะหาสถานที่ฝึกปรือแล้วละก็ เขาสมควรที่จะไปพักอยู่หอใดซักหอ…….ทว่า……. “

 

“ ทว่าอะไร ? “ เยี่ยจงขมวดคิ้ว เขาฟังออกในคำพูดที่อยู่ในคำพูดของซูหยี่

 

“ ก็ไม่ได้มีอะไรหรอก ไปถึงก็จะรู้เอง หรือไม่ถ้าเขามิได้อยู่ที่นั้น ? “

 

…………

 

อีกหัวมุมหนึ่งของเขาดาราที่เป็นบ้านพักอื่นในลัทธิแห่งดวงดาว ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นบ้านพักอื่น แต่ว่าก็ตั้งอยู่ในจุดที่กว้างใหญ่อย่างมาก และภายในบ้านพักอื่นแห่งนี้ บ้านพักทั่วทั้งสี่ด้านก็ถูกสร้างเป็นหลังเดี่ยวๆ ภายในบ้านพักเหล่านี้ ก็ได้มีพลังวิญญาณแห้งฟ้าดินเวียนว่ายไปมาอย่างลึกล้ำราวกับสายน้ำก็มิปาน เห็นได้ชัดว่า ถ้าได้ฝึกปรืออยู่ภายในบ้านพักเหล่านี้แล้วละก็ ผลลัพธ์เมื่อเทียบกับการฝึกฝนในสถานที่อื่นไม่ทราบว่าดีกว่าถึงกี่เท่าตัว

 

เพียงแต่ว่า การฝึกฝนในสถานที่เหล่านี้ราคาจัดได้ว่าอยู่ในราคาที่ไม่น้อยเลย ต้องทราบว่า ศิษย์สายนอกเพียงคนเดียวภายในหนึ่งเดือนก็ต้องแบ่งสัดส่วนใช้จ่ายออกมาถึงห้าร้อยสะสมวิญญาณ และศิษย์สายใน มิใช่อย่างดีก็มีเบี๊ยเลี้ยงอยู่แค่สองร้อยสะสมวิญญาณเอง แต่ว่า ค่าเช่าบ้านพักแห่งนี้ที่ถูกเรียกว่าบ้านพักอื่นแห่งนี้ ยังต้องใช้ห้าร้อยสะสมวิญญาณในหนึ่งเดือน เห็นได้ชัดว่า ถ้าหากมิใช่ออกไปทำภารกิจสำนัก หรือไม่มีพลังแรงสนับสนุนส่งเสริมของตระกูลแล้วละก็ เช่นนั้นถ้าต้องการที่จะพักอยู่ในบ้านพักแห่งนี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ผลาญเงินทองอีกอย่างเช่นกัน

 

แน่นอนว่า ยังมีศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาวกลุ่มหนึ่งเลือกที่จะรวมกันหลายคนเช่าที่พักแห่งหนึ่งในการฝึกปรือ เพียงแต่ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ละก็ พลังฟ้าดินก็จะต้องถูกแบ่งแยก ผลลัพท์ในการฝึกฝนก็ไม่อาจดีเท่าที่ควร

 

ตอนนี้ จุดที่ตั้งบางส่วนของสถานที่ที่เรียกว่าบ้านพักอื่นแห่งนี้ตรงหัวมุม บริเวณทางด้านหน้าของบ้านพักอันหรูหราหลังนี้ ก็ได้มีเงาร่างนับสิบสายยืนอยู่ด้วยท่าทางที่ไม่ระเบียบ พวกเขามองไปบริเวณทางปากทางเข้าด้านหน้าของบ้านพักแห่งนี้อย่างมีเจตนาและไม่มีเจตนา ทางด้านนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใบหน้าแสดงถึงความโกรธยืนรออยู่

 

และบริเวณโดยรอบ ยังมีศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาวไม่น้อยที่ชี้ๆจิ้มๆออกมาทางด้านนี้ ชัดเจนว่าเหมือนจะทราบว่ากำลังจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น

 

“ คนผู้นั้นได้พักอาศัยอยู่ในบ้านพักแห่งนี้เพียงคนเดียว รู้สึกจะมีชื่อเรียกว่าหวังโม่กระไรนี้แหลาะ ? แม้จะไม่ทราบว่าเขาไสหัวเข้ามาลัทธิแห่งดวงดาวได้อย่างไร ทว่าตามที่เขาบอกว่าเป็นพวกมั่งคั่งมั่งมี เพียงลมปากเดียวก็เช่าบ้านพักหลังนี้ทีเดียวห้าเดือน ช่างมือเติบเสียนี้กระไร “

 

“ ทว่าเมื่อใช้จ่ายมือเติบเช่นนี้ พลังฝีมือกลับไม่เท่าไหร่ พอถึงตอนนี้ยังไม่อาจที่จะเข้าสู่ขั้นก่อเกิดขั้นที่สาม ก็น่าแปลกใจที่เด็กน้อยเหล่านี้ต่างก็ตัดสินใจที่จะหมายหัวเขาไปแล้ว “

 

“ จิ๊จิ๊ เจ้าเด็กน้อยเหล่านั้นความจริงก็เป็นแค่อันธพาลกลุ่มหนึ่งที่ข่มขู่และคอยรีดไถสิ่งของ เมื่อทราบถึงการมีอยู่ของสถานที่ดีเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องมีเพื่อแย่งชิง ทว่าพวกเขาก็ทำเกินเลยจนเกินไปแล้ว ห้าเดือนก็เป็นสองพันห้าร้อยสะสมวิญญาณแล้ว ในเมื่อคิดที่จะต้องการยึดครองสถานที่เช่นนี้แล้ว ก็อย่าต้องใช้กำลังเลย ?

 

“ พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าพี่ใหญ่ของพวกเขาเป็นใครกัน ? เอ๊ะ ระวังพวกเขาได้ยิน “

 

ทั่วทั้งสี่ทิศได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังระนาวออกมา ผู้คนนับสิบคนที่อยู่บริเวณทางด้านหน้าบ้านพักต่างก็ได้ยิน แต่ละคนไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกละอายใจเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ชัดเจนว่าอารมณ์ที่ปล่อยออกมามียิ่งทวีสูงขึ้นมา

 

และในตอนนี้ ที่ยืนอยู่บริเวณประตูทางเข้าที่พักมีชายหนุ่มที่มีใบหน้าเหลืองซีดอยู่ หากว่าเยี่ยจงได้มาอยู่ที่นี้ตอนนี้แล้วละก็ ก็จะสามารถจดจำออกถึงคนผู้นี้ ที่แท้ก็เป็นหวังโม่ที่มาจากโรงฝึกยุทธ์เฟยหงส์มาพร้อมกับเขานั้นเอง

 

“ เหอะเหอะ ใช่หวังโม่หรือไม่ ? พี่ใหญ่ข้าชมชอบสถานที่แห่งนี้ของเจ้า หากว่าเจ้าแบ่งปัน เจ้าก็ ยังคงอย่าได้ปากแข็งเช่นนี้อีกเลย มอบสถานที่แห่งนี้ออกมาอย่างว่าง่ายก็มิใช่เรียบร้อยแล้วหรือ ? ไม่ใช่เพียงแค่สองพันห้าร้อยสะสมวิญญาณหรอกหรือ ? เจ้าหายใจเพียงคราเดียวก็ใช้ออกด้วยสะสมวิญญาณมากมายเช่นนี้ในการเช่าอยู่สวนแห่งนี้ สมควรไม่ขาดเงินสินะ ? ค่อยไปเช่าอีกที่ก็เรียบร้อยแล้วมิใช่หรือ ? “ ท่ามกลางผู้คนนับสิบ ชายหนุ่มด้านหน้าที่กำลังต่อปากกับหวังโม่อยู่นั้น ได้กึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มเอ่ยปากกล่าวออกมา

 

“ ฮา ฮา ฮา ทว่าพวกเราก็มีข้อแลกเปลี่ยน เช่นนั้นเจ้าก็เช่าสวนแห่งนี้ต่อไปอีกซักหลายเดือนแล้วละกัน มีพี่ใหญ่พวกเราคอยคุ้มครองเจ้า นับแต่นี้เจ้าเดินไปทั่วทั้งลัทธิแห่งดวงดาวก็จะไม่ถือว่าเป็นปัญหาอันใด ถ้าหากเจ้าไร้คนไร้กำลัง ต่อให้เช่าบ้านพักหลังนี้ต่อไปแล้วจะเป็นอย่างไร ? ไม่มีพี่ใหญ่พวกเราเข้าไปแย่ง แต่ก็ยังมีคนผู้อื่นเข้ามาแย่งอยู่ดี อย่างเจ้าที่เป็นไม่ได้แม้กระทั่งขยะไร้ค่า ก็อย่าได้ยึกแหล่งฝึกปรือที่ดีเช่นนี้เอาไว้เลย ………… ใช่แล้ว เช่นนั้นเจ้าก็เอาสะสมวิญญาณทั้งหมดมาให้แก่พวกเราเถอะ พวกข้าขอรับร้องว่าในช่วงเวลาตอนที่ลงมือจะไม่ทุบตีเจ้าให้ตายก็แล้วกัน “ คนอีกคนหนึ่งได้เอ่ยปากกล่าวออกมาด้วยความขบขันอยู่หลายส่วน

 

“ ฮา ฮา ฮา “

 

หลังจากที่สิ้นเสียง ผู้คนนับสิบก็ได้หัวเราะราวกับกำลังเย้ยฟ้าออกมา จากการค้นพบบ้านพักแห่งนี้มาแล้วสามวัน ในช่วงเริ่มต้น พวกเขายังคงใช้วิธีประนีประนอมชนิดหนึ่งออกมา คิดจะให้หวังโม่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา จากนั้นก็เข้าไปช่วงชิงบ้านพักโดยไม่สูญเสียอันใด เพียงแต่ว่าหลังจากที่หวังโม่ปฏิเสธไป บุคคลเบื้องหลังของพวกเขาเหล่านี้ที่เรียกว่าพี่ใหญ่ก็อดทนไว้ไม่อยู่ วันนี้ต่อให้ตายก็ออกคำสั่งออกมา ให้พวกเขาไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามก็ต้องเอาบ้านพักแห่งนี้มาให้ได้ อย่างน้อยพวกเขาก็ได้ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้วว่าหวังโม่ผู้นี้ไม่มีอันใด เป็นเพียงนักเรียนที่มาจากโรงฝึกเฟยหงส์เพียงคนเดียว ยังจะมีไม้ตายอันใดได้อีก ?

 

หวังโม่ในตอนนี้ใบหน้าเหลืองคล้ำ เหวี่ยงหมัดออกมาอย่างรีบร้อนวุ่นวาย เขากัดฟันมองไปยังบริเวณทางด้านหน้า ใบหน้าแสดงออกมาถึงความโกรธ ตอนนี้ ฝ่ามือของเขาก็ได้มีโลหิตไหลออกมาซิบซิบ ทันใดนั้น เขาค่อยส่ายศีรษะอย่างช้าๆ ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ พวกเจ้าต้องการที่จะเอาบ้านพักที่อยู่ด้านหลังของข้ามากถึงขนาดนั้น ก็ได้ ขอเพียงพวกเจ้ามีความสามารถเหยียบศพข้าเดินเข้าไปแล้วละก็ ขอเพียงพวกเจ้ามีความกล้ามากพอแล้วละก็ เช่นนั้น สถานที่แห่งนี้ก็มอบให้แก่พวกเขาแล้วจะเป็นไรไป ? “

 

“ ฮา ฮา เจ้ามิใช่เป็นเพียงแค่ขยะที่แม้แต่พลังขั้นก่อเกิดขั้นที่สามก็ยังไม่มีมิใช่หรือ เจ้ามีคุณสมบัติที่จะอวดดีต่อหน้าข้างั้นหรือ ? “ ชายหนุ่มใบหน้าวอกแวกเป็นผู้ที่เอ่ยปากออกมาก่อน และจากนั้นเขาก็กระทึบเท้าออกมาคราหนึ่ง ร่างกายหายวาบไปปรากฏอยู่บริเวณด้านหน้าของหวังโม่ ใช้ออกด้วยพลังฝ่ามือออกไป

 

“ เพี้ยะ “

 

เสียงที่ดังออกมานั้น คนที่จะกำลังจะลงมือทันใดนั้นด้านหน้าสายตาก็กลับมืดลง ถูกคนตบไปทีใบหน้าคราหนึ่ง ใบหน้าก็บวมขึ้นมาครึ่งหน้าในทันที

 

และในเวลาเดียวกัน ก็มีเสียงเย็นชากลางสนามดังออกมา “ เจ้าก็เป็นเพียงแค่ขยะไร้ค่าที่แม้แต่พลังขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่ก็ยังไม่มีผู้หนึ่ง เจ้ามีคุณสมบัติใดมาอวดดีต่อหน้าพี่น้องของนายน้อยเช่นข้ากัน ? “

.

.

.

.

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset