เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 075 มนต์ตราเงาอสูรมังกรฟ้า

ตอนที่ 075 มนต์ตราเงาอสูรมังกรฟ้า

 

 

“ ตูม ตูม ตูม “

 

บริเวณทั่วทั้งสนาม เงาร่างสองสายปะทะกันอย่างไม่หยุดยั้ง ทุกครั้งทุกคราที่ได้ปะทะเข้าหากัน ก็จะสามารถพบเห็นเงาหมัดกระแสลมจากเท้าของทั้งฝ่ายขยับอย่างไม่หยุดยั้ง ในการจู่โจมอันพลิกแพลงของท่าเท้า พลังโจมตีอันน่าหวาดหวั่นของการปะทะเข้าด้วยกันครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้บริเวณทั่วทั้งสนามเกิดสายลมฝุ่นคลุ้งขึ้นมา พลังเช่นนี้เป็นอะไรที่ไม่อาจที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

 

และบริเวณบ้านพักอื่นที่อยู่ภายในเขตข้างเคียง ในตอนนี้ก็มีการรวมตัวของเงาร่างนับไม่ถ้วน สายตาที่มองมานับไม่ถ้วนบรรจบอยู่ที่เงาร่างที่ตอนนี้กำลังปะทะกันอยู่ ความแข็งแกร่งระดับนี้ได้เข้าปะทะกันจนทำให้เกิดเสียงลอดออกมาดังโครมคราม แล้วยังมีการเคลื่อนไหวที่น่ากลัวอย่างที่สุดเช่นนี้อีก ต่างก็ทำให้ศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาวที่อยู่ในระดับอีกครึ่งก้าวเข้าสู่ขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้าเหล่านี้ต่างคนต่างก็ปรากฏสีหน้าตื่นตะลึง

 

หวังโม่ที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่บริเวณด้านหน้าของบ้านพัก สีหน้าตื่นตะลึงเหม่อมองไปที่ทั้งสองคนกำลังปะมือกันอยู่ เขาก็มองออกอยู่ว่า หากเทียบกับหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้แล้วละก็ พลังฝีมือของเยี่ยจงในตอนนี้ได้พัฒนาขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นในตอนนี้ที่เกิดการต่อสู้ขึ้นอย่างยาวนาน เขาก็ยังคงไม่เสียเปรียบแต่อย่างไร

 

เพียงแต่ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ การมีอยู่ของหลอหลงผู้นี้ก็ยังจัดอยู่ในอันดับที่สี่ของสิบสุดยอดฝีมือของสาขานอก

 

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เยี่ยจงที่พึ่งจะก้าวเข้าสู่ขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้า ต้องปะทะกับพลังอันแข็งแกร่งองหลอหลงเช่นนี้ คงไม่มีส่วนดีต่อเขามากนัก

 

“ ตูม “

 

จากนั้น ในช่วงเวลาที่หวังโม่กำลังเป็นห่วงอยู่นั้นเอง บริเวณท่ามกลางสนาม ได้มีเสียงดังออกมาจากการปะทะของพลังอันแข็งแกร่งอีกครั้ง และเงาร่างทั้งสองสายที่เข้าปะทะกันไม่รู้จบในตอนแรกนั้น ในครั้งนี้ก็ได้เกิดเรื่องที่น่าตกใจขึ้น และจากนั้นในเวลาเดียวกันก็เกิดลมคลั่งพุ่งถอยไปทางด้านหลัง

 

ตอนนี้ เสื้อผ้าไหล่ขวาของเยี่ยจงได้ถูกเผากระจาย หัวไหล่บรรจบแขนได้เผยให้เห็นถึงพลังที่เต็มเปี่ยมสายหนึ่งเผยออกมาผ่านกล้ามเนื้อ และผมเผ้าของหลอหลงในตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นยุ่งเหยิงไร้ที่เปรียบ เห็นได้ชัด ในช่วงเวลาที่เมื่อครู่ทั้งสองเข้าปะทะกัน เป็นการลงมือที่ไม่มีการหยั่งมือไว้ไมตรีเลยแม้แต่น้อยอย่างแน่นอน

 

“ มีความอดทนที่ดี เจ้าขยะหลี่ฝานนั้นแน่นอนว่าไม่อาจที่จะเป็นคู่มือของเจ้าได้ เพียงแต่ว่า ก็ไม่อาจจะมีอะไรมากไปกว่านี้แล้ว “ ดวงตาของหลอหลงในตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นตื่นตะลึงอยู่ส่วนหนึ่ง พลังฝีมือของเยี่ยจงทำให้เห็นว่า สามารถที่จะทำให้เขาถึงกลับหวาดกลัวขึ้นมาได้ ดูเหมือนว่าเด็กน้อยที่อายุยังน้อยผู้นี้ พลังฝีมือนับได้มีอยู่หลายส่วนที่เป็นของจริง

 

“ เชอะ “

 

ในเวลาต่อมา ดวงตาของหลอหลงก็ได้เปลี่ยนเป็นคมกล้าอย่างไร้ที่เปรียบในทันที เขาก้าวเท้าออกไป เส้นผมสีเงินที่อยู่เต็มศีรษะปลิวลู่ตามลมด้วยตัวมันเอง ไอพลังไร้รูปลักษณ์ได้แผ่กระจายออกมาจากภายในร่างกาย ถึงแม้เขาตอนนี้ยังมิได้เข้าสู่ขอบเขตวิทยายุทธ์ขั้นก่อฟ้า พลังปราณที่ฝึกฝนมา แต่ว่าเขาในขณะนี้ ราวกับเข้าใจแนวทางพลังอันแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ก็มิปาน

 

“ มนต์ตราเงาอสูรมังกรฟ้า “

 

สัญลักษณ์บนมือของหลอหลงเปลี่ยนคราหนึ่ง เสียงเฮ้อทุ่มต่ำดังออกมา เพียงพบเห็นสีของโลหิตไหลเป็นทางสายหนึ่งผ่านออกมาจากแขนของเขา จากนั้นพลังความอันหวาดกลัวก็แผ่ออกมาเข้าไปรวมกับร่างกายของเขาเข้าด้วยกัน เปลี่ยนเป็นเงามนตราเงาร่างมังกรราวอสูรสายหนึ่ง เสียงกรี๊ดร้องอย่างเจ็บปวดดังออกมา ให้ความรู้สึกขนลุกจนถึงที่สุดเคลื่อนไหวปกคลุมออกมา

 

และแล้วก็ปรากฏร่างที่ราวกับเงาอสูรร่างมังกร พลังกดดันของหลอหลงทั้งร่างได้เปลี่ยนเป็นมากกว่าเดิม เขาในตอนนี้ ราวกับการจุติของเทพสงครามก็มิปาน

 

เห็นได้ชัด การเคลื่อนไหวของหลอหลงผู้นี้ได้ใช้การสังหารที่แท้จริงแล้ว

 

“ ถึงกับใช้มนต์ตราเงาอสูรมังกรฟ้าเชียวหรือ ? ได้ยินมาว่ามีอยู่คราหนึ่งที่หลอหลงออกไปทำภารกิจสำนักได้รับทักษะยุทธ์โจมตีระดับล่างมา คิดไม่ถึงว่าจะมีพลังที่ร้ายกาจเช่นนี้ “ ศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาวโดยรอบเมื่อได้เห็นฉากเบื้องหน้า นัยน์ตาของแต่ละคนปกคลุมไปด้วยความตกใจ

 

“ ตูม “

 

ท่ามกลางเสียงตกใจของพวกเขา หลอหลงมองไปทางด้านของร่างเยี่ยจงด้วยสายตาดูถูกและเย็นชา หลังจากนั้นก็หัวเราะเสียงทุ่มต่ำคำหนึ่ง รอบประทับบนฝ่ามือเปลี่ยนไปคราหนึ่ง ก็พบกับเงาอสูรมังกรฟ้าตัดผ่าอากาศออกมา ราวกับเงาสายหนึ่งก็มิปาน เสียงพุ่งดังหวือเข้าหาบริเวณที่เยี่ยจงอยู่

 

เงาโลหิตทมิฬพุ่งปะทะเข้าหาเยี่ยจงไปทั่วทั้งร่างกายบนล่าง แล้วก็ปิดทางหนีทีไล่ของเขาอย่างแน่นหนา

 

ฉากเบื้องหน้า ได้ทำให้ยอดฝีมือทั้งสี่ทิศต่างก็ใบหน้าเปลี่ยนสี การโจมตีของหลอหลงผู้นี้ถึงกับน่าหวาดเกรงได้จริงถึงขั้นนี้ได้อย่างไร เกรงว่าต่อให้พบเจอกับยอดฝีมือที่มีพลังขั้นก่อเกิดขั้นที่หก เขาก็สามารถสู้รบด้วยพลังเช่นนี้หรือ ? ไม่แปลกใจเลยที่การมีอยู่ของห้าอันดับแรกของสิบสุดยอดฝีมือสาขานอกจะมีพลังฝีมือที่น่าหวาดเกรงไร้ที่เปรียบ การที่ในวันนี้ได้ดูหลอหลงลงมือ ถือเป็นบุญตาก็มิปาน

 

หวังโม่มองไปยังฉากเบื้องหน้าด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจ กับการโจมตีอันหน้าหวาดเกรงของหลอหลงเบื้องหน้านี้ ร่างกายของเยี่ยจงก็เห็นได้ชัดว่ามีอยู่หลายส่วนที่อ่อนแอลง

 

“ เหอะ นี้ก็คือศิษย์น้องเล็กเยี่ยจงที่พึ่งเข้าสำนักมาใหม่ของพวกเราใช่หรือไม่ ? เพียงแต่ว่า หากว่าแม้แต่กระบวนท่านี้ของหลอหลงก็ยังไม่อาจรับไว้ได้ละก็ คงจะมีส่วนที่ต้องกล่าวโทษวันเวลาที่ผ่านมาและชื่อเสียงของเขาเหล่านี้แล้ว “ ในระยะทางที่ดูแล้วห่างไกลจากบริเวณบ้านพัก ชายหนุ่มผู้นี้ที่สวมชุดฝึกยุทธ์สีเขียวกำลังมือไพล่หลังอยู่ จ้องมองไปอย่างดุดันไปทางสถานที่ด้านนี้ นัยน์ตาทอประกายขึ้นราวกับคำพูดเดียวหนักเท่าจิ่วจิ้ง(กระถ่างธูปจีนที่ทำจากเหล็ก)(หมายถึงคำพูดมีน้ำหนัก) “ ในบริเวณที่ระยะห่างไกลจากบ้านพักแห่งหนึ่ง มีชายหนุ่มเสื้อคลุมสีฟ้าผู้หนึ่งมือไพร่หลังอยู่ จ้องมองไปอย่างดุดันในที่แห่งนี้ นัยน์ตาเป็นเหมือนดั่งคำพูดเดียวหนักเท่าจิ่วจิ้งเป็นประกายออกมา

 

“ เหอะ แม้แต่หนึ่งในสี่คุณชายใหญ่แห่งรัฐเหรี่ยเทียนหวังเฉาคุณชายคงฮู่ยังต้องพรากพลั้งภายใต้น้ำมือของเขา ศิษย์พี่ หากท่านดูแคลนเขาแล้วละก็ เกรงว่าก็คงพลาดท่าได้เช่นกัน ต้องทราบว่า ตอนนี้ข้าไม่อยากที่จะมีข้อบาดหมางใดๆกับเขา “ ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของชายหนุ่มชุดฟ้าผู้นี้ นัยน์ตาทอประกายกล่าวออกมา

 

ที่แท้คนผู้นี้ก็คือซร่งเทียนศิษย์สายในของลัทธิแห่งดวงดาวนั้นเอง ภายในศิษย์สายในทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดคน จัดอยู่อันดับที่สิบเจ็ด

 

“ อ๋อ ? แม้แต่เจ้าก็ยังมองเขาสูงส่งถึงเพียงนี้หรือ ? เช่นนั้นข้าก็อยากจะดูว่า ศิษย์น้องเล็กใหม่เอี่ยมผู้นี้ของพวกเรา ที่แท้จะสามารถทำให้พวกเราได้รับความสุขแค่ไหนกัน “ ชายหนุ่มชุดฝึกยุทธ์สีฟ้ายิ้มขึ้น จ้องมองไปอย่างเงียบเชียบ

 

และในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางบ้านพักอื่นที่มีบ้านพักอยู่ไม่น้อย ก็มีคนออกมายืนอยู่บริเวณจุดสูงสุดจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า พวกเขาเหล่านี้ต่างก็เป็นศิษย์สายในโดยส่วนมาก สถานะในลัทธิแห่งดวงดาว โดยปกติแล้วจะไม่รวมกลุ่มอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น เพียงแต่ว่าถ้าเป็นศิษย์ที่พึ่งเข้ามาใหม่ผู้นี้ พวกเขาต่างก็รู้สึกแปลกใจอย่างเต็มเปี่ยมเช่นเดียวกัน

 

…………

 

ท่ามกลางสายตาที่ทอประกายจดจ้องมาด้วยแววตาหลากหลาย แววตาของเยี่ยจงยังคงดุดัน เขาเหม่อมองไปที่การโจมตีอันน่าหวาดหวั่นที่ตอนนี้กำลังพุ่งเข้ามาเสียงดังหวือ ภายในเงาอสูรร่างมังกร ได้หมุนวนไอพลังอันน่าหวาดเกรงจนถึงขึ้นสุดออกมา

 

เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า เยี่ยจงจู่ๆก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง และจากนั้นทันทีต่อมา ตราประทับในมือทั้งสองข้างของเขาก็เปลี่ยนไป เป็นการใช้ออกด้วยดัชนีพุ่งไปทางบริเวณด้านหน้าออกไป

 

“ ดัชนีเพลิงดาราคล้อย “

 

“ ตูม “

 

จู่ๆก็มีเสียงกระซิบอันแผ่วดังขึ้นมาภายในจิตใต้สำนึกของเยี่ยจง ทันใดนั้นก็พบว่า เกิดแสงสว่างออกมาเป็นพลังเพลิงสีแดงแผ่กระจายออกมาสายหนึ่งมาจากดัชนีของเยี่ยจง เยี่ยจงหันกายไปบริเวณทางด้านหลัง เพียงแวบเดียวก็มีปกคลุมดวงดาวผืนหนึ่ง ท่ามกลางดวงดาวนี้ ราวกับการก้าวเท้าของมังกรโบราณตัวหนึ่ง เพียงย่ำลงหนึ่งก้าว ฟ้าดินก็สั่นสะเทือน

 

หลังจากที่เยี่ยจงใช้ออกไปด้วยดัชนีนี้ เงาอสูรร่างมังกรนั้น ก็ได้เกิดรอยร้าวขึ้น

 

ในตอนที่ทั้งสองลงมือ ต่างก็เป็นยอดฝีมือที่มีพลังภายในขั้นก่อเกิดทั้งเก้าเท่านั้น แต่ว่า เพียงแค่ยอดฝีมือที่อยู่ภายในขั้นก่อเกิดขั้นทั้งเก้า ท่ามกลางการโจมตีที่มีความแข็งแกร่งขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้ เป็นที่แน่ชัดว่ามีเพียงทักษะยุทธ์ขั้นวิญญาณถึงจะสามารถมีความสามารถเช่นนี้

 

นี้คือการปะทะระดับสูงของทักษะยุทธ์ขั้นวิญญาณ

 

“ อะไรกัน ? “

 

บริเวณห่างไกล ชายหนุ่มชุดฟ้าที่เอาแต่ยิ้มก็ต้องร่างสั่นเทาในทันทีคราหนึ่ง นัยน์แต่แฝงไว้ความหมายยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น

 

“ ดัชนีเพลิงดาราคล้อย เด็กน้อยผู้นี้ถึงกับสามารถใช้ดัชนีเพลิงดาราคล้อย ? “

 

“ เป็นไปได้อย่างไรกัน ? “

 

ต่อให้เป็นซร่งเทียน ตอนนี้ใบหน้าก็ปรากฏความตกตะลึงออกมา วิชาลมปราณดาราคล้อยและดัชนีเพลิงดาราคล้อยถือได้ว่ามีชื่อเป็นถึงวิชาประจำลัทธิแห่งดวงดาวทั้งสองในสามชิ้น แต่ว่า ต่อให้พวกเขาศิษย์สาขาในเหล่านี้ ก็ยังทุ่มพันชะตาหมื่นความยาก ถึงจะมีวาสนาได้หนึ่งในสามวิชานี้

 

และเยี่ยจงผู้นี้ก็ดี เขาพึ่งมาที่ลัทธิแห่งดวงดาวกี่วัน ? เพียงลงมือคราเดียวก็ใช้ออกด้วยดัชนีเพลิงดาราคล้อยแล้ว ?

 

“ เป็นไปได้อย่างไรกัน “

 

เสียงร้องดังออกมาด้วยความเจ็บปวด และเป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้จิตใต้สำนึกของหลอหลงดังออกมา เขาแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นในฉากเบื้องหน้า รูม่านตาที่กำลังมองหดเล็กลงเรื่อยๆ แน่นอนว่าเขาก็คิดไม่ถึงว่า เยี่ยจงถึงกลับสามารถใช้ทักษะยุทธ์โจมตีในระดับที่เขาเองก็ยังไม่อาจเอื้อม

 

และเหล่าศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาวทั่วสี่ทิศ ถึงแม้จะมีบ้างที่ไม่เคยพบเจอพลังทำลายของวิชาดัชนีเพลิงดาราคล้อย แต่ก็เคยได้ยินมาว่าเป็นหนึ่งในรายชื่อของทักษะยุทธ์ประจำลัทธิในสามทักษะนี้ ในเวลานี้ มีศิษย์นับไม่ถ้วนที่สีหน้าต่างก็เปลี่ยนไป

 

“ ตูม “

 

ทันทีที่เกิดเรื่องขึ้นเวลาก็ผ่านไปเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ในตอนที่ทุกผู้คนกำลังอยู่ในอาการตื่นตะลึงทันทีอย่างไร้ที่เปรียบ ดวงดาวที่ตกลงมาจากฟ้าราวกับร่างมังกรลอยออกมา แล้วก็ได้เข้าปะทะอย่างรุนแรงกับมนต์ตราเงาอสูรมังกรฟ้านั้น

 

ทันใดนั้นเอง เสียงฟ้าร้องสะเทือนดินก็ดังลั่นออกมา ในบริเวณตำแหน่งระหว่างกลางของทั้งสอง มนต์ตรามังกรกับร่างมังกรไม่อาจหยุดได้อยู่ การเคลื่อนไหวที่แผ่กระจายออกมานั้นชั่งน่าหวาดเกรงอย่างที่สุด ทำให้พื้นดินเกิดรอยแยกออกมาเป็นสายจนมีขนาดใหญ่ออกมา

 

“ ตูมตาม “

 

การปะทะเช่นนี้ใช้เวลาไปราวการชงหนึ่งกาน้ำชาเท่านั้น และจากนั้นในทันใด เสียงแตกร้าวขนาดใหญ่สายหนึ่งก็ดีงออกมาจากบริเวณท่ามกลางของลาน

 

“ ใครเป็นผู้ชนะ “

 

ทันทีที่เสียงแตกร้าวนี้ดังออกมา การปะทะระหว่างมนต์ตรามังกรและเงามังกรโบราณได้หยุดนิ่งไร้การเคลื่อนไหวในทันทีเวลาเดียวกัน และในฉากนี้ ทำให้ท่ามกลางสนามเงียบเชียบขึ้นมาในทันที ผู้คนนำไม่ถ้วนต่างเงยหน้าขึ้นจ้องมอง แม้กระทั่งดวงตาก็ไม่กล้าที่จะกระพริบสักครา

 

“ ตูมตามตูมตาม “

 

สายตานับไม่ถ้วนมองลงมา ทันใดนั้นมนต์ตราเงาอสูรมังกรฟ้าก็ได้ปรากฏรอยแตกแยกออกมาเป็นสาย รอยแตกแยกเหล่านี้ได้ลอยกระจายอย่างรวดเร็ว ทว่าในพริบตาเดียว ก็ได้เป็นไปทั่วทั้งบริเวณบนล่างของมนต์ตรามังกร

 

“ เปรี้ยง “

 

ในตอนที่เสียงสายดังขึ้น มนต์ตราเงาอสูรมังกรฟ้าก็ระเบิดออกกระจุย ลอยหายสาบสูญไปในกลางอากาศ

 

และวินาทีนี้ เงามังกรโบราณลอยถาโถมขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

“ เจ้า ไม่ไหว “

 

เยี่ยจงจ้องมองไปอย่างดุดันที่บนร่างของหลอหลงอีกครั้ง และจากนั้นเขาก็ได้ค่อยๆส่ายศีรษะไปมา จากนั้นก็ใช้พลังดัชนีชี้ไปอีกครา

 

“ ตูม “

 

ร่างเงาโบราณขนาดใหญ่ได้สั่นไปทั่วทั้งร่าง ย่ำไปบนผืนฟ้าที่มีดวงดาวอยู่พุ่งเข้าไปกดดันบริเวณที่หลอหลงอยู่

 

ในตอนที่มังกรโบราณกำลังคำราม ความเคลื่อนไหวอันน่าหวานหวั่นที่ไม่อาจอธิบายได้ออมาอีกระลอก พลังอำนาจฟ้าดินได้เปลี่ยนแปลงขึ้นในตอนนี้ และและสีหน้าของศิษย์ลัทธิแห่งดวงดาวก็เปลี่ยนไป

 

เยี่ยจงผู้นี้ถึงกับมีความแข็งแกร่งได้ถึงในระดับเช่นนี้

 

พลังหยินขนาดใหญ่ได้แผ่ครอบคลุม สีหน้าของหลอหลงเปลี่ยนเป็นปั้นยากไร้ที่เปรียบ หนังตาของเขากระตุกไปมาไม่หยุด นัยน์ตาทอประกายครับอิจฉาริษยาไม่หยุดยั้ง ในขณะนี้เอง อารมณ์ความรู้ของเขาวุ่นวายอย่างถึงที่สุด และในเวลาเดียวกัน เขาก็สัมผัสได้ถึงความอันตรายอย่างที่สุดในแบบหนึ่ง

 

เป็นครั้งแรกที่ จิตใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกรับทราบได้ถึงความเลี่ยมล้ำต่ำสูง ความจริงแล้วเขาแทบจะไม่เห็นศิษย์สายในเข้าใหม่อยู่ในสายตาเลย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นดั่งภูเขาสูงลูกหนึ่งก็มิปาน ทำให้เขาไร้ซึ่งความหวัง ทำให้เขาไร้ความปลอดภัย

 

“ เยี่ยจง เจ้าแข็งแกร่งมาก แต่ว่า ต้องการที่จะเอาชนะข้านั้นมิได้ง่ายดายเช่นนั้นหรอก “ เสียงพูดที่ออกมาสั่นเครือ บริเวณบนร่างของหลอหลงนั้น ได้มีโลหิตไหลออกมาราวกับสายน้ำไหลสายหนึ่ง

.

.

.

.

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset