เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 076 บดขยี้

ตอนที่ 076 บดขยี้

 

 

โลหิตธาตุหยินและน้ำผสมกันภายใต้ไอพลังวิญญาณฟ้าดิน ราวกับเป็นพลังลี้ลับที่เคลือบอยู่บริเวณร่างกายของหลอหลง จากที่ดูแล้ว ราวกับร่างกายนี้ปกคลุมไปด้วยแสงสว่างสีโลหิตชั้นหนึ่งก็มิปาน

 

ประกายแสงเจิดจ้าปรากฏขึ้นมา บรรยากาศอันน่าหวาดกลัวของความลี้ลับอย่างสุดขีดได้แผ่ออกมาจากภายในร่าง จนทำให้ผู้คนสีหน้าเปลี่ยนไป

 

” นี้คือ…หลอหลงจะเอาไม้ตายก้นหีบออกมาใช้แล้ว ”

 

” หรือว่าเป็นกระบวนท่านั้น ? ”

 

ลูกศิษย์นับไม่ถ้วนของลัทธิแห่งดวงดาวทั้งสี่ทิศ จ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้าอย่างสงสัย และจากนั้นก็ต้องสูดหายใจคำหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าการประมือของเพลงยุทธ์ยังไม่ทันผ่านพ้นช่วงหนึ่งกาน้ำชาเดือด หลอหลงผู้นี้ก็ต้องใช้ไม้ตายก้นหีบออกมาแล้ว ดูเหมือน เขาก็ได้ถูกเยี่ยจงกดดันเต็มสิบส่วน

 

” ตูม ”

 

หลอหลงขบเคี้ยวเขี้ยวฟันแปรมือเป็นสัญลักษณ์ออกมา แล้วก็พบว่าร่างภายนอกปกคลุมไปด้วยโลหิตที่ส่องสว่างตามบริเวณร่างกายส่องแสงลอยเปลี่ยนรูปลักษณ์อย่างรวดเร็ว ในการเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้ายก็ได้เปลี่ยนไปราวกับเป็นดั่งกรงเล็บของมังกร และบรรยากาศที่แผ่ออกมาจากกรงเล็บที่ราวกับมีความคมชนิดที่เรียกได้ว่ามากจนขีดสุด ทำให้ดวงตาของผู้คนนับไม่ถ้วนต้องปวดแสบขึ้นมา

 

“ กรงเล็บมนต์ตรามังกร “

 

หลอหลงส่งเสียงดังเฮ้อต่ำๆดังออกมา ก็พบว่าได้ปล่อยหมัดในมือขวาออกไปปะทะ ทันทีที่กรงเล็บมนต์ตรามังกรนั้นได้เปลี่ยนเป็นส่องแสงสว่างสีโลหิตมาสายหนึ่ง มุ่งปะทะไปยังบริเวณทางด้านหน้าออกไปอย่างดุร้าย

 

” ตูม ”

 

แสงสีโลหิตสาดกระเซนทั่วอากาศ ท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วนที่จ้องมองมา ร่างเงามังกรโบราณที่มุ่งหน้ามาด้วยความดุร้ายเข้าไปบริเวณนั้น

 

“ พ่ายให้กับข้าซะ “

 

ตอนนี้หลอหลงส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บปวดออกมาอย่างสั่นครือ และจากนั้นกรงเล็บมนต์ตรามังกรก็ได้เปลี่ยนไปราวกับเป็นดั่งมังกรโบราณที่มีขนาดเล็กใหญ่ก็มิปาน หลังจากที่ทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง ช่างเป็นฉากที่น่าชมนัก

 

” ข้าบอกแล้ว เจ้า ไม่ไหว ”

 

เยี่ยจงสีหน้าไม่สนใจ มิใช่เพราะว่าหวาดเกรงการโจมตีของหลอหลงผู้นี้หรือว่ามีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์แต่อย่างไร เขาเพียงแค่ค่อยๆยกมือขวาขึ้นมา พลังดัชนีสายหนึ่งก็ได้พุ่งออกมา

 

” ก๊ง ก๊ง ก๊ง ”

 

ร่างกายมังกรโบราณหลังจากที่ลอยขึ้นหมุนวนอยู่บนท้องฟ้าขึ้นมา ราวกับเปลี่ยนเป็นหลุมดำหลุมหนึ่งก็มิปาน จากนั้นในบริเวณส่วนลึกของหลุมดำ ก็ปรากฏแสงสว่างขนาดใหญ่สีแดงเพลิงออกมาสายหนึ่ง ราวกับเป็นดาวขนาดใหญ่ที่กำลังตกลงมาก็มิปาน พลังอำนาจนี้ให้ความน่าหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบ จากนั้นก็เกิดเสียงสั่นเครือขึ้นมา

 

” เพล้ง เพล้ง เพล้ง ”

 

ดาวตกสีแดงเพลิงนี้ส่งเสียงดังหวือออกมา ร่างเงามังกรโบราณก็ได้เหยียบอากาศลอยเข้ามา วินาทีนั้น ก็ได้กับพลังอันมหาศาลสองสายเข้าปะทะกัน หลอหลงออกกระบวนท่าด้วยกรงเล็บมนต์ตรามังกร ปรากฏพลังอันดุดันอย่างไม่ขาดสายหนึ่งออกมา

 

เหม่อมองการโจมตีนี้ของเยี่ยจงที่ราวกับตัดผ่าต้นไผ่ต้นหนึ่งก็มิปาน นัยน์ตาของหลอหลงนั้นเต็มไปด้วยสีหน้าตกตะลึง เข้ากัดฟันแล้วกัดฟันอีก แล้วก็ใช้ฝ่ามือตบไปที่บริเวณหน้าอกของตนเองคราหนึ่ง วินาทีนั้น เลือดก็ได้พุ่งสาดกระเซ็นออกมาคำโต เพียงแต่ว่า วินาทีที่เลือดเหล่านี้กำลังสาดกระเซ็นออกมา แท้จริงแล้วยังมิอาจที่จะสามารถใช้ได้ในทันที ก็ถูกการโจมตีอันรุนแรงเข้ามาแปรเป็นไอน้ำสายหนึ่ง

 

” ตูม ”

 

ทันใดนั้นเอง ร่างเงามังกรโบราณและดาวตกสีเพลิงได้รวมเข้าด้วยกัน เป็นเหมือนเจตนาที่จะตัดสินอย่างเด็ดขาด ฉีกทำลายกรงเล็บมนต์ตรามังกรนั้น พุ่งเข้าใส่บริเวณหน้าอกของหลอหลงอยู่ดุดัน

 

“ ปุ ชิ้ง “

 

ในช่วงที่การโจมตีอันน่าหวาดกลัวราวกับการประทับจากฟ้าลงสู่ดิน พลังการป้องกันบริเวณร่างกายของหลอหลงก็ราวกับสูญสิ้นหายไปไม่สามารถใช้การได้ รอยประทับสีเลือดนั้นก็ได้หายไปในทันที จากนั้นหน้าอกของเขาก็ได้ยุบลงไป ร่างกายได้ล้มลงไปบริเวณทางด้านหลังอย่างรุนแรง จนที่สุดก็ล้มลงสู่พื้นดิน หลงเหลือไว้เพียงร่องรอยสายหนึ่ง และในเวลาหลังจากที่พยายามจะลุกขึ้นมา ร่างกายของหลอหลงก็ได้สั่นเทาคราหนึ่ง กระอักเลือดสดๆออกมาคำหนึ่ง

 

ตอนนี้เสื้อผ้าของหลอหลงขาดกระจุย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเขาขาวซีดจดจ้องไปยังบริเวณทางด้านหน้า ดาราคล้อยและดาวสวรรค์ได้ค่อยๆหายไป แต่ว่าพลังเข้าพึ่งเข้ามาในฉากนี้เมื่อครู่ กลายเป็นทำให้ร่างกายของเขาต้องค่อยๆสั่นเทาขึ้นมา ได้ทำให้ความมั่นใจและความภาคภูมิใจของตนเองต้องสั่นคลอนอย่างมากมาย

 

นี้ต้องเป็นพลังกดดันของพลังมหาศาลชนิดหนึ่งอย่างแน่นอน ทำให้เขาเข้าใจว่า เป็นที่แน่นอนว่าตนเองมิใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยจง

 

“ ซู่ “

 

ท่ามกลางการให้ความสนใจอันการต่อสู้อันนับไม่ถ้วนของศิษย์แห่งลัทธิแห่งดวงดาว ในตอนนี้แต่ละคนก็ได้ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจออกมาคำหนึ่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความยากที่จะเชื่อ และต่อให้เป็นเหล่าศิษย์สาขาในบริเวณอันห่างไกล ตอนนี้นัยน์ตาของแต่ละคนก็ได้มีหลายส่วนที่เริ่มเบื่อ ในช่วงเวลาที่ยังไม่ทันที่จะรับรู้ได้ถึงผลลัพธ์

 

เพียงแค่ครึ่งก้าว หลอหลงที่ใกล้จะสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นก่อเกิดขั้นที่หก”ชุ่ยกู่ชี” ยังต้องพ่ายแพ้ ? อีกทั้ง ยังพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือของผู้ที่เป็นศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาวที่พึ่งจะเข้าสู่ขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้าได้ไม่นาน ?

 

ในครั้งนี้ การพ่ายแพ้ของหลอหลงกับหลี่ฝานไม่เหมือนโดยทั้งสิ้น การพ่ายแพ้ของหลี่ฝานถึงแม้จะเกินกว่าการคาดเดาของคนมากมาย แต่ว่าก็ไม่อาจที่จะสามารถทำให้ตื่นตะลึงได้ถึงเพียงนี้

 

ทว่า การพ่ายแพ้ของหลอหลงนี้ กลับได้ทำให้ผู้คนไม่น้อยครุ่นคิดขึ้นมาทันที หากว่าไม่เห็นด้วยตาตนเอง จะมีผู้ใดเชื่อกัน

 

“ เชอะ เด็กน้อยผู้นี้ที่แท้ยากที่จะต่อกร “

 

บริเวณที่ห่างไกล ไม่ทราบว่าในเวลาใด ซูเสวียนที่ยืนอยู่ในบริเวณด้านบนของตึกสูงจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า นัยน์ตาทอประกายหนาวเย็นสายหนึ่ง หลังจากที่กลับมายังลัทธิแห่งดวงดาว ในฐานะที่เขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลซูแห่งห้าตระกูลใหญ่ แน่นอนว่าต้องทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลานั้นที่เมืองเจียงโจว ความจริงแล้วเขายังเตรียมการที่จะลงมือเก็บกวาดเด็กน้อยที่บังอาจลงมือต่อตระกูลซูผู้นี้ แต่ว่าเมื่อเห็นเช่นนี้ ยังคงระมัดระวังเขาไว้จะดีกว่า เยี่ยจงผู้นี้แท้จริงแล้วใช่ว่าจะสามารถต่อกรได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น

 

“ ร้ายกาจขึ้นอีกแล้ว ….. “

 

ซ่งเซ้าเฉิงกรอกนัยน์ตาจ้องมองไปยังจุดบริเวณห้องใต้หลังคานั้น แล้วก็พยักหน้าโดยที่ไม่รู้ตัว ถึงแม้พลังฝีมือของเขาดูแล้วจะอ่อนกว่าหลอหลง แต่ว่าเขากลับไม่มีความเกรงกลัวใดๆต่อเขา เพียงแต่ว่า เยี่ยจงถึงแม้จะสามารถจัดการกับหลอหลงได้เช่นนี้ก็ตาม แต่ว่าเห็นได้ชัดว่ามิได้จ่ายค่าตอบแทนอันใด ในข้อนี้จึงได้ทำให้ซ่งเซ้าเฉิงรู้สึกตะลึงเล็กน้อย

 

ท่ามกลางอารามก่อฟ้าในวันก่อน ถ้ามองตามที่ผู้คนทั้งหมดคาดคิดเอาไว้ว่าที่เยี่ยจงสามารถสังหารม่อฝานหลงได้ แต่ว่าม่อฝานหลงในเวลานั้นก็ได้รับบาดเจ็บมาก่อน เยี่ยจงก็ได้ใช้ออกมาวิชาลึกลับสร้างความบาดเจ็บให้อีกครา จึงจะสามารถสังหารได้ในกระบวนท่าเดียว เมื่อได้ทำความเข้าใจกับข้อนี้แล้ว คนประเภทซ่งเซ้าเฉิงก็ยังมีความหวาดกลัวต่อเยี่ยจง แต่ว่าก็มิได้ให้ความสำคัญมากนัก แต่ว่า เยี่ยจงได้เผยพลังฝีมือออกมาในวันนี้ ทำให้พวกเขาเหล่านี้มิอาจที่จะไม่ให้ความสำคัญได้

 

” เพียงแต่ว่าได้มายังลัทธิแห่งดวงดาวของเราในช่วงเวลาแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น เหตุใดถึงได้ครอบครองทักษะยุทธ์ดัชนีเพลิงดาราคล้อยกัน พวกเราอย่าพึ่งเดาสุ่มสี่สุ่มห้าเลย แต่ว่า เวลาภายในหนึ่งเดือนเพียงสั้นๆก็สามารถที่จะฝึกฝนทักษะยุทธ์ดัชนีเพลิงดาราคล้อยมาจนถึงขั้นนี้ได้ เยี่ยจงผู้นี้ ต่อกรด้วยยา หรือสมควรกล่าวได้ว่า ยุ่งยากอย่างที่สุด …….. “

 

บริเวณอันห่างไกล และซร่งเทียนยืนร่วมกับชายหนุ่มชุดฟ้าแล่าวกล่าวอย่างมีความหมายแอบแฝง

 

” เป็นไร เจ้าอดทนไม่ไหวหรอ อยากจะลงมือทดสอบด้วยตนเองสักคราเช่นนั้นหรือ ” ซร่งเทียนกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มกล่าว

 

” เหอะ ตอนนี้มีคนอยากจะทดสอบเขาอยู่ อย่างไรก็มาไม่ถึงรอบที่จะข้าลงมือหรอก ทว่าพวกเรายังสามารถดูได้ ศิษย์น้องเล็กมาใหม่ผู้นี้ของพวกเรา ที่แท้ยังสามารถแสดงความแข็งแกร่งขึ้นมาได้อีกหรือไม่ ยังคงต้องรอดูกันต่อไป… ต้องทราบว่า ลัทธิแห่งดวงดาวของพวกเรานั้นมิได้เงียบสงบดั่งที่ภายนอกเห็น ” หลังจากที่ชายหนุ่มชุดคลุมสีฟ้าครุ่นคิด และจากนั้นก็ยิ้มออกมาเบาๆ ทว่าถึงแม้ในน้ำเสียงจะไม่ค่อยให้ความสำคัญซักเท่าไหร่ แต่ว่านัยน์ตาของเขาก็ดูหนักแน่นอย่างถึงที่สุด

 

บริเวณด้านหน้าของลานบ้าน หวังในตอนนี้ค่อยคืนสติกลับมา และจากนั้นนัยน์ตาก็ปกคลุมไปด้วยความยินดีสายหนึ่ง ตอนนี้เยี่ยจงได้แสดงความสามารถออกมา เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้วยังทำให้เขาตกใจมากกว่า เกี่ยวกับพี่น้องของตนผู้นี้ เขานับได้ว่านับถือยกย่องอย่างสมบูรณ์

 

บริเวณท่ามกลางลาน เยี่ยจงก็ค่อยๆโบกมือคราหนึ่ง ดาวทั่วทั้งฟ้าก็ได้หายไป และจากนั้นความรู้สึกสายหนึ่งราวกับอสูรก็ได้ปรากฏอยู่ในลมปราณของเยี่ยจง

 

พลังอำนาจของดัชนีเพลิงดาราคล้ายนี้ ถือได้ว่านอกเหนือความคาดเดาของเยี่ยจงไปแล้วหลายส่วน ถึงแม้จะกล่าวว่าเป็นความสามารถของทักษะยุทธ์ขั้นวิญญาณที่สามารถจัดการพลังไอพลังฟ้าดินใช้ด้วยตนเอง แต่ว่าดัชนีเพลิงดาราคล้อยนี้เห็นได้ชัดว่ามิใช่ทักษะยุทธ์ขั้นวิญญาณระดับกลางธรรมดาอย่างแน่นอน พลังอำนาจของมันสมควรที่จะมีความใกล้เคียงกับทักษะยุทธ์ขั้นวิญญาณระดับสูงแล้ว พลังอำนาจระดับนี้ทำให้เยี่ยจงมีความพอใจเต็มสิบส่วน

 

กล่าวได้ว่านับตั้งแต่ที่เขาฝึกฝนมา ในช่วงวันเวลาที่ฝึกฝนดัชนีเพลิงดาราคล้อย ก็มิได้จำเป็นต้องฝึกฝนมากมายอะไรนัก และการเห็นถึงธรรมชาติออกมา ก็จะสามารถฝึกฝนเข้าสู่ดาราคล้อยในอีกหนึ่ง ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ดัชนีเพลิงดาราคล้อยต่อให้มีแข็งแกร่งมากกว่านี้ ก็ไม่อาจที่จะมีพลังได้ถึงเช่นนี้

 

หลังจากที่ฝึกปรือสำเร็จแล้ว หลอหลงผูนี้ก็ได้ส่งมอบมาให้ตนเองได้ทดสอบถึงที่ เขา ถือได้ว่าเป็นคนดีผู้นี้เลยทีเดียว

 

หลังจากที่ครุ่นคิดแล้ว เยี่ยจงก็หัวเราะคิกคักมองไปที่ใบหน้าซีดเผือดในตอนนี้ และร่างกายที่กำลังส่ายโอนเอนไปมาของหลอหลง รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งทวีความลึกล้ำขึ้นมา

 

เมื่อพบว่าเยี่ยจงในตอนนี้ยิ้มออกมา แต่ว่านัยน์ตากลับทอประกายเย็นเยียบไร้ที่เปรียบ หลอหลงตัดสินใจด้วยความสั่นเทา แล้วก็กัดฟันเอ่ยปากกล่าว “ เด็กน้อย ครั้งนี้ถือว่าเจ้าร้ายกาจ ทว่าพวกเราจะได้เห็นดีกัน “

 

กับสถานภาพของหลอหลง ยังถึงกับต้องอึดอัดใจ แต่ว่าคำพูดที่ไม่อาจที่จะอ่อนลงได้

 

“ได้เห็นดีกันงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงยิ้มแล้วมองไปที่เขา นัยน์ตาค่อยๆหรี่เล็กลง ทำให้หลอหลงรู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยอย่างที่สุดชนิดหนึ่ง

 

” ไม่เช่นนั้นเจ้ายังจะต้องการอันใด ? ” หลอหลงหนังตากระตุกคราหนึ่ง กัดฟันกล่าว

 

“ หรือว่าหลี่ฝานมิได้บอกต่อเจ้ากัน ? “ เยี่ยจงยิ้มคิกคิก อารมณ์ล้อเล่นเพิ่มมากขึ้น “ อีกทั้งเมื่อครู่ข้าก็ได้บอกไปแล้ว สะสมวิญญาณในตัวเจ้า นำมาพอหรือไม่ ? “

 

“ เจ้า “ ใบหน้าหลอหลงอยู่ในความตะลึง ร้องเฮ้อออกมาอย่างเจ็บปวด ถึงแม้เขาจะพ่ายแพ้ แต่ว่าก็มิใช่เพียงการต่อสู้เพียงครั้งเดียว แต่ว่าเขาก็คิดไม่ถึงว่า สุดท้ายเยี่ยจงกลับเอาเขาไปเทียบกับเจ้าขยะไร้ประโยชน์หลี่ฝานเช่นนั้น กระทั่งแม้แต่สะสมวิญญาณของเขาก็ยังต้องถูกรีดไถ ?

 

“ ชิร์ “

 

เยี่ยใบหน้าดุดัน จากนั้นก็ปรากฏสายลมหอบหนึ่งมาจากพลังดัชนีพุ่งทะลวงออกไป เข้าไปสู่บริเวณใบหูของหลอหลงโดยตรง จนทำให้ผมเผ้าของเขายุ่งเหยิงขึ้นมา

 

” ถึงแม้ ข้าจะไม่อาจสังหารเจ้าได้ แต่ว่า ข้ายังสามารถทำให้เจ้าพิการได้ ลัทธิแห่งดวงดาวมิได้มีข้อห้ามเช่นนี้ …… การฝึกฝนแม้นง่ายดาย ฝึกจนขั้นก่อเกิดขั้นที่หกไม่ถือว่าง่าย เจ้าว่า ใช่หรือไม่ ? ”

 

“ ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่จดจำชื่อเสียงของเจ้าแล้วละก็ คงถือว่าข้าไม่ให้เกียรติแก่เจ้าเลย เจ้าเป็นถึงสุดยอดยุทธ์อันดับสี่ของสาขานอกหลอหลง สถานภาพไม่ว่าอย่างก็ไม่ถึงกับตกต่ำเหมือนดั่งขยะไร้ประโยชน์หลี่ฝานผู้นั้น “

 

” ไสหัวไป ” หลอหลงใบหน้าแดงก่ำ กล่าวเสียงแหลพร่า ” เยี่ยจง เจ้าอย่าได้เอาข้าไปเปรียบกับเจ้าขยะไร้ค่าหลี่ฝานเชียวนะ เจ้าทำเช่นนี้แล้วแล้วก็ เจ้าคิดว่าเจ้ายังสามารถที่จะอยู่ภายในลัทธิแห่งดวงดาวได้ต่อไปหรืออย่างไร ? ”

 

” เมื่อวันก่อน หลี่ฝาน ก็ได้ข่มขู่ข้าเช่นนี้ ” เยี่ยจงยิ้มออกมา ทว่าจากนั้นเขาก็มิได้กล่าวมากความอีกต่อไป ทว่าก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ที่แท้ก็เตรียมที่จะจัดการเจ้าเด็กน้อยผู้นี้ให้พิการ

 

“ เจ้า “

 

สีหน้าของหลอหลงเปลี่ยนแปลง มองไปทางเด็กน้อยด้านที่ลื่นไหลไม่อาจเข้าใกล้ด้านหน้า ในที่สุดเขาก็กัดฟัน เก็บป้ายสะสมวิญญาณไว้ในมือ ในครั้งนี้ ถึงกับขายขี้หน้าผู้คนขายขี้หน้าจนถึงบ้านคุณย่าแล้ว

.

.

.

.

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset