เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 081 หยางเฮ้า

ตอนที่ 081 หยางเฮ้า

 

 

เยี่ยจงเดินขึ้นหน้าอยู่หลายก้าว สายตาจับจ้องไปด้วยความแปลกใจไปที่ชายหนึ่งหญิงหนึ่งคู่นี้

 

ชายหนุ่มมีลักษณ์สูงยาว อย่างน้อยก็สูงกว่าเยี่ยจงถึงหนึ่งศีรษะ สมควรมีอายุอยู่ในช่วงยี่สิบปีต้นๆ นับได้ว่ามีความแข็งแกร่งอยู่มากของช่วงอายุเช่นนี้ ใบหน้าของเขาให้ความรู้สึกที่สง่างามชนิดหนึ่ง ดังนั้น ถึงแม้เขาในตอนนี้จะมีร่างกายที่สูงใหญ่ แต่ว่าก็มิได้ทำให้ผู้อื่นรู้สึกกดดันแต่อย่างไร กลับกัน ขอเพียงได้พบกับเขาก็สามารถรับรู้สิ่งที่เขารู้สึกได้ เห็นได้ชัด คนผู้นั้สมควรที่จะเป็นคนที่มีนิสัยรักความเป็นธรรมคนหนึ่ง

 

และหญิงสาวผู้นี้มีร่างกายที่จัดได้ว่าผอมสูง และยังมีความอ้อนแอ้นที่อยู่ภายใต้ชุดฝึกยุทธ์ กล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่มีความเพรียบพร้อม ในระดับที่เต็มเปี่ยม และตัวนางเองก็คงทราบถึงข้อนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงใช้ชุดฝึกยุทธ์ที่มีขนาดใหญ่เพื่อที่จะปกปิดเอาไว้ และความงามของนางถึงแม้จะเทียบกับบุคคลเช่นซูหยี่ เซาซิงอาจจะด้อยกว่าหนึ่งขั้น แต่ว่าในใบหน้าอันเย็นชาเช่นนี้ ก็สามารถทำให้ผู้คนมีความสนใจได้ ต้องทราบว่า ความจริงแล้วชายหนุ่มจะชอบสิ่งที่มีราคาสูง ยิ่งครอบครองได้ยากก็ยิ่งดี ดังนั้นหญิงสาวเบื้องหน้าสายตาก็เปรียบเหมือนดังหญิงงามเย็นชาเป็นต้น ในหลายครั้งหลายคราก็สามารถที่ดึงดูดผู้คนได้อย่างมากมาย

 

ในช่วงเวลาที่เยี่ยจงได้มองไปที่ทั้งสองคน บุคคลที้งสองก็ได้มองไปทางด้านเยี่ยจงด้วยความสงสัยอยู่หลายส่วน เห็นได้ชัด เกี่ยวกับเยี่ยจงผู้นี้ที่พึ่งจะเข้าเป็นศิษย์น้องเล็กของสาขาใน พวกเขายังไงซะก็ต้องสงสัยอยู่บ้าง

 

พบว่าเยี่ยจงเร่งเข้ามา ซูหยี่ก็ได้ยิ้มออกมาก่อนคราหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปตบที่หัวไหล่ ถอนหายใจกล่าว ” เด็กน้อยเช่นเจ้านี้ก็อดให้เป็นห่วงมิได้ ข้าเพียงไม่พบเห็นคราหนึ่ง เจ้าก็จัดการหลอหลงจนอยู่ในสภาพเช่นนั้น เจ้าต้องทราบ เบื้องหลังหลอหลงก็ยังคงมีคนคอยหนุนหลังอยู่นะ ”

 

” งั้นหรือ ? แต่ว่าแล้วจะเป็นไร ? ” เยี่ยจงตอบด้วยแบบขอไปที

 

หลังจากที่เงียบงัน ซูหยี่ก็ไร้คำพูด จากนั้นนางก็ทำได้แต่เพียงส่ายศีรษะ นางเกือบจะลืมไปแล้วว่า กับฝีมือของศิษย์น้องเล็กของตนผู้นี้ แม้ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังหลอหลง ก็ใช่ว่าจะสามารถจะเอาเขาลงได้ ?

 

วันนี้หลิงเยวี่ยได้สวมชุดกระโปรงสีขาว บนใบหน้าอันขาวผ่องได้ถูกปิดซ่อนเอาไว้ เหลือไว้เพียงดวงตาคู่งามที่สามารถทำให้ผู้คนที่เห็นยังต้องมองดูมา นางเมื่อพบว่าเยี่ยจงกำลังเดินเข้ามา จากนั้นก็ราวกับหัวเราะอย่างไร้สุ่มเสียงอกมา ค่อยชี้ไปยังเยี่ยจงแล้วกล่าว “ คนผู้นี้เป็นสมาชิกคนสุดท้ายของพวกเราในครั้งนี้ ศิษย์น้องเยี่ยจง หลายวันมานี้ศิษย์น้องเยี่ยจง ถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมากมายภายในลัทธิแห่งดวงดาวของพวกเรา อีกทั้งเมื่อวานข้าก็ได้ลงมือทดสอบเขาด้วยตนเองแล้ว ดังนั้น เขานับได้ว่าเป็นบุคคลที่เหมาะที่ที่สุดในการออกไปทำภารกิจในครั้งนี้ “

 

หลังจากเงียบงัน ชายหญิงคู่นั้นก็พยักหน้าให้แก่เยี่ยจง แน่นอนว่า ชื่อเสียงของเยี่ยจงพวกเขาก็เคยได้ยินมาบ้างอย่างแน่นอน โดยปกติหลอหลงจะคอยรีดไถภายในลัทธิแห่งดวงดาวสาขานอกอยู่เป็นประจำ มีศิษย์ไม่น้อยที่มีอคติต่อเข้าอยู่หลายส่วน เพียงแต่ว่าก็หวาดเกรงผู้ที่หนุนหลังเขา ทุกผู้คนเลยไม่อยากที่จะลงมือ แต่เรื่องที่เยี่ยจงทำลงไป ก็เพียงพอที่จะทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นภายในลัทธิแห่งดวงดาวนี้

 

” ท่านนี้คือเฮ่าฟง ท่านนี้คือ หลู่ปิง ทั้งสองคนต่างก็เป็นศิษย์สายในของลัทธิแห่งดวงดาวของพวกเรา เพียงแต่ว่าทั้งสองคนโดยปกติจะเป็นคนที่ชั่งเลือก ดังนั้นจึงมิได้มีชื่อเสียงภายในลัทธิแห่งดวงดาวของพวกเรา แต่ว่าถ้าหากว่ามีคนกล้าดูแคลนพวกเขาแล้วละก็ ต่อจากนั้นคงไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่นัก ” หลิงเยวี่ยจดจ้อไปที่เยี่ยจงแล้วกล่าวอธิบายเสียงแผ่วเบา

 

หลังจากเงียบงัน เยื่ยจงก็ทอดสายตามองไปถึงหลู่ปิง เฮ่าฟงทั้งสอง จากนั้นก็คารวะแล้วกล่าว ” การเดินทางครั้งนี้ต้องรบกวนศิษย์พี่ทั้งสองดูแลให้มากๆแล้ว ”

 

” เหอะ เจ้าถึงกับจัดการหลอหฃงลงได้ เช่นนั้นภายในสาขาใน อย่างน้อยก็มีเกือบครึ่งที่มืใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าแล้ว ดังนั้นไม่แน่ว่าเมื่อถึงเวลายังคงต้องให้ศิษย์น้องคอยดูแลพวกเราแทนแล้วละ ” เฮ่าฟงยิ้มแล้วกล่าวออกมา

 

” ออกมาทำภารกิจด้วยกัน ความจริงแล้วก็เป็นเรื่องที่ต้องดูแลกันและกัน ” เยี่ยจงยังคงยิ้มแล้วกล่าวออกมา ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไร จนถึงตอนนี้หลู่ปิงที่เย็นเยียบดั่งน้ำแข็งผู้นี้ยังคงมิได้เอ่ยปากกล่าวออกมา เพียงแต่พยักหน้าเบาๆ ทว่าความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านสายตาของทั้งสองก็ถือได้ว่าไม่เลวเลย เห็นได้ชัดว่า ครั้งนี้ทุกคนออกไปทำภารกิจร่วมกัน น่าจะให้ความร่วมมือต่อกันได้ดี

 

” ใช่แล้ว ศิษย์พี่หญิงหลิงเยวี่ย ไม่ทราบว่าข้อเสนอของข้า ศิษย์พี่อีกทั้งสามท่านไม่ทราบทราบแล้วรู้ยัง ? ” จากนั่นเยี่ยจงก็ทำหน้าครุ่นคิด จึงเอ่ยปากถามอย่างอดห่วงมิได้

 

” เจ้าพูดถึงเรื่องของดอกหยินหยางใช่หรือไม่ ? ” เฮ่าฟงเงียบงันหยักไหล่ไปมา ” ของสิ่งนั้นความจริงพวกเราก็มิได้มีความสนใจอันใด สาวงามทั้งสามก็ไม่มีความคิดที่จะแก่งแย่งกับเจ้า ดังนั้น ของชิ้นนี้ก็เป็นของเจ้า เพียงแต่ว่าของสิ่งอื่นก็จะเป็นของพวกเรา ”

 

” นั้นย่อมแน่นอน ” หลังจากเงียบงัน เยี่ยจงก็ดยักหน้าอยู่หลายครา ขอเพียงสามารถได้รับดอกหยินหยางมาอยู่ในมือตน การออกทำภารกิจสำนักในครั้งนี้ เป้าหมายของตนเองก็ถือได้ว่าบรรลุแล้ว

 

” ดีละ ถ้าหากไม่มีปัญญาแล้วละก็ พวกเราก็ไปกันเถอะ ” เมื่อหลิงเยวี่ยเห็นว่าทุกคนไม่มีความเห็นเป็นอื่น จากนั้นก็พยักหน้า แล้วก็เตรียมพร้อมพาทุกคนจากไป

 

เพียงแต่ว่า ในช่วงเวลาที่ทั้งคณะเตรียมตัวที่จะยากไป บริเวณทางด้านหลัง จู่ๆก็มีเสีบงดังส่งผ่านมากับสายลมหอบหนึ่ง และจากนั้นก็พบห็นเงาร่างสายหนึ่งทะยานมาอย่างรวดเร็วจนถึงบริเวณด้านหน้าของทุกคน หลังจากนั้นจึงได้มองเห็นอย่างชัดเจน คนผู้นี้มีลักษณะสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนเยาว์คล้ายผู้หญิงอีกหลายส่วน

 

การปรากฏของชายหนุ่มผู้นี้ รูม่านตาของเยี่ยจงได้หดเล็กลงในทันที เนื่องจาก บนร่างกายของชายหนุ่มผู้นี้ ทำให้เขารับรู้ได้ถึงความรู้สึกอันตรายชนิดหนึ่งได้ เห็นได้ชัด ต่อให้อยู่ภายในลัทธิแห่งดวงดาวนี้ ผู้คนในตอนนี้เกินกว่าครึ่งก็มิใช่บุคคลอันธรรมดาอย่างแน่นอน

 

” หยางเฮ้าแห่งสาขาใน ” ซูหยี่ ที่ยืนอยู่บริเวณด้านข้างตอนนี้ใบหน้ากลับเปลี่ยนแปลงเป็นปั่นยากขึ้นมาหลายส่วน และจากนั้นก็เอ๋ยปากกล่าวออกมาเสียงเบา

 

หลังจากเงียบงัน เยี่ยจงนัยน์ตาก็ทอประกาย ก่อนหน้านี้ตนเองใช้ฝ่ามือตบเด็กน้อยหยางฟางจนลอยกระเด็น พี่ใหญ่ของเขาคงจะเป็นหยางเฮ้าผู้นี้แล้วละ ?

 

หลังจากที่ร่างกายหยางเฮ้าลงสู่พื้น เขาก็กวาดสานตาจ้องมองไปที่เยี่ยจง ใบหน้าได้ปรากฏความอบอุ่นอ่อนโยนและรอยยิ้มชนิดหนึ่ง ท้ายที่สุด ในช่วงเวลตอนที่เขาจดจ้องไปที่หลิงเยวี่ย ภายในดวงตาก็ทอประกายเจิดจ้าอย่างประหลาด

 

” เหอะๆ ศิษย์น้องหญิงหลิงเยวี่ย ได้เห็นพวกเจ้าเช่นนี้ คาดว่าคงจะออกไปทำภารกิจระดับสูงที่เจ้าไปรับมาใช่หรือไม่ ? เป็นไร ก่อนหน้านี้เรื่องที่ศิษย์พี่บอกต่อท่าน เจ้าลืมเลือนไปแล้วหรือ ? ” หวังเฮ้าจดจ้องไปที่หลิงเยวี่ย เอ่ยปากกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วงอย่างเต็มเปี่ยม

 

ความงดงามของหลิงเยวี่ยที่อัดแน่นอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้า เพียงแต่แค่นางชายตามองมาก็สามารถที่จะทำให้ผู้คนใจสั่นระรัวได้ เพียงแค่กวาดสายตาอย่างดุดันไปทางหยางเฮ้าคราหนึ่ง หลิงเยวี่ยก็หัวเราะแล้วกล่าว “ ขอบคุณในความเป็นห่วงของศิษย์พี่หยางเฮ้า ทว่าเกี่ยวกับการทำภารกิจในครั้งนี้ ผู้น้องก็มีความคิดเป็นของตนเอง พลังฝีมือของศิษย์พี่หยางเฮ้านับว่าเป็นที่ตกตะลึงของผู้คน หากว่าท่านได้ตามผู้น้องออกไปทำภารกิจในครานี้ด้วยละก็ เกรงว่าจะมีหลายส่วนที่ไม่ยุติธรรมนัก ดังนั้น หากในครั้งต่อไปพบเจอภารกิจที่ยากลำบากแล้วละก็ แน่นอนว่าผู้น้องจะไม่เกรงใจแน่นอน คำเชิญของศิษย์พี่หยางเฮ้าจะขอรับไว้ด้วยใจแทน ทว่าในครั้งนี้จึงอยากขอให้ผ่านเลยไป “

 

” แต่ว่า ข้าเป็นห่วงในความปลอดภัยของศิษย์น้องหญิงท่าน ” แม้แต่เยี่ยจงก็ฟังออกว่าถึงน้ำเสียงอันเยือกเย็นของหลิงเยวี่ยว่าอยากที่จะให้บุคคลประเภทนี้ออกไปห่างนับพันลี้ แต่ว่าราวกับว่าหยางเฮ้ามิได้ฟังออกมาก็มิปาน เขาจ้องมองไปที่ใบหน้าหลิงเยวี่ยด้วยความเป็นห่วง แล้วกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “ ถ้ำหงส์หย่ามิใช่สถานที่ปลอดภัยอันใด หากศิษย์น้องหญิงท่านไปที่แห่งนั้นแล้วเส้นผมร่วงหล่นแม้เส้นเดียว ศิษย์พี่เช่นข้าคงต้องเจ็บปวดใจอย่างที่สุดแล้ว ดังน้น ยังคงให้ศิษย์พี่ตามไปเถอะ อย่างมาก เมื่อไม่ถึงช่วงเวลาสำคัญ ศิษย์พี่เช่นข้าก็จะไม่ลง ดีหรือไม่ ? “

 

” ข้าก็อยากอยู่ เพียงแต่ว่าในครั้งนี้พวกเราไปทำภารกิจได้เลือกคนไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ต้องขออภัยไว้ด้วย “ นัยน์ตาของหลิงเยวี่ยได้ค่อยๆแข็งทื่อ จากนั้นก็ยิ้มออกมาแล้วเอ่ยปากตอบออกมา

 

” ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ” หยางเฮ้ายิ้มเล็กน้อย จากนั้นสายตาของเขาก็ค่อยๆมองไปที่อีกสี่คน จนกระทั่งในที่สุดก็หยุดอยู่ที่เยี่ยจง

 

” เหอะ ท่านนี่คงจะเป็นศิษย์น้องเยี่ยจงแล้วกระมั่ง ? ผู้น้อยหยางเฮ้า

 

หยางเฮ้าจ้องมองแล้วยิ้มให้ แล่วก็พบว่าเป้าหมาวของเขาได้ตกมาอยู่ที่เยี่ยจง สีหน้าของเฮ่าฟงและหลู่ปิงทั้งสองคนเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ยังมีอารมณ์ของซูหยี่ก็มิได้เปลี่ยนไปแต่อย่างไร อย่างน้อยจากที่หน้าที่หลิงเยวี่ยแสดงออกมา ก็ทำให้ผู้ที่เห็นสามารถทราบความหมายได้

 

” ที่แท้ก็เป็นศิษย์พี่หยางเฮ้า ” เยี่ยจงพอจะคาดเดาความในใจนี้ของหยางเฮาได้ ต่อมาเขาก็เอ่ยปากตอบอย่างรู้สึกไร้รสชาติ

 

” ถ้าหากเป็นศิษย์น้องเยี่ยจงแล้วละก็ ระหว่างข้าท่านก็ถือได้ว่ามีความสัมพันธ์กันเพียงเล็กน้อย ดังนั้น ข้าก็ไม่ขออ้อมค้อมแล้ว “ หยางเฮ้าเผยรอยยิ้มออกมาสายหนึ่ง “ ข้าเป็นห่วงในความปลอดภัยของศิษย์น้องหญิงหลิงเยวี่ยเป็นอย่างมาก ทว่า ถ้าหากนางได้เลือกสรรผู้คนไว้แล้วละก็ ข้าก็ไม่อยากให้นางลำบากใจ มิใช่หรือ ? ดังนั้น ข้าคิดว่า หากว่าศิษย์น้องเยี่ยจงเจ้ามอบตำแหน่งนี้เพื่อศิษย์พี่แล้วละก็ ศิษย์พี่ต้องมีสิ่งตอบแทนให้อย่างแน่นอน ต่อให้มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหยางฟางก็ให้แล้วกันไป ก็ไม่ถือว่ามีปัญหาอันใด อีกทั้งข้าขอรับรองว่า นับต้องแต่ตอนนี้เป็นต้นไปภายในลัทธิแห่งดวงดาวนี้ จะไม่มีผู้ใดกล้าที่จะลบหลู่ศิษย์น้องเยี่ยจงแน่นอน เป็นอย่างไร ? “

 

เยี่ยจงไม่แสดงความเคลื่อนตัวไหวใดๆ หัวเราะอย่างเย็นชาในจิตใจคราหนึ่ง เมื่อพบเห็นคนผู้นี้เอ่ยคำว่าหยางฟางสองคำนี้ขึ้นมา ก็รู้แล้วว่าเขาได้จับตาดูตนเองมาตั้งแต่แรก ทว่าวันนี้บังเอิญสบโอกาสลงมือ เพียงแต่ว่า การเดินทางในครั้งนี้ของเยี่ยจงมีเป้าหมายอยู่ที่ดอกหยินหยาง และเรื่องเช่นนี้ก็มิอาจที่จะให้ใครมาแทรกได้ ดังนั้นถ้าเขายอมทิ้งตำแหน่งในการเข้าร่วมภารใน ก็จะเหลือแต่ความเป็นไปไม่ได้แล้ว

 

ทว่าในช่วงเวลาในตอนนี้ เยี่ยจงก็ไม่คิดที่จะล่วงเกินหรือผิดใจกับผู้ใดในตอนนี้อีกแล้ว ต่อมาเขาก็ได้หยักไหล่ไปมาแล้วตอบ “ ศิษย์พี่หยางเฮ้า ข้าจริงๆแล้วอยากที่จะมอบตำแหน่งนี้ให้ท่าน ทว่าสิ่งที่ศิษย์พี่หญิงหลิงเยวี่ยเสนอมาให้กับข้านั้นถือได้ว่ามีราคามากมายมหาศาล มากจนข้าในตอนนี้ก็รู้สึกไม่ดีถ้าต้องปฏิเสธการนัดหมายนี้ของนาง ดังนั้น หากว่าต้องการตำแหน่งนี้จริงๆแล้วละก็ ขอเพียงศิษย์พี่หญิงหลิงเยวี่ยเอ่ยปากมา ก็ถือว่ายุติความร่วมมือในครั้งนี้ ดีหรือไม่ ? “

 

ยากนักที่เยี่ยจงจะเอ่ยคำพูดเกรงอกเกรงใจเช่นนี้ได้ ฉากเบื้องหน้านี้ทำให้ซูหยี่ที่เข้าใจในตัวเขาถึงกับงุนงันไปชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว หลังจากนั้นก็หัวเราะภายในจิตใจคราหนึ่ง ดูเหมือนว่าเยี่ยจงก็ฉลาดเฉลียวอยู่ เห็นได้ชัดว่าความวุ่นวายนี้ได้มาจากหลิงเยวี่ย เขาก็มิได้มีความหมายที่จะยื้อแย่งชิงสิ่งใดกับผู้อื่น

 

อีกทั้ง เยี่ยจงทำราวกับเหมือนส่งบอลลูกหนึ่งไปให้แก่หลิงเยวี่ย เพื่อที่เมื่อหยางเฮ้ามีปัญหาอันใด ก็ให้ไปไกล่เกลี่ยกับหลิงเยวี่ยเอง

 

หยางเฮ้าแน่นอนว่าฟังออกถึงความหมายในคำพูดที่ออกมจากเยี่ยจง ต่อมานัยน์ตาของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบขึ้นมาอยู่หลายส่วน หลังจากนั้นก็ได้จ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจง แล้วเขาก็ได้หันไปทางหลิงเยวี่ยแล้วยิ้มคราหนึ่งกล่าว “ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วละก็ ข้าก็มิอาจที่จะทำให้ศิษย์น้องเจ้าลำบากใจได้ ใช่หรือไม่ ? เพียงแต่ว่า ถ้าหากว่ามีคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริงแล้วละก็ ศิษย์น้องหญิงคงต้องลองทดสอบด้วยตนเองถึงจะทราบ โปรดอย่าถูกผู้คนปิดบังดวงตาทั้งคู่ เป่าหูผู้คนพวกนี้ อาจจะเป็นบุคคลที่หลอกลวงก็เป็นได้ “

 

หลิงเยวี่ยเงียบงันไร้คำพูด เพียงแค่ตอบรับแต่ก็มิได้กล่าวอันใด

 

” เช่นนั้น ข้าไปก่อนละ ” นัยน์ตาของหยางเฮ้าได้ทอประกายเย็นชาสายหนึ่ง และจากนั้นเขาก็หันกายจากไป

 

เพียงแต่ว่า ในเวลาเดียวกันกับที่หยางเฮ้าหันกายจะจากไป จู่ๆก็ปรากฏเสียงขึ้นที่มุมหนึ่ง มีเงาร่างมากมายเดินออกมา สายตาของคนเหล่านี้ได้มองไปทางเยี่ยจง บนใบหน้าแขวนไว้ด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม

.

.

.

.

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset