เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 089 แผนการไม่ธรรมดา

ตอนที่ 089 แผนการไม่ธรรมดา

 

 

“ หยู “

 

ในช่วงเวลากับที่เยี่ยจงได้ไหลเวียนลมปราณกระบี่หกสุสานขึ้นมาอย่างรวดเร็ว บริเวณด้านนอกของโอเอซิสที่เป็นทะเลทราย จู่ๆก็มีเสียงดังแหบพร่าดังขึ้นอึงอวนออกมา เมื่อเสวี่ยซือได้ยินเสียงนี้ ลมปราณภายในที่เป็นดั่งไอโลหิตก็ได้ค่อยๆแผ่ออกมา จากนั้นก็ได้ใช้สายตาอันเย็นเยียบจ้องมองไปทางด้านเยี่ยจง จากนั้นก็เคลื่อนไหวคราหนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้หายสาบสูญไปจากท่ามกลางท้องทะเลทราย

 

“ เด็กน้อย ครั้งนี้นับว่าเจ้ายังโชคดี ครั้งหน้าหากได้พบกัน จะเปลี่ยนให้เจ้าได้กลายเป็นผู้รับใช้โลหิตของข้า “ เสวี่ยซือจากไปไกลอย่างรวดเร็ว แต่ว่าเสียงก็ยังคงเย็นเยียบไร้ที่เปรียบ ได้ดังสะท้อนออกมาจากที่ห่างไกล ราวกับความน่ากลัวของภูมิผีปีศาจก็มิปาน ทำให้ผู้คนต้องขนลุกพองขึ้นมา

 

เยี่ยจงเหม่อมองไปทางด้านเงาร่างที่ถอนห่างออกไปของเสวี่ยซือผู้นี้ แต่ก็มิได้ไล่ตามออกไป ได้แต่ขมวดคิ้วไปมา พลังฝีมือของเสวี่ยซือผู้นี้ถึงแม้เยี่ยจงจะไม่จำเป็นต้องเกรงกลัว แต่หากต้องการที่จะรั้งเขาเอาไว้แน่นอนว่าต้องยุ่งยากเอาการอยู่ อีกทั้งบุคคลเช่นนี้ยังมีฝีมือที่อำมหิตอย่างที่สุด

 

ตามความคาดเดาของเยี่ยจง เสวี่ยซือผู้นี้ต้องเกิดมาในตระกูลของทหารหรือไม่ก็ต้องมีประสบการณ์การสู้ฆ่าฟันรบที่มากมายไม่รู้จบเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ เขาคงไม่อาจที่จะแข็งแกร่งได้จนถึงระดับนี้อย่างแน่นอน

 

หรือต่อให้เยี่ยจงคิดที่จะรั้งเขาเอาไว้ ไม่แน่ว่าคงต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนหนึ่งอยู่ไม่น้อย นี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เยี่ยจงไม่คิดที่จะไล่ตามไปสังหาร

 

“ รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา เสวี่ยซือผู้นี้เกรงว่ายังต้องยุ่งยากกว่าเสวี่ยซินอยู่หลายส่วน ทว่า พวกเขาที่แท้คิดที่จะอะไรในพื้นที่ไร้ความวุ่นวายแห่งนี้กัน…… “

 

ดวงตาของเยี่ยจงได้ทอประกายคราหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยหันกายมุ่งไปทางด้านของหินปีศาจ ดูเหมือนว่า สิ่งที่สมควรทำที่สุดเป็นอันดับแรกก็คือการเสาะหาดอกหยินหยาง เพื่อที่จะให้ตนเองได้ทะลวงเข้าสู่พลังขั้นก่อเกิดขั้นที่หก ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ หากต้องการที่จะหนีจากเด็กน้อยเหล่สนี้โดยที่ร่างกายยังอยู่ดีครบถ้วนคงจะยากเย็นอยู่ไม่น้อย

 

…………

 

บริเวณด้านหน้าของหินปีศาจ ตอนนี้กลิ่นคาวเลือดได้ค่อยๆจางลง ทั่วสี่ทิศได้มีเครื่องหมายสีดำอยู่ ความจริงแล้วพื้นที่ไร้ความวุ่นวายนี้ก็ถูกทำให้สงบลงมา ศพของปีศาจโลหิตสีดำนับไม่ถ้วนทั้งสี่ทิศและเศษซากอวัยวะได้รวมเข้าด้วยกัน ไอโลหิตพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา

 

เห็นได้ชัด หลังจากที่เยี่ยจงเข้าพัวพันกับเสวี่ยซือผู้นั้น ค่ายกลของหลิงเสวี่ยก็ถูกจัดตั้งสำเร็จ จนทำให้ปีศาจโลหิตจำนวนมากเหล่านี้ที่เข้าปะทะถูกสังหารลง เป็นอีกเหตุผลที่เสวี่ยซือต้องถอยจากไปกะทันหันเช่นกัน

 

บริเวณท่ามกลางในที่แห่งนี้ หลิงเยวี่ยและพวกทั้งสี่ก็ได้รวมกลุ่มกัน ดวงตาของพวกเขาทอประกายไปทางด้านที่เยี่ยจงพึ่งจากไป ในช่วงเวลาตอนที่พวกเขาต่อสู้ได้เพียงครึ่งเดียว ปีศาจโลหิตเหล่านั้นราวกับได้สูญเสียการควบคุมก็มิปาน ความเร็วและพลังได้ตกฮวบไปอย่างรวดเร็ว นี้จึงทำให้พวกเขาสามารถที่จะจัดการเรื่องยุ่งยากอันเล็กน้อยเหล่านี้ได้

 

“ เยี่ยจง เจ้าไปทำอะไร ? “

 

นัยน์ตาหลิงเยวี่ยทอประกายกะทันหัน ก็พบว่าร่างของเยี่ยจงได้เข้าไปยังใจกลางพายุทรายแล้ว

 

“ ปีศาจโลหิตเหล่านี้การมีอยู่ของมันสมควรเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดก็มิปาน ไม่มีความนึกคิดใดๆ และที่ด้านหลังของปีศาจโลหิตก็มีคนคอยควบคุมที่เรียกว่าเสวี่ยซือ ยากที่จะต่อกร ข้าไม่อาจที่จะรั้งเขาไว้ได้ “ เยี่ยจงมองไปยังท่ามกลางความวุ่นวายเบื้องหน้าสายตา ภายในใจก็มีความยากที่จะคาดเดาออกมา

 

“ เสวี่ยซือ ? “

 

คำพูดในตอนนี้ สีหน้าของหลิงเยวี่ยถึงกับเปลี่ยน ทว่าหลังจากที่นางใคร่ครวญดูแล้ว ก็ส่ายศีรษะเบาๆแล้วกล่าว “ ยอดฝีมือของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาข้านับได้ว่าทราบมาอยู่หลายส่วน แต่ว่าการที่จะควบคุมปีศาจโลหิตระดับล่างได้ เจ้าคนที่เรียกว่าเสวี่ยซือนั้นข้าไม่อาจนึกออกมาได้ ทว่า ในเมื่อเป็นลูกน้องของเสวี่ยซินผู้นั้น เช่นนั้นเสวี่ยซือผู้นี้สมควรที่จะมีความสัมพันธ์กับราชวงศ์ของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาอยู่หลายส่วน “

 

หลังจากเงียบงัน จากนั้นเยี่ยจงก็ได้ครุ่นคิดไปมา ค่อยเอ่ยปากกล่าว “ ศิษย์พี่หญิงหลิงเยวี่ย ท่านอย่าได้ว่าข้ากล่าววาจาตรงไปตรงมา สถานการณ์ในตอนนี้ คิดที่จะทำภารกิจสำนักของพวกเราคงมีความยากมากขึ้น ไม่ต้องกล่าวถึงภายในถ้ำหงส์หยาว่ามีอันตรายหรือไม่ ขอกล่าวถึงรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉานี้ ก็นับได้ว่ายากที่จะต่อกรแล้ว ครั้งพวกเรายังนับว่าโชคดี แต่ว่าถ้าหากในครั้งต่อไปได้เพิ่มคนจำพวกเสวี่ยซือเพิ่มขึ้นมาอีกคน ถ้าพวกเราคิดที่จะถอยไปโดยที่ร่างกายครบถ้วนคงยากเย็นเอาการ “

 

“ ถึงแม้พวกเราจะไม่ทราบว่า รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉานี้ที่แท้ต้องการที่จะมาทำอันใด แต่ว่าพวกท่านก็เห็นแล้ว เมืองเที่ยซาในวันนี้สมควรที่จะไม่หลงเหลือสิ่งมีชีวิตแล้ว “ หลิงเยวี่ยถอนหายใจ “ ดังนั้น ต่อให้พวกเราหันหลังถอยกลับในตอนนี้แล้วละก็ เกรงว่าคงจะช้าเกินไปแล้ว หากว่าข้าคาดเดาไม่ผิด สถานที่ทั้งหมดที่อยู่ไม่ห่างจากพื้นที่บริเวณทางเข้าออกไร้ความวุ่นวายแห่งนี้ รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาสมควรที่จะส่งทหารเข้ายึดครองแล้ว เพราะว่าพวกเขาได้ละเมิดข้อตกลงของทั้งสามรัฐทำการในพื้นที่ไร้ความวุ่นวายแห่งนี้ พวกเขาคงมิอาจที่จะให้พวกเราจากไปอย่างมีชีวิตแน่นอน เพื่อที่จะนำข่าวคราวแจ้งออกไป “

 

หลังจากเงียบงัน นัยน์ตาของเยี่ยจงก็ทอเป็นประกาย และหลังจากที่มองไปทางด้านซูหยี่ กล่าวตามตรง ผู้คนทั้งสี่คนในนี้ คนที่เขาวางใจที่สุดก็คงเป็นซูหยี่

 

เมื่อพบว่าเยี่ยจงได้กวาดตามองเข้ามา จากนั้นซูหยี่ก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ค่อยกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา “ เยี่ยจง ศิษย์พี่หญิงหลิงเยวี่ยกล่าวได้มิผิด พวกเราต่อให้หันหลังถอยกลับไปก็ถือว่าสายเกินการณ์แล้ว ทางที่ดีที่สุด มีเพียงก้าวต่อไปทีละก้าว อย่างน้อยพวกเราก็ได้ทราบว่ารัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาคิดที่จะทำอันใด เช่นนั้นพวกเราจึงจะมีโอกาส “

 

“ แต่ว่า พวกเราไม่มีอะไรที่เดิมพันได้เลย “ เยี่ยจงหยักไหล่ไปมา ตอนนี้ข่าวสารของพวกเราก็มิอาจเทียบได้รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา พลังฝีมือก็มิอาจเทียบได้ทั้งหมด กับสถานการณ์ที่คิดจะทำได้ก็มีแค่เพียงใช้สองมือคล้ำไปเช่นนั้นหรือ กล่าวอย่างง่ายๆก็เป็นดั่งคนที่เพ้อฝันอยู่หลายส่วน

 

หลิงเยวี่ยและซูหยี่ทั้งสองคนก็ได้ขมวดคิ้วเบาๆ เห็นได้ชัด สถานการณ์เบื้องหน้าต่อให้นับตามประสบการณ์ของพวกนาง ก็ยังรู้สึกได้ว่ายุ่งยากอย่างที่สุด

 

สีหน้าของเฮ่อฟงตอนนี้ก็ได้ปั้นยากขึ้นมา ปัญหาเบื้องหน้าที่ไม่สามารถแก้ไขได้แล้วละก็ ทุกคนในครั้งต่อไปก็มิอาจที่จะมีวิธีที่ดีอันใด

 

“ นอกเสียจากว่า ข้าจะทราบว่าเจ้าเด็กน้อยของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาเหล่านี้ต้องการที่จะทำอันใด “ ผู้ที่ไม่ได้เอ่ยอันใดตลอดทาง ราวกับภูเขาน้ำแข็งก็มิปานอย่างหลู่ปิงก็ต้องเอ่ยปากกล่าวเสียงแผ่วเบาอย่างกะทันหัน

 

“ อะไรนะ ? “ หลังจากเงียบงัน ทุกผู้คนต่างก็จ้องมองไปยังร่างของนาง นัยน์ตาปรากฏความสงสัยขึ้นมา

 

“ กล่าวกันว่า ท่ามกลางถ้ำหงส์หยา ได้มียอดฝีมือที่บรรลุขอบเขตของเซียนก่อฟ้านั่งบำเพ็ญอยู่ “ หลู่ปิงเกิดความลังเลแล้วกล่าว “ แต่ว่าข้าก็ไม่แน่ใจในข้อนี้ เพราะว่า ก่อนหน้านี้ตระกูลข้าเมื่อหลายปีก่อนได้บังเอิญได้พบเจอกับข่าวสารนี้ ในครั้งนี้เมื่อทราบว่าข้าออกมาทำภารกิจถ้ำหงส์หยา ทางตระกูลก็ได้ส่งข่าวสารนี้มา ให้ข้าพิสูจน์ข้อเท็จจริง “

 

“ ขอบเขตของเซียนก่อฟ้า “

 

เยี่ยจงหรี่ตาลงเล็กน้อย อย่างน้อยในดินแดนอาณาเขตของทั้งสามรัฐใหญ่นี้ ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสมควรที่จะมีสถานะที่เทียบเคียงดั่งราชาเลยก็เป็นได้ หากว่าการมีอยู่ของยอดฝีมือที่บำเพ็ญอยู่ในถ้ำหงส์หยาเป็นจริงแล้วละก็ เช่นนั้นการเคลื่อนไหวรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา ก็นับได้ว่าคลีคลายแล้ว

 

จุดที่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนได้นั่งบำเพ็ญอยู่ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่อาจเห็นข้อดีได้เลยสักข้อ

 

“ ถ้ากล่าวเช่นนี้แล้วละก็ พวกเราก็ต้องเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นกันแล้ว ถึงแม้ตลอดเส้นทางมานี้จะถูกขัดขวางอยู่ตลอด แต่ข้าไม่เชื่อว่า รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาจะสามารถที่จะขัดขวางหนทางในการเข้าสู่ถ้ำหงส์หยาได้ “ หลิงเยวี่ยค่อยๆเอ่ยปากกล่าวออกมา

 

“ หากเข้าสู่ถ้ำหงส์หยาแล้วละก็ ขอให้เสาะหาดอกหยินหยางให้ข้าก่อน “ หลังจากที่ครุ่นคิด เยี่ยจงก็ค่อยเอ่ยปากกล่าวออกมา

 

ทุกผู้คนต่างก็เหม่อมองด้วยสายตาสงสัย หลังจากที่เยี่ยจงเงียบไป ก็ค่อยหยักไหล่แล้วกล่าว “ ไม่ว่าพวกท่านจะเชื่อหรือไม่ ขอเพียงสามารถเสาะหาดอกหยินหยางได้ เช่นนั้นข้าก็จะมีวิธีที่ใช้เวลาสั่นที่สุดเพื่อทะลวงพลังเข้าสู่ขั้นก่อเกิดขั้นที่หก ……. พลังฝีมือในกลุ่มโดยรวมของพวกเราแม้จะไม่นับมากอ่อนแอ แต่ว่าถ้าหากต้องการที่จะต่อกรกับรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาแล้วละก็ ขอเพียงสามารถแข็งแกร่งขึ้นหนึ่งส่วน ก็ต่อกรได้มากขึ้นอีกหนึ่งส่วน

 

“ ขั้นก่อเกิดขั้นที่หก ? “ หลังจากเงียบงัน ทุกคนต่างก็ทอประกายสายแปลกประหลาดขึ้นมา โดยเฉพาะซูหยี่ นางถือได้ว่าเป็นผู้ที่รับทราบอยู่บ้าง ว่าก่อนหน้านี้ในช่วงเวลาที่อยู่ภายในท่ามกลางของอารามก่อฟ้า เยี่ยจงยังอยู่เพียงขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่ อีกทั้งหลังจากที่กลับมายังลัทธิแห่งดวงดาวในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน เขาก็บรรลุเข้าสู่ขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้า และในตอนนี้แม้จะกล่าวว่าถ้าสามารถครอบครองดอกหยินหยางก็จะเข้าสู่ขั้นก่อเกิดขั้นที่หกได้ ? เด็กน้อยผู้นี้ที่แท้ต้องการที่จะทำให้ผู้คนตกใจตายหรืออย่างไร ?

 

“ ดี “ หลังจากที่เงียบงัน หลิงเยวี่ยก็ได้พยักหน้าเบาๆ หลายวันที่ได้อยู่กับเยี่ยจงก็รู้สึกประทับอยู่ไม่น้อย นางถึงแม้จะทราบว่าฝีมือของเยี่ยจงนั้นไม่ธรรมดา สามารถกล่าวได้ว่าในคณะทั้งห้าคน พลังฝีมือของเขาสมควรที่จะมีความร้ายกาจมากที่สุด หากว่าเป็นไปตามที่เยี่ยจงกล่าวออกมาแล้วละก็ เช่นนั้นพวกเขาก็มีแต่ได้ไม่ต้องเสียอะไร

 

“ ในเมื่อรับปากแล้ว เช่นนั้นก็เร่งความเร็วกันเถอะ หากว่าปีศาจโลหิตเหล่านั้นไล่ตามมาทันแล้วละก็ เกรงว่าคงจะไม่อาจต่อกรได้อย่างง่ายดายแล้ว “ หลิงเยวี่ยโบกมือคราหนึ่ง ขณะนั้นคณะทั้งห้าคนก็ได้เข้าไปภายในส่วนลึกของพายุทรายอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด

 

ณ ถ้ำหงส์หยา บริเวณส่วนลึกของพื้นที่ไร้ความวุ่นวาย บริเวณพื้นที่ไร้ความวุ่นวายแห่งนี้ มิได้มีพื้นที่เป็นทะเลทรายแล้ว กลับกันก็ได้ปรากฏพื้นที่เขียวขจีขนาดใหญ่ผืนหนึ่ง

 

ใจกลางพื้นที่เขียวขจี ก็ได้มียอดเขาอยู่ลูกหนึ่งที่สูงตระหง่านใหญ่โต ยอดเขามีความสูงสุดลูกหูลูกตา เสียดเมฆา อีกทั้งบริเวณไหล่เขายังมีเมฆหมอกปกคลุมไว้อยู่ บดบังทัศนะวิสัยของผู้มองดูเข้าไป

 

กล่าวกันว่าบริเวณทางเข้าของถ้ำหงส์หยาตั้งอยู่บนยอดเขา ต้องการที่จะเข้าสู่ถ้ำหงส์หยา ก็จำเป็นที่จะต้องไต่เขาขึ้นไป

 

“ ซวบ “

 

ในช่วงเวลาที่เร่งเดินทางที่ผ่านมาทั้งสามวันมานี้ ร่างของเยี่ยจงและคณะก็ได้มาถึงบริเวณพื้นที่เขียวขจีผืนหนึ่ง และทันทีที่ฝ่าเท้าเหยียบย้ำไปที่พื้นที่เขียวขจี แววตาของพวกเขาก็ได้ปรากฏให้เห็นถึงความผ่อนคลายลงหลายส่วน

 

ในที่สุดก็มาถึง สามวันมาแล้วนับตั้งแต่เร่งเดินทางจากท่ามกลางผืนทะเลทราย แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่สบายแต่อย่างไร

 

เพียงแต่ว่า ทันทีที่ร่างกายได้เข้าสู่บริเวณด้านพื้นที่เขียวขจีแล้ว สีหน้าของเยี่ยจงและพวกก็ได้เปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน เปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด

 

ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวในตอนนี้ ถึงแม้จะมีการจัดกลุ่มรวมตัวกันของยอดฝีมือไม่น้อย ยอดฝีมือเหล่านี้สมควรที่จะมาจากแต่ละที่ที่มาจากรัฐใหญ่ทั้งสามแห่งนี้ เพียงแต่ว่า เห็นได้ชัดว่าพวกเขามิได้สนใจถึงการมาถึงของเยี่ยจงและพวกเลย และสายตาของแต่ละคนนั้นได้แสดงให้เห็นถึงความเร้าร้อนภายในดวงตาจ้องมองไปทางด้านยอดเขาตรงด้านหน้า

 

“ ดูเหมือนว่า คนเหล่านี้สมควรที่จะไม่ทราบ เส้นทางถอยหนีของพวกเขาได้ถูกรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาปิดตายไปแล้ว “ ตอนนี้ที่ได้เหม่อมองไปยังเหล่ายอดฝีมือมากมายเหล่านี้ หลังจากที่เยี่ยจงก็ได้หรี่นัยน์ตาลง ก็ค่อยเอ่ยปากกล่าวออกมา

 

“ ในการเปิดถ้ำหงส์หยาในครั้งนี้ อย่างน้อยสมควรที่จะเป็นคนของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาจงใจสร้างข่าวลือออกไป เพื่อที่จะดึงดูดยอดฝีมือมากมายเช่นนี้เข้ามา ทว่าเหล่ายอดฝีมือเหล่านี้อย่างน้อยก็คงไม่อาจทราบได้ การที่พวกเขามายังที่แห่งนี้ก็เป็นเพราะการชักนำของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาเท่านั้น ………… ทว่า รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉามีความเชื่อมั่นเช่นนั้นเลยหรือ ? พวกเขาจะสามารถที่จะจัดการกับเหล่ายอดฝีมือมากมายเช่นนี้ได้หรือ ? “ ซูหยี่ขมวดคิ้วเบาๆแล้วเอ่ยปากกล่าว

 

หลังจากที่เงียบงัน สีหน้าของเยี่ยจงและพวกก็ปั้นยากขึ้นมาให้เห็นอยู่หลายส่วน หากมองฉากเบื้องหน้าด้วยสายตาแล้วละก็ เห็นได้ชัดว่าแผนการของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉานั้นไม่นับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเลย แม้

 

“ เช่นนั้นพวกเราทำยังไงดี ? “ เฮ่าฟงขมวดคิ้วครุ่นคิดกล่าว

 

“ ได้แต่เพียงเดินหนึ่งก้าวมองหนึ่งก้าวแล้ว อย่างน้อยด้านหน้าของพวกเราสมควรถือได้ว่าปลอดภัยแล้ว แต่ทว่าหลังจากที่ถ้ำหงส์หยาได้เปิดออก พวกเราเพิ่มความระมัดระวังเพิ่มขึ้นหลายส่วน “ หลังจากที่หลิงเยวี่ยครุ่นคิด ก็ได้เอ่ยออกมาแผ่วเบา ตอนนี้พวกเขาไม่มีแม้แต่ทางถอยแล้ว ไม่ว่ารัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาที่แท้ต้องการจะทำอันใด เมื่อได้เข้าไปสู่ถ้ำหงส์หยาก็คงต้องหาวิธีกันอีกครา

.

.

.

.

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset