เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 099 ฆ่าสังหาร

 

ตอนที่ 099 ฆ่าสังหาร

 

 

“ เด็กน้อยหาที่ตาย ! เจ้าเด็กน้อยอยากตายแล้วงั้นหรือ “

 

ในตอนนี้เสวี่ยซินและพวกก็ได้แสดงถึงความความตกตะลึง แต่ละคนที่อยู่ในหน้าตาเยาะเย้ยออกมา ถึงแม้ว่าเยี่ยจงในครั้งนี้จะมิได้มีแผนการถอยแต่อย่างไร แต่ว่าจากการคาดเดาของพวกเขา ความจริงแล้วก็ไร้เดียงสาอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ก็มิได้จากการรนหาที่ตายอย่างง่ายๆเลย

 

“ ดัชนีเพลิงดาราคล้อย “

 

ไม่ได้มีความสนใจที่ผู้อื่นจะคิดเช่นไร ทันใดนั้นก็ได้ย้ำเท้าเดินออกไปราวกับมังกรโบราณกร้ำกราย เยี่ยจงก็ได้ชี้นิ้วออกไปอีกครา วินาทีนั้น ก็พบกับภาพที่ดูราวกับดาวตกลอยออกมา ดาวตกสีแดงเพลิงส่งเสียงร้องดังออกมา รวมกันกับเงาร่างมังกรโบราณเข้าด้วยกัน ก็ได้กลายเป็นประกายสีแดงเพลิงสายหนึ่งส่องสว่างส่งเสียงร้องดังออกมา

 

“ เปรี้ยง “

 

มีสายตานับไม่ถ้วนที่ทอประกายมองเข้ามาจากทั่วทั้งสี่ทิศ ในตอนที่ประกายสีแดงเพลิงกำลังส่งเสียงร้องออกมา ก็ได้เข้าพัวพันกับมนุษย์ใบหน้าอสรพิษอย่างดุเดือดเข้าด้วยกันแล้ว

 

“ ชิ้ง เช้ง “

 

เสียงของการโจมตีของทั้งสองสายที่เข้าปะทะกันในตอนนี้ กลับมิได้แผ่ขยายใหญ่โตขึ้นแต่อย่างไร แต่ว่าในตอนที่ปะทะเข้ากากันวินาทีนั้น ในขณะที่ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองจนตาค้างด้วยความตกใจอยู่นั้น เสียงของความเจ็บปวดอย่างไร้ที่เปรียบดังมาจากมนุษย์ใบหน้าอสรพิษ จากนั้นก็ได้ตัวสั่นเทาคราหนึ่ง และจากนั้นก็ได้เกิดรอยร้าวปรากฏขึ้นบนเงาของคมเขี้ยว จนกระทั่งท้ายที่สุดทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ก็ได้มองมาด้วยสายตาที่ยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น เมื่อได้ยินเสียงแตกจากรอยร้าวดังขึ้นมา

 

นี้ ? เป็นไปได้อย่างไรกัน ! ?

 

เยี่ยจงเพียงแค่คนเดียว ที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่หก จะสามารถที่จะใช้ทักษะยุทธ์ได้อย่างทรงพลังจนน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ ?

 

“ ผัวะ พลัก “

 

จากนั้น ยังไม่ทันที่ผู้คนรอบข้างจะตอบสนองกลับมา มนุษย์ใบหน้าอสรพิษก็ได้ถูกพลังโจมตีเข้ากระแทกอย่างรุนแรงอีกครั้ง ร่างกายของมันได้สั่นเทาขึ้นมาในทันที ใบหน้าขาวซีด จนกระทั่งในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะต้องกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง และไอพลังความน่าหวาดกลัวอย่างสุดขีดในตอนแรกก็ได้หายไป เห็นได้ชัดว่าถูกทำร้ายจนร่างกายบาดเจ็บ สาหัสไปจนถึงภายใน

 

“ ทักษะยุทธ์ขั้นวิญญาณระดับกลาง ! ต้องเป็นทักษะยุทธ์ขั้นวิญญาณระดับกลางอย่างแน่นอน …… “

 

มนุษย์ใบหน้าอสรพิษกระอักเลือดสีเขียวสดออกมาคำโต กรอกนัยน์ตาไปมาอย่างไม่หยุดยั้ง ถึงแม้ในชั่วชีวิตนี้ของมันจะเคยพบพานทักษะยุทธ์มามากมายก็ตาม แต่ก็เป็นได้เพียงแค่ทักษะยุทธ์ขั้นวิญญาณระดับล่างเท่านั้นเอง และเด็กน้อยเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ กลับสามารถที่จะใช้ออกมาด้วยทักษะยุทธ์ขั้นวิญญาณระดับกลางได้ด้วยงั้นหรือ ?

 

อีกทั้ง จากการคาดเดาของมนุษย์ใบหน้าอสรพิษ ความแข็งแกร่งของเยี่ยจงเมื่อใช้ออกมาด้วยกระบวนท่านี้ด้วยทักษะยุทธ์ระดับกลางแล้ว เกรงว่าแม้แต่พลังจากทักษะยุทธ์ที่ตนเองฝึกฝนมา ที่นับได้ว่ามีความน่าหวาดกลัวอยู่มากแล้ว อย่างน้อยก็ยังอยู่ในขั้นวิญญาณ

 

“ เป็นไปได้อย่างไรกัน ? เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ก็ชั่งร้ายกาจเสียนี้กระไร ถึงกับสามารถที่จะเรียนรู้ทักษะยุทธ์เช่นนี้ได้ ? “ มนุษย์ใบหน้าอสรพิษอดที่จะร่ำร้องออกมามิได้ ทักษะยุทธ์ที่ยากจะครอบครองเช่นนี้ แต่ว่าเยี่ยจงราวกับว่ามีไว้ในครอบครองแล้วอย่างน้อยก็สองวิชา และมันที่เป็นมนุษย์ใบหน้าอสรพิษเรียกขานตนเองว่าราชา ก็ยังมิอาจที่จะรับมือกับทักษะยุทธ์เช่นนี้ได้เลย ความห่างชั้นเช่นนี้ ได้ทำให้มนุษย์ใบหน้าอสรพิษเกิดความรู้สึกแทบคลั่งออกมา

 

“ หากว่าสามารถได้รับพลังฝึกปรือของเจ้าเด็กน้อยผู้นี้แล้วละก็ — “

 

ภายในจิตใจที่ไม่อยากจะยอมรับ จากนั้นก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นอาฆาตอย่างมาก มนุษย์ใบหน้าอสรพิษในตอนนี้ได้จ้องเขม็งมองไปด้านเยี่ยจง ให้รสชาติที่เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด หากว่าก่อนหน้านี้เขาต้องการที่จะกลืนกินเยี่ยจงแล้วละก็ เช่นนั้นในตอนนี้เขาก็ต้องการที่จะสูบแม้กระทั่งวิญญาณของเยี่ยจงเลย เพื่อที่จะได้ยืดครองทักษะยุทธ์นี้มาอยู่ในมือ

 

“ เชอะ “

 

หลังจากนั้น ภายในจิตใจของมนุษย์ใบหน้าอสรพิษก็ได้เปลี่ยนเป็นอาฆาตแค้นในทันที เยี่ยจงที่อยู่ไม่ห่างไกลมากนักก็ได้หัวเราะเสียงเย็นชาคำหนึ่ง นัยน์ตาหลั่งไหลออกมาด้วยรังสีฆ่าฟัน บนร่างของมนุษย์ใบหน้าอสรพิษ เขาสามารถรับรู้ได้ถึงรังสีฆ่าก่อนที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ได้ และตามนิสัยของเยี่ยจงแล้ว ในเมื่อได้ลงมือแล้ว แน่นอนว่าไม่มียั้งมืออย่างแน่นอน

 

ทันใดนั้นต่อมา เยี่ยจงก็ได้ตัดสินใจขยับกายคราหนึ่ง หลังจากที่ร่างกายขึ้นไปอยู่ท่ามกลางอากาศแล้วก็ได้ใช้ออกด้วยพลังราวกับมังกรทะยานออกมาจากท้องนภา กลายเป็นการจู่โจมอันร้ายกาจที่สุด รวดเร็วปานสายฟ้าปะทะเข้าหามนุษย์ใบหน้าอสรพิษ

 

“ ตูม “

 

ทันทีที่รับรู้ได้ถึงรังสีการฆ่าฟันและแรงกดดันที่มายังร่าง มนุษย์ใบหน้าอสรพิษก็ได้หน้าเปลี่ยนสีทันที ในตอนนี้มันก็ทราบดีแล้วว่าไม่อาจที่จะต่อกรกับเยี่ยจงได้แล้ว เช่นนั้น ก็ได้เตรียมการที่จะถอยกายหนีจากไป กล่าวด้วยเสียงเย็นชาออกมา “ เด็กน้อย วันนี้นับว่าเจ้าร้ายกาจ พวกเราก็คอยพบกันภายในถ้ำหงส์หยาเถอะ ครั้งหน้าที่พบกัน ข้าจะให้เจ้าตายอย่างไร้ที่กลบฝัง “

 

“ ไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว ในวันนี้ เจ้าก็จงทอดร่างอยู่ใต้ทะเลสาบแห่งนี้ซะเถอะ “

 

เยี่ยจงมองไปด้วยสายตาที่เย็นชา ท่ามกลางเสียงนี้ได้อัดแน่นเต็มไปด้วยความต้องการฆ่าฟันอย่างเข้มข้น แต่ว่ามนุษย์ใบหน้าอสรพิษผู้นี้ก็มิใช่ธรรมดาแต่อย่างไร หากว่าในครั้งนี้มิใช่ว่าตนเองสามารถเข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่หกได้แล้วละก็ เกรงว่าผู้ที่ต้องตายคงต้องเป็นตนเองแล้ว ทั้งนั้น กับคู่ต่อสู้เช่นนี้จึงมิอาจที่จะยั้งมือไว้ไมตรีเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นเมื่อวันเวลาผ่านเลยไปจนกล้าแกร่งคงจะยุ่งยากแล้ว เรื่องการที่จะปล่อยเสือกลับเข้าป่าเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เยี่ยจงมิชื่นชอบที่สุด

 

ในขณะเดียวกันกับตอนที่เยี่ยจงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น บริเวณดวงดาวใบท้องฟ้า ดาวตกสีแดงก็ได้ทอประกายขึ้นอีกครา และรวมตัวเข้าหากันจนเหมือนกับการโจมตีราวกับมังกรโบราณย่างกราย พุ่งตรงเข้าไปปะทะกับมนุษย์ใบหน้าอสรพิษโดยไม่มีแต่คำว่ายั้งมือ

 

“ เกราะวิญญาณอสรพิษ “

 

วินาทีที่ร่างได้รับการโจมตีอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ เลือดในกายมนุษย์ใบหน้าอสรพิษราวกับตอบสนองขึ้นมา กลิ่นอายของความตายชนิดหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาในหัวทันที ต่อมา มนุษย์ใบหน้าอสรพิษก็สั่นเทาคราหนึ่ง กู่ร้องออกมาด้วยเสียงร้องที่แสนเจ็บปวดออกมา

 

แสงสีเขียวส่องสว่างขึ้นมาเป็นวง ทันใดนั้นก็ราวกับมีเกราะป้องกันปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมอยู่บริเวณร่างของมนุษย์ใบหน้าอสรพิษ ราวกับเป็นการป้องกันอีกแบบหนึ่งก็มิปาน จนกระทั่งปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของเขา

 

“ ซูม “

 

ถึงแม้ ทันทีที่แสงสีแดงเพลิงสว่างขึ้นบนร่าง แสงวงกลมสีเขียวก็ราวกับพบกับเหล็กที่เข้าชนกับความไหลลื่นก็มิปาน ทันใดนั้นก็ได้สาบสูญไป หลังจากที่มนุษย์ใบหน้าอสรพิษมองไปด้วยความตื่นตกใจอย่างไรที่เปรียบแล้ว ก็ได้ถูกกระแทกไปยังพลังของทักษะยุทธ์ป้องกันบนร่างของเขา

 

“ ตายซะ “

 

เยี่ยจงนัยน์ตาเยียบเย็น ส่งเสียงดังเฮ้อเสียงหนึ่ง ราวกับเสียงอัสนีบาต

 

ในช่วงที่เสียงดังเฮ้อของเยี่ยจงสิ้นสุดลง ประกายเพลิงสีแดงก็ได้กระทบลงสู่ร่างกายของมนุษย์ใบหน้าอสรพิษ ไม่มีแม้แต่โอกาสให้เขายอมรับความผิดพลาดนี้

 

“ เปรี้ยง “

 

เสียงทุ่มต่ำดังขึ้นมา จากพลังภายในกายของมนุษย์ใบหน้าอสรพิษ และจากนั้นก็ราวกับว่าร่างกายของเขาพุ่งเข้าชนกับก้อนอุกกาบาตก็มิปาน จนถูกกระแทกกระเด็นไปทางด้านบนของทะเลสาบ แรงผลักดันนับพันชั่งในตอนนี้ ได้ทำให้พื้นผิวทั่วทั้งทะเลสาบในตอนนี้ได้แบ่งแยกออกมาจนกลายเป็นลักษณะสีขาวขนาดใหญ่ก็มิปาน และหลังจากที่มนุษย์ใบหน้าอสรพิษถูกกระแทกไปแล้ว ก็ได้ร่วงลงสู่ใต้ท้องทะเลสาบอย่างรุนแรง ทันทีที่ร่วงหล่นลงนั้น กระดูกทั่วทั้งสัพร่างกายก็ดังกรอบๆออกมา เลือดสีเขียวได้หลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายแผ่กระจายออกมา เห็นได้ชัดว่า หลังจากได้รับประทานกระบวนท่านี้ของเยี่ยจงแล้ว มนุษย์ใบหน้าอสรพิษก็ไร้ซึ่งเรียวแรงในการต่อสู้อีกต่อไปแล้ว

 

ทั่วทั้งบริเวณเงียบเชียบลง

 

มียอดฝีมือไม่น้อยที่ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตาไปมา ความแข็งแกร่งของมนุษย์ใบหน้าอสรพิษ ผู้คนมากมายท่ามกลางสนามแต่ละคนๆก็เข้าใจเป็นอย่างดี แต่ว่ายอดฝีมือเช่นนี้ ถึงกับจะถูกเยี่ยจงจัดการลงได้เพียงกระบวนท่าเดียว ฝีมือของเยี่ยจงผู้นี้ ก็ชั่งน่าหวาดกลัวเกินไปหลายส่วนแล้ว ?

 

หลังจากที่ครุ่นคิด มีผู้คนไม่น้อยที่อดไม่ได้ที่จะต้องกลืนน้ำลายลงไปคำหนึ่ง สายตาที่เหม่อมองเยี่ยจงอยู่ได้ทอประกายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของหวาดกลัวอย่างเข้มข้น

 

ต้องทราบว่า เมื่อครู่ที่มีผู้คนมากมายร่วมมือกัน แต่ก็ยังมิอาจที่จะมีชัยเหนือมนุษย์ใบหน้าอสรพิษได้

 

เยี่ยจงผู้นี้ แม้จะมิได้มีชื่อเสียงภายในลัทธิแห่งดวงดาวมากนัก คิดไม่ถึงว่าจะน่าหวาดเกรงจนถึงขั้นนี้ได้

 

เสวี่ยซินในตอนนี้ได้เปลี่ยนแปลงสีหน้าเป็นแปลกใจอย่างถึงที่สุด เขาจ้องมองไปทางด้านเยี่ยจงอย่างเอาเป็นเอาตาย นัยน์ตาได้ปรากฏความกลัวขึ้นมา และเสวี่ยสือที่อยู่บริเวณทางด้านหลังของเขาในตอนนี้ก็ได้มองเข้าไปด้วยดวงตาหดตัวลง ใบหน้ายังคงเหมือนเดิมกับก่อนหน้านี้ไม่ได้มีความรู้สึกรู้ร้อนรู้หนาวเลย

 

กลุ่มสี่กองกำลังโลหิตที่ไม่ไกลนัก ก็ได้มองไปเข้าไปด้วยสายตาที่แปลกใจในเวลาเดียวกัน เยี่ยจงที่มีชื่อเสียงล้ำลือว่าเป็นขยะ พวกเขาที่เป็นคนของรัฐต้าโจวหวังเฉานั้นก็เคยได้ยินมาบ้าง กระทั่งเป็นสิ่งที่น่าอับอายที่สุดในห้าตระกูลใหญ่มีมานับพันปี

 

แต่ว่า ในวันนี้ความสามารถที่แสดงออกถึงความแข็งแกร่งของเจ้าขยะเยี่ยจง ก็ได้ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นตระหนกได้จนถึงขั้นนี้ได้ เกรงว่าจะเหนือชั้นกว่ายอดฝีมือภายในตระกูลเสียด้วยซ้ำ พวกเขาคงต้องพิจารณาใหม่อีกครั้งเสียแล้ว

 

ผางเจี่ยที่จ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจง ในตอนนี้ราวกับงมเข็มในมหาสมุทรก็มิปาน นับตั้งแต่เขาพบเจอกับเยี่ยจงก็มิเคยดูแคลนเลยแม้สักนิดเดียว ถึงแม้จะเป็นวันก่อนในช่วงเวลาที่อยู่ที่อารามก่อฟ้า เขาก็ได้เสียท่าภายใต้น้ำมือของเยี่ยจงอยู่ไม่น้อยเลย แต่ว่า เยี่ยจงในวันนี้กับวันนั้นเมื่อเทียบกันแล้ว เหตุใดจึงได้แข็งแกร่งขึ้นมาหลายเท่าตัวนัก ? เกรงว่าอย่างน้อยๆก็ต้องมีซักสิบเท่าได้ละมั่ง ?

 

ช่วงเวลาสั้นๆเพียงหนึ่งเดือน เยี่ยจงผู้นี้ก็สามารถที่จะก้าวเข้าสู่ขั้นที่น่ากลัวได้ถึงเพียงนี้เชียว ? ในขณะนั้นเอง ผางเจี่ยก็ได้ตัดสินใจไว้ว่าไม่อาจที่จะต่อสู่ซึ่งๆหน้ากับเยี่ยจงได้อีกแล้วอย่างแน่นอน

 

หลังจากที่เยี่ยจงเข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่หกแล้ว จะมีความแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้เลยเชียวหรือ

 

เมื่อมีเขาอยู่ การเดินทางครั้งนี้ก็คงจะไม่ต้องได้รับความลำบากมากอีกแล้ว

 

ท่ามกลางบริเวณรอบด้าน เยี่ยจงก็ใจเย็นลงเหม่อมองไปยังพื้นที่ใต้ทะเลสาบขนาดใหญ่นี้ที่เต็มไปด้วยโลหิตของมนุษย์ใบหน้าอสรพิษ ทันใดนั้นเขาคิดที่ออกกระบวนท่าอีกครา กระบี่คงหมิงปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง และในช่วงท่เหม่อมองดูไปทางด้านมนุษย์ใบหน้าอสรพิษด้วยดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีฆ่าฟัน

 

“ อย่า อย่าได้ฆ่าราชาเช่นข้า ราชาเช่นข้า …… “

 

“ ซวบ “

 

บนใบหน้าของมนุษย์ใบหน้าอสรพิษเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทันทีที่มันเดาออกถึงความหมายในสายตาของเยี่ยจง ต่อมาก็ต้องกล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกักอย่างรวดเร็ว แต่ว่าคำพูดของเขายังไม่ทันทีจะกล่าวจบ กระบี่ในมือของเยี่ยจงก็ได้ถูกเสือกแทงออกไป ท่ามกลางสายตาที่กำลังกรอกตาไปมานับไม่ถ้วนนี้ ก็ได้แทงกระบี่ทะลุบริเวณหัวใจของมนุษย์ใบหน้าอสรพิษไปแล้ว

 

มนุษย์ใบหน้าอสรพิษแทบจะไม่เชื่อสายตาตนเอง ไม่ว่ามันจะคาดเดาอย่างไร ในชีวิตอันยาวนานของตน ก็เป็นเหมือนดั่งราชาในสถานที่แห่งนี้ แต่ว่าในวันนี้กลับต้องตายตกภายในน้ำมือของผู้เยาว์เพียงคนเดียว

 

ยอดฝีมือทั่วทั้งสี่ทิศเหม่อมองไปยังฝีมือและการลงมือของเยี่ยจง ใต้เท้าของแต่ละคนก็ได้แข็งทื่อราวกับถูกพลังกดดันเข้ามา บุคคลเช่นนี้ ถ้าหากไม่มีเรื่องด้วยแล้วละก็ ก็ยังคงอย่าได้ไปหาเรื่องจะดีที่สุดแล้ว

 

เยี่ยจงจดจ้องไปที่ลมหายใจสุดท้ายของมนุษย์ใบหน้าอสรพิษ จากนั้นก็ได้ชักมือกลับมา กระบี่คงหมิงที่ได้เสือกแทงไปยังร่างกายมนุษย์ใบหน้าอสรพิษหมุนวนอยู่คราหนึ่ง ก็ได้นำลูกแก้วปีศาจสีเขียวชิ้นหนึ่งออกมาด้วย ท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วนที่จ้องมองมา เขาก็ได้จับมันไว้บนมือ

 

จากนั้นก็ใช้มือถูลูกแก้วปีศาจไปมาเบาๆ เยี่ยจงยื่นลูกแก้วปีศาจให้แก่หลิงเยวี่ย กล่าวด้วยเสียงอันดัง “ ศิษย์พี่หญิงหลิงเยวี่ย ตามที่มันได้กล่าวออกมา ก่อนหน้านี้พวกศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาวของเราน่าจะตายตกภายใต้น้ำมือของมันแล้ว ในเมื่อตอนนี้ได้จัดการกับมันเรียบร้อยแล้ว ภารกิจของพวกเราก็นับได้ว่าเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ ? “

 

“ แน่นอนว่าถือได้ว่าจบสิ้นแล้ว “ ในขณะที่หลิงเยวี่ยคว้าไปที่ลูกแก้วปีศาจ ก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์อันหลากหลาย จากนั้นไม่ทันไรนางก็ได้เก็บลูกแก้วปีศาจเอาไว้

 

“ จบสุดก็ดีแล้ว เพราะว่าต่อจากนี้ …… “ เยี่ยจงมองไปโดยรอบ สายตาได้หยุดลงที่ร่างของเสวี่ยซิน นัยน์ตาได้ปรากฏรังสีการฆ่าฟันออกมาเป็นสาย……

.

.

.

.

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset