เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 100 ถ้ำหงส์หยา

ตอนที่ 100 ถ้ำหงส์หยา

 

 

“ เหอะๆ ศิษย์น้องเยี่ยจงช่างมากความสามารถเสียจริง แม้กระทั่งผู้ที่คุ้มถิ่นแห่งนี้อย่างมนุษย์หน้างูยังถูกศิษย์น้องเยี่ยจงเจ้าจัดการ ดูเหมือนว่าลัทธิแห่งดวงดาวคงจะได้ลาภลอยก้อนโตมาไว้ในมือแล้วสินะ มีทั้งหลิงเยวี่ยยังไม่พอ ยังมีเยี่ยจงเจ้าอีกคน …… “ เสวี่ยซินเมื่อพบว่าเยี่ยจงกำลังจ้องมองมาทางด้านตนเอง เขาก็ได้ขมวดคิ้วขึ้น แล้วก็ต้องยิ้มที่มุมปากคราหนึ่ง นำพาบรรยากาศอันเยียบเย็นหลายส่วนเอ่ยปากกล่าวออกมา

 

“ ช่างกล้าหาญเสียนี้กระไร …… “ เยี่ยจงยิ้มออกมา ทว่าในรอยยิ้มกลับมิได้เผยความอบอุ่นแต่อย่างไร ดังนั้นจึงมีแต่ความเยียบเย็น นั้นก็เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอะเจอ เยี่ยจงก็เข้าใจอย่างกระจ่างเป็นอย่างดี การเดินทางมาถ้ำหงส์หยาในคราวนี้ อันตรายเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งที่น่าหวาดเกรงมากที่สุดก็คือเหล่าคนที่มาจากรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา อย่างน้อยยอดฝีมืออื่นนั้น ต่อให้แข็งแกร่งได้อีก ก็ยังมิอายที่จะนำไปเปรียบเทียบกับเหล่าทหารม้านับพันหมื่นของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาได้ และวิธีการในการจัดการเรื่องราวต่อจากนี้ที่ดีที่สุดก็คือ จัดการสังหารเสวี่ยซินและเหล่ายอดฝีมือในที่แห่งนี้ซะ

 

หลังจากที่ผ่านห้วงคิดคำนึง หลังจากที่นัยน์ตาของเยี่ยจงก็ได้ทิประกายเย็นชามองเขม็งไปทางด้านเสวี่ยซินที่ตอนนี้กำลังปั้นหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มออกมา ทันใดนั้นเขาก็ก้าวเดินออกมาด้านหน้า กล่าวเสียงแผ่วเบา “ เสวี่ยซิน เจ้าในตอนนี้ไม่อยากที่จะลงมืองั้นหรือ ? พอดีพึ่งจะจัดการกับมนุษย์ใบหน้าอสรพิษไปตนหนึ่ง ยังไงซะข้าก็ต้องอ่อนแอลงส่วนหนึ่งอยู่แล้ว หากว่าลงมือสังหารข้าในตอนนี้ นับได้ว่าเป็นโอกาสที่เหมาะสมอย่างยิ่งของเจ้าแล้ว …… “

 

นัยน์ตาของเสวี่ยซินลอบสาดประกายอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความขัดแย้ง เยี่ยจงราวกับมองออกถึงความคิดของเขา ในตอนนี้คิดที่จะลงมือจัดการกับเขา แต่ว่า ภายในจิตใจก็ยังหวาดเกรงเยี่ยใจอย่างถึงที่สุดจนมิกล้าที่จะทดสอบพลังของเยี่ยจง ?

 

หลังจากที่สบตากับเยี่ยจงไปแล้ว เสวี่ยซินก็ค่อยเผยรอยยิ้มแล้วกล่าวออกมา “ ศิษย์น้องเยี่ยจงล้อเล่นแล้ว หากว่าศิษย์น้องเยี่ยจงเจ้าเป็นบุคคลที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายแล้วละก็ มนุษย์ใบหน้าอสรพิษจะตายโดนที่ตายตาไม่หลับได้อีกหรือ …… ถึงแม้ข้าอยากที่จะต้องการปะมือกับเจ้าสักคราก็ตามที แต่ว่าตอนนี้ก็ยังมิใช่เวลาที่เหมาะสม แต่ในไม่ช้านี้ จะต้องมีโอกาสอย่างแน่นอน …… “

 

หลังจากที่สิ้นเสียง เสวี่ยซินก็โบกมือคราหนึ่ง ก็ได้นำพายอดฝีมือมากมายนับไม่ถ้วนของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาพุ่งทะลวงเข้าไปสู่ทางเข้าของถ้ำหงส์หยาในทันที การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเช่นนี้ ราวกับว่าเกรงกลัวเยี่ยจงอย่างแน่นอนก็มิปาน

 

เมื่อยอดฝีมือมากมายนับไม่ถ้วนมองไปยังฉากเบื้องหน้า วินาทีนั้นนัยน์ตาของแต่ละคนก็ต้องปรากฏความงุนงงอยู่หลายส่วน

 

เยี่ยจงเหม่อมองไปยังเงาร่างที่กำลังเรือนหายไปของเสวี่ยซิน เขาก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นเบาๆ ถึงแม้ว่าเขาอยากที่จะสังหารเสวี่ยซินให้ได้ เพื่อที่จะได้ตัดปัญหาที่คอยกัดกร่อนจิตใจนี้ แต่ว่าก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กน้อยผู้นี้จะฉลาดเช่นนี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ยังสามารถที่จะอดทนไม่ลงมือออกมาได้

 

และในเมื่อเขาไม่ลงมือในสถานการณ์เช่นนี้แล้ว หากว่าตนเองฝืนใจลงมือ ไม่แน่ว่าอาจจะได้เข้าไปเป็นเหยื่อในแผนการของเขาก็เป็นได้ ควรทราบว่า ในตอนนี้ยอดฝีมือทั้งหลายไม่แต่เพียงแค่เกรงกลัวตนเอง หากว่ากระทำออกมาอย่างแข็งกร้าวจนเกินไปแล้วละก็ เกรงว่าคงจะมิใช่เรื่องที่ดี

 

ดังนั้นในตอนนี้ หลังจากที่ที่ได้ครุ่นคิดคำนึงแล้ว เยี่ยจงก็ได้ตัดสินใจที่จะไม่ออกไปไล่ฆ่าสังหาร เพียงแต่สั่นเทาร่างคราหนึ่ง แล้วก็ได้จงใจที่จะกัดลิ้นของตนเอง กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง ร่างกายล้มลงอยู่บนเกาะน้อย

 

หลังจากที่เสวี่ยซินเห็นว่าเยี่ยจงเป็นเช่นนี้ อีกทั้งยังกระอักโลหิตและถอยออกไป ยอดฝีมือที่ความจริงหวาดเกรงเยี่ยจงอย่างสุดขีด ในตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนกลับกลายเป็นปล่อยวางลงแล้วหลายส่วน

 

หากว่าเยี่ยจงในตอนนี้แสดงออกเหมือนดั่งไม่มีเรื่องราวใดๆแล้วละก็ เกรงว่าในตอนนี้พวกเขาคงต้องวิเคราะห์แล้วว่า จะทำอย่างไรเกี่ยวกับการแย่งชิงสมบัติ หรือว่าจะเป็นร่วมมือกันจัดการเยี่ยจงไปก่อนดี

 

มีเพียงแค่หลิงเยวี่ย ซูหยี่และพวกที่พอจะเข้าใจนิสัยของเยี่ยจงอยู่หลายส่วน ในตอนนี้เห็นความเคลื่อนไหวของเขา แต่ละคนก็ได้เลียริมผีปากเบาๆ ว่าเด็กน้อยเหล่านี้จะตกหลุมพรางของศิษย์น้องเล็กผู้นี้หรือไม่ แต่ก็คร้านที่จะกล่าวออกมาได้อยู่ดี

 

“ เหอะ คิดไม่ถึงว่าลัทธิแห่งดวงดาวจะมีผู้มากความสามารถเช่นน้องชายออกมาได้ นับถือๆ “ หนึ่งในสี่กองกำลังโลหิตจ้านหวัง คนที่เป็นผู้นำนั้นก็ได้ก้าวขึ้นมา ปรบมือหลายคราในที่ห่างไกลให้แก่เยี่ยจง ยิ้มแล้วกล่าว “ น้องชาย พวกเราต่างก็เป็นคนของรัฐต้าโจวหวังเฉา หากว่าเมื่อถึงเวลาอันสมควรแล้วละก็ จะไม่ลองร่วมมือกันสักคราสองคราหรอกหรือ “

 

เยี่ยจงกวาดสาดตาไปมองหลิงเยวี่ยและพวกคราหนึ่ง จากนั้นก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ทำมือคราวะคราหนึ่ง “ หากว่ามีความต้องการจริงๆแล้วละก็ แน่นอนว่าต้องขอความช่วยเหลือจากท่านแน่นอน “

 

“ เหอะ เหอะ เหอะ ข้านั้นถึงได้ว่าชมชอบศิษย์น้องที่ว่ากล่าวอะไรง่ายๆเช่นเจ้านี้แหลาะ หากว่าวันหน้ายังมีโอกาส ก็มาที่โรงฝึกจ้านหวังพบปะกันสักครา แต่ว่าในวันนี้ข้าก็ไม่ขอเกรงใจก็แล้วกัน ขอตัวเข้าไปก่อนละ “

 

หลังจากที่สิ้นเสียง สี่กองกำลังโลหิตโบกมือในเวลาเดียวกัน ก็ได้นำพาเหล่ายอดฝีมือเข้าไปทางด้านในโดนทันทีทันใด

 

และเมื่อพบเห็นยอดฝีมือสองกลุ่มที่เข้ามายังถ้ำหงส์หยาทางด้านหลัง ดวงตาของยอดฝีมือของทั่วทั้งสี่ทิศก็ได้สาดประกายขึ้นมา แต่ละคนก็ได้เริ่มที่จะขยับกายคราหนึ่ง แล้วก็เข้าสู่ภายในท่ามกลางของถ้ำหงส์หยา

 

เวลายังไม่ทันผ่านพ้นช่วงชั่วหนึ่งถ้วยน้ำชาเดือด เหล่ายอดฝีมือต่างก็ได้เข้าไปอย่างวุ่นวาย

 

“ ศิษย์น้องเยี่ยจง พวกเราตอนนี้ทำอย่างไรดี ? “ หลิงเยวี่ยมองไปทางด้านเยี่ยจงคราหนึ่งแล้วเอ่ยปากถาม ราวกับว่าการตัดสินใจเหล่านี้ต่างก็ได้เยี่ยจงมิใช่นางก็มิปาน

 

“ ศิษย์พี่หญิงหลิงเยวี่ยท่านตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ? “ เยี่ยจงมิได้เร่งรีบที่จะเข้าสู่ถ้ำหงส์หยา จนกระทั่งหลังจากที่เสวี่ยซินและพรรคพวกเข้าไปได้ซักพักแล้ว เยี่ยจงไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่เตรียมการแต่อย่างไรในการเข้าสู่ถ้ำหงส์หยาในสถานการณ์เช่นนี้ ดังนั้นทางด้านของพวกเขามิใช่ไม่ได้วางแผนเอาไว้ เยี่ยจงก็ไม่คิดที่จะเข้าไปยังถ้ำหงส์หยาอย่างง่ายดายแน่นอน

 

“ ให้เวลาพักฟื้นแก่ข้าซักหนึ่งชั่วยามก็เพียงพอแล้ว ข้าเพียงแต่แค่ใช้พลังสมาธิมาจนเกินไป ทว่า ในเวลาตอนนี้แล้วละก็ เกรงว่า ……. “ เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลิงเยวี่ยก็ได้มองไปยังด้านทางเข้าคราหนึ่ง

 

ถึงแม้จะไม่ทราบว่าถ้ำหงส์หยาแห่งนี้ที่แท้แล้วมีต้นกำเนิดมาจากอะไร และจากที่หลู่ปิงกล่าวมาว่ามียอดฝีมือที่มีพลังในขอบเขตเซียนนั่งบำเพ็ญอยู่จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ว่าถ้าหากยังรอคอยอยู่ที่ด้านนอกอีกเพียงแค่หนึ่งชั่วยามแล้วละก็ เกรงว่าสิ่งของภายในก็คงจะต้องถูกกวาดจะสะอาดสะอ้านไม่เหลืออย่างแน่นอน

 

หลังจากที่เยี่ยจงครุ่นคิดแล้ว ก็พลิกมือคราหนึ่ง หลังจากที่โยนขวดโอสถให้แก่หลิงเยวี่ยแล้ว ก็ได้กล่าวเสียงทุ่มต่ำออกมา “ ศิษย์พี่หญิงหลิงเยวี่ยเพื่อที่จะสามารถเร่งความเร็วในการฟื้นฟู ก็อย่าได้กลัวที่จะเปลืองโอสถไปเลย พวกเราก็เข้าไปยังถ้ำหงส์หยาเถอะ หากว่ารั้งรอนานกว่านี้แล้วละก็ ก็ไม่ส่งผลดีต่อพวกเรา แต่ว่า การมาถ้ำหงส์หยาในครั้งนี้พวกเราก็นับได้ว่าได้ทำภารกิจสำนักได้เสร็จสิ้นแล้ว หากว่าสถานการณ์ทางด้านในมีอันใดไม่ถูกต้องแล้วละก็ สิ่งแรกที่พวกเราจะทำก็คือถอยจากไป แต่ก็เกรงว่าสถานะของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉานั้นจะไม่ง่ายดายเช่นนี้ “

 

หลังจากที่เงียบงัน ซูหยี่และพวกต่างก็เห็นด้วย กับคำพูดทั้งหมดของเยี่ยจง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือพวกเขาได้สำเร็จภารกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ถ้าเข้าสู่ถ้ำหงส์หยา ก็เพียงแค่เข้าไปเสี่ยงโชคเท่านั้น สามารถตักตวงได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น แต่ว่าเพียงเพื่อผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยแล้ว ถ้าสุดท้ายจะต้องมาทิ้งชีวิตน้อยๆไว้ในสถานที่เช่นนี้แล้วละก็ เช่นนั้นก็คงถือว่าไม่คุ้มค่าอยู่หลายส่วนเลย

 

“ ในเมื่อประชุมหารือกันแล้ว ก็ไปกันเถอะ “ เมื่อเห็นว่าคนอื่นไม่มีความเห็นเป็นอื่น ต่อมาเยี่ยจงก็ไม่ยอมเสียเวลาอีกต่อไป จากที่มองดูลัทธิมนต์ดำ หลังจากที่ยอดฝีมือของสำนักจ้าวหวังก็ได้เข้าไปสู่ถ้ำหงส์หยากันแล้ว เยี่ยจงก็โบกมืออย่างแรงคราหนึ่ง ผู้คนทั้งคณะก็ได้เข้าไปสู่กลางทะเลสาบ มุ่งตรงไปยังทางเข้าที่เป็นประตูเข้าสู่ถ้ำหงส์หยาเข้าไป

 

“ ซูม “

 

ทันทีที่ได้เข้าใกล้ทางเข้า ก็ได้แรงดึงดูดอันแปลกประหลาดสายหนึ่งมาในทันที ชักนำให้ผู้คนทั้งห้าคนเข้าไปด้านในบริเวณที่เป็นทางเข้าส่องสว่างขึ้นมาในเวลาเดียวกัน

 

เมื่อพบว่าเยี่ยจงและคณะเข้าไปแล้ว ยอดฝีมือที่หลงเหลืออยู่ในตอนนี้ก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป แต่ละคนเขาถ้ำหงส์หยาไปอย่างรวดเร็ว

 

ทว่าในช่วงที่เวลาผ่านไปได้ไม่นาน เมื่อก็ได้ยินเสียงสะท้อนมาจากยอดเขา ในตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนกลับกลายเป็นเงียบสงบไร้สุ่มเสียง ………

 

……

 

ในตอนที่เยี่ยจงและคณะได้เข้าสู่พื้นที่ทางเข้าที่เป็นเหมือนหลุมดำในวินาทีนั้น ความประหลาดสายหนึ่งก็ได้เคลื่อนไหวขึ้นมาหาอยู่ทางด้านข้างของพวกเขาในทันที เพียงแต่ว่าถ้ามิใช่ว่าเยี่ยจงมีระบบร่างกายการรับรู้ถึงภายในหลุมดำว่ามีพลังงานกฎเกณฑ์อย่างไรบ้าง ช่วงเวลายังไม่ทันจะผ่านพ้นไปถึงครึ่งนาที ทั่วทั้งสี่ทิศก็ได้เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมไปโดยสิ้นเชิง

 

ทันทีที่สายตามองเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าได้อย่างปกติ เยี่ยจงก็ได้ทอประกายตากวาดออกไป และจากนั้นเขาก็ได้สูดลมหายใจคำหนึ่งอย่างช้าๆด้วยความหวาดเสียว นัยน์ตาปรากฏไปด้วยความตื่นตะลึงสายหนึ่ง

 

ทุกสิ่งที่เข้ามายังสายตา เป็นเหมือนดินแดนที่ตายไปแล้วแห่งหนึ่ง แม้กระทั่งท้องฟ้าอันว่างเปล่าก็ยังไร้สีสัน ราวกับว่าไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆก็มิปาน

 

“ ที่นี้คือสถานที่อยู่ในถ้ำงั้นหรือ ที่แห่งนี้เป็นเหมือนดั่งดินแดนขนาดเล็กอีกแห่งเลยทีเดียว “

 

เยี่ยจงผู้ที่มาจากดินแดนซานเชียนเซินเจี่ย เมื่อก่อนที่มีพลังฝีมือสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เขามิใช่มิเคยเข้ามายังสถานที่เช่นนี้มาก่อน ดังนั้น จึงได้ลืมตาขึ้นทันที เขามองออกว่าที่แห่งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของถ้ำหงส์หยา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเหมือนดั่งดินแดนขนาดเล็กก็ตามที

 

แต่ว่า ต่อให้เป็นเช่นนั้น ภายในจิตใจของเยี่ยจงรู้สึกตระหนกอย่างไร้ที่เปรียบ นั้นก็เพราะว่าแม้แต่เขาก็ยังไม่ทราบช่วงเวลาที่ผ่านมาของดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้ผ่านไปเป็นอย่างไรกัน หากเป็นไปตามความคาดเดาของเยี่ยจง ขอเพียงแค่มีเวลาอีกเพียงแค่สิบปี เกรงว่าดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้คงจะต้องสาบสูญไปอย่างแน่นอน

 

แต่ว่ากล่าวกันโดยทั่วไปแล้วละก็ การมีอยู่ของดินแดนขนาดเล็กเช่นนี้ ความจริงแล้วในพันพันหมื่นหมื่นปี ไร้เดือนดาว ท่ามกลางดินแดนขนาดเล็กของถ้ำหงส์หยา สมัยก่อนคงต้องเคยเกิดการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ คงมิอาจที่จะสาบสูญไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้

 

“ ที่นี้เป็นถ้ำหงส์หยางั้นหรือ ? “ ซูหยี่ที่ยืนอยู่บริเวณด้านหลังของเยี่ยจง ก็ได้กล่าวพึมพำกับตนเองขึ้นมา

 

“ ไม่แปลกใจเลยที่ครั้งนี้รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาถึงได้ทุ่มลงทุนมากมายถึงขนาดนี้ ที่แท้ถ้ำหงส์หยาแห่งนี้ก็เป็นถึงดินแดนขนาดเล็กแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังใกล้ที่จะสาบสูญไปในเร็ววัน หรือกล่าวได้ว่า ในสถานที่แห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของใดที่ลี้ลับ ก็คงจะมีการป้องกันที่อ่อนแอลงเพราะใกล้จะสูญสิ้นไป ในครั้งนี้พวกเรานับได้ว่าตัดสินใจได้ประจวบเหมาะพอดี ไม่แน่ว่าการที่มาภายในถ้ำหงส์หยาครั้งนี้จะได้รับประโยชน์ไม่น้อย อาจจะเกินกว่าที่พวกเราคาดเดาเอาไว้ก็เป็นได้ “ เห็นได้ชัดว่าหลิงเยวี่ยมีความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ความเปลี่ยนแปลงไม่ธรรมดา หลังจากที่นางกวาดตาสำรวจทั่วทั้งสี่ทิศแล้ว ก็ได้เอ่ยปากกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“ ดินแดนขนาดเล็ก …… “ เฮ่อฟงและหลู่ปิงทั้งสองคนต่างก็ตกอยู่ในอาการตะลึงลาน กับสถานที่จำพวกนี้แล้ว ความจริงแล้วพวกเขาแทบจะไม่มีพลังฝีมือในการเข้าร่วมจึงจะถูกต้อง

 

“ ข้ายังคงขอยืนกรานคำเดิม หากพบว่าไม่ถูกต้อง พวกเราก็จะถอยไปทันที “ เยี่ยจงมิได้มีความดีอกดีใจจนเกินไปนัก หลังจากที่ขมวดคิ้วแล้วมองไปทั่วสี่ทิศ แล้วกล่าวด้วยเสียงอันดัง “ ถึงแม้จะเป็นเพราะว่าใกล้จะถึงสาบสูญของเวลา การป้องกันจะอ่อนแอลงก็ตาม แต่ว่า ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ดินแดนขนาดเล็กภายในนี้ก็ใช่ว่าจะสามารถอ่อนแอลงถึงขั้นใดกัน ? ในกลุ่มของพวกเราไม่มีแม้แต่ผู้เดียวที่ได้เข้าถึงขั้นก่อฟ้า ในสถานที่เช่นนี้ แทบจะไม่ต่างอันใดกับมดแมลงเลย “

 

“ อู “ หลังจากเงียบงัน ต่อให้เป็นหลิงเยวี่ยก็ยังต้องพยักหน้าอย่างช้าๆ ราวกับเห็นด้วยกับคำพูดทั้งหมดของเยี่ยจง ดังนั้นโอกาสแสวงหาสมบัติอันนับไม่ถ้วนจากการเข้าสู่ถ้ำหงส์หยาในครั้งนี้ แต่ถ้าหากว่าไม่ระวังแล้วละก็ ในคราต่อไปก็คงจะไม่อาจที่จะฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว

 

“ ในเมื่อเข้าใจกันแล้วละก็ เดินทางกันเถอะ อย่าได้เสียเวลากันอีกเลย ถึงแม้จะต้องระวังกันซักหน่อย แต่ว่าถ้าหากได้พบกับสมบัติแล้วละก็ ก็อย่าได้พลาดพลั้งไป พวกเรามิอาจที่จะมาอย่างสูญเปล่าได้ “ เยี่ยจงเลียริมฝีปากไปมา แล้วก็โบกมือ ผู้คนทั้งกลุ่มก็ได้พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ได้เข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่หกแล้ว เขาก็ยังต้องการที่จะตามหาโอสถส่วนหนึ่งไว้ใช้ฝึกปรืออีก และการที่จะทะลวงขึ้นสู่ขั้นต่อไปยังต้องใช้โอสถวิญญาณถึงสามชนิดเป็นอย่างน้อย

 

เหร่ยยิงเกว่อ(ผลไม้เสียงอัสนี),เชียนจีกู(กระดูกพันทวี) และ, หลิงเสียวซ่า (ทรายวิญญาณสวรรค์)

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset