เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 103 หุ่นเชิดสงคราม

ตอนที่ 103 หุ่นเชิดสงคราม

 

“ มีบางอย่างที่ดูไม่ถูกต้องนะ ……. “

 

หลังจากที่เวลาได้ผ่านเลยไปวินาทีแล้วนาทีเล่า เยี่ยจงก็ได้หรี่ตามองดูไปที่ด้านหน้าของห้องโถง สีหน้าเปลี่ยนเป็นหนักแน่นขึ้นมา สถานที่บำเพ็ญของยอดฝีมือขอบเขตเซียนผู้นี้ เขาไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าจะไม่มีอันใดจัดตั้งอยู่เลย ถึงแม้ว่าจะไม่มียอดฝีมือคนใดที่ต้องการให้หลังจากที่ตนเสียชีวิตไปแล้ว กระทั่งแม้แต่สมบัติต่างๆของตนเองหามาได้ยังต้องตกเป็นของผู้อื่น

 

นอกเสียจากเยี่ยจงแล้ว บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดที่กำลังนำหน้าอยู่บนหน้าม้าทั้งสามคน ตอนนี้ก็ได้ขมวดคิ้วเบาๆ หากว่าประตูเหล็กเงินขนาดใหญ่นี้ไม่มีการป้องกันหรือรอยประทับแล้วละก็ เกรงว่าคนเหล่านี้คงลงมือไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่าในตอนนี้กลับต่างก็ไม่ทำอะไร ในทางกลับกันยังคงสงสัยผู้อื่นอยู่ ในเวลานี้ไม่ทราบว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่

 

เพียงแต่ว่า ต่อให้เป็นเช่นนี้แล้ว จิตใจของคนเราก็ยังคงมีขีดจำกัด ในช่วงเวลาไม่นานยังไม่ทันผ่านพ้นหนึ่งชั่วยาม ในขณะที่สถานที่แห่งนี้ผู้คนยิ่งมายิ่งมากยิ่งขึ้น ผู้ที่อยู่บนหลังม้าทั้งที่อยู่หน้าสุดทั้งสามคนก็รอไม่ไหว ตอนนี้พวกเขานับได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในที่แห่งนี้ แต่ว่าถ้าหากมีคนมากเกินไปแล้วละก็ พวกเขาก็มิอาจที่จะรับรองการกอบโกยสมบัติของตนเองได้

 

ดังนั้น ในขณะนี้ เหลียนคายหยู่ สี่กองกำลังโลหิต ยังมีหญิงสาวชุดแดง นัยน์ตาต่างก็ปกคลุมไปด้วยความรู้สึกที่อยากจะท้าทายออกมา

 

เยี่ยจงสังเกตเห็นความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของพวกเขา นัยน์ตาก็ขยับเล็กน้อย หลังจากที่ครุ่นคิด ก็ได้หยั้งเชิงไว้เล็กน้อยคราหนึ่ง

 

บริเวณทางด้านหน้า คุณชายควางโซวเหลียนคายหยู่ก็เป็นบุคคลแรกที่อดทนไว้ไม่อยู่ เขาหัวเราะเสียงเย็นชาคำหนึ่ง ร่างกายก็ขยับอย่างกะทันหันคราหนึ่ง แล้วได้มายังประตูเหล็กเงินขนาดใหญ่เบื้องหน้า จากนั้นก็ใช้มือผลักออกไป

 

“ อิ๊ดอ๊าด “

 

ในเมื่อเกินกว่าการคาดการณ์ของทุกผู้คนไปแล้ว จนกระทั่งเขาได้ใช้มือแตะออกไป ส่วนนูนๆเว้าๆบนประตูเหล็กเงินขนาดใหญ่ก็ได้ค่อยๆที่จะแยกออกมาจากกัน ปรากฏทางสายหนึ่งที่มืดมิดออกมา

 

ในช่วงเวลาที่ผู้คนมากมายกำลังจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้าด้วยความตกใจ ดวงตาของเยี่ยจงก็ได้หดตัวลง กล่าวเสียงแผ่วเบา “ ระวังกันไว้หน่อย ทางด้านในดูเหมือนจะมีบางอย่างอยู่ “

 

“ คืออันใดกัน ? “ หลิงเยวี่ยขมวดคิ้วถาม

 

“ ไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ว่าจากการเคลื่อนไหวอันแปลกประหลาด ……. หากว่าไม่ระวังซักหน่อยแล้วละก็ ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะต้องพลาดท่าได้ “ หลังจากที่เยี่ยจงครุ่นคิดแล้ว ก็ค่อยตอบกลับมาเสียงแผ่วเบา

 

จากประสบการณ์ที่สะสมมาอย่างยาวนานก็ได้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอันตรายชนิดหนึ่งได้ด้วยตนเอง ในตอนนี้เขาถึงแม้จะไม่ทราบว่าเป็นอันใด แต่ว่าอันตรายในคราวนี้นั้นก็เหมือนกับเอาคอไปพาดไว้กับคมดาบก็มิปาน ทำให้ยากที่จะวางใจได้

 

เมื่อพบเห็นเยี่ยจงและหลิงเยวี่ยเคร่งเครียดขึ้นเช่นนี้ หลังจากที่ซูหยี่และพวกทั้งสามคนก็ได้สบตากัน แต่ละคนก็ได้เตรียมตัวเตรียมใจ ถึงแม้ว่าทุกคนจะทราบดีอยู่แล้ว ในสถานที่เช่นนี้หากว่าประมาทไปเพียงเสี้ยวเดียวแล้วละก็ เช่นนี้ก็คงจะไม่ต่างจากการทิ้งชีวิตน้อยๆของตนเองไว้ในที่แห่งนี้เลย

 

“ เอี๊ยด “

 

ในช่วงเวลาที่เยี่ยจงและพรรคพวกกำลังเตรียมการอยู่ เส้นทางมืดมิดหลังประตูเหล็กเงินขนาดใหญ่นี้ จู่ๆก็ได้มีเสียงแสบแก้วหูดังออกมาอย่างแปลกประหลาด เสียงนี้ได้ทำให้เหลียนคายหยู่ต้องขยับเล็กน้อย ต่อมาเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะถอยไปทางด้านหลังราวสิบก้าวได้ จากนั้นก็ได้ขมวดคิ้วจ้องมองไปเงาร่างสีดำทางด้านที่กำลังเดินออกมาจากประตูแห่งนี้

 

“ เอี๊ยด “

 

หลังจากที่เสียงดังขึ้นสิ้นสุดลง ทันใดนั้น ก็พบว่าท่ามกลางประตูอันมืดมิดนี้ ก็ได้มาเงาร่างสีเทาออกมาเป็นขบวนอย่างช้าๆ และทันทีที่ปรากฏตัวออกมา ผู้คนทั้งหมดก็ต้องกรอกตาไปมาทันที

 

เงาร่างที่เหมือนคนสายนี้ มีเพียงแค่ใบหน้าที่เป็นสีน้ำตาล เป็นที่ชัดเจนว่าเป็นเครื่องจักรที่ไร้ชีวิตไปแต่แรก แต่ว่าดวงตาอันขาวโพลนก็ได้ปรากฏรังสีการฆ่าฟันออกมาอย่างช้าๆ ทำให้ผู้คนตื่นตกใจอย่างถึงที่สุด

 

ทันทีที่ปรากฏตัวออกมา นัยน์ตาของเงาร่างสายหนึ่งราวกับได้มองเห็นร่างของเหลียนคายหยู่ ทันใดนั้นเอง ก็ได้ขยับร่างกายคราหนึ่ง ก็ได้พุ่งปะทะเข้าหาหมายสังหารเหลียนคายหยู่

 

“ เปรี้ยง “

 

ทันใดนั้นเอง เหลียนคายหยู่ก็ตัดสินใจที่จะใช้ออกด้วยพลังหมัดเข้าปะทะ จากนั้นร่างกายก็ได้สั่นเทาคราหนึ่ง หลังจากได้ที่ปะทะกันแล้วก็ได้ถอยหลังไปราวสิบก้าว และทุกๆก้าวของเขาที่ได้เหยียบลง บนพื้นก็ได้ปรากฏรอยฝ่าเท้าจมลึกออกมา

 

หลังจากที่ได้ตั้งหลักแล้ว เหลียนคายหยู่ก็ได้เงยหน้าขึ้น ทันทีที่มองเห็นเงาร่างนั้นอยู่ในสายตา ก็สัมผัสได้ถึงรสชาติที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว เงาร่างนี้ได้ใช้ออกด้วยกระบวนท่าอันง่ายดาย ถึงกับสามารถใช้ออกด้วยพลังขนาดนี้ ? ในด้านพละกำลัง เกรงว่าคงจะเทียบเท่าได้กับยอดฝีมือที่ฝึกปรือถึงขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดไปแล้ว ?

 

“ นี้คือ ….. “

 

ในตอนนี้เยี่ยจงก็ได้มองเห็นเงาร่างสายนี้อย่างชัดเจน ดวงตาหดเล็กลงเล็กน้อย

 

“ หุ่นเชิดสงคราม น่าจะเป็นการใช้เลือดเนื้อของยอดฝีมือในระดับขั้นที่หนึ่งมาเพื่อสร้างขึ้นจนกลายเป็นหุ่นเชิดสงครามเช่นนี้ พลังฝีมือเช่นนี้ มีเพียงแค่เหล่าสำนักมนต์ตราเท่านั้นที่เคยพบเจอ “ หลิงเยวี่ยในตอนนี้ได้ส่งเสียงออกมาอย่างเคร่งเครียด ทว่าในน้ำเสียงของนางเองก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศอันหนักแน่นขึ้น เป็นที่ชัดเจนว่า การใช้ยอดฝีมือในการสร้างหุ่นเชิดสงคราม แน่นอนว่าต้องมิใช่สิ่งที่ปกติธรรมดาอย่างแน่นอน

 

“ ยังดีที่ยังเป็นแค่ระดับขั้นที่หนึ่ง ยังพอที่จะต่อกรได้ง่ายหน่อย ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ เกรงพวกเราก็คง ……… “

 

หลิงเยวี่ยถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยความยินดีอยู่หลายส่วน เพียงแต่ว่า คำพูดของนางยังไม่ทันที่จะกล่าวจบก็ได้ยินเสียงเดินของเท้าดังออกมาจากบริเวณทางเข้าของประตู ช่วงเวลาเพียงแค่หนึ่งถ้วยน้ำชาเดือด ก็ได้พบกับหุ่นเชิดสงครามปรากฏเพิ่มขึ้นมาอีกสี่ตัวบริเวณด้านนอกของทางเข้าของประตู

 

หุ่นเชิดสงครามห้าตัว อีกทั้งกับพลังฝีมือเหล่านี้ของหุ่นเชิดสงคราม ที่สามารถเทียบได้กับยอดฝีมือที่ฝึกปรืออยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่เจ็ด

 

ในขณะเดียวกัน ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนท่ามกลางสนามแห่งนี้ก็ได้หน้าเปลี่ยนสีโดยพร้อมกัน ใบหน้าปรากฏเค้าโครงปั้นยากขึ้นมา

 

หุ่นเชิดสงครามที่ได้แสดงพลังในการต่อสู้ออกมาเมื่อครู่ มีผู้คนไม่น้อยที่เข้าใจอย่างดี อีกทั้งในครั้งนี้ยังมีหุ่นเชิดสงครามถึงห้าตัว ฉากเบื้องหน้านี้คงจะ ……..

 

“ ให้ตายเถอะ “ เหลียนคายหนิงกัดฟันดังกรอด จ้องเขม็งไปที่หุ่นเชิดสงครามทั้งห้า หากว่าไม่มีพวกนี้แล้วละก็ พลังฝีมือเช่นเขานั้นก็ใช่ว่าจะเกรงกลัวแต่อย่างไร แต่ว่าหุ่นเชิดสงครามในสนามตอนนี้ได้มีถึงห้าตัว เช่นนั้นต่อให้เหลียนคายหยู่มีความเชื่อมั่นในตัวเองมากกว่านี้ ก็ยังคิดหาวิธีในการจัดการกับปัญหาทางเกิดขึ้นทางด้านหน้ามิได้เช่นกัน

 

“ ที่แท้ก็เป็นหุ่นเชิดสงคราม ? “

 

ในเวลาเดียวกันนี้ ทางด้านหน้าของห้องโถงใหญ่ก็ได้มีเสียงกลุ่มหนึ่งดังขึ้นมา เป็นที่แน่ชัดว่าผู้คนที่มาถึงสนามแห่งนี้ได้สามารถที่จะเรียกได้ว่าต่างก็ไม่ธรรมดา มีผู้คนไม่น้อยที่มองออกถึงความเป็นมาของหุ่นเชิดสงครามทั้งห้าตัว

 

“ ทุกท่าน เท่าที่เห็นมาแล้ว หากคิดว่าท่ามกลางห้องโถงใหญ่มีสมบัติแล้วละก็ ในด่านนี้คงจะต้องขอให้ทุกคนช่วยกันลงมือแล้ว ถ้าสามารถจัดการกับเหล่าหุ่นเชิดสงครามเหล่านี้ได้ จึงจะสามารถเปิดไปสู่เส้นทางต่อไปได้ “ หญิงสาวชุดแดงยิ้มออกมาแล้วกล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน

 

“ ที่แม่นางกล่าวมาก็คือ หากว่าในเวลานี้ไม่ร่วมมือกันแล้วละก็ เกรงว่าทุกคนจะไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้เข้าไปยังห้องโถงใหญ่งั้นหรือ “ หลังจากที่เหลียนคายหยู่ครุ่นคิด ก็ได้ปากสั่นเทา กล่าวออกมา

 

หลังจากที่เงียบงัน ก็ได้มองสำรวจยอดฝีมือที่รอบด้านคราหนึ่ง มีผู้คนไม่น้อยเลยที่เปลี่ยนเป็นอยากจะลองทดสอบดู อีกทั้งยังมีผู้คนไม่น้อยที่เข้ามายังถ้ำหงส์หยาแล้วยังไม่ได้รับสมบัติใดๆอีกด้วย และในบริเวณอารามแห่งนี้ ถ้ามองไปมุมของพวกเขาแล้วก็นับได้ว่าเต็มใจเต็มสิบส่วน

 

“ กล่าวแล้วเหมือนง่ายดาย แต่ว่าจะจัดการกับกายทิพอย่างไร ? คงมิใช่สามารถแบ่งให้ทุกคนไปได้หรอกนะ ? “ ท่ามกลางคนในกลุ่มเอ่ยถามออกมา

 

“ เหอะ ในข้อนี้นับว่าถามได้ดี เอาอย่างนี้ พวกเราแห่งเกาะหมอกควันจะรับผิดชอบกับหุ่นเชิดสงครามหนึ่งตัว และโรงฝึกจ้านหวัง สำนักจ้าวหวังยังมีลัทธิแห่งเดวงดาว ก็ต่อกรกับหุ่นเชิดสงครามกันไปคนละตัว และตัวสุดท้าย ก็เหลือไว้ให้ทุกท่านร่วมมือกัน ดีหรือไม่ ? “ หญิงสาวชุดแดงที่มาจากเกาะหมอกควันผู้นั้นยิ้มแล้วกล่าวออกมา

 

หลังจากที่เงียบงัน หลังจากที่ยอดฝีมือไม่น้อยมองสบตากัน ต่างก็พยักหน้าเบาๆ หญิงสาวนางนี้นับได้ว่าแบ่งได้อย่างยุติธรรมที่สุด

 

แต่ว่าบริเวณที่โรงฝึกจ้านหวังและสำนักจ้าวหวัง ยอดฝีมือเหล่านั้นกลับต้องเชิดคิ้วไปมาเบาๆ

 

เยี่ยจงก็แบะปากออกมา กล่าวเสียดังกังวาน “ ท่านหญิงผู้นี้ก็ให้เกียรติกันเกินไปแล้ว เพียงแค่คำพูดเดียวก็สามารถทำให้ลากผู้คนทั้งหมดลงน้ำได้ เกรงว่า ร่วมมือกันนั้นอาจจะไม่จริง เกรงว่าเรื่องที่จะสิ้นเปลืองแรงของเรานั้นจะเป็นเรื่องจริง “

 

“ ทว่าหากว่าพวกเราไม่ลงมือแล้วละก็ ถ้าต้องพึ่งพาเหล่าทหารที่ใช้สู้รบเพียงถ่ายเดียวจะใช่ว่าจะเป็นวิธีจัดการกับเหตุการณ์เบื้องหน้าได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเรายังไงก็ต้องเข้าไปด้านในอยู่ดี “ ซูหยี่ขมวดคิ้วแล้วกล่าวออกมา

 

เยี่ยจงทราบดีว่าที่ซูหยี่นั้นกล่าวมาก็มิผิด เพียงแต่ว่าการถูกผู้อื่นใช้งานนั้นก็เป็นความรู้สึกที่ไม่สบอารมณ์อยู่หลายส่วนเช่นกัน

 

หลังจากที่ได้ทอประกายสายตาอันลึกซึ้งมองไปที่หญิงสาวชุดแดงแล้ว เยี่ยจงก็ตอบ “ เกาะหมอกควันนี้มีความเป็นมาอย่างไรกัน ? “

 

“ ถ้าเป็นด้านความแข็งแกร่งข้าก็ไม่เคยได้ยินมาเหมือนกัน แต่ว่า หญิงสาวชุดแดงผู้นี้เมื่อมีความมั่นใจถึงเพียงนี้ ยังไงเสียก็ยังคงมีความเชื่อมั่นอยู่อย่างเต็มอก “ หลิงเยวี่ยตอบ

 

“ อือ ในช่วงเวลาที่ลงมือก็ระวังกันหน่อยดีกว่า ครั้งนี้พวกเราร่วมมือกันห้าคนแล้ว อย่างน้อยก็สามารถที่จะกำจัดจุดอ่อนอยู่ส่วนหนึ่งได้ “ ถึงแม้จะตนเองจะทราบว่าได้ทำลายหน้าตาของหญิงสาวชุดแดงแล้ว แต่ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เยี่ยจงก็คิดไม่ถึงฝืนใจผู้อื่นอีก หลังจากที่ครุ่นคิด ก็ค่อยเอ่ยปากกล่าวออกมา

 

“ อือ “ ที่เหลืออีกสี่คนก็พยักหน้าเบาๆ การเก็บออมพลังไว้ในตอนนี้จึงถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ

 

“ ในเมื่อทุกคนไม่มีความเห็นเป็นอื่น งั้นก็ลงมือเถอะ “

 

หญิงสาวชุดแดงพบว่าผู้คนในสนามไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นางก็ได้ร้องเฮ้ออย่างแงงอนคำหนึ่ง และจากนั้นก็เป็นเงาร่างสายแรกที่พุ่งตัวออกไป มุ่งหน้าไปทางด้านหุ่นเชิดสงครามที่อยู่ไม่ไกลจากนางเข้าไป

 

เมื่อพบว่านางได้เริ่มเคลื่อนไหว ยอดฝีมือของสำนักจ้าวหวังนั้นและโรงฝึกจ้านหวังก็ได้ขมวดคิ้วขึ้น แล้วก็ได้พุ่งตัวออกไปในทันที

 

“ พวกเราก็ไปกัน “

 

เยี่ยจงโบกมือคราหนึ่ง ในขณะนั้นกลุ่มทั้งห้าคนก็ได้มุ่งหน้าเข้าทะลวงไปยังบริเวณที่มีหุ่นเชิดสงครามตัวหนึ่งเข้าไป จากนั้นก็ใช้ออกด้วยพลังอันแข็งแกร่งโจมตีออกไป

 

“ เพล้ง เพล้ง เพล้ง “

 

บริเวณทางด้านหลัง ยอดฝีมือมากมายต่างก็มุ่งหน้าลงมือเข้าหาหุ่นเชิดสงครามตัวสุดท้ายในทันที วินาทีนั้น ทักษะยุทธ์ได้ถึงใช้ออกมาเป็นสายพัลวัน ทักษะยุทธ์เหล่านี้มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอแตกต่างกัน แต่ว่าถ้าถูกใช้ออกมาด้วยยอดฝีมือจำนวนมากด้วยกัน เสียงที่ดังออกมาเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตกใจได้อย่างขีดสุด

 

เพียงแค่ชั่วเวลาสั่นๆ ทั่วทั้งสนามก็ได้มีวุ่นวายจากการต่อสู้ขึ้นมา ทั้งห้ากลุ่มได้ต่อสู้กันจนวุ่นวายเป็นพัลวันด้วยกัน ได้มีการปะทุของพลังออกมาอย่างน่าหวาดกลัว

 

ทว่าการต่อสู้มิได้เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ ถึงแม้หุ่นเชิดสงครามสร้างความยุ่งยากให้ได้มาก แต่ว่าถ้าผู้คนมากมายลงมือแล้วละก็ ยังไงก็มีแต่ต้องถอยเท่านั้น

 

“ เปรี้ยง “

 

หญิงสาวชุดแดงสะบัดมือคราหนึ่ง ก็ได้จัดการกับหุ่นเชิดสงครามที่ด้านหน้าไป และจากนั้นก็หัวเราะเสียงเย้ายวนดังออกมา “ เรื่องราวต่อจากนี้ คงต้องรบกวนทุกท่านแล้ว “

 

หลังจากที่สิ้นเสียง นางก็โบกมือคราหนึ่ง ก็ได้นำพาเหล่ายอดฝีมือมากมายทะลวงเข้าไปยังท่ามกลางห้องโถงใหญ่

 

“ พวกเราก็ไป “

 

เมื่อเห็นฉากเบื้องหน้า เยี่ยจงก็หรี่ตามองดูเล็กน้อย ในขณะเดียวกันบนฝ่ามือที่ปกคลุมด้วยพลังกระบี่ตราประทับชั้นที่หก ก็ได้เสือกปะทะเข้าบนหน้าอกของหุ่นเชิดสงคราม เขาก็ได้สะบัดมือคราหนึ่ง วินาทีที่คณะทั้งห้าคนได้ทะลวงเข้าไปยังห้องโถงใหญ่อย่างรวดเร็ว ……..

 

“ ไป “

 

เมื่อได้เห็นฉากเบื้องหน้านี้ ยอดฝีมือของสำนักจ้าวหวังและโรงฝึกจ้านหวังก็ไม่รอช้า ใช้ออกด้วยพลังทั้งมวล เผชิญหน้าจัดการกับหุ่นเชิดสงครามแล้ว ร่างกายก็ได้พุ่งทะยานออกไป ……..

 

เป็นที่ชัดเจน ทุกคนต่างก็ทราบดี การแย่งชิงที่แท้จริงในครั้งนี้พึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

.

.

.

.

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset